วันที่ 3 : หมู่บ้านโบราณอู่ไหล ไทเป ซีเหมินติง Cheers Hotel เชียนเย้ชาบู คิตตี้คาเฟ่ต์ บาบี้คาเฟ่ต์
หลังจากที่ถึงอู่ไหลเราก็เข้าเช็คอินกันตอนดึกสามทุ่มกว่าแหนะ ถึงที่แล้วก็ไม่นอนกันถ่ายรูปกันอย่างบ้าคลั่งทั้งห้องนอนอ่างออนเซ็น ห้องซาวนาร์เล็กๆของที่รีสอร์ทนี้เค้าน่ารักจริงๆค่ะหลังจากนั้นก็สรุปรวบยอดรีวิวของวันนั้นกันค่ะว่าเรามีไปไหนบ้างอะไรอย่างไรแล้วก็แช่น้ำออนเซ็นกันหลังจากนั้นก็นอน คร่อกๆ

เช้าวันที่ 3 ตื่นกันอย่างงัวเงียสายๆลงมาทานข้าวตอน 9 โมงครึ่งฝนตกเปาะแปะๆทำให้เราเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆระหว่างทางลงจากรีสอร์ทเราก็ได้พบกับดอกซากุระระหว่างทางตอนขาลงค่ะ


รถของรีสอร์ทเอาเรามาจอดที่จุดชมวิวซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่อู่ไหลค่ะโดยเป็นเส้นทางเดินตามไหล่ทางเห็นน้ำตกใกล้ๆเลยก็ว่าได้ทุกคนเริงร่าสุดๆถึงแมจะต้องเจอกับฝนตกแฉะๆเปาะแปะๆ จริงๆแล้วที่อู่ไหลก็มีหมู่บ้านวัฒนธรรมคล้ายๆกับหมุ่บ้านวัฒนธรรม9 ชนเผ่าที่ทะเลสาบสุริยันจันทราค่ะแต่รอบนี้เราเพิ่งรู้ว่ามันมีเลยไม่ได้วางแพลนไว้ว่าจะเข้าไปเที่ยวที่นั่นค่ะซึ่งต้องนั่งกระเช้าขึ้นไปอีก ผ่านหมอกและภูเขาดูสงบสบายดีอ่ะธารน้ำตกที่ไหลลงไปนั้นด้านล่างเป็นน้ำพุร้อนซะด้วยสิ เดินไปเดินมาก็เดินหลงทางเพราะถ้ามุ่งตรงไปตามทางที่ต้องการจะไปมันจะเป็นทางรถวิ่งเฮ้ยแล้วจะไปยังไงอ้ะ เราก็เดินถามร้านรวงพยายามใช้ภาษาอังกฤษก็เลยได้ความว่าให้เดินตรงไปอีกทางจะมีรถรางแล้วพาคุณเดินที่ถนนคนเดินได้เอาล่ะก็เดินตามเค้าบอก อ้ะๆ แต่ก่อนจะไปที่ขายตั๋วรถรางเราแวะร้านไส้กรอกหมูป่าถึงแม้ฝนจะตกแต่ก็ไม่เคยปราณีความหิวของเราไปได้เลย แวะซื้อทาน 1 ไม้แบ่งกันกิน อร่อยยค้าบฟันเฟิร์มต้องกินบนเขาก็จะได้รสชาดแบบพื้นเมืองจริงๆและแล้วก็มานั่งรถรางกันค่ะ

แมวที่นี่ปุกปุยน่ารักน่าจับกอดจริงเชียว

ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ แถมลมพัดน้ำจากน้ำตกก็ซัดมาที่เรา

ไส้กรอกอร่อยมากอ่ะ

คุณน้องคะ...ด้านหลังถ้าจมูกโด่งอีกนิดนี่หล่อเลยล่ะ

เวลาเปิด-ปิดตามรูปภาพได้เลย ซื้อตั๋วประมาณ 50 เหรียญค่ะใช้เหรียญ 50 ในกระเป๋าเอาออกไปได้สบายๆ นั่งชมวิวธรรมชาติแบบใกล้ชิดนั่งมาประมณ 5-10นาทีก็ถึงที่หมายเรียบร้อยเดินลัดเลาะลงมาเรื่อยๆก็แวะพักจิบกาแฟโอวัลตินกันที่คาเฟ่ต์ก่อนลงไปด้านล่างบรรยากาศสบ้ายสบายน่านั่งชิลๆเอาอะไรมาเขียนเล่น สมุดมานั่งสเก็ตภาพสะพานและแม่น้ำที่เป็นน้ำพุร้อนกันเลยทีเดียว

ข้อมูล

น้ำตกที่อู่ไหลชื่อ น้ำตกหนันซื่อ (Nanshin)มีความสูง80 เมตร อู่ไหล เป็นภาษาพื้นเมืองของชาวเผ่าไทยาแปลว่าน้ำพุร้อนค่ะหลายๆท่านอาจจะเคยอ่านตามหนังสือเจอว่าน้ำพุร้อนก็ไปที่ เป่ยโถวได้ จริงๆที่นี่ก็ใกล้ไทเปมากเช่นกันค่ะการเดินทางลองติดตามอ่านดูจากรีวิวก่อนหน้านะคะมาง่ายมากจ้า

รัตน์มองไปไกลๆเจอคนนั่งแช่เท้าอยู่ด้วยค่ะ

ฝนตกเลนอีฉันมัวไปหมดโฟกัสอะไรไม่ติดซักอย่าง


จุดเด่นที่สวยงามของที่นี่คงไม่แพ้เรื่องของบ่อน้ำพุร้อนออนเซ็นธรรมชาติที่ใครก็สามารถลงไปแช่เท้าจุ่มเท้ากันได้ค่ะ คุณเก๋แกบอกว่า “ถ้ามาอู่ไหลธรรมดาเท้านิ่มอย่างเดียวแต่ถ้าได้พักซักคืน ทั้งตัวก็จะนิ่มและสวยไปทั่วค่ะ เพราะได้แช่ทั้งคืนเลย” มาถ่ายสะพานเป็นวิวที่ค่อนข้างสวยเลยค่ะแนะนำไปถ่ายจากร้านกาแฟนะคะจะสวยกว่าเดิม อิอิเราเดินข้ามสะพานสีแดงมาจนถึงตลาดของอู่ไหลซึ่งมีของกินขายข้างทางอยู่มากมายให้เห็นอยู่ค่ะมีไข่ต้มออนเซ็น ไข่ต้มต่างๆ แต่ขอบอกลองชิมแล้วที่ทะเลสาบเด็ดสุดค่ะมีขายอาหารข้างทาง ของโบราณ ร้านขายของเล่น ที่นี่ของขึ้นชื่อคือไส้กรอกหมูป่าค่ะที่มีให้เห็นอยู่มากมายร้านเจ้าเด็ดในดวงใจพวกเราในทริปคงหนีไม่พ้น Bar BQ หมูป่าที่เจ้าของร้านเค้ามาพร้อมลีลาท่าเต้นสุดสวิงในการโชว์ทำบาบีคิวหมูป่าแบบจี๊ดๆเรียกเสียงฮือฮาได้จากผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาได้ดีซึ่งเจ้าของร้านเค้าก็แต่งตัวเป็นชนเผ่าพื้นเมืองตัวอีกต่างหากค่ะระหว่างทางรัตน์ก็เดินสำรวจไปเรื่อยๆที่นี่นอกจากจะมีอาหารให้ทานแล้วยังมีโรงแรมเล็กๆที่ให้ค้างคืนแช่น้ำพุร้อนกันด้วยทั้งแบบรายวัน หรือจะค้างคืนเอาก็ได้อ้อที่นี่ยังมีน้องหมาตัวสีดำค่อนข้างมากด้วยค่ะก็ยังคงเป็นปริศนาต่อไปว่าทำไมหมานอยตัวสีดำขนปุกปุยถึงเยอะจังซึ่งถ้าดูรูปปั้นที่แถวน้ำตกหนันซื่อแล้วก็จะเห็นว่ารูปปั้นชนเผ่าเค้าจะยืนอยู่คู่กับน้องหมาสีดำและหมาน้อยหลากหลายสายพันธุ์ที่คนไต้หวันเค้าจะชอบเลี้ยงกันมากมายมีเยอะเลยค่ะเดินมาอีกซักแป๊บเจอร้านนึงนำน้องหมูป่ามาแผ่เหมือนหมูย่างอยู่ที่หน้าร้าน T__Tนี่แหละน้องหมูที่เราได้ทานไส้กรอกไปสาธุ ด้วยความที่ฝนตกสภาพอากาศไม่ค่อยจะอำนวยเท่าไหร่ แต่เราก็เดินไปเดินมาของเราจนถึงป้ายรถบัสอู่ไหลที่เรามาถึงเมื่อวานระหว่างที่เราเดินๆอยู่ใกล้จะถึงป้ายรถบัสนั้นก็มีเสียงรถขยะร้อง วี๊หวู่ๆๆคนก็วิ่งออกมาจากไหนไม่รู้พร้อมถุงขยะต่อแถวกันเป็นระเบียบเรียบร้อยเพื่อรอทิ้งขยะค่ะใครเคยสังเกตบ้างมั้ยคะว่าที่ไต้หวันจะไม่มีถังขยะรวม ใครอยากจะทิ้งขยะเค้าก็ต้องรอรถขยะออกมาแล้วต่อแถวทิ้งขยะกันค่ะ


หลังจากนั้นก็ถึงเวลาของเราที่จะเข้าไปแอ่วตัวเมืองไทเปกันแล้วล่ะจ้าโทรเรียกเอากระเป๋าจาก Mulan Country Villa คุณลุงเจ้าของก็นำมาให้เราเหมือนเดิมค่ะขนมาเพียบกระเป๋าหนักโคตรๆของทุกๆคน รถ 849 ก็ออกพอดี ก็เลยได้ขึ้นรถพอดีเลยค่ะนั่งรถออกจากอู่ไหลถึงไทเปก็ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็ถึงสถานีXindian ที่ไทเปแล้วค่ะ จากนั้นก็นั่งรถไฟใต้ดินไปที่ซีเหมินติงกันซึ่งเป็นสถานที่พักคินแรกของเราที่ไทเป คือ Cheers Hotel รัตน์จองโรงแรมนี้ผ่านBooking.com ซึ่งต่อคืนสำหรับห้อง 6 คนก็ไม่แพงมากค่ะ ห้องคืนละ 3,800 เหรียญขึ้นจากสถานีใต้ดินก็เดินกันนิดหน่อยจากใต้ดินไปที่โรงแรมเราก็ลากกระเป๋าเราเดินกันไปที่โรงแรมเป็นซอกเป็นซอยเยอะมากเดินมาประมาณ 15 นาทีก็ถึงโรงแรมของเราค่ะ ดีใจกันโคตรๆเพราะว่า ฝนตกเดินลากกระเป๋าหนักตามถนน ก็ยื่นเอกสารให้ทางโรงแรมแต่สิ่งที่เราเจอคือทางโรงแรมบอกว่าห้องพักของเรานั้นอยู่อีกตึกนึงซึ่งจริงๆก็อยู่เลยไป3 บล็อกเท่านั้น !!! ยังไม่หมดเท่านี้ ห้องพักของเราอยู่ที่ชั้น 3ค่ะซึ่งไม่มีแม้แต่ลิฟต์แง้ ลากกระเป๋ามาหนักโคตรจะหนักค่ะ(ซึ่งเราพักแค่ 1 คืนเท่านั้นและอีก 2 คืนจะไปพักที่ Taipei Main Station) เอาล่ะวาร์ปมาเรื่อยๆจนถึงเราลากกระเป๋าขึ้นห้องมาได้หอบแฮ่กๆเลยทีเดียวห้องก็ไม่มีอะไรค่ะ มีฟูกอยู่ที่พื้น 3 ฟูกขนาด King size เต็มห้องห้องน้ำ 1 ห้อง โซฟาใหญ่ 1 ตัว ทีวี มีผ้าเช็ดตัวให้ด้วยนะ หึหึห้องน้ำเป็นแบบฝักบัวเหมือนเดิมก็กว้างขวางดีค่ะ หลังจากเก็บกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยของรัตน์เยอะมากมายเราก็ไปเดินแอ่วซีเหมินติงกันค่ะ

ซีเหมินติงมีอะไรเที่ยว แยกรีวิวมาตรงนี้นะคะ


ด้วยสภาพอากาศที่ไม่อำนวยเท่าไหร่เราก็ได้เดินที่ซีเหมินติงเล็กน้อยและด้วยความที่ที่ซีเหมินติงปิด5 ทุ่มเลยไม่ซีเรียสเรื่องเวลาเดินเล่นที่นี่กันเท่าไหร่ค่ะเรามีภาระกิจกันวันนี้คือที่ Barbie Café และที่ Kitty Café ซึ่งทั้งสองที่นั้นอยู่ไม่ไกลกันมากค่ะ เราออกจากซีเหมินติงนั่งรถใต้ดินสายสีน้ำเงินที่มุ่งหน้าไปยัง Nangang เพื่อไปลงที่สถานีZhongxiao Fuxing ออกทางออกที่ 3 ง่ายๆออกมาปุ๊บจะเจอห้าง SOGO ออกมาปุ๊บก็เดินตรงมาเรื่อยๆแล้วเลี้ยวขวาเรามาส่งเด็กๆสองคนมาที่ร้าน Kitty Café ก่อนเพราะกระเพาะของเราคงรับอาหารได้ไม่หมดเลยแยกกันทำภาระกิจมาให้เพื่อนๆกันค่ะส่วนรัตน์และคุณเก๋ไปที่ Barbie Café กันค่ะซึ่งออกสถานีเดียวกับคิตตี้แต่ทางออกให้เดินต่อเรื่อยๆค่ะหา Mall ข้างล่างคือเราต้องออกทางออก 14 นะคะเดินออกมาจากทางออก14 ปุ๊บ จ้ะเอ๋กับ Barbie Café ซึ่งยึกครองชั้น 2 ของตึกไปหมดเลยค่ะใครที่ไม่ชอบมากับแฟนหรือยังไงก็สามารถไปนั่งรอที่ร้านสตาร์บัคข้างล่างได้ค่ะ 555+แบบพี่แอร์บอกไม่ใช่แนวเพ่นะ

Barbie Café

มาเริ่มจากบาบี้คาเฟ่ต์ค่ะ เราขึ้นไปบาบี้คาเฟ่ต์บอก 2 ที่ ก็ได้ที่นั่งเลยค่ไม่ต้องเข้าแถวรอเลยใครจะมานั่งรอแฟนก็ขึ้นมาที่นี่ได้นะคะมีที่นั่งรอ ด้านหน้าเป็นตู้เค้กและมีจำหน่ายสินค้าของบาบี้อยู่บ้างค่ะ ด้านในร้านสามารถจุคนได้ค่อนข้างเยอะเพดานเตี้ยไปหน่อยนะ สำหรับรัตน์คนตัวสูง(ให้นึกถึงถ้าพาแฟนผู้ชายมาผู้ชายคงรู้สึกอึดอัดตั้งแต่ร้านสีชมพู และเพดานเตี้ย ทุกอย่างพิงกี้ไปหมดเค้าคงจะรู้สึกอึดอัดนิดหน่อยนะคะ) ส่วนตัวไม่ใช่คนชอบสีชมพู พิ้งกี้จ๋าอะไรแต่ชอบดูบาบี้สะสมหนังบาบี้(เฮ้ยนี่โตเป็นฟายแล้วนะยังไม่เลิกดูการ์ตูนอีกเหรอ !!55)เลยโอเช้บาบี้ก็ได้ (คิตตี้ก็ไม่อินอีก) ก่อนจะเข้าพนักงานจะบอกว่า ขั้นต่ำในการสั่งคนละ320 เหรียญนะคะ เค้าคงกันคนมาถ่ายรูปเล่น ก็ดีนะคะระบุมาเลยจะได้ไม่มาขาดทุนกัน ร้านในเมืองไทยน่าจะเอาไปทำกันนะคะ

รีวิวเต็มๆของร้านบาบี้ค่ะ

เดินทางออกจากร้านภาระกิจ 2 ร้านเราไปต่อกันที่วัดหลงซานซื่อค่ะโดยเรานั่งรถไฟฟ้าจากสถานี Zhongxiao Fuxing สีน้ำเงินกลับไปทางเส้นYongning และออกจากรถไฟที่สถานี Longshan คราวนี้ต้องขอบคุณคุณเก๋ที่ช่วยรัตน์จัดเรียงสถานที่เพื่อให้อยู่ใกล้ๆกันตามเส้นรถไฟฟ้าไม่ต้องไปไหนไกลมากมายค่ะเอาล่ะเรามารู้จักกับวัดหลงซานซื่อค่ะ

วัดหลงซันซื่อ 龍山寺



วัดหลงซันซื่อ หรือ วัดเขามังกรเริ่มสร้างขึ้นในปี 1738 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของราชวงศ์ชิงจักรพรรดิเฉี่ยนหลง และเสร็จในปี 1740 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 วัดหลงซันซื่อ ถูกระเบิดจนพระอุโบสถได้รับความเสียหายแต่"พระโพธิสัตว์กวนอิม"ที่อยู่ด้านในนั้นไม่เป็นอะไรเลย ทำให้ ผู้คนเกิดความเลื่อมใส และศรัทธากันมากขึ้น ซึ่งวัดหลงซันซื่อแห่งนี้ ก็เป็นวัดที่รวมเทพเจ้าองค์ต่างๆไว้มากที่สุด แห่งหนึ่งของไต้หวันด้วยค่ะเป็นศาลเจ้าแบบคล้ายๆวัดเลงไหน่ยี่บ้านเราเนี่ยแหละ

ตอนที่ไปถึงนั้นคือหลังจากบาบี้และคิตตี้ฟ้ามืดแล้วเรียบร้อยแต่พอเดินออกจากสถานีรถไฟก็เจอโคมไฟสีแดงเด่นเป็นสง่าสวยและดูขลังสุดๆซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนั้นเพิ่งจะผ่านงานเทศกาลโคมค่ะที่วัดเลยมีจัดแต่งแสดงโคมไว้ภายในวัดมีโคมไฟรูปร่างต่างๆน่ารักจริงๆ เช่น โคมน้องเป็ด(ที่ตัวจริงไปซะแล้วล่ะ)โคมนักกษัตร สิ่งที่สังเกตได้จากการมาที่วัดหลงซันซื่อคือคนไต้หวันเค้าค่อนข้างนับถือศาสนาและเคร่งกันมากเพื่อนชาวไต้หวันของรัตน์ที่เป็นผู้ชายยังหนุ่มอยู่แต่ก็ยังคงเชื่อถือในศาสนาอย่างมั่นคงและยังเชื่อเรื่องโชคชะตาด้วย ซึ่งเราสามารถเจอหนุ่มสาว ทั้งวัยรุ่น วัยทำงานและอากงอาม่า อาอี้ อากู๋ มารวมกันอยู่ที่วัดแห่งนี้ค่ะซึ่งนี่ก็เป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งของไต้หวันที่ทำให้รัตน์ขนลุกได้เพราะถ้าเทียบกับบ้านเราแล้ว… ไม่เหมือนกันเลย

เอาล่ะมาดูวิธีการเดินทางกันค่ะ
สามารถเดินทางโดยรถไฟฟ้า(MRT) คือเดินทางมาลงที่สถานี Long Shan Temple แล้วออก Exit.1เดินออกมาเลี้ยวขวา แล้วเดินตรงมาเรื่อยๆ จะเห็นวัดหลงซันอยู่ฝั่งตรงข้ามค่ะ ให้เดินข้ามถนนก็ถึงวัดค่ะ

หลังจากที่ออกจากวัดหลงซันซื่อแล้วเราก็มีจุดหมายอยู่ที่ร้านชาบู ชาบูเชียนเย้เพราะดูแล้วต่างคนต่างชอบอะไรไม่เหมือนกัน ชาบูแยกหม้อก็คงมากินกันที่นี่ค่ะนอกนั้นก็เป็นหม้อสุกี้แบบบ้านเรานั่นหละคือหม้อรวม เราเดินทางออกจากวัดหลงซันซื่อลงใต้ดินระหว่างลงใต้ดิน คุณเก๋ก็พามาที่ร้านขายของถูกตรงสถานีรถไฟเป็นเหมือนเมโทรมอลที่ไต้หวันนั้น เมโทรมอลล์ค่อนข้างคึกคักคนเดินเยอะอาจจะเป็นเพราะว่าประชาชนเค้าใช้รถสาธารณะกันเยอะ รถบัสรถใต้ดินก็ใช้บัตรเดียวกันแถมเชื่อมกันทั้งไทเปด้วยล่ะเหมือนเดิมค่ะวิธีการเดินทางกลับไปซีเหมิน เรายังคงใช้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินถ้ากลับซีเหมินก็ใช้เส้นเดิม ที่มุ่งหน้าไปที่ Nangang ค่ะแค่สถานีเดียวก็ถึงแล้วล่ะ

สุกี้เชียนเย้เป็นร้านสุกี้ชาบูชาบูที่มีหลายสาขาค่ะคราวที่แล้วรัตน์ไปทานที่สาขาเกาสงมากับบริษัทโกลเด้นดิสคัพเวอร์รี่ค่ะซึ่งติดใจและมาบอกต่อเพื่อนๆกัน คราวนี้เราจะมาชิมสาขาซีเหมินติงกันค่ะก็เดินออกจากสถานีใต้ดินทางออก 5 นะคะ โผล่ออกมาปุ๊บจะเจอเซเว่นให้เราเดินไปทางขวาจะมีทางขึ้นที่ร้านเชียนเย่ชาบูชาบูค่ะ เชียนเย่ชาบูชาบู รีวิวพร้อมรูปที่นี่ค่ะ

หลังจากนั้นก็ไปเดินหาซื้อของ รองเท้าใหม่ (เนื่องจากรองเท้าพัง ปากเปิด T__T) ได้รองเท้ามา คู่ 700 เหรียญทรงสวยชอบยนิ่มไม่กัดเท้าเหมือนของไทยที่ถูกๆแล้วกัดเท้า ได้ Powerbank ราคาโคตรแพงมา ตัว และแวะไปช้อปมิราดะมาค่ะได้ของเพียบเลยล่ะ >[]< จากนั้นก็เดินกลับที่ห้องนอนของเรา นั่งทำรีวิววีดีโอกันก่อนนอนแล้วก็อาบน้ำนอนกัน เพราะพรุ่งนี้มีภารกิจค่อนข้างเยอะค่ะ ^-^/ ติดตามต่อได้ตอนถัดไปนะคะ ซึ่งก็ยังคงขอบคุณสปอนเซอร์ใจดีอย่างบริษัทโกลเด้นดิสคัพเวอร์รี่เอ็กเพลส ผู้นำด้านทัวร์ไต้หวัน และสายการบินทรานเอเชียที่สนับสนุนตั๋วเรามา ใบค่ะ

Cheers Hotel

รีวิวโรงแรม CheersHotel ที่ไต้หวันเป็นอะไรที่มีที่พักค่อนข้างจะเยอะค่ะและที่ซีเหมินติงที่พักก็ค่อนข้างจะแพงรัตน์กับคุณเก๋ช่วยกันเสิร์จหาข้อมูลก่อนที่จะเดินทางไปด้วยกันครั้งนี้ซึ่งโรงแรมเป็นอะไรที่หาที่พักค่อนข้างยาก ประการที่ 1 เรายังไม่เคยเห็นที่พักนั้นๆอาศัยอ่านเอาจาก Tripadvisor และบล็อกต่างๆ ในพันทิพย์ 2.ด้วยความที่เรามา 6 คนค่ะทำให้ต้องหาห้องรวมซึ่งราคาจะถูกกว่าห้องนอน3 คน 2 ห้องเยอะ หาไปเรื่อยๆก็เจอ CheersHotel ที่อยู่ในซีเหมินติงค่ะ

ห้องพัก

ห้องพักก็สะอาดดีแต่มีแมลงเกาะอยู่ที่ผนัง 1 ตัวน่าจะเป็นแมลงเจ้าประจำ -_- เกาะผนังที่มุมห้องอับชื้นเป็นรอยดำๆแต่นอกนั้นก็สะอาดดีค่ะไม่มีปัญหาอะไรเตียงนอนนุ่มดีค่ะ (อย่าเชื่อมากยัยคนนี้นอนได้ทุกสถานการณ์) สิ่งอำนวยความสะดวกทีวี – เครื่องทำน้ำอุ่น – ชั้นวางกระเป๋าเรียบร้อย ก็เป็นที่ซุกหัวนอนของเราไปได้คืนนึงค่ะ

สำหรับห้องนอนคนเดียวกับสองคนก็จะอยู่ตึกอีกตึกนึงแยกไปนะคะส่วนห้องรวม 6 คนก็ต้องแยกมาอยู่ตรงนี้เนี่ยแหละขึ้นบันไดมา 3 ชั้นหอบแฮ่กๆเลยทีเดียวเชียว

ตามรูปเต็มๆได้ที่นี่ค่ะ 

https://www.facebook.com/media/set/?set=a.630059843714881.1073741855.496335967087270&type=3




Create Date : 29 มีนาคม 2557
Last Update : 1 เมษายน 2557 16:49:20 น.
Counter : 3708 Pageviews.

2 comments
  
ไต้หวันก็มีที่เที่ยวเยอะนะคะ

รูปภาพเต็มจอมากๆค่ะ^^


เจอสัตว์ 3 อย่าง แมว หมา หมู(ตายแล้ว) อิอิ
โดย: สมาชิกหมายเลข 861805 วันที่: 29 มีนาคม 2557 เวลา:16:07:51 น.
  
^ _____ ^ เดี่ยวรอบหน้าจะกลับไปดูแพนด้าค่ะ
โดย: Rosetear วันที่: 31 มีนาคม 2557 เวลา:14:37:23 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Rosetear
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]



สวัสดีค่ะนักศึกษาสาขาวิชาการท่องเที่ยวตรีและโท ผันตัวมาเป็นกราฟฟิคดีไซเนอร์ เว็บดีไซเนอร์ และการตลาด (อนาคตรอผันตัวไปเป็นนักวิจัยและอาจารย์)ชื่นชมและชมชอบธรรมชาติที่สวยงาม ชอบศิลปะวัฒนธรรมและประเพณีี่สวยงาม ชอบการถ่ายภาพมุมต่างๆ ไปในที่ๆคนไม่ไป ศึกษาธรรมะ รักและชื่นชอบไต้หวันอย่างสุดซึ้ง รักในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่รัก
All Blog