เที่ยวไต้หวัน 2 เตรียมตัวเดินทางไปซันมูนเลคด้วยตัวเองกันนะคะ
เตรียมตัวเดินทางไปซันมูนเลคกันนะจ้ะ

มีหลายๆคนในแฟนเพจถามรัตน์มาว่าเดินทางไปซันมูนเลคด้วยตัวเองได้มั้ยตรงจากไทเปเลย จากสนามบินเลยไปได้มั้ยโอเคค่ะไปได้จริงซึ่งตามหนังสือท่องเที่ยวไต้หวันที่ระบุไว้ค่ะว่าท่องเที่ยวได้จริงๆโดยยังไงก็ต้องไปขึ้นรถไฟหัวกระสุนเพื่อย่นระยะการเดินทาง

หลังจากที่ตื่นแล้วหกโมงก็เตรียมตัวเช็ดน้ำลายเก็บกระเป๋าเก็บที่ชาร์ตแบตลงไปชั้นล่างที่ซื้อตั๋วรถค่ะยืนดูแผนผังการเดินทางก่อน เราต้องนั่งรถของบริษัท U-BUS ไปจากสนามบินในราคา30 เหรียญ เพื่อต่อไปที่ Taoyuan HSR Station นั่งรถประมาณ 20นาทีก็ถึงที่สถานีรถไฟด่วนค่ะโดยรถจะไปจอดที่ประตู 5 เข้าไปด้านในปุ๊บอยากซื้อตั๋วก็เลี้ยวขวาได้เลยเป็นจุดซื้อตั๋วค่ะมีให้เข้าแถวอยู่หลายช่องค่ะ ของเราก็ตั๋วปกติค่ะ เข้าไปที่ช่องขายคนขายตั๋วพูดภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างดีไม่เหมือนคนขายตั๋วรถบัสค่ะตั๋วนั่งจากเถาหยวน ไปถึงไถจง (เราต้องไปลงที่จังหวัดไถจงเพื่อต่อเข้าเมืองหนานโถว เมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายทางธรรมชาติรอเราอยู่รวมถึงทะเลสาบสุริยันจันทราค่ะ)ราคา 590 เหรียญมีเวลาบอกชัดเจนว่ากี่โมงบ้างที่รอบรถออกเราก็จองตามหน้าจอเหมือนเลือกซื้อตั๋วหนังง่ายๆค่ะบอกว่าไปกี่โมง ไปที่ไหน และจ่ายเงิน จบ


เรารอรถออกไปไถจงรอบ 07.32 น. ค่ะขณะนั้น 7 โมงพอดี

ซื้อตั๋วกัน

ได้ตั๋วแล้วนะ

เข้าไปบริเวณเข้าสถานีรถไฟกันค่ะ

หลังจากที่ได้ตั๋วเดินทางมาแล้วเราก็ต้องไปตามสถานีที่เราได้มาค่ะเดินตามทางไปเรื่อยๆสอดตั๋วที่ได้มาเข้าช่องสอดตั๋วเหมือนรถไฟใต้ดินประมาณนั้นถึงจะผ่านเข้ามาในส่วนเข้ารถไฟได้จากนั้นกลุ่มเราก็รีบลงลิฟต์และไปรอขึ้นรถไฟกันค่ะ รถไฟมีหลายช่องและห้องให้ดูตามตั๋วที่ได้มาค่ะ ที่พื้นของสถานีหรือบริเวณรอรถไฟจะมีเขียนว่าช่อง 5,6,7,8ให้หาว่าตรงไหนไปยืนตรงแถวๆนั้นยังไม่พอค่ะดูด้วยว่าเรานั่งอยู่ที่ไหน 11,12,13,15 ดูดีๆค่ะเดี๋ยวจะหลงเพราะจะมีลูกศรชี้ขึ้นว่าตรงนี้ เข้าเลขที่นั่ง 10-16 ส่วนที่นั่ง 17-21 ไปอีกช่องก็ต้องดูให้ดีค่ะ หรือใครหลงทางที่นั่งไม่เจอสามารถถามพนักงานบนรถได้เลยค่ะ

ลงลิฟต์ไปภาคใต้

มาดูที่นั่งในรถไฟ HSR กันค่ะ

ถึงแว้ว


ขึ้นมาบนรถสำหรับที่นั่งธรรมดาจะมีสีเขียวส่วนที่นั่งBusiness Class จะมีสีม่วง(ไว้เขียนตอนกลับจากไถจงนะคะ) เก้าอี้เบาะค่อนข้างใหญ่นั่งสบายๆแต่ช่องวางขาค่อนข้างแคบสำหรับคนตัวสูงแบบรัตน์(173ซม.)แต่ก็นั่งได้ค่ะไม่มีปัญหาอะไร นั่งๆอยู่เดี๋ยวพนักงานก็จะมาขายน้ำค่ะอยากซื้อก็ซื้อรถไฟจากเถาหยวนนั่งไปไถจงใช้เวลาสิริทั้งสิ้น 40-45 นาทีค่ะก็ร่นเวลาไปได้มากอยู่ในการเดินทางไปที่ทะเลสาบค่ะหลังจากที่ถึงสถานีไถจงแล้ว ก็สอดตั๋วออกมาเช่นเดิมค่ะ เก็บตั๋วไว้เป็นที่ระลึกได้หาทางออก 5-6 ค่ะ เดินออกมาเลี้ยวขวา ลงลิฟต์เลยค่ะ ลงปุ๊บมองไปทางซ้ายมือจะมีบู๊ตที่ตั้งขายบัตรและตั๋วต่างๆของรัตน์ซื้อเป็นนั่งรถแยกค่ะ ค่ารถคนละ 190 เหรียญจากสถานีไถจงไปทะเลสาบสุริยันจันทราและซื้อแพ็คเกจ 360 สำหรับนั่งกระเช้า นั่งเรือ รถวนรอบเกาะและบัตรเช่าจักรยานค่ะนั่งรถจากที่นี่ไปใช้เวลา 1 ชั่วโมง 40นาทีเลยล่ะค่ะเวลาที่รัตน์ลงไปซื้อตั๋วคนขายตั๋วชี้ไล่ให้ไปขึ้นรถเลยค่ะ !!! เพราะรถมาแล้วรถหมายเลข6670 มาจอดรอรับแต่ก่อนจะขึ้นรถเอากระเป๋าโหลดได้ท้องรถนั้นต้องเอาตั๋วให้ทางรถบัสดูก่อนขึ้นนะคะ นั่งรถไปเรื่อยค่ะหลับบ้างดูข้างทางบ้าง ได้ผ่านถนนที่เคยลงไปที่ฝงเจี่ยไนท์มาเก็ตนั่งรถไปซักพักรถก็จอดลงที่กลางเมือง(แอบจำไม่ได้ว่าเป็นสถานีอะไรค่ะ)แล้วเราก็วิ่งต่อไปที่หนานโถวทะเลสาบสุริยันจันทราต่อ

ทางออกที่ 5-6 

แวะมาซื้อตั๋วด้านล่างแล้วขึ้นรถกันเบ้ยย

มาดูแพ็คเกจที่เที่ยวเมืองหนานโถวกันค่ะ


รถบัสของเราสาย 6670 วิ่งมาเรื่อยๆจนถึงที่สถานีรถบัสตอนลงจากรถบัสก็มีบริษัทเรือมาฉีกตั๋วเรือจากตัวบัตรที่ซื้อจากสถานีไถจงไปค่ะ เมื่อถึงท่าเรือเราก็ลากกระเป๋าอันหนักของเราไปตามถนนที่ลาดชันขึ้นๆลงๆไปยังสถานที่ซุกหัวนอนของเราคือShuishehai Resort and Hotel ซึ่งอยู่ใกล้กับร้านขายน้ำมะนาว(อร่อยมากน้ำซันไลของรัตน์เอง55) และติดกับ Otop ซึ่งก็เช็คอินเอากระดาษที่จองให้เค้าและเอากระเป๋าหนักๆของเราไปวางไว้ที่โรงแรมฝากเค้าไปก่อนอ่ะเพราะจะไปเที่ยวต่ออิอิ ออกมาจากหน้าโรงแรมที่พักเดินเลี้ยวขวานิดเดียว (นิดเดียวจริงๆ)ก็ถึงท่าเรือแล้วค่ะ

ก่อนจะขึ้นเรือเราแวะมาทานข้าวข้างๆที่พักค่ะซึ่งที่ทานไปคือ ข้าวหน้าหมู 2 แบบคือ ธรรมดาและแบบชาวเซ่า พร้อมราเมง 6 คนก็รวมแล้ว 300กว่าเหรียญเท่านั้นจ้าหลังจากนั้นก็มาผจญภัยกันค่ะ

การขึ้นเรือของกลุ่มเราสามารถนำบัตรเรือไปที่ท่าเรือเยื้องกับOTOP ได้ค่ะ จะมีพนักงานผู้ชายสองสามคนอยู่บริเวณนั้นจะสแตทป์บนฝ่ามือเราก่อนจะลงเรือซึ่งขอบอกไว้ก่อนว่าอย่าทำที่สแตมป์ไว้หายเพราะจะอดนั่งเรือถ้าอยากนั่งอีกวันค่ะหรือไม่ก็ตกพกตัวเรือไว้กับตัวตลอดเวลาค่ะไม่งั้นตายถ้าพลาดตรงไหนจะหลงทางแบบทริปรัตน์เนี่ยแหละเข้าสโลแกนพาไปหลงทางกันอ่ะ

ลงเรือปุ๊บแตกต่างจากการไปเที่ยวทัวร์เพราะทัวร์จะพาไปแค่ท่าซวงกวงที่มีวัดพระถังซัมจั๋งค่ะแต่ถ้าเป็นเรือตามแพ็คเกจที่ซื้อมานั้นจะแล่นดังนี้ค่ะ 1. ท่าซุยเซ่อร์ไห่2. ท่าซวงกวง (มีวัดพระถังซัมจั๋งด้านบน) 3. อีต๋าเซ่า(เป็นท่าที่เงียบสงบ รีสอร์ทใหม่และสามารถเดินตามแนวธรรมชาติรอบทะเลสาบเพื่อเดินไปขึ้นกระเช้าได้เลยค่ะ

เริ่มจากท่าที่ 2 เพราะท่าแรกที่คือท่าที่เรามาถึงค่ะท่าซวงกวงเป็นท่าที่มีชื่อเสียงเรื่องไข่ต้มใบชาอาม่ามากมายตอนนี้ราคาขึ้นเป็น 12เหรียญแล้วแต่จำไม่ได้ถ้าซื้อ2 จะลดเหลือเท่าไหร่นี่แหละค่ะด้านบนของท่านี้นั้นมีวัดพระถั๋งซัมจั๋งซึ่งมีสเตชั่นสำหรับสแตมป์ให้เพื่อนๆอีก 1ที่รวมถึงวิวจากบนวัดนั้นสวยงามกว่าด้านล่างมากมายภายในวัดจะเป็นอาคารเล็กๆค่ะแต่ดูเคร่งขรึมดูน่าศรัทธาด้วยความเงียบสงบของธรรมชาติที่รายล้อมอยู่ด้านข้างมีท่ารถที่วนรอบเกาะจะมาส่งอยู่ท่ารถด้านล่างค่ะ หลังจากที่ลงจากท่าที่ 2 แล้วนั้นก็ลงมาที่เรืออีกรอบเรือของเราเป็นสีแดง มีกวางสีทองอยู่ด้านบนและธงค่อนข้างชัดเจน(ดูรูปจากในบัตรใช่แน่นอนลำนี้เนี่ยแหละ) ก็ขึ้นไปรอที่ท่าเรือแต่ดันจำไม่ได้ว่าเรือจอดตรงไหนก็ต้องถามทางคนแถวนั้นเอาค่ะซึ่งก็ต้องโชว์บัตรเรือและปั๊มที่มือส่งให้เค้าดู


ท่าสุดท้าย ท่าอีต๋าเซ่าท่านี้รัตน์ยังไม่เคยได้มาเยือนค่ะ เพราะถ้ามากับบริษัททัวร์เค้าจะพาไปที่ท่าเดียวเองค่ะครั้งแรกที่อีต๋าเซ่าลงเรือมารู้สึกท่านี้เงียบสงบตึกสูงไม่มีมีศูนย์แนะนำท่าอยู่เด่นเป็นสง่าเลยค่ะที่นี่ซึ่งมีความกว้างขวางมากกว่าท่าที่รัตน์จองโรงแรมอยู่มีการแสดงของชนเผ่าซึ่งก็คือมาจากหมู่บ้านวัฒนธรรม 9 ชนเผ่านั่นแหละค่ะมาร้องเพลงเต้นให้เราดูเอาล่ะมาตามต่อที่ทริปของเราเดินไปเรื่อยๆจุดหมายของเราอยู่ที่โรงแรม FullHouse ซึ่งเป็นโรงแรมที่เจอกับพี่คนนึงในงาน TITF แล้วแนะนำรัตน์ค่ะเสียดายที่รัตน์จองห้องไปแล้วทีSuiseihai ไปแล้วค่ะ จากท่าเรืออีต๋าเซ่าจะมีแยกอยู่มากมายเราเดินตามแผนที่กูเกิลแมพมาเรื่อยๆกูเกิ้ลแมพให้เดินเลี้ยวซ้ายแล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยแรกค่ะแต่ด้วยแสงสีเสียงระหว่างทางของแยกตรงกลาง ทำให้คณะเราเดินเข้าไปในดงของกินแฟมิลี่มาร์ทและเซเว่นอีเลเว่น กินเวลาไปเสียอยู่ 1 ชั่วโมงเต็มๆจากที่ต้องไปที่ Full House ก็ต้องมาที่นี่จมไม่ไปไหนกันเลยทีเดียวเชียวนึกอีกที เฮ้ย Cable Car ที่จะนั่งกระเช้ามันจะหมดเวลารึยังเนี่ยเฮ้ยๆๆ !พอรู้ว่าจะถึงเวลาก็รีบใส่ตีนผีไปที่จุดขึ้นเคเบิลคาร์กันค่ะ เดินชมทัศนียภาพของทะเลสาบไปเรื่อยๆซึ่งสวยมากและใกล้มากจริงๆ มีดอกไม้อยู่ระหว่างทางเดิน ขอบอกว่าถ้ามากับทัวร์คงไม่ได้เจอทัศนียภาพที่สวยงามแบบนี้



อ้อก่อนจะเดินทางถึงที่จุดขึ้นเคเบิลคาร์นั้นเราก็แวะกันที่รีสอร์ทน่ารักๆอย่างFull Houseค่ะซึ่งมีพี่ที่มาเดินบูทและเป็นหนึ่งในมาชิกพันทิพย์ที่ทำรีวิวที่นี่แนะนำมาพอเข้ามาถึงที่รีสอร์ท ต้องขอบอกว่า น่ารัก !!! แต่เราเกิดคำถามในใจทำไมมันเยอะขนาดนี้ เฮ้ยยย เยอะไปนะ ไอคำว่าเยอะในที่นี้หมายถึง ของประดับของตกแต่งทั้งหลายค่ะที่มันเยอะเหลือเกิน คุณเก๋บอก ก็ Full House ไงคุณรัตน์(เอ่อจริงด้วย Full House มากมาย) นึกอยากจะแต่งอะไรก็เอามาวางมาแต่งแล้วเราก็เดินเลาะซ้ายไปต่อเพื่อขึ้นจุดเคเบิลคาร์ค่ะ


วาร์บมาถึงเคเบิลคาร์กันซะที แต่ก่อนจะขึ้นเราเจอซากุระค่ะ !!! กรี๊ดกร๊าดเจอซากุระ ซึ่งช่วงนี้ที่ทะเลสาบสุริยันจันทราและ หมู่บ้านวัฒนธรรม9 ชนเผ่ามีเป็นปฎิทินอยู่ค่ะสำหรับชมดอกซากุระหากตอนนี้ไปก็คงหมดแล้วล่ะถ่ายรูปกับซากุระแล้วเราก็หยุดถ่ายรีวิววีดีโอกันซักแป๊บนึง จากนั้นก็เดินขึ้นไปด้านบนอาคารเพื่อขึ้นเคเบิลคาร์กันแต่ระหว่างที่เรากำลังเดินขึ้นไปนั้นตารัตน์ก็เหลือบเห็นช่วงเวลาที่เค้าให้ขึ้นกระเช้าxx.xx – 4.00 pm (เฮ้ยนี่มัน 5 โมงแล้วนะเอ้ยยยย)สรุปคือทั้งกรุ๊ปเราอดขึ้นกระเช้าต้องเดินทางธรรมชาติกลับกันอีกหลายนาทีสรุปคือเราก็มารอเรือกลับไปค่ะ ตอนนั้นมันก็เย็นแล้วล่ะ เราก็นั่งเรือจากท่าอีต๋าเซ่า เพื่อไปยังท่าซุยเซ่อไห่ และกลับไปรับกระเป๋าของเรากันที่ แต่โชคร้ายพนักงานบอกว่าห้องที่เราพักนั้นต้องเดินไปอีก(ซึ่งก็สื่อสารภาษามือกันอีกเพราะฟังไม่รู้เรื่อง)เรากลับไปเช็คอินก็เย็นแล้วค่ะประมาณ 5 โมงกว่าๆ จากนั้นเราก็ตามพนักงานออกมาเดินลากกระเป๋าอีกแล้วววว ขึ้นทางลาดอีกแล้วกรี๊ด เดินมาเรื่อยๆไกลขึ้นอีกถ้าใครเคยไปเที่ยวคือตรงจุดห้องน้ำก่อนที่จะเดินเลี้ยวขวาไปจุดขึ้นรถค่ะที่พักของเราต้องเดินเลี้ยวซ้ายลงไปอีกค่ะ เลี้ยวซ้ายยังไม่พอ อ้าวเลี้ยวขวาอีกมายก็อต กระเป๋าก็หนักลุงจะพาพวกเราไปไหนคะเนี่ยเดินตามแกไปแบบงงๆอ่ะและแล้วก็ถึงที่ห้องพักของเราค่ะ ซึ่งตอนเราไปถึงไม่มีใครเข้าพักเลยห้องของเราไปห้องที่นอนรวมได้ 6 คนมีบริเวณนั่งด้านหน้าทานข้าวกันได้อารมณ์ประมาณบังกะโลที่เขาใหญ่ พัทยา มีส่วนล้างจาน วางรองเท้า เครื่องอบจานไมโครเวฟ


เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเจอห้องที่แบ่งเป็นสองชั้นชั้นล่างมีเตียงคิงไซส์ 2 เตียง จุดนั่งเล่นโซฟาดูดวิญญาณและทีวีห้องน้ำอยู่ด้านล่างค่ะ มี 1 ห้องสำหรับทำธุระส่วนตัว ส่วนห้องอาบน้ำมี 2ห้องจุดล้างหน้ามีจุดเดียว สำหรับชั้นสองนั้นต้องขึ้นบันไดขึ้นไปด้านบนก็จะมีเตียงอยู่ที่พื้นไซส์คิงไซส์2 เตียงพร้อมสติชท์เตียงละตัวเอาไว้นอนกอดใต้บันไดนั้นมีผ้าเช็ดตัวให้สำหรับลูกค้าและที่แขวนเสื้อผ้าเค้าใช้พื้นที่ได้คุ้มจริงๆไต้หวัน ค่าห้องคืนละ 5500 เหรียญสำหรับวันธรรมดาพักได้ 8 คนสูงสุดค่ะ

โซฟาดูดวิญญาณหมอนก็นิ่มเบาะก็นุ่มลุกไม่ขึ้นเลยทีเีดยว


หลังจากที่วางข้าวของกันเสร็จเรียบร้อย 1 ทุ่มครึ่งเราก็ออกจากห้องของเราเพื่อไปหาอะไรทานกันค่ะอ่อ วิวจากห้องของเรานั้นเป็นวิวที่มองเห็นจุดจอดรถ และเห็นสถานีทะเลสาบสุริยันจันทราที่เราลงรถด้วยเช่นกันค่ะ1 ทุ่มแล้วหมอกเริ่มลงหนา อากาศก็เย็นโคตรๆอ่ะอยากจะบอก บรื๋อ เราตัดสินใจกันว่าจะไปหาอะไรกันที่อาคารท่ารถค่ะเพราะเห็นแสงสว่างมาสวยแว่บแว่บจากที่พักเดินไปใช้เวลา 5 นาทีเท่านั้น ขึ้นไปก็เดินสำรวจเช่นเคย

ที่นี่มีร้าน Carton King ซึ่งร้านที่ทำจากกระดาษทั้งร้านของเล่น จาน ชาม โต๊ะ เก้าอี้ทำจากกระดาษทั้งหมดค่ะ คุณเก๋แกอยากไปมากสาขาใหญ่อยู่ที่เมืองไถจงหนานโถวค่ะ ซึ่งถ้าใครมีเวลาสามารถแวะไปได้เช่นกันนะคะอิอิมีร้านรวงต่างๆมากมายแต่เสียดายที่ปิดกันหมดแล้ว เหลือ Mos Burger ที่ยังเปิดอยู่แต่ก็ไม่ใช่ของที่เราอยากจะทานกันค่ะเลยเดินวนหาทางลงกันเพื่อเข้าไปในทางเดินหาอะไรทานกัน ……. สรุปเราก็ไปทานข้าวเย็นกันที่เซเว่นอีเลฟเว่นอ่ะ


เซเว่นอีเลเว่นที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าคงจะเป็นธรรมดาของต่างประเทศที่มีที่นั่งให้ทานข้าว ห้องน้ำ เครื่องถ่ายเอกสาร ส่งแฟ็คเครื่องเติมเงินบัตรใต้ดิน และขนมข้าวของเยอะแยะมากมายเลยค่ะคืนนี้ขอลองเป็นข้าวหน้าแกงกะหรี่ละกันเป็นกล่องเวฟรสชาดธรรมดางั้นๆพอประทังชีวิตได้ ข้าวนิ่มอร่อยดีค่ะ หลังจากนั้นก็กลับที่พักของเรารอกลับไปขึ้นกระเช้ากันในวันพรุ่งนี้ค่ะ

แวะซื้อขนมร้านนี้ซะหน่อยหอมโชยมาก





Create Date : 20 มีนาคม 2557
Last Update : 28 มีนาคม 2557 1:01:23 น.
Counter : 4902 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Rosetear
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]



สวัสดีค่ะนักศึกษาสาขาวิชาการท่องเที่ยวตรีและโท ผันตัวมาเป็นกราฟฟิคดีไซเนอร์ เว็บดีไซเนอร์ และการตลาด (อนาคตรอผันตัวไปเป็นนักวิจัยและอาจารย์)ชื่นชมและชมชอบธรรมชาติที่สวยงาม ชอบศิลปะวัฒนธรรมและประเพณีี่สวยงาม ชอบการถ่ายภาพมุมต่างๆ ไปในที่ๆคนไม่ไป ศึกษาธรรมะ รักและชื่นชอบไต้หวันอย่างสุดซึ้ง รักในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่รัก
All Blog