อยากจะท่องไปในโลกกว้าง
 
 

ฤดูฝน กับวันแดดแรง เปิปข้าวเหนียวทุกวัน.............ที่หลวงพระบาง Episode II

Coming soon




 

Create Date : 26 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 26 พฤษภาคม 2551 18:18:59 น.   
Counter : 273 Pageviews.  


ฤดูฝน กับวันแดดแรง เปิปข้าวเหนียวทุกวัน.......ที่หลวงพระบาง Episode I

ไปเที่ยวหลวงพระบางมาตั้งกะ 20 – 23 พฤษภาคม 2550 ค่ะ
Trip หลวงพระบาง โดยสายการบินลาว

เดินทางโดย Package ซื้อที่งานท่องเที่ยว ศูนย์สิริกิติ์ ต้นเดือนมีนาคม ที่บูธของสายการบินลาว โดยซื้อกับตัวแทนชื่อ Sun Park Holiday
เป็น package 3 วัน 2 คืน รวมตั๋วเครื่องบินไป-กลับ, โรงแรม The Grand Luang Prabang, รถรับส่งสนามบิน, อาหารเช้า
ราคารวมภาษีต่างๆ เท่ากับ คนละ 10,500 บาท มัดจำไว้ที่งานแค่คนละ 500 บาท
เวลาเดินทางของสายการบินลาวไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คงเพราะอย่างนี้ราคาถึงได้ถูก





ตามตาราง flight Bangkok – Luangprabang มีเฉพาะวันพุธ ศุกร์ อาทิตย์ โดยเวลาเดินทางจะเป็น 14:15 ถึงหลวงพระบางเวลา 16:05
flight Luangprabang - Bangkok มีเฉพาะวันพุธ ศุกร์ อาทิตย์ เช่นกัน เวลาเดินทางคือ 11:30 ถึงกรุงเทพเวลา 13:20

พวกเราออกเดินทางกันวันอาทิตย์ และพักที่ The Grand (ซึ่งไม่ได้อยู่ในเมือง) 2 คืนตามที่ Package ให้มา
และพักต่ออีก 1 คืน โดยเข้ามาหาที่พักเองในเมือง และบินกลับในวันพุธ





ขาไป เครื่องบินออกตรงเวลาเป๊ะ โดยมีผู้โดยสารทั้งลำเพียงแค่ 6 คน เท่านั้น
น่าสงสารสายการบิน flight นั้นคงขาดทุนย่อยยับเลยล่ะ มีเรากับสามีเป็นคนไทย
และที่เหลือเป็นผู้โดยสารฝรั่งผู้ชายอีก 4 คน เป็นเครื่องบินลำเล็ก แบบใบพัด
มี overhead compartment ที่เล็กมาก กระเป๋าบางใบเอาขึ้นไปวางไม่ได้
แต่อาศัยว่าไม่ค่อยมีผู้โดยสาร ก็เอาวางไว้ตรงไหนก็ได้ ตลอดเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง เสียงเครื่องดังมากๆ
ถ้าต้องนั่งนานกว่านี้ หูคงชา แล้วก็ที่นั่งไม่มีปุ่มให้ปรับเอนนอนด้วย ดีที่ตัวเก้าอี้ทำ slope พนักพิงไว้พอสมควร

พอสัญญาณรัดเข็มขัดดับลง cabin crew ก็เริ่มเสริฟทันที ง่ายๆค่ะ เพราะหนึ่ง มีผู้โดยสารแค่ 6 คน
และสอง เค้าแจกของกินมาให้คนละกล่อง เป็นกล่องกระดาษ ในนั้นมีแซนวิชที่……………จะว่าไงดีอ่ะ
ประกอบไปด้วยหมูทอดแข็งๆ ประกบด้วยขนมปังขาว แค่นั้นเองจริงๆ มีมีผักไม่มีแตงใดๆทั้งสิ้น
มีซ๊อสมะเขือเทศให้ราดพอให้มีรสชาดขึ้นหน่อย กินลงไปได้เพราะหิ๊วหิว

อี๋!!

นั่งยังไม่ทันเมื่อยก็ถึงแล้ว

ถึงหลวงพระบางตรงเวลาเรียบร้อยดี สนามบินเล็กๆ พอลงจากเครื่องบิน ก็เดินไม่กี่ก้าวก็เข้าอาคาร มีฝนลงเม็ดนิดหน่อย ฝรั่งอีก 4 คนที่โดยสารไป flight เดียวกับเรา ต้องไปทำ visa on arrival
ส่วนเรา 2 คนก็ผ่าน customs ได้เลย เจ้าหน้าที่หน้าตาเด็กมาก คาดว่าอายุไม่น่าเกิน 18

ตรวจลงตราเรียบร้อย ก็เดินออกมา เพราะพวกเราไม่ได้ load ของเลย กระเป๋าเดินทางเล็กลากกันมาคนละใบ ออกมาก็เจอกลุ่มคนที่มายกป้ายรับลูกค้า จริงๆก็ไม่ถึงกะเป็นกลุ่มหรอก แค่ 3 คน ก็ถามเขาว่ามีคนจาก The Grand มามั๊ย เขาก็บอกว่าไม่มี
พวกเราก็เลยไปติดต่อที่เคาท์เตอร์ Taxi มีเจ้าหน้าที่ดูอายุน้อยคนนึงบอกเราว่าบางทีเค้าก็ไม่มารับ ให้เราเสียตังค์นั่ง Taxi ไปเองแล้วค่อยไปเบิกค่ารถกับทางโรงแรม พวกเราก็ เอ่อ… อ่า….. ชักจะยังไงแล้วเนี่ย
รอซักพัก ก็ยังไม่มีวี่แวว ก็เลยเดินกลับเข้าไปในอาคาร ซึ่งมีเคาท์เตอร์บริการท่องเที่ยว&โรงแรม คุยกับเจ้าหน้าที่ เค้าก็ช่วยยกหูโทรไปถามที่โรงแรมให้ แต่กลับได้คำตอบกลับมาว่าไม่มี booking แค่นี้ แล้วเค้าก็วางหูไป

เราก็เลยบอกเขาว่าเราขอคุยกับโรงแรมเองได้มั๊ย เค้าก็บอกว่าได้ ต้องเสียค่าโทรด้วย ก็เลยให้เขาต่อสายให้ใหม่ สามีก็คุยกับทางโรงแรม เสียเวลาเช็คซักพัก ก็ได้ความว่าให้รอเดี๋ยว กำลังจะมารับ เสียค่าโทรไป 5000 kip






ซักพักใหญ่ๆ รถตู้สีขาวเพนท์ข้างรถเป็น The Grand ก็วิ่งเข้ามา พนักงานขับรถแต่งชุดฟอร์มเรียบร้อย เหมือนพนักงาน Bell โรงแรมห้าดาวของไทย ก็ลงจากรถมากุลีกุจอช่วยพวกเรายกของ พร้อมทั้งขอโทษที่ต้องให้พวกเรารอ เขาบอกว่า ทางโรงแรมคิดว่าจะมีบริษัทมารับพวกเรา รถวิ่งผ่านทางค่อนข้างโขยกแขยกเป็นบางช่วง กำลังทำทางอยู่ ประมาณ 20 นาที ก็ถึงโรงแรม พอพวกเราลงจากรถ เจ้าหน้าที่ reception รีบเขามาต้อนรับเรา พร้อมทั้งขอโทษขอโพยที่ทำให้เราต้องรอ และเชิญเราไปเช็คอิน






ซึ่งต่อมาพวกเราก็เข้าใจว่าเหตุใดทางโรงแรมจึงไม่ได้ไปรับเรา
เป็นเพราะเขาเข้าใจว่าเราไปโดยซื้อ Full Board Tour ซึ่งจะต้องมีไกด์ไปรับ

ตรงนี้เป็นจุดเข้าใจผิดตั้งแต่ตอนที่เราโทรไปจอง flight กับ Sun Park Holiday ที่กรุงเทพแล้ว

ซึ่งการซื้อ package จากงานท่องเที่ยว เราก็ได้เพียงจองสิทธิ์ราคาโปรโมชั่น จ่ายมัดจำแล้วได้ใบเสร็จรับเงินมา 1 ใบ
ที่นี้ มาถึงตอนที่พวกเราตัดสินใจได้แล้ว ว่าจะเดินทางวันไหน เราก็ได้โทรศัพท์ไปที่ ตัวแทน Sun Park Holiday เพื่อขอให้เขาจอง flight และโรงแรมให้ คนรับสายทางโน้นก็พูดอยู่แต่ว่าเค้าไม่เคยขาย Package tour ขายแต่ Full Board tour เท่านั้น ยืนยัน นั่งยัน ว่าไม่เคยขาย package แน่นอน

ต้องให้เรา fax ใบเสร็จรับเงินไปให้ดู จึงจะถึงบางอ้อ เราจึงสรุปได้ว่า ตัวแทนที่กรุงเทพ กับทางโรงแรมที่หลวงพระบางไม่ได้คุยกันให้รู้เรื่องว่า case ของพวกเราเป็น hotel with transfer เท่านั้น

โรงแรมก็ดันเข้าใจว่าจะมีไกด์ไปรับพวกเรานั่นเอง

แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร โชคดีที่หลวงพระบางเป็นเมืองเล็กนิดส์เดียว
อย่างที่บอก รอไม่นานเขาก็ส่งคนมารับ ก็ check in เรียบร้อยโดยสะดวก
Bell พาไปที่ห้อง ซึ่งไม่ไกลกับ lobby มากนัก อยู่ชั้น 2
ห้องก็สวยงามดีทีเดียว แต่ไม่มีอ่างอาบน้ำ มีอุปกรณ์ทุกอย่างที่ควรจะมี


มีระเบียงพร้อมเก้าอี้นั่งเล่น (แต่เชื่อมั๊ย พวกเราไม่ได้แตะมันเลย)




เคยเห็นคนอื่นที่เคยมารีวิว The Grand Luang Prabang ได้ห้องที่มีวิวแม่น้ำโขงเต็มๆ แต่ของเราเป็น Garden view ซึ่งเป็น Garden view ที่สวยมาก with ponds คือ มีสระน้ำยาวๆ ทำได้สวยดี และมีวิวแม่น้ำโขงให้เห็นอยู่ไกลๆ โรงแรมนี้เป็นวังเก่าของ Prince Phetsarath


วิวจากระเบียงห้องพัก
หันซ้าย



หันขวา



ผลไม้ที่แตรียมไว้ต้อนรับพวกเราในห้อง



โยนของ เข้าห้องน้ำเสร็จ ก็รีบออกไปเที่ยวเลย อย่างที่บอกว่า The Grand ไม่ได้ตั้งอยู่ในเมือง ทางโรงแรมจึงจัดให้มีรถรับ-ส่งระหว่างโรงแรม กับ ไปรษณีย์ตรงสี่แยกใจกลางเมืองเป็นรอบๆ
โดยขาไปจากโรงแรมมีรอบ 9 โมง, 10, 11, 15, 16, 17, 19.30, 20.30, 21.30 น.
ขากลับจากไปรษณีย์ มีรอบ 15.30, 21, 22 น.

พวกเราแลกเงินได้ rate 1 บาท เท่ากับ 270 – 275 kip
แต่ละครั้งได้ rate ไม่เท่ากัน คือว่าพวกเราค่อยๆแลกทีละหน่อย ไม่อยากให้เหลือ เรียกว่าแลกทุกวัน
มีที่ให้แลกเงินอยู่ทั่วไป ไม่ต้องห่วงเลย บางครั้งก็ใช้เงินบาทเลยก็มี
อย่างเวลา shopping แม่ค้าจะเสนอราคาเป็นเงินบาทก่อนเลย พวกเราก็จะถามว่าถ้าราคาเป็นกีบจะเท่ากับเท่าไหร่ แล้วเปรียบเทียบราคาว่าจ่ายด้วยอะไรคุ้มกว่า อย่างที่พักคืนสุดท้าย พวกเราก็จ่ายเป็นเงิน US Dollars บวกลบคูณหารแล้ว คุ้มสุด พอดีมีเงิน Dollars อยู่แล้วก็เลยพกไปด้วย

เงินกีบ มีแต่ธนบัตร ไม่มีเหรียญ




พอลงรถที่ไปรษณีย์ก็รีบหาของกินก่อนเลย ก็หิวสิ อาหารบนเครื่องขาไปไม่เวิร์ค
งานนี้เราซื้อคู่มือนำเที่ยวหลวงพระบาง ของ ศรันย์ บุญประเสริฐไปด้วย ก็เดินไปเรื่อยๆตามแผนที่
สุดท้ายได้ไปกินมื้อแรกที่ตำหนักลาว ตรงข้ามโรงแรมวิลล่าสันติ เป็นร้านอาหารแนะนำในหนังสือเล่มนี้ด้วย
และเราก็ขอตอกย้ำคำแนะนำนี้ ว่าเป็นร้านที่น่าไปกินมาก วันนั้นเราสั่ง 3 อย่าง ประกอบด้วย ไส้อั่ว หมกปาฟอก และแจ่วหมากเลน
อาหารอร่อยทุกอย่าง




คุยกับพนักงานแม่หญิงชาวลาวที่ร้านตำหนักลาว ชื่อ ไก่ เขาบอกว่า ที่ลาว เงินเดือนครูเดือนละ 400,000 กีบเท่านั้นเอง

เท่ากับค่าแรงของแรงงานประเทศพัฒนาแล้วประมาณสองชั่วโมง
และสามารถรับประทานอาหารแบบนี้ได้เพียง 4 มื้อเท่านั้น

อยู่บนโลกใบเดียวกัน ความแตกต่างช่างมากมาย

อิ่มเกินไปนิดนึง เดินย่อยอาหารโดยเดินกลับมาทางใต้ ทางที่จะกลับไปจุดจอดรถโรงแรม
คนน้อยนะ ถือว่าน้อยมาก และเป็นฝรั่งซะเยอะ
วันแรกได้มีโอกาสสำรวจตลาดนัดตอนกลางคืน เล็งและสอบถามราคาไว้ เพื่อกลับมาซื้อในคืนที่ 2 และ 3
ราคาของส่วนใหญ่ถือว่าถูกมาก ถ้าเทียบกับราคาในไทย

เช้าวันรุ่งขึ้น ตื่นสายเล็กน้อย เดินไปกินอาหารเช้าที่ริมน้ำโขง มีทั้งหมดแค่ 2 โต๊ะรวมโต๊ะเราแล้ว นี่คงเป็นสาเหตุที่เขาไม่จัด buffet แขกน้อยมาก ก็ได้รับเมนูมาคนละเล่ม สามารถสั่งอาหารเช้าจากเมนูได้ โดยมีให้เลือกเป็น breakfast แบบฝรั่ง หรือ ข้าวต้ม หรือ เฝอ







นอกจากนี้ก็มีน้ำผลไม้หลากหลายให้เลือก มีขนมปังให้เลือก เป็น toast, whole-wheat, ขนมปังฝรั่งเศสซึ่งอร่อยมาก เขาจะหั่น และก็ปิ้งมาให้ด้วย แล้วเขาก็จัดแยม 3 ชนิดพร้อมเนยมาให้ด้วย (รู้สึกเขาจะเรียกว่าเนย-แยมรวมมิตร)




น้ำชากาแฟก็มีให้ แต่ที่เด็ดก็คือ มีโกโก้ร้อนให้เลือกด้วย ซึ่งเท่าที่จำได้ก็จะมีแต่ประเทศฝรั่งเศสที่อาหารเช้ามีโกโก้ให้กินด้วย เราเลือกกินโกโก้ทั้งสองวันเลย ชอบมาก




น่ากินทั้งนั้นเลยเนอะ

ขนมปังฝรั่งเศสปิ้งอร่อยมาก เขาจะหั่นมาให้เสร็จแล้วปิ้งมาให้พอดีคำ

แต่ตั้งข้อสังเกตุว่าที่หลวงพระบางแมลงวันเยอะมาก แทบทุกมื้ออาหาร ต้องกินไปปัดแมลงวันไปด้วยอ่ะ



วิวทิวทัศน์แม่น้ำโขงระหว่างกินอาหารเช้า



หลังอาหารเช้า พวกเรารีบออกจากโรงแรมเพื่อเข้าไปเที่ยวในเมือง ซึ่งก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว และเนื่องจากพวกเราเป็นผู้โดยสารเพียง 2 คน ที่นั่งรถเที่ยว 11 โมงเข้าเมือง เราจึงขอให้คนขับรถช่วยพาเราไปส่งตรงสุดถนนริมแม่น้าคาน เพื่อเราจะได้ค่อยๆเดินเที่ยวกลับมาทางฝั่งใต้ โดยพวกเราลงรถตรงห้องกานมรดกโลก ลงรถแล้วก็ไม่ลืมทิปคนรถไป 5,000 รู้สึกรวยๆยังไงไม่รู้ อยู่ลาวเนี่ย ถีบทีห้าพันตลอด จริงๆแล้ว 5,000 kip เท่ากับ 18 บาทกว่าเอง ประหยัดกว่าทิปด้วยแบงค์ 20 บาทไทยอีกแน่ะ

เข้าไปเดินๆวนบริเวณห้องกานมรดกโลกนิดหน่อย ไม่ค่อยมีอะไร พวกเราถือโอกาสนี้เดินหาที่พักสำหรับคืนสุดท้ายไปด้วย





จากนั้นไปวัดเชียงทอง ต้องจ่ายค่าเข้าเป็นเงินคนละ 20,000 กีบ แต่พวกเราจ่ายเป็นเงิน US$ เขาก็รับ



ถ่ายรูปวัดเชียงทองมาเยอะเลย
วัดเชียงทองยี่ถือว่าเป็น HighLight อันดับหนึ่งของหลวงพระบางก็ว่าได้





มุมนี้เห็นตามหนังสือท่องเที่ยวเยอะเลย




เสร็จจากวัดเชียงทอง ก็เดินเท้าลงใต้กันไปเรื่อยๆ และตัดสินใจเข้าไปชมหอพิพิธภัณฑ์ หรือ Luang Prabang Museum ซึ่งไม่ได้อยู่ใกล็วัดเชียงทองเลย

ค่าเข้าหอพิพิธภัณฑ์คนละ 30,000 กีบ

ข้างในหอพิพิธภัณฑ์ มีท้องพระโรงสีแดง กับการจัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ของเจ้ามหาชีวิต เน้นที่เป็นของพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ และพระมเหสี

ต้องถอดรองเท้าก่อนเข้า มี locker ให้เก็บกล้องและกระเป๋าเป้ด้วย เพราะไม่อนุญาตให้นำเข้าไป ภายในห้ามถ่ายภาพ





แล้วก็ถึงเวลาออกกำลังกาย โดยการเดินขึ้นพูสี เหนื่อยหอบเอาการเลยอ่ะค่ะ แต่ก็โอเคนะ พอไหว ในหนังสือเขียนเอาไว้ว่า
‘ไปหลวงพระบาง ถ้าบ่ได้ขึ้นพูสี ก็เท่ากับบ่ได้ไปหลวงพระบาง’





ค่าเข้าราคาคนละ 20,000 กีบค่ะ

วิวจากข้างบนพูสี



ตอนที่เดินขึ้นไป เวลาประมาณห้าโมงเย็น กะจะรอดูพระอาทิตย์ตก
รอน๊านนาน คนก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ
สังเกตุว่ามีชาวฝรั่งเศสไปเที่ยวหลวงพระบางเยอะเหมือนกัน


วิวอีกด้านหนึ่งเป็นแม่น้ำโขง




Runway Luang Prabang Airport
จากบนพูสี



แน่นอน ขาลงง่ายกว่าหลายเท่า สังเกตุว่าตอนที่ลงมาไม่มีคนเฝ้าประตูแล้ว จำไม่ได้ว่ากี่โมงแน่ แต่ฟ้ายังไม่มืดสนิท ถ้าใครอยากประหยัดตังค์ ก็รอให้คนเฝ้ากลับบ้านไปซะก่อนค่อยขึ้นไปก็ได้ ไม่ต้องเสียค่าตั๋ว

Luang Prabang Museum
มองจากบนพูสี





เช้าวันรุ่งขึ้น เป็นวันที่พวกเราจะต้อง check out ออกจาก The Grand
หลังอาหารเช้า และเดินเล่นชิวชิวในบริเวณโรงแรมอันสวยงาม ก็ได้เวลาอำลา
















//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E5631136/E5631136.html
และ
//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E5689623/E5689623.html










 

Create Date : 26 พฤษภาคม 2550   
Last Update : 14 มิถุนายน 2551 17:49:36 น.   
Counter : 206 Pageviews.  



My Pucca Girl
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add My Pucca Girl's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com