เที่ยวลาว(๑)... กับสาวช่างโลม@เวียงจันทน์
ในที่สุด ก็ได้เวลานำภาพเมื่อครั้งไปเที่ยวลาวมาให้เพื่อนพ้องน้องพี่ได้รับชมกันสักที
ย้อนไปเมื่อเกือบหนึ่งปีก่อน ตอนที่เพิ่งกลับจากเวียดนาม... บีบี๋ ไกด์สาวผู้ซึ่งชำนาญในการจัดทริปก็ได้เร่งรีบจัดแผนเที่ยวกันต่อ ซึ่งอันที่จริงแล้วทริปไปเที่ยวลาวนี่ได้เข้ามาอยู่ในหัวของพวกเราเนิ่นนานมากแล้ว ตั้งแต่เทอมแรกๆ ที่รู้ว่ามีนักเรียนแลกเปลี่ยนจากประเทศลาวจะเข้ามาร่วมเรียนกับพวกเรา
แล้วเมื่อทุกอย่างลงตัว (ทั้งเวลา อากาศ และการเงิน) การแบ็คแพ็กครั้งใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
ซึ่งสมาชิกในคราวนี้เยอะขึ้นกว่าครั้งที่ไปเวียดนาม
หนึ่งคนที่เพิ่มขึ้นมานั้น ก็คือ เพื่อนสาวช่างคุยประจำ batch 10 นั่นเอง
คำว่า "คุย" ในภาษาท้องถิ่นลาว เค้าใช้คำว่า "โลม" ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทริปนี้พวกเราได้โลมกันมันขนาดไหน ไม่ใช่แค่โลมกันเองสามคน แต่ยังโลมไปกับทุกคนที่ผ่านเข้ามาระหว่างทริปอย่างเมามัน ซึ่งการเป็นคนโลมเก่งของชาวทริปนี้ ก็ช่วยให้การเที่ยวประเทศลาวครั้งนี้สนุกมากขึ้น แถมยังได้ลดราคาทั้งค่าที่พัก ค่ารถ ค่าของฝาก อีกนานัปการ...
พวกเรานัดเจอกันห้าโมงเย็นที่นิด้า... สถานที่ที่คุ้นเคยยิ่งนัก แต่ความรู้สึกแตกต่างไปจากทุกครั้งเพียงแต่ครั้งนี้พวกเราไม่ได้มาเรียน หรือมาทำรายงาน
พาหนะคันแรกของทริปนี้เริ่มขึ้นด้วยแท็กซี่สีสวยคันหนึ่ง ที่สวยแต่รูป...จูบไม่หอมจริงๆ เพราะพวกเราต้องนั่งตัวแข็งไปตลอดทาง ก็คุณคนขับรถน่ะสิ ทั้งดุ ทั้งเทศนาพวกเราซะเป็นการใหญ่ แถมยังแอบพาเราอ้อมด้วย ทั้งๆที่รู้นะว่าเค้าแอบพาอ้อม แต่ก็ไม่กล้าเถียง เพราะฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นคนปากจัด แถมใจร้อน พูดจากไม่ค่อยเพราะ ทุกคนเลยพยายามสงบสติอารมณ์ มีบ้างที่นานๆ เราจะหันมาสบตากันแบบอยากเม้าท์เต็มที
..."ปัง"... ทันทีที่ประตูของรถแท็กซี่คันนั้นถูกปิดลง ณ สถานีขนส่งหมอชิต พวกเราก็ได้ระบายความอัดอั้นกันออกมายกใหญ่ ทั้งๆ ที่เคืองเล็กๆ แต่ก็ขำดี
พวกเรานั่งรถทัวร์เพื่อมุ่งหน้าไปหนองคาย ซึ่งระหว่างการเดินทางบนรถทัวร์คันนั้น เด็กรถเหมือนจะรู้ใจ อุตส่าห์เปิดซีดีหนังเรื่อง "คนไฟบิน" ให้พวกเราได้เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมอีสานก่อนจะได้ไปเยือน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากกับหัวหน้าทีม(เล้า)โลมของพวกเรา เพราะเธอได้ใช้วิชาที่ศึกษามาตลอดคืนกับผู้บ่าวทันที ตั้งแต่ก้าวแรกที่ย่างลงจากรถ ณ สถานีขนส่งหนองคาย
เช้าวันแรกนั้นพวกเราประเดิมการกินไข่กระทะที่ขึ้นชื่อหลายในละแวกนั้น พวกเราเหมารถตุ๊กๆ ไปนั่งรอตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด จากนั้นก็ต้องรีบกลับมาซื้อตั๋วเพื่อไปข้ามฝั่งที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว
ตอนตรวจพาสปอร์ตน่ะต้องต่อแถวกันยาวมาก แต่โชคดีที่สมาชิกแก๊งค์เราเป็นพวกหูไวตาไว พอดีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งมาเปิดช่องตรวจพาสปอร์ตเพิ่ม พวกเราสามคนเลยรีบวิ่งไปจนได้คิวแรก เสร็จแล้วก็ขึ้นไปนั่งตากแอร์เล่นบนรถสบายใจเฉิบ
แต่พอรถข้ามฝั่งมาถึงลาวปุ๊บ ฝนก็โปรยลงมาปั๊บ พวกเราเลยได้แต่นั่งเหงาอยู่ที่ท่ารถแถวตลาดเช้าในเมืองเวียงจันทน์รอลิลลี่และปี่ สองสหายชาวลาวมารับ
ระหว่างนั่งรอแล้วรอเล่านั้น ก็มีชาวลาวหลายคน หลากอายุ ทั้งชายหญิง ผ่านมาให้โลมอีกแล้วครับท่าน... ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็มาเสนอขายสินค้ามากกว่า มีน้องๆ หลายคนเดินมาขายหมากฝรั่ง เราก็ตอบไปว่าไม่เอา พี่มีแล้ว ก็ไม่วายเดินมาถามอีก มาคนเดียวไม่พอ มากันทีละสี่ห้าคน จนอีชั้นต้องเคี้ยวให้ดูว่าพี่มีจริ๊งจริง... มีรายหนึ่ง บอกว่า "มีแล้วก็ซื้อได้อีก พี่ยังไม่มีรสนี้แน่เลย" อีชั้นเลยควักทั้งหมากฝรั่งและลูกอมทุกยี่ห้อที่มีมาโชว์ให้ดูเลยว่า ดูซะก่อนจะเอายี่ห้อไหน รสไหนว่ามา พี่มีหมด ...แล้วมีคนหนึ่งแอบขอหมากฝรั่งรสบลูเบอร์รี่ของอีชั้นด้วย เค้าบอกว่าแปลกดี ขอเป็นที่ระลึกนะ
เมื่อลิลลี่กับปี่มาถึงพวกเราก็ได้ไปเยือนสถานที่สำคัญในเมืองเวียงจันทน์ เช่น
ประตูชัย ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สำหรับผู้สละชีวิตในการต่อสู้เรียกร้องเอกราชจากฝรั่งเศส
ซึ่งสร้างขึ้นโดยการผสมผสานศิลปะตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกัน หากมองจากภายนอกจะดูคล้าย Arc de Triomphe หรือประตูชัยที่กรุงปารีส (ไม่เคยเห็นของจริงหรอกนะว่าที่กรุงปารีสน่ะเป็นยังไง แต่หนังสือเค้าบอกมาว่าอย่างนั้น )แต่การตกแต่งภายในจะเป็นศิลปะแบบลาว
พวกเราได้เดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อชมทิวทัศน์รอบเมืองเวียงจันทน์ แม้จะต้องเดินกันหลายชั้น แต่ขึ้นไปแล้วก็คุ้มนะ
จากนั้นจึงได้ไปเที่ยว "พระธาตุโลกจุฬามณี" หรือ "ธาตุหลวง" ซึ่งพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชทรงโปรดให้สร้างขึ้น ว่ากันว่ามีอายุอยู่ร่วมสมัยกับพระธาตุพนมบ้านเรานั่นเอง
ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเอาไว้ ยอดพระธาตุนี้สูงถึง ๔๕ เมตร สูงกว่ายอดไม้ทุกต้นในละแวกนั้น แล้วยังมีพระธาตุองค์เล็กล้อมรอบอีกกว่า ๓๐ องค์ พระธาตุนี้อยู่คู่เมืองเวียงจันทน์มากว่า ๔๐๐ ปีแล้ว
ส่วนสถานที่อื่นๆ เช่น อนุสาวรีย์พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช วงเวียนน้ำพุ หอสมุดแห่งชาติ พวกเราก็ได้แค่ผ่านไปแบบเฉียดฉิวเท่านั้น เพราะต้องรีบไปท่ารถสายเหนือเพื่อต่อรถไปค้างคืนแรกกันที่วังเวียง..
นี่คือก๋วยเตี๋ยวลาว ที่มีน้ำพริกที่ทำจากถั่วกินเป็นเครื่องเคียงพร้อมด้วยผักนานาชนิด
Create Date : 30 กรกฎาคม 2550 | | |
Last Update : 4 สิงหาคม 2550 22:18:54 น. |
Counter : 1026 Pageviews. |
| |
|
|
|