'ดิ อัลบั้ม'...@Petchburi
ครั้งนี้เป็นวันเดย์ทริป ที่ตั้งใจจัดขึ้นเพื่ออำลาปิงๆ ก่อนจะต้องบินไปต่อมาสเตอร์ดีกรีใบที่สองจากสวีเดน...ซึ่งเป็นการเที่ยวแข่งกับเวลาอีกแล้วครับท่าน...เพราะกว่าจะได้ออกจากกรุงเทพก็เกือบสิบโมง ไหนจะขับรถข้ามไปอีกหลายจังหวัด แล้วยังต้องเผื่อเวลาสำหรับการหลงทางอีก ... ซึ่งหลงจริงๆ ด้วยหลงถึงสองครั้งสองครา ครั้งแรกนั้นก็ได้คุณพี่ตำรวจผู้ใจดีที่อุตส่าห์ไม่เอาผิดพวกเราที่ฝ่าฝืนสัญญาณจราจรนี่แหละช่วยบอกทางให้ ส่วนอีกครั้งก็เป็นคุณลุงใจดีที่สี่แยกไฟแดงเช่นกันที่ช่วยนำทางขับมอเตอร์ไซด์มาส่งจนถึงทางเข้าเขาวังพวกเราใช้เวลาที่เขาวังมากไปหน่อย ก็เพราะไปถึงเอาอีตอนเที่ยงวันพอดี แดดมันก็เลยร้อน เดินไปก็ต้องพักเหนื่อยไปเป็นระยะๆ ออกจากเขาวังก็ต้องตัดใจทิ้งพระราชวังบ้านปืนไปหนึ่งที่ เพื่อจะไปให้ถึงพระราชนิเวศมฤคทายวันให้ทันก่อนจะปิด เพราะพวกเราได้พูดถึงมฤคทายวันแห่งนี้มานานหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่บรรลุมิชชั่นสักที...แม้จะมีเวลาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานแต่ก็สนุกมากเลย ภาพชุดนี้โดนเพื่อนหลายคนแซวๆ ว่าซ้อมถ่ายเวดดิ้งรึเปล่า ... อาจจะใช่... เพราะมีแต่รูปคู่ล้วนๆ จริงๆ คงเพราะเราเองก็ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปปิงๆ เลยอยากจะถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกเยอะๆ หน่อย ไอ้ครั้นจะถ่ายปิงๆ เดี่ยว ก็ดูเจ้าตัวออกจะเขินๆ เลยต้องให้นางแบบรุ่นพี่เข้ากล้องไปอยู่เป็นเพื่อนแก้เหงามันเป็นทริปที่สนุกมากจริงๆ สำหรับเรา เพราะปกติขึ้นรถทีไรก็มักจะไว้วางใจให้ปิงขับ แล้วเราก็หลับไปเรื่อยๆ ปล่อยให้แม่สาวตุ๊กตาหน้ารถ(บีบี๋) เป็นคนตั้งหัวข้อสนทนากับคนขับไปแต่ทริปนี้เราไม่หลับล่ะ อเมซซิ่งมั้ย คงเป็นเพราะหัวข้อที่สนทนาในวันนั้นที่เราเปิดประเด็นเองน่าสนใจล่ะมั้ง ทุกคนเลยเมามันส์ในการออกความคิดกันอย่างยกใหญ่ .. .. .. คิดถึงนะ อยากให้ช่วงเวลาดีๆ เหล่านี้กลับมาอีกจัง
กินลม... ชมสะพาน
นำภาพทริปเก่าๆ มาให้ดูอีกแล้ว ...จริงๆ ก็ไม่เก่าเท่าไหร่ เพิ่งจะเกิดขึ้นหลังจากสอบ compre ผ่านไปสองสามวันเองคือแรกเริ่มเดิมทีเนี่ย สามสาวเค้าตั้งใจจะไปช็อปปิ้งกันที่วังหลัง และท่าพระจันทร์ แต่เผอิญว่านัดเจอช่างภาพหนุ่มคนหนึ่งที่ตั้งใจ (อย่างมาก) จะมาแจมกับพวกเราให้ได้ เป็นอันว่าได้ไปนั่งชิว ดูพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าด้วยกันที่สวนสันติ ...โรแมนติกท้ายสุด ก็ลงเอยที่ร้านกินลมชมสะพาน ได้นั่งชมแสงไฟจากสะพานพระรามแปดด้วยกันต่อจนดึกดื่น บรรยากาศดีมาก ลมพัดเย็นสบาย ดนตรีไพเราะ น่าเสียดายที่อยู่ดึกเกินไปไม่ได้นัก เพราะรุ่งเช้าต้องเดินทางไป สปป ลาวหวังว่าคราวหน้าคุณ one-J จะได้ร่วมแจมกับแก๊งค์ three-P's อีกนะ ขอบคุณภาพสวยๆ โดยปิงปิง (งานนี้ปิงเต็มๆเลย เพราะเราไม่ได้พกกล้องไป ภาพส่วนใหญ่เลยเป็นฝีมือ ปิงปิง จ้า)ขอบคุณจาจาด้วยนะที่ให้เรายืมกล้องคอมแพ็คถ่ายแก้ขัด (ไม่งั้นคงลงแดงตายไปแล้ว ที่ไม่มีกล้องใช้)และเจ้าเก่า บีบี๋ นางแบบผู้ชำนาญเป็นอย่างยิ่ง
...เกาะเอ๋ย เกาะเกร็ด... (ภาพเก็บตกจ้า)
มาแล้ว มาดูรูปบรรยากาศรอบเกาะเกร็ดกันต่อเลยนะแล้วพบกันทริปหน้านะจ๊ะ
...เกาะเอ๋ย เกาะเกร็ด...
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้ไปร่วมอนุโมทนางานบวชของ TOEY Potter เลยนำภาพบรรยากาศในงานมาให้ดูกัน เสียดาย... วันนั้นแสงที่ลอดผ่านประตูหน้าต่างโบสถ์สวยมาก แต่ถ่ายภาพไม่ค่อยได้ คือไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่เพราะเกรงจะไปเกะกะในพิธี เลยได้แต่ซูมเอาจากระยะไกลๆแต่ไฮไลท์ของวันนี้..ก็คือการไปเที่ยวต่อที่เกาะเกร็ดซึ่งเป็นการเปลี่ยนแผนอย่างกะทันหัน จากที่วางไว้ว่าจะไปปราณบุรี ๓ วัน ๒ คืน ...ไหนๆจะไม่ได้ไปเที่ยวปราณ ก็ขอเที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพละกันเกาะเกร็ด เกิดขึ้นจากการขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงส่วนที่เป็นแหลม ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ แห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 2265 เรียกว่า คลองลัดเกร็ดน้อย (คลองลัดเกร็ดใหญ่อยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ขุดลัดแม่น้ำเจ้าพระยาตอนท้ายอำเภอสามโคกมาทางใต้ถึงคลองขวางเชียงราก) ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางแรงขึ้นเซาะตลิ่งทำให้คลองขยาย แผ่นดินตรงแหลมจึงกลายเป็นเกาะ ชื่อที่เรียกนั้น ชื่อเดิมเรียกว่า เกาะศาลากุนเกาะเกร็ดมีความเจริญมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สังเกตได้จากวัดวาอารามต่างๆบนเกาะส่วนใหญ่จะเป็นศิลปะในสมัยอยุธยา แต่คงจะมาร้างคนเมื่อพม่ามายึดกรุงศรีอยุธยาได้ หลังจากกอบกู้เอกราชได้ พระเจ้าตากสินมหาราชจึงโปรดให้ชาวมอญที่เข้ารีตมาตั้งถิ่นฐานที่นี่ ชาวมอญบนเกาะเกร็ดนั้นมีทั้งที่เข้ามาในสมัยกรุงธนบุรี และสมัยรัชกาลที่ 2 ต่อมาเมื่อตั้งอำเภอปากเกร็ดขึ้นแล้วเกาะศาลากุน จึงมีฐานะเป็นตำบลและเรียกว่าตำบลเกาะเกร็ด เกาะนี้จึงมีชื่อว่า เกาะเกร็ด การคมนาคมบนเกาะจะใช้รถจักรยานและรถจักรยานยนต์ สถานที่น่าสนใจบนเกาะ ได้แก่ วัดปริมัยยิกาวาส (วัดปากอ่าว), พระวิหารที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์สมัยอยุธยาตอนปลาย, พิพิธภัณฑ์วัดปรมัยยิกาวาส, วัดเสาธงทอง, วัดไผ่ล้อม, วัดฉิมพลีฯ, พิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผา, คลองขนมหวานไว้มาโพสต์ต่อนะ
F4:รักใสใส... กับใจ4ดวง ...ณ สวนรถไฟ จ้า..
มันเป็นวันแรกของเทอมสุดท้ายที่เด็กซึ่งกำลังจะกลายเป็นผู้ใหญ่และต้องออกไปเผชิญกับโลกกว้างทั้ง 4 คน กำลังวางแผนพักผ่อนให้ชีวิต ทั้งๆที่เพิ่งเปิดเรียนวันแรกแท้ๆ แต่พวกเรากลับถูกพันธนาการไว้ด้วยภาระต่างๆ มากมายและแม้จะมีเวลาว่างตรงกันเพียงน้อยนิด พวกเราก็ยังไม่ยอมแพ้ ...อุตส่าห์เจียดเวลาไปผ่อนคลายจนได้ ในที่สุด ช่วงเวลาอันแสนสนุกของพวกเราก็ไปหยุดลงที่ ...สวนรถไฟ... ตั้งแต่ครั้งแรกที่เพิ่งรู้จักสวนรถไฟจนถึงวันนี้ เกือบห้าปีแล้วมั้ง และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้ไปเยือนสักที อยากถ่ายโน่นถ่ายนี่เต็มไปหมด อยากปั่นจักรยานให้ทั่วๆ สักหลายๆรอบด้วย แต่กว่าจะไปถึงสวนรถไฟก็ตั้งเกือบหกโมงเย็น เลยได้ภาพมาแค่น้อยนิด ...หวังว่าโอกาสหน้า(ในเร็วๆนี้) คงจะได้ไปแก้มืออีกสักรอบนะ