|
นิราศสุพรรณ(ทั้งหมด)
นิราศสุพรรณแต่งขึ้นในราวปี พ.ศ.๒๓๗๔ ในระหว่างที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดสระเกศ วัตถุประสงค์ในการเดินทางคือเพื่อหาแร่ชนิดหนึ่ง ที่สามารถนำมาแปรธาตุชนิดอื่นได้ พูดง่ายๆ คือท่าน "เล่นแร่แปรธาตุ" นั่นเอง
นิราศเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเดียวของท่านที่แต่งเป็นโคลง ทำนองจะลบคำสบประมาทว่าท่านแต่งได้แต่เพียงกลอน ในนิราศเรื่องนี้ เราจะพบท่านสุนทรภู่แต่งโคลงกลบทไว้หลายต่อหลายรูปแบบ และโคลงที่มีสัมผัสในเหมือนอย่างกลอนที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย นอกจากนี้ยังพบว่า ท่านสุนทรภู่ใช้คำเอกโทษ โทโทษ เปลืองที่สุด ด้วยหมายจะคงความหมายดังที่ต้องการ ส่วนการรักษารูปโคลงเป็นเพียงเรื่องรอง ทำให้ได้รสชาติในการอ่านโคลงไปอีกแบบหนึ่ง เพราะต้องเดาด้วยว่าท่านต้องการจะเขียนคำว่าอะไร
การเดินทางครั้งนี้เหนื่อยยากหนักหนาแทบจะเอาชีวิตไม่รอด สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรกลับมา ท่านได้เขียนเตือนบุตรหลานทั้งหลาย ในโคลงก่อนบทสุดท้ายของนิราศ คือบทที่ ๔๖๑ ว่า:
หวังไว้ให้ลูกเต้า เหล่า หลาน รู้เรื่องเปลืองป่วยการ เกิด ร้อน อายุวัฒนะขนาน นี้พ่อ ขอเอย แร่ปรอทยอดยากข้อน คิดไว้ ให้จำฯ
อนึ่ง ในการคัดลอกโคลงนิราศสุพรรณมาลงไว้ที่นี้ ผู้จัดทำได้ดัดแปลงคำบางคำจากต้นฉบับของกรมศิลปากร เพราะมีหลายคำที่สะกดผิดเพี้ยนไปจากคำในปัจจุบัน จนกระทั่งการอ่านครั้งแรกจับคำไม่ได้ ทั้งนี้จะแปลงเฉพาะคำที่ผิดเพี้ยนมากจริงๆ เท่านั้น ส่วนคำที่ผิดเพี้ยนเพียงเล็กน้อย และคำที่แปรรูปไปในตำแหน่งเอกโทษ โทโทษ จะคงไว้ตามเดิม ทั้งนี้ด้วยมุ่งหมายให้ผู้อ่านสามารถติดตามเรื่องราว การผจญภัยของท่านสุนทรภู่ได้อย่างสนุกสนานและราบรื่น
๑ - ๑๐๐ โคลง ๔ ๑ ๏ เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า ดาดาว จรูญจรัดรัศมีพราว พร่างพร้อย ยามดึกนึกหนาวหนาว เขนยแนบ แอบเอย เย็นฉ่ำน้ำค้างย้อย เยือกฟ้าพาหนาว ฯ ๒ ๏ มหานากฉวากวุ้ง คุ้งคลอง ชุ่มชื่นรื่นรุกขีสอง ฝั่งน้ำ คุกคิดมิศหมายครอง สัจสวาดิ ขาดเอย กล้าตกรกเรื้อซ้ำ โศกทั้งหมางสมร ฯ ๓ ๏ ขอฝากซากสวาดิสร้อย สุรธร ไว้ที่ท่าสาคร เขตนี้ ศาลาน่าวัดภร พี่ฝาก มากเอย ใครที่พี่เป็นผี้ พี่ให้อไภยเจริญ ฯ ๔ ๏ จำร้างห่างน้องนึก น่าสวน สองฝ่ายชายหญิงยวน ยั่วเย้า หวังชายฝ่ายหญิงชวน ชื่นเช่น เหนเอย กลเช่นเล่นซักเสร้า เสพเผื้อนเฟือนเกษม ฯ ๕ ๏ เลี้ยวลัดวัดษเกษก้ม คมลา กุฏศพนบมานดา เกิดเกล้า เดชะพระกุศลภา พ้นโลก โอกฆเอย เสวยศุกทุกค่ำเช้า ช่องชั้นสวรรยางค ฯ ๖ ๏ เชิงเลนเปนตลาดสล้าง หลักเรือ โอ่งอ่างบ้างอิดเกลือ เกลื่อนกลุ้ม หลีกล่องช่องเล็กเหลือ ลำบาก ยากแฮ ออกแม่น้ำย่ำถุ้ม ถี่ฆ้องสองยาม ฯ ๗ ๏ แซ่เสียงเวียงราชก้อง กังสดาน หง่งหงั่งระฆังขาน แข่งฆ้อง สังแตรแซ่เสียงประสาร สังขีด ดีดเอย ยามดึกครึกครื้นก้อง ปี่แก้วแจ้วเสียง ฯ ๘ ๏ วัดเลียบเงียบสงัดหน้า อาราม ขุกคิดเคยพญายาม แย่งน้อง รวยรินกลิ่นสไบทราม สวาดร่วง ทรวงเอย สูรกลิ่นสริ้นกลอนพร้อง เพราะเจ้าเบาใจ ฯ ๙ ๏ เจริญบุญสุรธรไว้ ให้สมร สืบสวัสสัฐาภร ผ่องแผ้ว เชิญทราบกาพกลกลอน กล่าวกลิ่น ถวินเอย จำขาดชาตินี้แล้ว คลาดน้องของสงวน ฯ ๑๐ ๏ วัดแจ้งแต่งตึกตั้ง เตียงนอน เคยปกนกน้อยคอน คู่พร้อง เคยลอบตอบสารสมร สมานสมัคร รักเอย จำจากพรากนุชน้อง นกน้อยลอยลม ฯ ๑๑ ๏ สาวแก่แม่ม่ายแม้น มีคุณ ขอเดชะพระวรุณ ราชรู้ ยามดึกนึกส่งบุญ แบ่งฝาก มากเอย วัดช่วยอวยสวัสดิขู้ คิดพร้องสนองเพลง ฯ ๑๒ ๏ ยนฉนวนหวนนึกน้ำ เนตรนอง พระธินั่งบันลังทอง ที่เฝ้า ชำระพระนิพนสนอง เสด็จสนิด ชิดเอย สริ้นแผ่นดินปกเกล้า กลับร้างห่างฉนวน ฯ ๑๓ ๏ แบ่งบุญสุรธรเชื้อ ชิณวง สืบซ่างทางพุทพง ผ่องแผ้ว ถวายพระหริรักทรง สารภิเศศ เสวตรเอย ลุโลกโมฆเมืองแก้ว กิจร้ายหายสูร ฯ ๑๔ ๏ อีกองมงกุฎิเกล้า เขากรุง สืบกษัตรขัติยบำรุง รอบแคว้น ถวายพระอนิสงพดุง พเดชเฟื่อง กเดื่องเอย สิ่งโศกโรคเรื่องแค้น ขจัดผ้ายวายเขน ฯ ๑๕ ๏ ท่าช้างหว่างค่ายล้อม แหล่งสถาน ครั้งพระโกฎโปรฐประทาน ที่ให้ เคยอยู่คู่สำราน ร่วมเย่า เจ้าเอย เหนแต่ที่หมีได้ ภบน้องครองสงวน ฯ ๑๖ ๏ วังหลังครั้งหนุ่มเหน้า เจ้าเอย เคยอยู่ชูชื่นเชย ค่ำเช้า ยามนี้ที่เคยเลย ลืมภัก พี่แฮ ต่างชื่นอื่นแอบเคล้า คลาศแคล้วแล้วหนอ ฯ ๑๗ ๏ คิดคำลำฦกไว้ ใคร่เตือน เคยรักเคยร่วมเรือน ร่วมรู้ อย่าเคืองเรื่องเราเยือน ยามแก่ แม่เอย ใครที่มีชู้ชู้ ช่วยช้ำคำโคลง ฯ ๑๘ ๏ เลี้ยวทางบางกอกน้อย ลอยแล บ้านเก่าเย่าเรือนแพ พวกพ้อง เงียบเหงาเปล่าอกแด ดูแปลก แรกเอย ลำฦกนึกรักร้อง เรียกน้องในใจ ฯ ๑๙ ( นาคบริพันธ์ ) ๏ สาวเอยเคยอ่อนหนุ้ม อุ้มสนอม ออมสนิทชิดกลิ่นหอม กล่อมให้ ไกลห่างว่างอกตรอม ออมตรึก รฦกเอย เลยอื่นขึ้นครองไว้ ใคร่หว้าหน้าสวน ฯ ๒๐ ๏ ยนย่านบ้านบุตั้ง ตีขัน ขุกคิดเคยชมจรร แจ่มฟ้า ยามยากหากปันกัน กินซีก ฉลีกแฮ มีคู่ชูชื่นหน้า นุชปลื้มลืมเดิม ฯ ๒๑ ๏ เสียดายสายสวาดโอ้ อาวร รักพี่มีโทษกร กับน้อง จำจากพรากพลัดสมร เสมอชีพ เรียมเอย เสียนุชดุจทรวงต้อง แตกฟ้าผ่าสลาย ฯ ๒๒ ( นาคบริพันธ์ ) ๏ เคราะกำจำห่างน้อง ห้องนอน หวนนึกดึกเคยวอน ค่อนหว้า คิดไว้ไม่ห่างจร ห่อนจาก หากจิตรมิศหลายหน้า ล่าน้องหมองหมาง ฯ ๒๓ ๏ เดือนตกนกร้องเร่ง สุริยง เยี่ยมยอดยุคุนททรง ส่องฟ้า เดือนดับลับโลกคง คืนขึ้น อีกเอย จันพี่นี้ลับหน้า นับสริ้นดินสวรร ฯ ๒๔ ๏ วัดปขาวคราวรุ่นรู้ เรียนเขียน ทำสุรทสอนเสมียน สมุทน้อย เดินรวางรวังเวียน หว่างวัด ปขาวเอย เคยชื่นกลืนกลิ่นสร้อย สวาดิห้างกลางสวน ฯ ๒๕ ๏ เห็นเรือนเพื่อนรักร้าง แรมโรย โอ้อกอาดูรโดย ทเวดด้วย ดูสวรป่วนจิตรโหย หาดอก สร้อยเอย แลลับกลับชาติม้วย ไม่ได้ใกล้กลาย ฯ ๒๖ ๏ บางบำรุบำรุงแก้ว กานดา แก้วเนตรเชษฐาชรา ร่างแล้ว ถือบวดตรวจน้ำภา ภพชาติ อื่นเอย ชาตินี้พี่แคล้ว คลาศค้างห่างสมร ฯ ๒๗ ๏ บางรมาดมิ่งมิดครั้ง คราวงาน บอกบทบุญยังพยาน พยักหน้า ประทุนประดิศถาน แทนฮ่อง หอเอย แหวนประดับกับผ้า พี่อ้างรางวัน ฯ ๒๘ ๏ สงสารสายเนตรน้อง นองชล ลเนตรพี่เพียงฝอยฝน เฟ่าน้อง จวนรุ่งร่ำสอื้นจน จำจาก แจ่มเอย คราวเคราะเพราะน้องต้อง พยุกล้าสลาตัน ฯ ๒๙ ๏ สวรหลวงแลสล่างล้วน พฤกษา เคยเสด็จวังหลังมา เมื่อน้อย ข้าหลวงเล่นปิดตา ต้องอยู่ โยงเอย เห็นแต่พลับกับสร้อย ซ่อนซุ้มคลุมโปง ฯ ๓๐ ๏ วัดพิกุนกรุ่นกลิ่นเกลี้ยง กลอยใจ แรกรุ่นรวยมาไล ไส่เหล้น เรียนร้อยค่อยสอดไหม เหมือนแน่ และเอย ร้อยคล่องต้องนั่งเน้น นวดฟั้นท่านครู ฯ ๓๑ ๏ บางขวางข้างเขตแคว้น แขวงนน สองฟากหมากมพร้าวผล พรรไม้ หอมรื่นชื่นเช่นปน แป้งประ ปรางเอย เคลิ้มจิตคิดว่าใกล้ กลิ่นเนื้อเจือจรร ฯ ๓๒ ๏ เชิงสวรล้วนรักน้ำ คล้ำไคล ลูกดกรกเรื้อไบ บิดพลิ้ว รักร้ายฝ่ายตนไกล กลัวรัก นักเอย เดจลูกถูกยางนิ้ว หนิดเนื้อเหลือดัน ฯ ๓๓ ๏ บางกรวยตรวดน้ำแบ่ง บุญทาน ส่งนิ่มนุชนิพพาน ผ่องแผ้ว จำจากพรากพลัดสถาน ทิ้งพี่ หนีเอย เห็นแต่คลองน้องแคล้ว คลาศเลื่อนเดือนปี ฯ ๓๔ ๏ บางศรีทองคลองบ้านเก่า เจ้าคลอง สีเพชผัวสีทอง ถิ่นนี้ เลื่องฦาชื่อเสียงสนอง สำเหนียก นามเอย คลองคดลดเลี้ยวชี้ เช่นไสร้ไสทอง ฯ ๓๕ ๏ ล่วงทางบางบ้านเรียด ริมชลา สองฝั่งพรั่งพฤกษา สลับสล้าง ไม้ปลูกลูกดอกดา ดกดาษ กลาดเอย ทรงกลิ่นรินรื่นข้าง ขอบคุ้งฟุ้งขจร ฯ ๓๖ ๏ รอกแตแลลอดเลี้ยว โลดโผน นกหกจกจิกโจน จับไม้ ยางเจ่าเหล่ายางโทน ท่องเที่ยว เหยี่ยวเอย โฉบฉาบคาบปลาได้ ด่วนขึ้นกลืนกิน ฯ ๓๗ ๏ บางกร่างข้างคุ้งค่าม เขตคลอง บางขนุนขุนกอง ก่อสร้าง ของสวนส่วนเจ้าของ ขายน่า ท่าเอย สาวแก่แม่ม่ายบ้าง บกน้ำลำเรือ ฯ ๓๘ ๏ โรงหิบหนิบอ้อยออด แอดเสียง สองข้างรางรองเรียง รับน้ำ อ้อยไส่ไล่ควายเคียง คู่วิ่ง เวียรเอย อกพี่นี้ชอกช้ำ เช่นอ้อยย่อยรยำ ฯ ๓๙ ๏ หีบหันนั้นและเหล้ กระลาการ ขู่ข่มเหงหักหาร ห่อนเว้น เข้าพวกคิดอ่านพาล เอาผิด พ่อเอย กลหีบหนิบนิดเน้น นึกช้ำน้ำใจ ฯ ๔๐ ๏ บางคูเวียงเสียงสงัดล้วน สวนไสว เวียงชื่อศรีท้าวไท ท่านตั้ง เวียงราชคลาดแคล้วไกล กลับรฦก นึกเอย ยามยากจากเมืองทั้ง ถิ่นปลื้มลืมกเษม ฯ ๔๑ ๏ บางม่วงทรวงเศร้าคิด เคยชวน ม่วงเกบมม่วงสวน ศุกรย้า ม่วงอื่นรื่นรันจวน จิตไม่ ใคร่แฮ ม่วงหม่อมหอมห่วนหน้า เสน่เนื้อเจือจรร ฯ ๔๒ ๏ จันต้นผลห่ามให้ หวนหอม แมลงภู่วู่เวียนตอม ไต่เคล้า เพียงพี่ที่สุดถนอม เสน่ห์แจ่ม จรรเอย พร้องชื่อรื้อเสียวเศร้า โศกร้างห่างจรร ฯ ๔๓ ๏ ล่วงทางบางใหญ่บ้าน ด่านคอย เลี้ยวล่องคลองเล็กลอย เลื่อนช้า สองฝั่งพรั่งพฤกษพลอย เพลินชื่น ชมเอย แลเหล่าชาวสวนหน้า เสน่ห์น้องคลองสนอม ฯ ๔๔ ๏ คลองคดลดเลี้ยวล้วน หลักตอ เกะกะรเรือรอ ร่องน้ำ คดคลองช่องแคบพอ พายถ่อ พ่อเอย คนคดลดเลี้ยวล้ำ กว่าน้ำลำคลอง ฯ ๔๕ ๏ ล่วงย่านบ้านวัดร้าง เรือนโรง ตกทุ่งถึงคลองโยง หย่อมไม้ วัดใหม่ธงทองโถง ที่ติด ตื้นแฮ ควายลากฝากเชือกไขว้ เคลื่อนคล้อยลอยเลน ฯ ๔๖ ๏ คนขี่ตีต้อนเร่ง รันควาย ถอนถีบกีบกอมตกาย โก่งโก้ เหนื่อยนักชักเชือกหงาย แหงนเบิ่ง เบือนแฮ คนหวดปวดป่วนโอ้ สอึกเต้นเผ่นโผน ฯ ๔๗ ๏ ทุกข์ใดในโลกล้น ล้ำเหลือ ไม่เท่าควายลากเรือ รับจ้าง หอบฮักจักขุเจือ เจิ่งชุ่ม ชลเอย มนุษย์ดุจติดค้าง เฆี่ยนเร้าเอาเงิน ฯ ๔๘ ๏ สังเวชเหตุด้วยทรัพย์ ศฤงคาร พาสัตว์วัตนสงสาร โศกเศร้า ตรวดน้ำร่ำศีลทาน ทั่วสัตว์ สวัสดิ์เอย จงสุขทุกค่ำเช้า ชาติพ้นชนมาน ฯ ๔๙ ๏ ข้างคลองสองฝั่งเฟื้อย เฟือยแขม คาแฝกแซกเซียดแซม ซับซ้อน ในพุ่มกุ่มกกแกม กอย่า รย้าแฮ นกหกวกเวียนหว้อน วิ่งเต้นเผ่นโผน ฯ ๕๐ ๏ นกกกรุมกลุ้มเกลื่อนท้อง ทุ่งนา คุ่มคุ่มสุ่มสับปลา ปากโง้ง ขยอกขยอกกลอกเหนียงพา เพื่อนเที่ยว เกรียวแฮ ศีรษะกระกรุมโล้ง เล่ล้านบ้านเรา ฯ
Create Date : 10 มิถุนายน 2553 | | |
Last Update : 8 กรกฎาคม 2553 1:23:38 น. |
Counter : 4516 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|