"คนที่มีความฝันให้ตามหา มีความทรงจำให้คิดถึง คือคนที่โชคดีที่สุด" ๐ จิมมี่ เลี่ยว ๐ http://twitter.com/nopsukda

พรเก้าประการ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ทำระบบการเงิน
๐ เริ่มแล้ว

สร้างสรรค์งานเขียน และ ถ่ายภาพ
๐ เริ่มแล้ว

รักใครสักคน
๐ เริ่มใหม่ได้เรื่อยๆ

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add พรเก้าประการ's blog to your web]
Links
 

 

เพื่อ…

การหาร้านกาแฟนั่งยามเที่ยงคืนเพื่อนั่งรวมสติอ่านหนังสือ หรือ
เขียนงานก่อนนอนนั้นช่างหายากจริงๆ
แต่เราก็มีร้านประจำคือร้านแมคคาเฟ่ ที่ทาวน์อินทาวน์ หรือไม่ก็พระรามสี่เสมอๆ
แต่ในคืนนี้กลับยากขึ้นไปอีก ๒ เท่าตัว
เท่าแรกนั้นวันพรุ่งนี้จะเป็นวันสงกรานต์
ส่วนใหญ่ร้านเหล่านี้ก็ปิดเร็วเพราะไม่มีลูกค้า
สำหรับเท่าหลังนั้นเป็นเพราะท่านนายกประกาศภาวะฉุกเฉิน
ทำให้หน้าร้านแมคที่เรานั่งประจำแปะป้ายปิดบริการตอน ๕ ทุ่ม

ส่วนสาเหตุที่ท่านนายกต้องประกาศภาวะฉุกเฉินนั้นก็เพราะว่าท่าน
ต้องการให้พี่เสื้อแดงได้เล่นน้ำสงกรานต์ได้อย่างสบายใจ
เอ๊ย….พี่เสื้อแดงเหล่านั้นต้องการให้รัฐบาลหน้าหล่อลาออก
เพื่อที่จะให้พี่ทักกี้กลับมาบริหารราชการบ้านเมืองต่อ
และถ้าพี่ทักกี้กลับมา คราวนี้ก็ถึงที่ของเสื้อเหลืองทำงาน
เดินขบวนออกมาปิดนั่น ปิดนี่ให้วุ่นวายจนพี่ทักกี้ทำงานไม่ได้
พอพี่ทักกี้หนีไปอีก พี่หน้าหล่อก็จะกลับมา พอถึงตอนนั้นพี่เสื้อแดงก็จะกลับมา
ซึ่งมีแววว่าจะสลับกันไปแบบนี้เรื่อยๆ เพราะเมืองไทยเป็นประเทศประชาธิปไตย
ที่สามารถออกมาประท้วงทุบกระจกให้ท่านผู้นำระดับโลกต้องวิ่งหนีตาย
หรือสามารถประท้วงปิดสนามบินให้นักท่องเที่ยวได้ค้างคืนกันอีกสักหน่อย

ซึ่งคนไทยทั้งสองสีนั้นโคตรเข้าใจประชาธิปไตยเลยว่า
ไม่ใช่พวกกรู กรูไม่เอา ไม่ใช่พวกเรา เราไม่สน
บ้านเมืองจะบรรลัยแค่ไหนกรูไม่เกี่ยวเพราะอีกไม่นานกรูก็ตายแล้ว
ต้องรักษาประชาธิปไตยไว้ให้ลูกหลาน
แต่มึงเคยถามลูกหลานไหมว่าสิ่งที่ทำเนี่ย
ลูกหลานเขาต้องการจริงๆไหม
หรือเป็นแค่ความต้องการของตัวเองที่ท่านผู้นำไม่ใช่คนที่ชอบ

เมื่อเห็นว่าไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องการก็ขับไล่
ที่ใครที่มัน คราวที่แล้วสีเหลืองยังไล่นายกตูซะปีนกำแพงหนีไม่ทัน
คราวนี้กรูไล่ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เลย
พลัดกันคนละครั้ง บ้านเมืองวอดวายช่างแม่…..มันซิ
เพราะถ้าไม่ไล่เดี๋ยวบ้านเมืองมันพังนะ

สุดท้ายทั้งมือตบ ทั้งตีนตบ ทั้งแดง ทั้งเหลือง
ล้วนเป็นเครื่องมือของคนที่ไม่ได้ดั่งหวังแค่หยิบมือเดียว


น่าเศร้าที่คิดกันได้แค่นี้เอง

ปล.๑เร็วๆนี้มีน้ำเงินด้วย ใส่เสื้อ สันติ สามัคคี แต่ไปไล่ตีเสื้อแดง เข้น้อย... เรียนจบจากไหนว่ะเนี่ยยย
ปล.๒ ขี่ไปเจอพี่เสื้อแดงโดยบังเอิญตรงถนนลาดพร้าว เห็นเด็กที่ตามแม่มายืนพิงแท็กซี่หลับ ความถูกต้องมาก่อนสภาพร่างกายของลูกตัวเอง เจริญละมึง




 

Create Date : 13 เมษายน 2552    
Last Update : 13 เมษายน 2552 4:16:56 น.
Counter : 479 Pageviews.  

ความในใจของเด็กแนว

๐๐ เพิ่งกลับมาจากงานแฟตเลยนึกถึงงานชิ้นนี้ งานเก่า ดูเถื่อนๆและแถไปหน่อยเหอๆ ๐๐

“เดี๋ยวนี้กลายเป็นเด็กแนวเลยนะแก” คำทักทายของเพื่อนเก่าคนหนึ่งที่เจอกันบนลิฟท์ตอนบ่าย 2 ไอผมก็งงละซิอะไรคือ “เด็กแนว” ไม่เข้าใจคำพูดมันเลย ผมก็ตอบไปว่า “ไม่ได้เป็นซะหน่อย” มันก็ตอบกลับมาว่า “เนี่ยแหละเด็กแนวมักไม่ยอมรับตัวเองว่าเป็นเด็กแนว” เอ้า....ก็คนมันไม่รู้จักนี่หว่าว่า ไอ้เด็กนง เด็กแมวอะไรเนี่ยมันคืออะไร(ว่ะ) บอกว่าไม่ได้เป็น ไม่ได้เป็น มันก็หาว่าเราไม่ยอมรับ อะไรกัน(ว่ะ)เนี่ย ว่าแล้วเพื่อไม่ให้เป็นการหงุดหงิดจนเกินไป ลองไปความหมายซะหน่อย อยากรู้เหลือเกินว่า “เด็กแนว” เนี่ยมันคืออะไร ว่าแล้วก็ไปค้นจาก “ google” ได้มา 1000 กว่าเว็บที่พูดถึงเด็กแนว พออ่านแล้วก็อยากจะอธิบายใจจะขาดว่า......ตามไปอ่านบรรทัดต่อไปกันเลย

ทำตัวเซอร์ๆ เก่าๆ เน่าๆ
อันนี้เป็นข้อแรกเลยที่เจอเขามักจะบอกว่าการแต่งตัวของเด็กแนวเนี่ยจะเห็นชัดที่สุด ซึ่งจะหนักไปทางเสื้อยืดเก่าๆ ยีนส์เน่าๆ ร้องเท้าเปื่อยๆ ประมาณว่ายิ่งเซอร์ยิ่งเจ๋ง ของถูกยิ่งดี ยิ่งสกปรก เก๋มาก ก็แหม...สไตล์การแต่งตัวมันไม่เหมือนนี่ครับ บางคนเขาไฮโซ ก็ใช้แบรนเนมไป แต่คนมันไม่มีตังค์ จะให้ไปขายตัวมาซื้อหรือไงครับพี่ คนมันรู้ตัวไงครับว่าแต่งแบบนี้เหมาะกับตัวเอง ถามหน่อยเหอะครับพวกไฮโซทั้งหลายเขาจะใส่แบรนด์เนมทุกวันหรือไงครับ มันก็ต้องมีโอกาสใส่สินค้า OTOP กันบ้างละ หรือพวกที่แต่งตามแฟชั่น กลับบ้านไปเขาก็ต้องมาใส่เสื้อยืดตราห่านคู่ หรือชุดนอน 2 พันปีตัวโปรดบ้างละครับ ไม่มีใครที่แต่งตัวตามแฟชั่นได้ตลอดเวลาหรอก และที่เลือกใส่เก่าๆเน่าๆก็เพราะว่าถ้ามันขาดไปจะได้ไม่เสียดายไงละครับ ไม่ได้จงใจเซอร์เลยให้ตายเหอะ

อ่าน A Day ฟัง Fat ดูหนังลิโด้ เกลียด Grammy และ Rs
ข้อหาต่อมาก็คือ เด็กแนวเนี่ย ชอบทำตัว art อะไรที่เป็นตลาดมักจะรับไม่ได้ และไม่ยอมรับมัน เอ้าก็คนมันชอบนี่ครับ จะให้ทำไงได้ ผมก็ไม่ทราบว่าคนที่ตั้งแง่ตรงนี้ขึ้นมาเนี่ย เคยอ่าน ฟัง หรือดู สิ่งที่พวกเด็กแนวเขาชอบกันหรือยัง ถึงมาตัดสินว่ามันดูไม่รู้เรื่องบ้าง ต้องปีนบันไดฟังบ้าง อ่านไม่เข้าใจ งานพวกนี้มันไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลยนะครับเพียงแต่คุณต้องเปิดใจมากขึ้น และมันก็เป็นความชอบของคนกลุ่มนี้เขา ก็เหมือนกับพวกคุณชอบ F4 ฟังเพลง ใจน้อย รักพี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ฟังคลื่นอาร์เอส มันก็เหมือนๆกันแหละครับ เพียงแต่คนละกลุ่มเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นอย่าเอาความคิดตัวเองมาตัดสินคนอีกกลุ่มหนึ่งนะครับ

ชอบทำตัวขวางโลก......พยายามสวนกระแสไปวันๆ
อันนี้อ่านแล้วมันก็จี๊ดนะครับ อยากจะบอกเหลือเกินครับว่า ทุกสิ่งอย่างบนโลกใบนี้มีสองด้านนะครับ มีบวกก็ยังต้องมีลบ รัฐบาลเขาก็ยังมีทั้งฝ่ายค้านมาคอยถ่วงไม่ให้เขาทำงานแบบเบ็ดเสร็จ กระแสก็เหมือนกัน ถ้ามันเป็นกระแสที่ดีเราจะไปสวนให้เจ็บตัวทำไมละครับ และการที่เราไม่ชอบตามกระแสก็เพราะรู้สึกว่าบางอย่างมันเอาเปรียบเราเกินไป ทำไมโรงหนังชอบฉายแต่หนังที่ทำเงิน หนังเรื่องไหนไม่ทำเงินไม่ฉาย ถามหน่อยครับว่าคนทำหนังใช้เงินในการลงทุนไหมครับ และทำไมคนไทยไม่ชอบดูหนังที่ไม่ทำเงิน พวกเขาก็จะตอบว่า ก็หนังมันดูไม่รู้เรื่อง ผมอยากจะบอกนะครับว่า มีหนังที่ไม่ใช่หนังตลาดแต่ดูง่ายๆเยอะแยะ ลองไปหามาดูบ้างนะครับ แล้วคุณจะรู้ว่าที่พวกเราสวนกระแสนั่นนะไม่ใช่อยากเด่นครับ

ในความคิดผมนะครับการที่จะเป็นเด็กแนวนั้นไม่ยากหรอก ขอเพียงแต่คุณมีความมั่นใจในตัวเอง และใส่ใจกับผลงานมากกว่าการแต่งตัว เพียงเท่านี้คุณก็เป็นเด็กแนวแล้ว สำหรับใครที่กำลังเริ่มหัดที่จะเป็นเด็กแนวแล้วเจอกระแสต่อต้านจนขาดความมั่นใจ ผมอยากจะบอกว่าอยากจะเป็นก็เป็นไปเถอะครับ ตราบใดที่คุณไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ส่วนใครที่มีอาการหมั่นไส้ “เด็กแนว” ละก็ ผมแนะนำให้คุณลองคบเขาดูก่อนไม่แน่เขาอาจจะมีอะไรดีๆ อย่างที่คุณคาดไม่ถึงก็เป็นได้





 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2551 19:07:53 น.
Counter : 424 Pageviews.  

มาเที่ยวผับกันเถอะ

๐๐๐ งานเก่าๆ ช่วงนั้นก็ไปผับประจำ พอช่วงลูกหมูสามตัวเริ่มดัง ก็เลยหยุดเที่ยว เพราะกลัวไปตอบคำถามไม่ได้ว่ามันเป็นลูกใคร ก็ได้งานชิ้นนี้มา๐๐๐

อาร์....ยู......เรดี้......ตื้อ..ตื้อ..ตื่อ...ดือ..ตะดือ...ตะดือ...แหมเสียงเพลงมันเร้าใจจริงๆ แหะๆ วันนี้มาปล่อยแก่ที่ผับแถวๆ ออฟฟิศ ไม่ยักรู้แหะว่าซอยนี้ก็มีผับเยอะเหมือนกันมัวแต่ไปเที่ยวไกลๆ แต่เสียดายที่ถนนเส้นนี้เล็กไปหน่อยรถเลยติดหนัก แต่ก็เอาเหอะในผับมันต้องเบียดๆกันอยู่ดี ถือว่าฝึกเบียดกับบนถนนก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวค่อยเข้าไปเบียดสาวๆข้างในหุหุ พอเข้ามาละลานตาไปหมดเลยสาวๆสวยๆทั้งนั้นเลยแหะที่นี่ใช้ได้ แล้วน้องๆที่มาเที่ยวแต่ละคนก็ใสๆทั้งนั้น บางคนใส่ชุดนักศึกษามาเลย แหมเห็นแล้วมันชื่นใจจังที่รู้ว่าที่นี่มีน้องๆนักศึกษามาเที่ยวกันเพียบ ทำให้พวกพี่ๆนี่สดชื่นกระชุ่มกระชวย ที่ได้เห็นน้องๆเข้ามาเที่ยวกันเยอะขนาดนี้ บางคนอยากจะเถียงว่าให้เด็กๆมาเที่ยวอย่างนี้ดีที่ไหน เอ้า..ใจเย็นครับพี่....นั่งดื่มด้วยกันสักแก้วแล้วฟังสิ่งที่ผมจะพูดก่อนสิจ๊ะ...

ชีวิตคือการเรียนรู้
ข้อนี้คือข้อดีข้อแรกของการมาเที่ยวผับเลยนะจะบอกให้ น้องๆที่เขามาเที่ยวที่แบบนี้แสดงว่าเขาเป็นคนที่มองโลกด้วยใจที่เปิดกว้าง เขาได้เห็นอะไรดีๆมาเยอะแล้วไงในชีวิตก็เลยอยากจะมาเรียนรู้โลกในอีกมุมหนึ่ง โลกของความเมา โลกของควันบุหรี่ โลกของเสียงเพลงทะลุแก้วหู รวมไปถึงโลกในด้านมืดที่ไม่สามารถเปิดเผย((เพราะผู้เขียนอาจจะกลายเป็นอาหารปลาได้)) ถ้าน้องๆเขาแค่สนุกอยู่กับแค่ 3 โลกแรกก็ถือว่าพอทนอย่างมากก็แค่ร่างกายตัวเองเสื่อม แต่ถ้าพวกน้องๆก้าวเข้ามายุ่งกับโลกมืดแล้วอาจจะมีคนรอบข้างเสื่อมตามตัวน้องไปด้วย และน้องอาจจะได้ประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงก็ได้

ช่วยเหลือระบบเศรษฐกิจ
ผับไม่ใช่องค์กรการกุศลที่คุณจะเข้าไปดิ้นๆ เมาๆ โดยที่จะไม่จ่ายเงินคงจะไม่ได้ ถ้าทำอย่างนั้นไม่โดนหิ้วปีกออกจากร้านแสดงว่าน้องคนนั้นต้องเป็นลูกเจ้าของร้านแหงๆ เพราะธุรกิจเขาก็ต้องมีการลุงทุนไหนจะต้องจ่ายค่าเหล้า ค่ามิกซ์เซอร์ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าภาษี ค่าแรงงาน ค่าพีอาร์ร้าน ค่าจ้างดีเจ โอ๊ยอีกมากมาย เขาทำธุรกิจครับ น้องๆที่มาเที่ยวก็ต้องเอาเงินมาให้เขา เพื่อจะเอาไปใช้หมุนเวียนธุรกิจของเขา เพื่อให้พวกเรามีความสุขต่อไป ดังนั้นน้องๆก็ต้องหาเงินมาเที่ยว ถ้าใครทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยก็สบายไป แต่ถ้าใครยังขอเงินคุณแม่อยู่ก็เก็บหอมรอบริบสักนิดก็สามารถมีเงินมาเที่ยวผับแล้ว เห็นไหมการที่น้องๆ มาเที่ยวผับเนี่ย น้องๆก็จะกลายเป็นส่วนสำคัญของวงจรเศรษฐกิจกันเลยทีเดียว

ความรับผิดชอบจะเพิ่มพูน
งงละซิว่าการเที่ยวผับจะทำให้ชีวิตมีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นได้อย่างไร หาว่าผมเมาหรือเปล่า อะๆๆแก้วสองแก้วจะเมาได้อย่างไรคร้าบบบ ยังไม่เมาเอามาเติมได้เรื่อยๆ เอิ๊ก... คุณว่าผับเลิกกี่โมง ตี 2 ตามกฏหมาย ถูกต้องนะคร้าบบบ ใช่ครับผับเลิกตี 2 ตามนโยบายของรัฐ แล้วมหาวิทยาลัยเรียนกันกี่โมง บางคนก็เรียนบ่าย บางคนก็เรียนเช้า คนเรานะหมอเขาบอกว่าควรนอนอย่างต่ำวันละ 6-8 ชม.กำลังดี สำหรับคนที่เรียนบ่ายก็ถือว่ารักษาสุขภาพ แต่พวกเรียนเช้าแล้วเมื่อคืนไปเมากันนั้น แสดงว่าน้องๆ เขาต้องมีความรับผิดชอบสูง ผับเลิกตี 2 ถึงบ้าน ตี 3 กว่าจะอาบน้ำทำธุระเสร็จก็เกือบๆตี 4 แต่พวกเขาต้องลุกไปเข้าเรียนให้ทันตอน 8 โมงเช้า ถ้าไปทันแสดงว่าความรับผิดชอบน้องคนนั้นสูงมาก แต่ถ้าไม่ทันละก็การไปเที่ยวผับเนี่ยแหละจะเป็นตัวฝึกความรับผิดชอบของน้อง บางคนกลัวไปไม่ทันไม่ยอมนอนซะอย่างนั้น นี่ก็ถือว่ามีความรับผิดชอบสูงไม่ใช่น้อยเหมือนกัน แต่ไปเรียนแล้วจะรู้เรื่องหรือไม่นั่นอันนี้ไม่รู้

ได้ผ่อนคลายความตึงเครียด
การเรียนของน้องๆสมัยนี้หนักจะตายไปครับ เห็นแบกหนังสือโตเท่าสมุดโทรศัพท์หน้าเหลือง ซึ่งนอกจากการเรียนจะหนักแล้วน้องๆ เขายังต้องแบกความหวังของพ่อแม่พี่อีก ว่าลูกตัวเองจบแล้วเขาต้องได้เกรียตินิยมเพราะงานที่ดีจะได้รออยู่ การเรียนที่น้องๆทุ่มเทมันก็ย่อมจะต้องเครียดเป็นธรรมดา ซึ่งการพักผ่อนบางคนก็แค่ดูทีวี ฟังเพลง ดูหนัง แต่ถ้าจะให้ครบสูตรต้องเข้าผับเพราะที่นั่นจะมีเพื่อนๆที่เคร่งเครียดกับการเรียนระดับเดียวกับน้องๆเต็มไปหมด น้องๆจะได้ ดิ้น กิน ดื่มอย่างกับไม่มีที่ไหนให้น้องไปปลดปล่อยความเครียดขนาดนี้ น้องจะสุดเหวี่ยงแค่ไหนก็ได้แต่อย่าไปเผลอเหยียบเท้าคนที่ไม่รู้จักพ่อตัวเองก็แล้วกันไม่อย่างนั้นจะเครียดหนักกว่าเดิมก็เป็นได้

เห็นไหมครับว่ายังไม่เมา เอ๊ย เห็นหรือยังครับว่าข้อดีของมันมากมายเต็มไปหมด นี่ถ้าผมไม่ติดใจสาวๆชุดนักศึกษา 2 คนตรงโต๊ะนั้นนะผมจะกลับมาเล่าต่อ แต่ตอนนี้ขอตัวไปพบปะสังสรรค์กับน้อง 2 คนนั่นสักหน่อย แหมใจเด็ดจังที่ใส่ชุดนักศึกษามาเที่ยวกันในที่อย่างนี้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจแท้ๆเลยเอิ๊ก... ผมเมาเหรอ ไม่ได้เมา เอ๊ะ บอกว่าไม่เมา ไม่เมา เมิงจะเอาไงกับกรู รู้เปล่าว่ะ กรูลูกใคร เดี๋ยะมีตืบ เอ๊ะ ยังทำหน้ากวนส้นอีก ตุ๊บ....ตั๊บ.....โครม.....เพล้ง......เปรี้ยง..............




 

Create Date : 10 ตุลาคม 2551    
Last Update : 10 ตุลาคม 2551 22:10:13 น.
Counter : 1072 Pageviews.  

วิธีเลือกนักการเมือง

๐๐๐ งานเขียนเก่าๆ ใกล้เลือกตั้งซึ่งเป็นการกลับมาอีกครั้งของคุณเหลี่ยม
ยิ่งช่วงนี้การเมืองกำลังแรง
แต่มันสามารถแก้ได้ง่ายๆด้วยจุดเริ่มต้น
คือการเลือกคนที่จะเข้ามาทำงานแทนเรา ๐๐๐


สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องประชาชนชุมชนหนองปลาไหลทุกท่าน
วันนี้กระผมกลับมาอีกครั้งแล้ว กลับมารับใช้พี่น้องประชาชนคนบ้านเดียวกันอีกครั้ง
พรรคของเรามีนโยบาย บลาๆๆๆๆ….
มาอีกแล้วครับพี่น้อง เทศกาลแห่งมิตรภาพที่หอมหวาน
วันที่ 6 กุมพา..อย่าลืมไปเลือกตั้ง
ใครที่ครบ 18 ขวบแล้วก็อย่ามั่วอ้อยอิ่งดูหญิงเหล่หนุ่มแล้วไม่ไปใช้สิทธิ์
แช่งให้แห้วทุกชาติจริงๆด้วย

ซึ่งช่วงนี้ไปที่ไหนก็น่าจะได้ยินเสียงจากขบวนหาเสียงของบรรดานักการเมืองพรรคต่างๆ
แทบทุกท้องที่ ทุกหัวถนน ทุกซอย ทุกบ้าน ทุกเวลา
((จนมีข่าวว่าโดนหมากัดไป2 คนเล่นไปเคาะบ้านเขาตอน 4 ทุ่ม น่าสงสารจริง...จริ๊ง))
บรรดาพี่ๆนักการเมืองเขาจะเข้ามาตีสนิท เอ๊ย แนะนำตัวเพื่อขอให้ช่วยเลือกพวกเขาเข้าไปบริหารประเทศ
บางคนอาจจะสงสัยว่าฉันไม่เคยรู้จักเขาสักหน่อย แล้วเขาจะไว้ใจ๋ได้กา
ไม่ยากครับวันนี้ผมขออาสามาแนะนำวิธีการเลือกนักการเมืองฉบับเร่งรัดกัน

น้ำเสียงของเขาจะบอกเราได้
อย่าเพิ่งขำครับ สำคัญนะเนี่ย ด้วยสาเหตุที่ว่าการพูดนั้นสามารถบอก
ความรู้ความสามารถของคนๆนั้นได้อย่างง่าย ง่าย
ซึ่งอาจจะรวมไปถึงนิสัยพื้นฐานของตัวเขาเองได้อีกด้วย
เช่น ถ้าน้ำเสียงของผู้สมัครท่านนั้นเป็นแบบมะนาวไม่มีน้ำ ห้วน หางเสียงไม่มี
แสดงว่าคนแบบนี้ชอบทำมากกว่าพูด ทุ่มเท จริงจัง ดุดันกล้าสู้ความจริง
แต่ถ้าผู้สมัครท่านใด พูดจาอ่อนหวานเสนาะหูแสดงว่าผู้สมัครท่านนั้น
เป็นคนอ่อนโยน เข้าถึงประชาชน ใส่ใจดูแลประชาชนเป็นอย่างดีเลย
แต่ถ้าน้ำเสียงออกสั่นเครือเหมือนกลัวว่าจะโดนเปิดโปงสิ่งผิดในอดีต
แสดงว่าผู้สมัครท่านนั้นเป็นคนเป็นคนขี้อาย ชอบทำงานแบบปิดทองหลังพระ ทำงานไม่เอาหน้าตาและชื่อเสียง

ท่าไหว้ก็สำคัญ
ช่วงนี้หลายๆคนคงได้รับการไหว้จากคนแปลกหน้าอยู่บ่อยๆ
บางคนแก่คราวพ่อยังมาไหว้เด็กอายุ 18-19 ได้หน้าตาเฉย
แสดงว่าเขาให้เกียรติมากนะครับนั่น เพราะการไหว้ของไทยคือการทักทาย
ก็คล้ายๆกับพวกเช็คแฮนด์หรือหอมแก้มของพวกฝรั่งนั่นแหละครับ
แถมของเรายังดูดีกว่าอีกต่างหาก
ซึ่งการไหว้ของผู้สมัครนั้นแสดงให้เห็นว่าพวกเขายังมีความอ่อนน้อมถ่อมตน
เมื่อเขาเข้าไปทำงานให้กับพวกเราในสภาแล้วนั้น
พวกเขาก็จะทำงานโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักอยู่แล้ว
เมื่อเวลาคุณเดือนร้อนเขาก็จะรีบช่วยเหลือพวกเราจนไม่มีเวลามายกมือไหว้เราอีกเลย

ป้ายหาเสียงนี่ก็บอกอะไรได้เยอะ
ไปไหนต่อไหนเพื่อนๆทุกคนคงได้เห็นป้ายหาเสียงของผู้สมัครแต่ละท่าน
ซึ่งป้ายเหล่านี้จะบอกตัวตนของผู้สมัครได้เหมือนกัน
ยกตัวอย่าง ถ้าป้ายนั้นดูเคร่งขรึมจริงจังอย่างกับเอารูปในบัตรประชาชนมาขยายใหญ่
แสดงว่าผู้สมัครท่านนั้นเป็นคนที่ซื่อตรง โปร่งใส ไม่มีนอกไม่มีในโดยเด็ดขาด
ถ้าป้ายหาเสียงนั้นดูสดใสมีชีวิตชีวา หน้าเด้ง
แสดงว่าผู้สมัครท่านนั้นเป็นคนที่เอาใจใส่ประชาชนเหมือนกับดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี
หรือป้ายนั่นเป็นรูปการทำงานหรือผลงานที่ผ่านมา
แสดงว่าเขาเป็นคนมีคุณภาพพูดจริงทำจริง มันช่างดีจริงๆ

การทำอาหารจานเด็ด
หลายคนคงเห็นตามสื่อต่างๆกันแล้วนะครับว่า
เวลาที่ผู้แทนไปหาเสียงที่ไหนก็มักจะขอเข้าไปผูกสัมพันธ์กับชาวบ้านด้วยการทำอาหารให้ทาน
กันอยู่เป็นประจำ เห็นอย่างนั้นอย่าเพิ่งขำนะครับเพราะการทำอาหารนั้นนะสามารถบอกว่า
คนคนนั้นเป็นคนที่เอาใจใส่ต่องานของเขาได้มากน้อยแค่ไหน
ถ้าผู้สมคัรคนไหนทำอาหารอย่างคล่องแคล่วว่องไวแสดงว่าเขาเป็นคนที่รู้จักงานระดับรากหญ้าเป็นอย่างดี
ก็ขนาดงานในครัวเขายังทำคล่องแสดงว่างานที่ใกล้ชิดประชาชนคงไม่ยากเกินฝีมือเขาแน่ๆ
แต่ถ้าผู้แทนคนนั้นหยิบจับอะไรก็ดูขัดตาไปเสียหมด
ก็แสดงว่าเขาถนัดในการสายบริหารมากกว่า
การสั่งงานจะเหมาะกว่าที่เขาจะลงมือทำเอง
สามารถดูตัวอย่างได้จากรายการ “ชิมไปบ่นไป” ได้

ที่เขียนมาจนถึงบรรทัดนี้ก็แค่เป็นการช่วยให้ทุกท่านได้ตัดสินใจผู้สมัครเหล่านั้นแบบคร่าวๆ
แต่ถ้าจะลงลึกรู้จักเพวกเขาให้มากไปกว่านี้ก็คงต้องให้ไปใช้สิทธิ์ทุกท่านออกเสียงกัน
ในวันที่ 6 กุมพาพันธ์ เพื่อเราจะได้มีคนมาเป็นปากเป็นเสียงและทำงานแทนพวกเรา
เพราะปัญหาของประเทศเรายังมีให้แก้อีกเยอะ
อย่างด่วนที่สุดก็คงจะเป็นการช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์ที่ 6 จังหวัดภาคใต้
อย่างไรก็อย่าลืมไปใช้สิทธิ์กันละ
แต่ถ้าอ่านจบแล้วยังไม่รู้ว่าจะเลือกใครอีกทาง “ก.ก.ต.”เขาก็ไม่ได้ใจร้าย ยังมีช่องไม่ออกคะแนนเสียงให้ใช้สิทธิ์อยู่ดี
แต่ขอให้มันเป็นทางเลือกสุดท้ายก็แล้วกันเนอะ
ไปละดีกว่าเดี๋ยวต้องรีบไปจองเสื้อกันกระสุนไว้สักตัวช่วงนี้ขายดีอย่างไรชอบกลก็ไม่รู้เหอๆๆ




 

Create Date : 04 กันยายน 2551    
Last Update : 4 กันยายน 2551 18:20:10 น.
Counter : 405 Pageviews.  

ซวยแล้ว...ทีวีมีช่องเดียว

ท่านผู้ชมมีส่วนที่จะร่วมตัดสินใจในการประกวดครั้งนี้ด้วยนะครับ
โดยการส่ง SMS เข้ามาโหวตว่า ใครควรที่จะได้รางวัลหน้าบานยอดเยี่ยมแห่งปี
เพียงเข้าไปที่เมนู Write message แล้วพิมพ์คำว่า
B1 ถ้าเลือกน้องแม้ว
B2 ถ้าเลือกน้องแบม
B3 ถ้าเลือกน้องชู
แล้วส่งมาที่หมายเลข 99999
คุณก็มีสิทธิ์ได้ร่วมลุ้นไปกับการแข่งขันครั้งนี้ด้วยนะครับ
เอาละครับไปติดตามดูกันซิว่าพวกเขาจะต้องทำอะไรต่อไปเพื่อให้เข้าสู่สุดยอดหน้าบานแห่งปี....

นี่คือตัวอย่างของการประเภทหนึ่งที่มีเกลื่อนจออยู่ในขณะนี้
ผมว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ผิดหรอกครับที่จะมีการประกวดประชันกัน
ดีเสียอีกที่คนไทยจะกล้าแสดงออกเสียที
แต่มันติดตรงที่ว่าทำไมต้องเป็นการประกวดที่มุ่งเน้นไปในส่วนของการใช้ชีวิตส่วนตัว
การทำตัวอย่างไรจึงจะให้เป็นที่ถูกใจคนดูเพื่อเขาจะไม่ได้โหวตออกจากรายการ
การใช้ชีวิตที่ประดิษฐ์ ฝืนๆเพราะมีคนแอบดูอยู่เป็นจำนวนมาก
ทำคล้ายๆกับตัวเองอยู่ในกรงซะอย่างนั้น
((เอ๊ะหรือนี้เป็นวิธีการลงโทษของพระเจ้าที่มนุษย์ชอบจับสัตว์มาเลี้ยงอยู่ในกรงนะ))
เปลี่ยนไปช่องไหนเราก็จะได้ดูเกมโชว์คนจริงชีวิตจริงกันทั้งนั้นเลย
ทำให้รู้สึกว่า “นี่ทีวีบ้านฉันมีช่องเดียวเองหรือไงเนี่ย....โหซื้อมาตั้งหลายหมื่น”

ถ้าบางคนอ่านแล้วรู้สึกว่า “ถ้าแกเก่งจริงไม่ลงมาทำเองเล่า”
อะถ้าผมไปทำจะมีใครมาเขียนด่าให้รู้สึกตัวเล่า555
ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดที่จะดูถูกความคิดของครีเอทีฟไทยนะครับ
เพราะรายการเจ๋งๆ ก็ยังมีอยู่
เช่นเกมทศกัณฑ์
รายการคุณพระช่วย
สมอล์ทอล์ค
สู้เพื่อแม่
เหล่านั้นไงครับที่ฉีกตัวเองออกมาจากกรอบรายการประกวดประชันชีวิตน้ำตาท่วมที่ดาษดื่นทั่วๆไป
ทำไมครีเอทีฟเหล่านั้นเขาทำได้ละครับ เขากินก็ข้าว กินเหล้าร้านเดียวกับคุณนั้นแหละ
ดีไม่ดีอาจจะนั่งโต๊ะติดกันก็ได้
((เออผมก็ไม่เข้าใจอีกอย่างทำไมครีเอทีฟต้องกินเหล้าสูบบุหรี่เที่ยวดึกด้วยงงเหมือนกันนิ))
แต่ทำไมเขากลับคิดได้ ทำไมละครับ

เคยฟังบรรดาครีเอทีฟออกมาบอกว่า คนดูไง คนดู
เป็นตัววัดว่ารายการไหนจะอยู่ รายการไหนจะไป
ที่ทำรายการแบบนี้ก็เพราะว่าคนดูต้องการไง
เอ้าโยน.....กันซะอย่างนั้น
คนดูบางคนเขาไม่อยากดูก็มีนะครับ แต่เขาไม่รู้จะดูอะไรไงเลยต้องดูรายการพวกนี้
เพราะรายการเจ๋งๆ นะ มักจะมาในเวลาที่ไม่ค่อยเหมาะ
รายการคุณพระช่วยก็มาซะดึก 4ทุ่มเด็กที่ไหนมันจะได้ดู
ผู้ใหญ่ก็หลับไปเกือบครึ่งประเทศเพราะพรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า
รายการสมอลทอล์คก็มาซะเย็นวันเสาร์
วันพักผ่อนของครอบครัวไปเที่ยวกันนอกบ้านกลับมาถึงบ้านก็ละครหลังข่าวแล้ว
จะได้ดูไหมละนั่น
แต่รายการที่ชอบเข้าไปยุ่งกับชีวิตส่วนตัวของคนอื่นกลับได้เวลาดีๆไปหมดเสียดายแทนครับ
ยิ่งพวกรายการที่ไปยุ่งกับนม กับจมูก หรือการท้องก่อนแต่งของดารานั้นยิ่งได้เวลาดีมาก
(ยังไม่รวมละครนะครับยกเอาไว้ก่อน)
ชีวิตส่วนตัวของพวกเขาก็ควรจะปล่อยเขาไปเถอะครับ
เพราะชีวิตดาราเขาก็น่าสงสารออก ถ่ายละครเสร็จกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ดึก
กว่าจะได้นอน กว่าจะได้กิน ร่างกายก็ทรุดโทรมเป็นธรรมดา
ไปเสริม ไปแต่งบ้างก็เป็นเรื่องของเขาไปยุ่งทำไม
คนดูไม่ได้อะไรขึ้นมานอกจากว่า ราคานมเท่าไร
ดาราคนนี้เขาไปทำมาจริงไหม
พอไปถามเขาก็บอกว่าไม่ได้ทำ
ดาราน้อยคนนักที่จะออกมายอมรับว่า
“หนูไปทำนมมาหมดไปข้างละตั้ง 3 หมื่นแหนะ
ตอนทำละก็เจ็บจะตาย หมอมือหนักมากๆ
ต้องพักนมถ่ายแบบไม่ได้ไปเป็นอาทิตย์เลยค่ะ”
มีไหมละแบบเนี่ย..มีไหม และถ้ามีจริงคนดูเขาจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาละคร้าบบบบ

ถ้าคิดว่าคนดูส่วนใหญ่ชอบ ต้องทำรายการเอาใจคนดูส่วนใหญ่ไว้ก่อน
แล้วทำไมคุณไม่พาเขาไปพบเจออะไรที่มันสร้างสรรค์ละครับ
กลับไปปลูกฝังแต่สิ่งเดิมๆให้คนดูมุ่งไปแต่ทางนั้นตลอด
จะเปลี่ยนรสนิยมคนดูได้นั้นมันก็ต้องเริ่มเปลี่ยนจากตัวคุณก่อน
คนไม่ใช่เกมที่จะนำมาทำเพียงเพื่อความสนุกและสะใจ
ลองเปลี่ยนมุมมองชีวิตของคนให้ดูดีขึ้นอย่าไปทำให้เขาเป็นตัวตลก
หรือสัตว์เลี้ยงของใครเลย
หันมาทำรายการที่สร้างสรรค์กันดีกว่านะครับ


๐๐๐เป็นงานเขียนเก่าประมาณ ๕ ปีที่แล้ว
แต่พอมาอ่านตอนนี้ เราเขียนงานได้ล้ำขนาดนี้เชียวเหรอ
หรือว่าทีวีมันไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ๐๐๐




 

Create Date : 13 สิงหาคม 2551    
Last Update : 13 สิงหาคม 2551 13:38:21 น.
Counter : 320 Pageviews.  

1  2  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.