ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

มือถืออัสซุส ห่วยจริงหรือ???

Design

ด้วยชื่อที่มีคำว่า Zen อยู่ข้างหน้าของ ZenFone เราจึงพอจะทราบแนวทางการออกแบบคร่าวๆ ของตัวเครื่องได้พอสมควรเลย ว่าน่าจะมาในแบบที่เรียบง่าย ดูหรูหรา แต่ใช้งานได้จริง ซึ่งจากเท่าที่ทางเราได้ใช้งาน ได้รีวิว ZenFone 4 มา ก็พบว่ามันสอดคล้องกับชื่อไม่น้อยทีเดียว เพราะดีไซน์ตัวเครื่องนั้นจัดว่าเรียบง่าย ดูดี ถือเครื่องได้ถนัดมือ ด้วยหน้าจอที่มีขนาดเพียง 4 นิ้วที่ถึงแม้จะดูเล็กไปซักหน่อยสำหรับการใช้งานสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน แต่ก็จะมีจุดเด่นคือสามารถพกพาได้สะดวกมากๆ จะซื้อมาเป็นเครื่องสำรองก็ยังไหวเลย



หน้าจอของ ZenFone 4 ใช้พาเนลแบบ TFT ดังนั้นเรื่องของมุมมอง สีสันจออาจจะไม่ดีเท่ากับรุ่นสูงกว่าที่ใช้พาเนล IPS อย่าง ZenFone 5 และ 6 โทนสีจอของ ZenFone 4 มาในโทนสบายตา สีสันไอคอนและ UI ต่างๆ ก็จะมาในสีสันแนว pastel ที่ให้สีอ่อนๆ ดูนิ่มนวล ประกอบกับหน้าจอที่ให้สีไม่สดเกินไป ทำให้สามารถใช้งานเครื่องได้สบายตามากๆ การใช้งานกลางแจ้งก็ทำได้ดีพอสมควร แต่อาจจะประสบปัญหาเรื่องแสงสะท้อนจากกระจกหน้าจอซักเล็กน้อย แต่ก็ไม่มากจนเกินไปนะ พอโอเคอยู่ นอกจากนี้ ที่บริเวณใกล้ๆ กับฝั่งซ้ายของลำโพงสนทนา ยังมีไฟ LED สำหรับแจ้งสถานะปริมาณแบตเตอรี่ขณะชาร์จอยู่อีกด้วย



ปุ่มสั่งงานของ ASUS ZenFone 4 เลือกใช้เป็นปุ่มแบบสัมผัส capacitive ด้านล่างของจอ มีให้ใช้งานคือปุ่ม Back, Home และ Recent Apps ซึ่งปุ่ม Recent Apps สามารถตั้งค่าในเมนู ASUS Customized settings ได้ด้วยว่าถ้าหากกดค้างจะให้ทำหน้าที่อะไร โดยค่าเริ่มต้นจะเป็นการโชว์เมนูของแอพส่วนนั้นขึ้นมา น่าเสียดายที่ใต้ปุ่มไม่มีหลอดไฟ LED ให้แสงสว่างอยู่ ดังนั้นจึงอาจจะใช้งานในที่มืดลำบากซักหน่อย ส่วนตัวผมคิดว่าการใช้งานปุ่มทั้งสามของ ZenFone 4 ค่อนข้างลำบากนิดหน่อย เพราะระยะห่างของทั้งสามปุ่มค่อนข้างไกล ทำให้ปุ่ม Back และ Recent Apps อยู่ชิดขอบเครื่องมากไป เมื่อวางเทียบกันกับ Nexus 5 จอ 4.95″ ที่ใช้งานประจำ พบว่าปุ่มของ ZenFone 4 อยู่ห่างกันมากกว่าปุ่มของ Nexus 5 ซะอีกด้วยซ้ำ ส่วนอีกจุดที่น่าเสียดายของ ZenFone 4 ก็คือมันไม่มีเซ็นเซอร์วัดแสง ทำให้ไม่สามารถปรับแสงสว่างจออัตโนมัติได้ แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของสมาร์ทโฟนราคาไม่สูงมากนักอยู่แล้ว จึงเป็นประเด็นที่พอรับได้อยู่ ซึ่งเรื่องนี้ทาง ASUS ก็สร้างตัวอำนวยความสะดวกให้แล้วครับ เพราะสามารถปรับแสงสว่างหน้าจอได้ที่แถบ Quick Settings เลย โดยสามารถเรียกแถบ Quick Settings ลงมาอย่างรวดเร็วได้ด้วยการลากแถบแจ้งเตือนฝั่งขวาลงมา (ให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือลากจากแถบนาฬิกาด้านบนสุดลงมานั่นเอง)



ส่วนอุปกรณ์ในกล่อง ก็ตามในชุดภาพด้านบนเลย ไฮไลท์คือแบตเตอรี่ที่ให้มา 2 ก้อน แต่ละก้อนมีความจุ 1200 mAh ซึ่งก็ถือว่า ASUS แก้ไขจุดบอดของตนเองเรื่องความจุแบตเตอรี่ต่อก้อนได้ดี ในเมื่อ 1200 mAh มันน้อยไป ก็ให้มาเลยสองก้อน จบกัน (ฮา) ส่วนเรื่องของหูฟังจะไม่มีให้มาในกล่องนะครับ ถ้าอยากใช้งานคงต้องหาซื้อเพิ่มเติมจากข้างนอกเอา หรือจะใช้หูฟังที่มีอยู่แล้วก็ได้เช่นกัน ส่วนอะแดปเตอร์ที่ให้มาสามารถจ่ายไฟได้ถึง 5.2V 1.35A นับว่ามากกว่าอะแดปเตอร์มือถือทั่วไปที่มักจ่ายได้สูงสุดแค่ 5V 1A เท่านั้น ทำให้สามารถชาร์จไฟเข้าได้เร็ว



ด้านหลังของ ZenFone 4 จะใช้ฝาหลังที่ทำจากพลาสติกผิวเรียบ เนื้อเนียนมือ จัดว่าเป็นพลาสติกเนื้อดีพอสมควรเลยทีเดียว ขอบข้างมีลักษณะตัดเหลี่ยม แต่เมื่อจับใช้งานจริงๆ พบว่ามีการเกลามุมให้มน ทำให้ไม่บาดมือเวลาจับ สำหรับฝาหลังนี้สามารถถอดได้ และอาจจะมีฝาหลังสีอื่นๆ ออกมาจำหน่ายในภายหลังด้วย ด้านบนจะเป็นตำแหน่งของกล้องหลัง ใกล้ๆ กันนั้นมีช่องลำโพงอยู่ เสียงที่ได้จากลำโพงก็จัดว่าธรรมดา ไม่โดดเด่นมากนัก แต่จะมีส่วนของซอฟต์แวร์ AudioWizard สำหรับปรับแต่งเสียงได้เล็กน้อย เช่นโหมดฟังเพลง, โหมดดูหนัง, โหมดเล่นเกม เป็นต้น เท่าที่ลองปรับดู​เสียงที่ออกจากลำโพงก็จะมีความแตกต่างกันบ้างพอสมควรครับ เช่นโหมดดูหนังกับโหมดเล่นเกม เสียงจะมีมิติมากกว่าโหมดฟังเพลง ซึ่งถ้าฟังด้วยหูฟังก็จะเห็นผลชัดขึ้นไปอีก ส่วนด้านล่างลงมาก็มีแค่โลโก้ Intel ที่ทำให้ทราบว่าภายในใช้ชิปประมวลผลของ Intel ด้านล่างสุดมีคำว่า Zenfone ติดอยู่แค่นั้นเอง



ส่วนด้านข้าง จะใช้การวางปุ่ม Power และปุ่ม/เพิ่มลดเสียงเอาไว้ทางฝั่งขอบขวา (เมื่อหันหน้าจอเข้าหาตัว) ตำแหน่งปุ่มอยู่ในบริเวณที่สามารถใช้นิ้วหัวแม่มือขวากดได้ง่าย ช่องเสียบหูฟังอยู่ด้านบน ช่อง Micro USB อยู่ที่ขอบด้านซ้าย



การแกะฝาหลัง สามารถแงะขึ้นได้จากร่องบริเวณขอบซ้ายล่างของเครื่อง โดยต้องใช้แรงแงะพอสมควรเลยทีเดียวจึงจะสามารถแงะขึ้นมาได้ทั้งฝา เมื่อเปิดออกมาก็จะพบกับแบตเตอรี่อยู่ตรงกลาง สามารถแกะออกมาเพื่อเปลี่ยนสลับกับอีกก้อนสำรองได้ เหนือแบตเตอรี่จะเป็นช่องใส่ MicroSD ส่วนช่องใส่ซิมจะแอบอยู่ด้านข้างครับ มีสัญลักษณ์บอกชัดเจนว่าช่องไหนซิม 1 ช่องไหนซิม 2 สำหรับช่องใส่ซิมนี้จัดว่าโอเคเลย เพราะทำให้ผู้ใช้งานสามารถถอด สลับเปลี่ยนซิมได้โดยไม่ต้องถอดแบตเตอรี่ออกก่อน เพราะมือถือส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะไม่สามารถถอดซิมออกมาได้ แบบไม่ต้องถอดแบตเตอรี่ นับว่าเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการดีไซน์ที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใชได้พอสมควร เลย

พกพาเลือก 4 / ใช้งานจริงเลือก 5 / จอใหญ่เลือก 6

Camera

กล้องถ่ายรูปของ ASUS ZenFone 4 ก็เป็นอีกจุดเด่นอยู่เหมือนกัน ถึงแม้จะไม่ได้มาพร้อมเทคโนโลยี PixelMaster เช่นเดียวกับ ZenFone 5 และ ZenFone 6 ก็ตาม แต่ก็ยังใส่ความสามารถที่เกินหน้าเกินตามือถือในช่วงราคานี้เข้าไปหลายอย่าง ทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการรองรับออโต้โฟกัสและการเลือกจุดโฟกัสของผู้ใช้ เนื่องจากมือถือในช่วงราคานี้มักจะเป็นแบบ fixed-focus ที่ระบบไม่สามารถจับโฟกัสอัตโนมัติ รวมถึงผู้ใช้ไม่สามารถเลือกตำแหน่งโฟกัสได้ด้วย แค่นี้ก็ถือว่ามาเหนือพอสมควรแล้ว การถ่ายวิดีโอก็รองรับความละเอียดสูงสุดถึงระดับ Full HD 1080p อีกด้วย !! เท่าที่ผมลองถ่ายดู ก็สามารถถ่ายวิดีโอ Full HD ได้ที่เฟรมเรตประมาณ 23 fps ด้วยกัน ถือว่าโอเคมากๆ ครับ ยิ่งมองว่าราคาค่าตัวแค่ 2,990 บาท แต่ถ่ายวิดีโอ Full HD ได้ ยิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่เลยทีนี้

ส่วนด้านของภาพถ่ายก็ไม่น้อยหน้าครับ เพราะมีโหมดให้ปรับสำหรับการถ่ายภาพได้หลายรูปแบบทีเดียว เช่นโหมด HDR, Panorama, โหมดกลางคืน, โหมด Time Rewind ที่ตัวกล้องจะเก็บภาพล่วงหน้าก่อนเรากดถ่าย ทำให้สามารถเลือกช็อตที่ดีที่สุดมาใช้งานได้ ไม่ต้องกลัวพลาดช็อตสำคัญอีกต่อไป โดยสามารถย้อนหลังได้สูงสุด 2 วินาที เก็บภาพหลังจากเรากดถ่ายไปแล้วอีก 1 วินาที เพื่อให้เราเลือกได้ตามใจชอบ นอกจากนี้ยังมีโหมดถ่าย Miniature ที่เหมาะสำหรับการถ่ายวิวไกลๆ เพื่อให้ดูเหมือนว่าวัตถุในภาพเป็นของเล่น, โหมด Depth of Field ก็ช่วยให้สามารถถ่ายวัตถุแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ง่ายดาย โดยใช้หลักการถ่ายภาพที่สองระยะโฟกัส แล้วนำภาพมาประมวลผลรวมกัน ซึ่งต้องใช้เวลาซักเล็กน้อย แต่ผลที่ได้ออกมาก็จัดว่าโอเคเลยครับ หลังละลายสุดๆ (แต่ต้องอยู่ในสภาวะแสงดีพอสมควร และมีความห่างระหว่างวัตถุกับฉากหลังด้วย) เรามาชมตัวอย่างภาพถ่ายจาก ZenFone 4 กันครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง









Software



ASUS ZenFone 4 ใช้งานระบบปฏิบัติการ Android 4.3 Jelly Bean ซึ่งทางเว็บไซต์ ASUS ลงข้อมูลไว้ว่ารองรับการอัพเดตเป็น Android 4.4 KitKat ในอนาคตด้วย จุดนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไปครับว่าจะได้รับอัพเดตกันเมื่อไร แต่ตามประวัติที่ผ่านมา ASUS เองก็เป็นแบรนด์ที่สนับสนุนการอัพเดตเวอร์ชัน Android ได้ดีพอสมควรเลย ก็หวังว่าคงจะไม่ต้องรอกันนานนะ สำหรับพื้นที่เก็บข้อมูลที่ให้มา 8 GB จะเหลือพื้นที่ให้ใช้งานได้ราวๆ 4.6 GB ด้วยกัน ก็เพียงพอสำหรับการติดตั้งแอพพลิเคชัน เกมทั่วๆ ไปแล้ว และยิ่งมีช่อง MicroSD อีก ก็ช่วยเพิ่มความจุได้มาก รวมไปถึงสามารถติดตั้งและย้ายแอพไปลงบน MicroSD ได้อีกด้วย

Performance



ประสิทธิภาพของ ASUS ZenFone 4 ก็จัดได้ว่าอยู่ในระดับค่อนข้างโอเคครับ สอดคล้องกับการใช้งานจริงที่ทำได้ไหลลื่นไม่ว่าจะเปิดแอพ ใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์ค เปิดหน้าเว็บ แต่ถ้าเจอการใช้งานที่โหลดหนักๆ เช่นหน้าเว็บที่มีโหลดเยอะ, แอพหรือเกมที่ต้องประมวลผลมากหน่อย ก็จะเกิดอาการหน่วงขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ที่เห็นได้ชัดก็คือการเล่นเกมที่มียูนิตและมีการเคลื่อนไหวเยอะๆ อย่างผมลองเล่น Plants Vs. Zombies 2 ดู ก็พอเล่นได้นะ แต่ถ้าพอตั้งต้นไม้เยอะๆ มีซอมบี้บุกเข้ามาเยอะๆ ก็จะเห็นอาการเฟรมเรตตกอยู่บ้างเหมือนกัน

เป็นไงบ้างครับกับรีวิว ASUS ZenFone 4 สมาร์ทโฟนที่มีกระแสแรงที่สุดในงาน Thailand Mobile Expo 2014 Hi-End ที่ผ่านมา น่าจะเป็นตัวช่วยตัดสินใจซื้อของหลายๆ ท่านได้เป็นอย่างดี ด้วยราคาที่คุ้มค่าเพียง 2,990 บาท แต่ได้งานประกอบที่ดี รอมลื่น และฟีเจอร์หลายๆ อย่างที่มือถือในระดับเดียวกันไม่ค่อยมี เช่น ออโต้โฟกัส การโฟกัสแบบเลือกจุด กล้องหน้า ใช้ 3G ได้ทุกเครือข่าย เรียกว่าครบถ้วนมากๆ สำหรับสมาร์ทโฟนราคาระดับเริ่มต้นเช่นนี้ และน่าจะเป็นคู่แข่งกับอีกหลายๆ แบรนด์ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อเลยทีเดียว สำหรับไลน์ ZenFone 4 รวมถึง ZenFone 5 และ ZenFone 6 ที่จะตามมาในอีกไม่นานนี้

สรุป


ASUS ZenFone 4 สมาร์ทโฟนที่มีกระแสแรงที่สุดในงาน Thailand Mobile Expo 2014 Hi-End ที่ผ่านมา น่าจะเป็นตัวช่วยตัดสินใจซื้อของหลายๆ ท่านได้เป็นอย่างดี ด้วยราคาที่คุ้มค่าเพียง 2,990 บาท แต่ได้งานประกอบที่ดี รอมลื่น และฟีเจอร์หลายๆ อย่างที่มือถือในระดับเดียวกันไม่ค่อยมี เช่น ออโต้โฟกัส การโฟกัสแบบเลือกจุด กล้องหน้า ใช้ 3G ได้ทุกเครือข่าย เรียกว่าครบถ้วนมากๆ สำหรับสมาร์ทโฟนราคาระดับเริ่มต้นเช่นนี้ และน่าจะเป็นคู่แข่งกับอีกหลายๆ แบรนด์ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อเลยทีเดียว สำหรับไลน์ ZenFone 4 รวมถึง ZenFone 5 และ ZenFone 6 ที่จะตามมาในอีกไม่นานนี้
ถ้าถามว่า ZenFone 4 เหมาะกับใคร ก็คงจะเป็นไปตามที่กล่าวไว้ข้างต้นครับ คือใช้งานได้ทุกคน จะใช้เป็นเครื่องหลักก็พอไหว (แต่จอเล็กไปหน่อย) จะใช้เป็นเครื่องสำรองก็เหมาะดี แต่ถ้าอยากจะได้เครื่องสำหรับใช้งานจริงจัง แนะนำว่ารอข้ามไป ZenFone 5 ที่หน้าจอใหญ่กว่า ฟีเจอร์ครบเครื่องขึ้นจะดีกว่าครับ ถ้างบไม่เยอะก็สอย ZenFone 5 ตัวแรม 1 GB ก็ได้ (4,990 บาท) รับรองว่าใช้งานได้ถึงใจกว่า

ข้อดี
- รอมลื่น ใช้งานได้ลื่นไหล ประสิทธิภาพโดยรวมดี
- จอสีไม่สดเกินไป ใช้งานได้สบายตา แถมได้กระจก Gorilla Glass 3 อีก
- ให้แบตเตอรี่มา 2 ก้อนในกล่อง
- มีกล้องหน้า ส่วนกล้องหลังก็ออโต้โฟกัสได้ เลือกจุดโฟกัสได้ (รุ่นอื่นในช่วงราคาเดียวกันมักจะไม่มี)
- งานประกอบทำออกมาได้ดี ดูแข็งแรง
- คุ้มสุดในตอนนี้แล้ว
ข้อสังเกต
- แบตหมดเร็ว น่าจะให้มาซักก้อนละ 1600 mAh


Create Date : 15 ตุลาคม 2557
Last Update : 15 ตุลาคม 2557 21:46:08 น. 0 comments
Counter : 990 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

thainewcar
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add thainewcar's blog to your web]