เที่ยวฮอกไกโด....แช่ออนเซนNoboribetsu ชิวๆSapporo ชมดอกไม้Furano เที่ยวโอตารุแสนโรแมนติก ตอนจบ ภาค2
สำหรับคนที่มีเวลาลองศึกษาที่เที่ยวของเมืองChitoseจากเวปด้านล่างนะคะ
//www.welcome-to-chitose.jp/request/kankoumap_en.pdf

เดินเล่นทั่วเมือง เพื่อหาร้านชิวๆบรรยายกาศๆญี่ปุ่นๆจิบเบียร์ ชิมสาเก
ส่วนมากจะเป็นร้านปิ้งย่าง ซูชิ Pubซึ่งส่วนใหญ่จะอยูในตึก
ในที่สุดเราก้อเจอร้านดีดีอยู่ร้านนึงค่ะ



เป็นคุณยาย กับ คุณพี่สาวใส่ชุดกิโมโนคอยดูแลเราอย่างดีเลยค่ะ
ภาษาอาจจะมีปัญหาบ้างแต่ก้อพอถูไถไปได้เพราะเรามีคู่มือภาษาญี่ปุ่นฉบับจิ๋วไปด้วย
ร้านนี้จะจัดเซทอาหารมาให้เราเป็นกับแกล้มจัดชุดเล็กๆน่ารักหลายๆอย่างมีทั้งผัก ปลา เนื้อกวาง และอื่นๆค่ะ
คอยรินเบียร์ให้ตลอด พอรู้ว่าเรามาHoneymoon พี่สาวให้สาเกเรามาคนละถ้วยฟรีๆเพื่อร่วมฉลองอะค่ะ
ประทับใจมากๆค่ะ หัวใจ

ถ้าเพื่อนๆมีโอกาสลองแวะไปนะคะ
ด้านล่างเป็นนามบัตรกับแผนที่ร้านนะคะ



พอได้ที่เราก้อกลับรร.เตรียมเก็บของ และเข้านอนค่ะ
เพราะต้องตื่นแต่เช้าจ้า

Day 6 (June28)

วันนี้ตื่นตั้งแต่ตี5ครึ่งเพราะต้องให้ทันขึ้น Shuttle bus โรงแรมตอน 6.45อะค่ะ
ใช้เวลาประมาณ15นาทีก้อมาถึงNew Chitose Airport ค่ะ



แต่สงสัยหน้าพวกเราคงเหมือนญี่ปุ่น คนขับดันมาปล่อยตรง Domestic
ทำให้ต้องเดินไปฝั่ง International ซึ่งอยู่ค่อนข้างไกล เศร้า
ด้วยความที่TGจะเปิดCounterให้Check in ตอน 8 โมงเช้า
เราต้องรอประมาณ 1 ชม.
เลยถือโอกาสเดินShoppingเก็บตกอีกสักหน่อยอะค่ะ



ปล.ร้านค้าส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่าง Domestic กับ International ค่ะ
ถ้าเพื่อนๆอยากได้อะไร ซื้อจากตรงนี้เลยนะคะ
เพราะถ้าเข้าไปใน Duty Free จะไม่มีร้านมากมายให้เลือกแบบนี้
โดยเฉพาะ พวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ด้านในไม่มีเลยอะค่ะ

ช่วงเช้าๆร้านค้ายังเปิดไม่ครบ เพราะส่วนใหญ่เปิด 8 โมงค่ะ ทำให้ต้องเดินรออีกเช่นเคย

เอาข้อมูลมาฝากสาวๆสักนิดค่ะ
พวกART LIFE DEPO เปิด10.00น.



Doraemon Waku Waku Sky Park เปิด10.00น.


Hello Kitty Japan เปิด 9.00น.



และถ้าเพื่อนๆต้องการทราบข้อมูลของสนามบิน และ ร้านค้าในนี้ลองเข้า เวปด้านล่างดูนะคะ
//www.new-chitose-airport.jp/en/

และแล้วก้อถึงเวลา Check in ละค่ะ
ตามเข้ามาดูDuty Freeข้างในนะคะ
มีShopซื้อของฝากประมาณในภาพอะคะ
พวก Kitty / Rilakkuma พอมีค่ะ
พวกขนมดังๆ เช่น Royce / Shiro kobito หรือ Kitkat มีค่ะ
และ เครื่องสำอางค์ ก้อมีเป็นปกติค่ะ

ด้วยความที่ Check inเข้ามาเร็วและยังไม่ได้ทานอะไรเลยแวะขึ้นไปFood Courtด้านบนค่ะ
มีร้านเครืองดื่มและร้านอาหารเปิดอยู่แค่ไม่กี่ร้านค่ะ
เราสั่งราเมน และ โทรายากิมาลองชิมค่ะ รสชาติใช้ได้เลยค่ะ ....เอ๋ หรือว่าหิวน้อ


หลังจากอิ่มแล้ว เลยมานั่งพักรอเวลาขึ้นเครืองกันค่ะ
ด้านบนมีมุมสบายๆให้นั่งเยอะแยะเลย ไม่ต้องไปนั่งอยู่ด้านล่างเลยค่ะ



10โมงนิดๆ เจ้าหน้าที่เรียกละคะ เตรียมไปรอที่ Gate66
ในที่สุดเราก้อบินกลับเมืองไทยอย่างปลอดภัยค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาตลอดนะคะยิ้ม



Create Date : 10 กรกฎาคม 2557
Last Update : 10 กรกฎาคม 2557 11:59:05 น.
Counter : 3976 Pageviews.

3 comment
เที่ยวฮอกไกโด....แช่ออนเซนNoboribetsu ชิวๆSapporo ชมดอกไม้Furano เที่ยวโอตารุแสนโรแมนติก ตอนจบ ภาค1
  ขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามมาตลอดตั้งแต่Part1-2-3-4ภาคจบนี้นะคะ


คราวนี้เราจะปิดท้ายด้วยการเก็บตกที่เที่ยวในSapporo ไม่ว่าจะเป็น Hokkaido Shrine /Maruyama Koen /Sapporo TV Tower  และ เที่ยวชิวๆก่อนกลับเมืองไทยที่Chitose ค่ะ

สำหรับเพื่อนๆที่เพิ่งแวะเข้ามาชม สามารถย้อนไปอ่านกระทู้แรกๆได้ทีBlogนะคะ
หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆค่ะ

Day 5 (June27)     
8.00 น.Check out ออกจาก รร."Mercure Hotel Sapporo" ฝากของไว้ที่รร. ค่ะ

ตอนแรกตั้งเป้าไว้จะไปHitsujigaoka Observation Hill 
แต่วันนั้นฝนดันตกแต่เช้าทำให้ต้องตัดโปรแกรมนี้ไปรอฝนซาสักนิดอะค่ะ

แต่ไหนๆก้อหาข้อมูลมาแล้ว
เอามาฝากเพื่อนๆเลยละกันนะคะ
เผื่อว่ามีโอกาสได้ไปค่ะ



จากสถานีSusukino ไปลง "Odori Station"ขึ้นรถไฟ Subway Toho Line สีน้ำเงิน เพื่อไปเที่ยวจุดชมวิว Hitsujigaoka Observation Hill ลง FUKUZUMI Station (H14) (ค่ารถ 240เยน) ค่ะ
แล้วต่อHokkaido Chou Bus สาย Fuku 84 จาก Fukuzumi Bus Terminal
ซึ่งมีทางเดินเชื่อมจากสถานีรถไฟใต้ดิน ขึ้นไปยังจุดชมวิว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 นาที
ค่ารถบัส 200 เยน รถออกทุก 20-30 นาที และลงป้าย Hitsujigaoka tenbodai bus stop.

หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เวปนี้นะคะ
//www.hitsujigaoka.jp/en/second/

ปล.อย่าลืมเช็คตารางรถบัสก่อนขึ้น-ลง
รถ Hokkaido Chou Bus สาย Fuku 84 นะคะ     
เพราะขากลับจะได้กะเวลาถูกว่าจะกลับมาขึ้นรถกี่โมง

และก้อจะถึง จุดชมวิว Hitsujigaoka Observation Hill
ค่าเข้าชม 500 เยนค่ะ


เมื่อชมวิวที่ Hitsujigaoka Observation Hillเสร็จ...จากแผนเดิมนะคะ
เราจะไปไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคล ที่Hokkaido Shrine และเที่ยวชมธรรมชาติที่สวนMaruyamaกันค่ะ

ขึ้นรถกลับไป FUKUZUMI Station    เพื่อไปลง "Odori Station" ค่ารถ 240 เยนค่ะ
และเปลี่ยนจากสาย Toho Line สายสีนำ้เงิน มาเป็นTozai Lineสายสีส้มนะคะ
โดยนั่งจาก Odori Station (T09) ไปลงMaruyama-koen(T06) ป้ายที่3 จาก Odori จ้า
อย่าลืมดูนะคะปลายทาง Miyanosawa เน้อ
ค่ารถ200เยนจ้า

กันเพื่อนๆงง....ขออนุญาตินำตารางรถไฟมาให้ดูอีกทีนะคะ


พอมาถึง สถานี Maruyama-koen (T06) ให้เดินไปตามป้ายจ้า
ทางเดินน่ารักตามสไตล์คนญี่ปุ่นค่ะ
คงเพราะที่นี่ มี Maruyama Zoo อะค่ะเลยทำพื้นเป็นลายสัตว์



เนื่องจากวันนั้นฝนยังคงตกปรอยๆอะค่ะ
พอไปถึงสถานีไม่ทันได้กางแผนที่เลยเดินไปถามคนญี่ปุ่นแถวนั้น
คุณลุงใจดีพอพูดภาษาอังกฤษได้ชี้ทางไป Hokkaido Shrineให้เรา
แกคงหวังดีให้เราเข้าทางประตูหน้าเลย ทำให้เรามาพบทีหลังว่ากลายเป็นเราเดินอ้อมอะคะ
ดังนั้นเพื่อไม่ให้เพื่อนๆต้องเดินอ้อมอย่างเราให้เดินไปตามนี้นะคะ



ขึ้นจากสถานีละหันหน้าตรงไปจะเห็นป้าย KFCนะคะ
เดินข้ามถนนไป จะพบภาพที่4 เดินตรงไปจนสุดทาง จะเจอสวน Maruyamaค่ะ
ใช้เวลาเดินประมาณ 5-10 นาทีก้อถึงค่ะ

เอาแผนที่มาให้ดูด้วยค่ะ....กันเหนียวจ้า



เดินลัดเลาะสวนมาเรื่อยๆขึ้นบันไดวัดมาจะเจอ
Small Shrineก่อนค่ะ ละจะเจอ Hokkaido Shrine

ลองดูแผนที่ด้านล่างดูนะคะ


ถ้ามาตามทางที่บอกด้านบนจะเห็นวิวประมาณนี้ค่ะ



ภาพที่1 ทางซ้ายมือของเราจะเป็นทางขึ้น ไปนมัสการHokkaido Shrine โดยจะผ่านHoly Water ก่อนคะ
ภาพที่2 จะอยู่ทางขวามือเรา เป็นป้ายบอกทางไป Maruyama Subway Station/Zoo/Stadium ค่ะ
ภาพที่3 อยูด้านเดียวกับภาพที่2 ค่ะแต่จะเป็นห้องนำ้
ภาพที่4 อยู่ทางขวามือเดินเลยขึ้นมาจาก ภาพ2-3 จะเป็นทางเข้าหลักคะมีต้นไม้ปกคลุม2ข้างทาง
ถ้ามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคงจะสวยมาก
ภาพที่5 ทางซ้ายมือ จะเป็นภาพทางเข้าHokkaido Shrineละค่ะ

ก่อนจะเข้าไปนมัสการด้านในเรามาดู
How to use the Holy Water และ Prayer Procedure กันก่อนดีกว่านะคะ
จะได้รู้วิธีทีถูกต้องจ้า

อันดับแรกเราต้องตักนำ้ศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างตัวเองก่อนนะคะ วีธีก้อตามภาพด้านบนเลยจ้า



เข้ามาภายในศาลเจ้า มายืนตรงภาพที่5 ให้เราขอพรแล้วก็โยนเหรียญเข้าไปในช่องค่ะ (ขั้นตอนตามด้านบนนะจ๊ะ)
ส่วนคนที่ต้องการขออะไรเป็นพิเศษ ต้องไปแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขออนุญาตเค้าที่จะเข้าไปข้างในนะคะ
ภาพที่6 เป็นบริเวณด้านข้างค่ะ 

ก่อนออกจากศาลเจ้าแวะซื้อเครื่องรางสักหน่อยค่ะ
เอาความหมายพร้อมราคามาฝากด้วยค่ะ



เนื่องจากทำเวลาเพราะจะกลับไปเที่ยวในเมืองSapporoต่อเลยไม่ได้แวะเที่ยวสวนสัตว์ Maruyamaอะค่ะ
ถ้าเพื่อนๆมีโอกาสได้แวะก้อเอามาแชร์กันนะคะ

เดินกลับมาขึ้นรถไฟที่สถานีMaruyama-koen เพื่อไปลง Odori Station ค่ารถ 200 เยนจ้า

เราจะไปชมทิวทัศน์เมือง Sapporo โดยขึ้นหอคอย JR Tower ชั้น 38 กันค่ะ
ค่าเข้าชม 700 เยนจ้า

อยากลองขึ้นดูสักครั้งอะคะ....
Sapporo T.V.Tower  ตั้งอยู่ 
ปลายสุดด้านตะวันออกของสวนOdori
เป็นหอคอยส่งกระจายสัญญาณโทรทัศน์ มีลักษณะเป็นโครงสร้างเหล็ก ที่สร้างขึ้นเลียนแบบหอไอเฟลที่ประเทศฝรั่งเศส โครงสร้างแบบนี้จะมีอยู่ที่โตเกียวมีชื่อว่า"Tokyo Tower" และด้วยความสูงกว่า 147.2 เมตร ทำให้หอคอยโทรทัศน์ Sapporo T.V.Tower มีความสูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศญี่ปุ่น และด้านบน มีจุดชมวิวอยู่ที่ระดับความสูง 90 เมตร จึงมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองซัปโปโรได้อย่างเต็มตา




เราสามารถขึ้นไปชมวิวเมืองซัปโปโร แบบพาโนรามา 360 องศา ลองไปสัมผัสความสูงของหอคอยประจำเมืองซัปโปโรกันนะคะ




นอกจากภาพวิวแบบพาโนรามา 360 องศา
ด้านบนนี้ยังมีตู้สติ๊กเกอร์ให้ถ่ายเล่น มีร้านSky Shopขายของที่ระลึกเราสามารถเอาคูปองทีพนักงานแจกมาเป็นส่วนลดที่นี่ค่ะ
1คน1ใบ ใบละ 50เยนค่ะ



น่ารักมั๊ยคะ คุณT.V. Tower มีครอบครัวเค้าด้วยนะคะ

เอาโบว์ชัวร์มาฝากกันนะคะ





ลองไปสัมผัสความสูงและวิวแบบพาโนรามา ของหอคอยประจำเมืองซัปโปโรกันนะคะ
แล้วมาต่อด้วยการเดินเล่น
ย่านถนน Tanukikoji Shopping Arcade ค่ะ



เดินจาก Odori Park ขึ้นมาจะเจอถนนเส้นนี้ขวางอยู่ค่ะ
ตั้งแต่Tanukikoji 1-7 เดินShoppingกันยาวเลยค่ะ......
ลองดูจากแผนที่ด้านล่างนะคะ



ที่นี่เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในซัปโปโร มีร้านค้า มากกว่า 200 ร้านไว้รองรับนักช้อปปิ้งจากทั่วสารทิศ มีสินค้าหลากหลายให้เลือกซื้อ อาทิ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย กระเป๋า รองเท้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนถึงเฟอร์นิเจอร์ของแต่งบ้าน ชุดแต่งกาย ประจาชาติ เช่น ชุดกิโมโนทุกไซด์หาซื้อได้ที่นี่ นอกจากนี้ยังมี ศูนย์รวมเกมคอมพิวเตอร์ด้วยค่ะ

เดินมาจนถึง Tanukikoji 2 กะลังหิวๆ
เห็นร้านCrepeหน้าตาน่าหมำ่เลยขอแวะอุดหนุนสักหน่อยคร๊า




ปล.รสชาติคล้ายๆบ้านเราแต่แผ่นแป้งจะกรอบกว่า และ เนื้อครีมเข้มข้นกว่าค่ะ
เผอิญว่าฝั่งตรงข้ามร้านเครปมีร้านเกมส์เลยแวะเข้าไปดูอะคะ
และเพราะที่นี่ทำให้เราได้รู้ว่า Shop Line ในเมือง Sapporoนี้อยู่ที่ไหนค่ะ
จากโบว์ชัวร์นี้เลยจ้า




ตึก Parco ชั้น7ค่ะ ตามแผนที่ตรงรูปหัวใจค่ะ


หารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่นะคะ
//sapporo.parco.jp/spage2/event/26/

แต่เพราะเราเดินเลยมาแล้วอะคะ และหิ้วของที่Shoppingมาพะรุงพะรัง
เลยไม่ได้เดินย้อนกลับไป
ถ้าใครมีโอกาสแวะ
ถ่ายรูปมาให้ชมหน่อยนะคะ

หลังจากShoppingกันไปจุใจ ก้อได้เวลาไปเอากระเป๋าสัมภาระที่ฝากไว้ที่รร.ละคะ
บ๊าย บาย จากSapporo เพื่อเดินทางไปChitoseกันค่ะ

ไปขึ้นรถไฟที่JR Sapporo เพื่อไปลง Chitose Station



ในตารางจะไม่โชว์ Chitose Stationอะค่ะ
ตอนแรกก้องงๆ ละจะไปลงที่ไหนแน่ระหว่าง Minami-Chitose กับ New Chitose
เลยเค้าไปถามเจ้าหน้าที่JRค่ะ
ได้ความว่าสถานีอยู่ระหว่าง Shin-Sapporo Station กับ Minami-Chitoseค่ะ

ดูสถานีที่ผ่านด้านล่างเลยจ้า




อย่าเผลอลงผิดสถานีนะคะเพื่อนๆ

ขบวนที่เราไปแวะจอดที่
Shin-Sapporo Station -  Kitahiroshima - Eniwa - Chitose จ้า

คืนนี้เราพักที่Areaone Chitose หรือ เมื่อก่อนคือ Chitose Airport Hotel Annexอะค่ะ
วันนั้นอาการเย็นแถมหิวเลยรีบเข้ารร.ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ขอเอารูปwebอื่นมาลงนะคะ



ที่เลือกรร.นี้เพราะเห็นเค้าโปรโมทว่ามี Free Shuttle bus ไปส่งที่ Airportให้อะคะ
ตอนส่งmailไปเช็คกับทาง รร.ได้รับการตอบกลับมาตามด้านล่างค่ะ
The bus departure time is 6:15,6:50,7:30,8:10,9:00,10:00.
(It takes 15 minutes to the airport.6:50 is our recommendation.)
เพราะ Flight TG 671 ของเราออกจากสนามบิน 10.45 น.ค่ะ

ความเห็นส่วนตัว:
รร.ออกจะเก่าไปนิดอะคะ
ดูข้อมูลรร.ได้ที่นี่จ้า
//www.hotel-areaone.com/en/chitose/index.html
แต่ดีที่มีWifi freeตลอดทั้งในห้องพักและ Public พร้อม Free Shuttle Bus ไปส่งสนามบินค่ะ

ได้เดินผ่าน Chitose Airport Hotel และ Route Innที่อยูด้านหน้าทางเข้า
มีความรู้สึกว่าใหญ่ และน่าพักกว่าอะคะ

เอาแผนที่คร่าวๆแถวJR Chitose จากเวปที่หาไว้ก่อนเดินทางมาฝากจ้า

อันนี้เป็นรร.แถวนั้นค่ะ


อันนี้มีร้านอาหาร หรือแหล่งสำคัญๆค่ะ



หลังจากเก็บของที่รร.
เราก้อรีบออกไปหาอะไรหมำ่กันคะเพราะบ่าย3กว่าแล้ว...หิวมากๆ
เดินวนรอบเมือง หาร้านอาหารแต่นำ้ตาจะไหลเพราะส่วนใหญ่ปิดหมดอะค่ะ
จะเปิดอีกทีตอนประมาณ 6โมงเย็น
ทางสุดท้ายเราเลยต้องเดินเข้าห้างอะคะ
เอาแผนที่ Chitose City มาฝากค่ะ



โดยร้านอาหารที่เราฝากท้องอยู่ชั้นล่างของห้าง Pewre (รูปด้านล่าง)ค่ะอยู่ใกล้กับ JR Chitose ตรงข้าม ห้าง AEONจ้า
ที่นีมีร้าน 100 เยนด้วยนะคะ เผื่อใครอยากเก็บตก


จำชื่อร้านไม่ได้อะค่ะ
แต่ชั้นล่างของห้างนี้ รู้สึกจะมีร้านเดียวค่ะ



จะเป็นแนวๆสเต๊ก และ สลัดจ้า ....อร่อยดีค่ะ
และที่นี่จะมี Drink Bar เหมือน Buffetอะคะ
จ่ายประมาณ 199 เยน ต่อคน ดื่มนำ้อะไรก้อได้ค่ะมีทั้งกาแฟ นม วนิลา ชา นำ้อัดลม น้ำผลไม้ค่ะ
มัวแต่ทานเลยไม่ได้ถ่ายรูป....ขอโทษนะคะ
หลังจากอิ่มท้องแล้ว เราเลยไปเดินย่อยกันค่ะ
เดินย้อนไปด้านหลังของรร.ไปเจอสวนเล็กๆมีต้นไม้กำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงและต้นไม้เป็นพุ่มขาวสวยเชียว
เลยขอแช๊ะภาพสักนิด




มาต่อภาคจบกันได้ที่นี่จ้า
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=naughtyp&month=10-07-2014&group=2&gblog=14



Create Date : 10 กรกฎาคม 2557
Last Update : 15 กรกฎาคม 2557 11:56:34 น.
Counter : 2311 Pageviews.

0 comment
เที่ยวฮอกไกโด....แช่ออนเซนNoboribetsu ชิวๆSapporo ชมดอกไม้Furano เที่ยวโอตารุแสนโรแมนติก ตอน3/2

จากตอนที่แล้วที่ด้านล่างนี้นะคะ
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=naughtyp&month=04-05-2014&group=2&gblog=11
ไหนๆมาตึกESTAแล้วลองเดินเที่ยวซื้อของฝากกันสักหน่อยคะ
ที่นีเปิด 10.00-21.00คะ มี11ชั้น
มีตั้งแต่ของกิน ของเด็กเล่น ร้านLoft เครื่องไฟฟ้า
ตามผังด้านล่างจ้า



ตามล่าหาshop LINEมาหลายที่แล้ว ไหงไม่มีเลย มีแต่Pokemon Kitty Rilakkuma
เดินลงมาประมาณชั้น8-7 จำไม่ได้แน่นะคะ
มาเจอชั้นเกมส์ พอจะมีตู้ให้หยอดเหรียญของLineอยู่ตู้นึงคะ แต่คงเพราะไม่ถนัดเลยเสียเงินไปฟรีๆ...ไม่เอาละ....แง
เซ็งๆเลยมาเดินเล่นที่Loft



เย้ๆ....มาเจอซุ้มขายLineเล็กๆอยู่ในLoftอะคะ
ในที่สุดเลยได้มาฝากเพื่อนๆนิดหน่อย



เดี๋ยวท้ายๆจะมาบอกว่ามีShop LINEที่ไหนในSapporoค่ะ
คืนนั้นเราตัดสินใจเดินกลับจากตึกESTAไปรร.Mecureกันคะ
ระยะทางพอสมควร ตามเส้นสีแดงแผนที่ด้านล่างเลยค่ะ



ผ่านClock Tower



ผ่านมาจะมาเจอ สวน Odori มองไปจะเห็น Sapporo TV Tower ค่ะ
ตอนกลางคืนเค้าจะเปิดไฟดูสวยไปอีกแบบค่ะ



เดินเลยสวนOdoriขึ้นมาจะเจอโซนห้างให้shopเยอะเลยค่ะ
ทั้งMitsukoshi /Marui Imai/ Daimaru/IKEUCHI Zone กับห้าง PARCO
แถมร้าน Daiso ก้ออยู่ใกล้ๆ
ใครชอบของราคา 100 เยน ก็เดินมาช้อปต่อได้เลยนะคะ
นอกจากนี้ยังมีห้างMatsumoto Kiyoshi
แหล่งรวมเครื่องสำอางราคาไม่แพง
เลยถือโอกาสแวะshopสักนิดอะคะ

 พอดีไม่ได้ถ่ายหน้าร้านไว้ขออนุญาติยืมภาพจากคุณ iamsano มาหน่อยนะคะ



เป้าหมายของเรา คือDHC วิตามินอะคะเพื่อนๆ ฝากซื้อกันให้เพียบ


หลังจากshopจุใจระดับนึงก้อว่าจะกลับรร.ค่ะ
แต่คุณสามีเกิดอยากได้บรรยากาศNight lifeสักนิด

 เลยมาหยุดจิบเบียร์ กะ สาเกเบาๆกับร้านเหล้าเก๋ๆของหนุ่มสาวญี่ปุ่นคู่นี้
ซึ่งอยู่ถนนฝั่งตรงข้ามเยื้องๆรร.Mecureที่เราพักอะคะ



ที่นี่ไม่มีข้าวปั้น หรือ ซูชินะคะ
มีแต่กับแกล้ม....วันนั้นกินถั่วแระไปจนอิ่มท้องเลยคะ555

กระทู้หน้าเราจะปิดท้ายด้วยการเก็บตกที่เที่ยวในSapporo ไม่ว่าจะเป็น Hokkaido Shrine /Maruyama Koen /Sapporo TV Tower  และ เที่ยวชิวๆก่อนกลับเมืองไทยที่Chitose ค่ะ
ตามมาเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะที่กระทู้นี้เลยจ้า




Create Date : 04 พฤษภาคม 2557
Last Update : 4 พฤษภาคม 2557 15:02:44 น.
Counter : 1550 Pageviews.

0 comment
เที่ยวฮอกไกโด....แช่ออนเซนNoboribetsu ชิวๆSapporo ชมดอกไม้Furano เที่ยวโอตารุแสนโรแมนติก ตอน3



สวัสดีตอนบ่ายค่ะ
จากPart1 เตรียมเอกสาร จัดการแผนท่องเที่ยว พาเพื่อนๆไปแช่ออนเซนที่ Noboribetsu กันมา
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=naughtyp&month=01-05-2014&group=2&gblog=9

และ Part 2 ว่ากันเรื่องรถไฟฟ้าใต้ดิน พร้อมไปเยี่ยมชม Ishiya Chocolate factory และไปชิวกับบรรยากาศโรแมนติกที่Otaru
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=naughtyp&month=01-05-2014&group=2&gblog=9

มาคราวนี้เราจะพาไปเที่ยวชมทุ่งดอกไม้ ที่ Furano

แวะเที่ยวSapporo ชิมราเมงอร่อยๆ และชิวๆยาวค่ำที่ Susukino กันนะคะ

มาค่ะไปเที่ยวชมทุ่งดอกไม้ที่ Furanoกันคะ




ตื่นแต่เช้าออกจากรร.ค่ะ
ไม่เกิน8.15 น.ก้อเดินมาถึง Susukino Station

ขึ้นรถไฟ Subway Nanboku Line ทีปลายทาง Asabu เพื่อไปลงSAPPORO(SUBWAY)

และต่อ JR LTD. EXP FURANO LAVENDER EXPRESS No.3 ค่ะ
ออกจากสถานีเวลา 9.06 น. Track no.5 ค่ะ จะถึงFuranoประมาณ11.00จ้า



ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 2 ชม.เลยแวะซื้อข้าวกล่อง (Bento)เป็นเสบียงซะหน่อยค่ะ
สนนราคากล่องละ700-1000เยนค่ะ




ด้วยความที่ยังเช้าร้านค้าด้านในสถานียังไม่ค่อยเปิด และมีของให้เลือกน้อยกว่าด้านหน้า

สำหรับคนทีีไม่ได้ใช้บัตรHokkaido Rail Pass
(ค่ารถจะประมาณนี้นะคะFare:¥ 2,420  Seat:¥ 2,060 Total:¥ 4,480)
แนะนำให้ซื้อจากด้านนอกก่อนเข้าJRนะคะเพราะเข้าแล้วจะออกไม่ได้ค่ะ
แต่คนทีมีบัตร สามารถใช้บัตรเบ่งเข้าออกได้เลยค่ะ

ปล.ควรจองที่นั่งล่วงหน้านะคะ ช่วงนี้คนไปชมดอกไม้กันเยอะมากส่วนใหญ่จะเต็ม เพื่อนๆอาจต้องไปแย่งทีนั่งเอาอะคะ

เริ่มออกเดินทางกันค่ะ

อันนี้เป็นReserved Seatนะคะ
มีหนังสือ หูฟัง ให้เหมือนอยู่บนเครื่องบินเลยคะ ออกนอกเมืองจะเห็นทุ่งเขียวสบายตาดีคะ


ถึงสถานีFuranoละคะ



ก่อนเดินทางอย่าสืมหยิบโบวชัวร์จากสถานี หรือ
 Tourist Information ทีอยู่ข้างสถานีติดมือไปเที่ยวด้วยนะคะ



รถไฟจะมาจอดที่สถานีฟูราโนแต่ยังไม่ถึงที่เที่ยวชมนะคะ
ต้องรอNorokko Local Train ที่จะออกจากสถานี เวลา11.52 น.
เพื่อไป Furano – Biei – Asahikawa
ก่อนถึงจุดหมายของเรา ขบวนนี้จะผ่าน Naka Furano (12.11)ด้วยคะ
12.14 น.ถึงสถานี Lavender Farm Station   




ปล.คนทีมีบัตร JR Hokkaido Pass ขึ้นFree นะคะ
มาดูสภาพรถภายนอกและภายในนิดนึงคะ
ในที่สุดเราก้อมาถึง Lavender Farm Stationละคะ
หน้าสถานีจะมีคุณป้ามาตั้งซุ้มขายของที่ระลึกอยู่ค่ะ

ความคิดเห็นที่ 19


พอถึงสถานีเราต้องเดินออกไปอีกประมาณ 7นาที
แต่ถ้าเดินมาจาก Naka Furano จะใช้เวลาประมาณ25นาทีค่ะตามแผนที่ด้านบนจ้า

เดินออกจากสถานีเลี้ยวขวาตรงไปจะผ่านซุ้มเบอร์2
คาดว่าจะปลูกแคนตาลูปอะคะ
เดินไปสักนิดจะเจอสะพานสีส้มเบอร์3-4
เดินผ่านสะพานแล้วเลี้ยวขวานะคะ เบอร์5-6
แล้วข้ามฝั่งไปตรงข้ามจะเห็นป้าย เบอร์7
เดินตรงไปสักนิดเลี้ยวซ้ายก้อถึงทางเข้าFarm Tomitaแล้วจ้า

ถึงฟาร์มโทมิตะละคะ
 แง.....แอบผิดหวัง
ว่าจะได้เห็นทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ไฮไลท์ ในฤดูร้อนของเกาะฮอกไก
กับวิวทุ่งดอกไม้
ที่เมื่อมองขึ้นไปจะเหมือนกับลานดอกไม้หลากสี
แง....ดูทุ่งลาเวนเดอร์ซิคะ ยังไม่โตดีเลย
แต่คาดว่ามาสักกลางเดือน ก.ค.ขึ้นไปจะได้เห็นทุ่งสวยงามค่ะ


ไหนๆมาแล้ว ขอเก็บภาพเป็นที่ระลึกหน่อยคร๊าาา

เพื่อการเดิมชมวิว ถ่ายรูปสะดวกขึ้น เอาแผนทีมาฝากค่ะ





นอกจากทุ่งดอกไม้ ยังมีมุมอื่นๆให้ชมนะคะ

มาว่ากันเรื่องอาหารการกินกันบ้างนะคะ
มาที่นีที่พลาดไม่ได้คือต้องชิมไอศครีมลาเวนเดอร์ กะ ชมวิวชิวๆของท้องทุ่งตรงจุดนี้คะ

สนนราคาแบบถ้วย 200 เยน แบบโคน 250 เยนค่ะ
ทีเห็นเป็นนำ้ Lavender Calpis 250 เยนจ้า  ตามค.เห็นรสชาติเฉยๆ ทานไอศกรีมอร่อยกว่าจ้า

ถ้าอดใจไหวยังไม่ซื้อไอศกรีมด้านบนเอาแค่ยืนชมวิวเฉยๆ
ให้เดินลงมาข้างใต้ร้านอาหารนี้คะ
เพื่อนๆจะเจอกับร้านขายไอศกรีมที่หลากหลายกว่าด้านบนค่ะ
เพราะมีทั้ง Milk /Melon/Lavender/Milk&Lavender และ Melon&Lavenderจ้า
แบบถ้วย 200 เยน แบบโคน 250 เยนค่ะ




และ ไฮไลท์อีกอัน คือ เจ้าเมลอนซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่
1 ชิ้น 300 เยน และ 2 ชิ้น 550เยน จ้า
แผนที่ตั้งไว้ตอนแรก คือ14.00 น. เตรียมออกจาก Farm Tomita เพื่อไปบิเอะ Biei
โดยจะกลับมาขึ้นรถไฟสาย Local Norokko Train รอบ 14.21 น.
ที่สถานี Lavender Farm Station ค่ะ
และ 15.03 น.ถึงสถานี Biei แล้วจองตั๋ว
Twinkle Bus Biei Hill Country Course รอบ 15.15 น.            
*** ใช้เวลารวม 50 นาที
*** ราคา 500 เยน




เส้นทาง: สถานี Biei Station :  
The tree of Ken & Mary (ถ่ายรูปและชมวิวจากรถบัส )
2. The tree of Seven star ( จอดให้เที่ยว 10 นาที )  
3. The tree of Family (ถ่ายรูปและชมวิวจากรถบัส )  
4 .Northwest observatory park (จอดให้เที่ยว 10 นาที )
ถึงสถานี  Biei 16:10         



เดินเที่ยวจนทั่วเสร็จตั้งแต่ ก่อนบ่ายโมงนิดๆเลยคิดว่าไม่ไป Biei ละดีกว่าน่าจะมีแต่ทุ่ง
จะนั่งรถไฟ จาก Lavender Farm รอบ 13.40 ถึงFurano 13.52
และขึ้น Ltd Express รอบ 14.10 เพื่อไปลง Sapporo ตอน 16.28 น.

แต่เกิดความผิดพลาดอะคะ Ltd Express รอบ 14.10 ยังไม่เริ่มวิ่งเดือนนี้
จะเริ่มประมาณ 13 ก.ค
เลยต้องไปเดินเที่ยวเมืองFurano รอรถไฟรอบ 15.47กลับSapporoแทนอะค่ะ
ดังนั้นเพื่อนๆต้องดูตารางให้ดีดีนะคะ

17.50น. ถึงSapporo คะด้วยความที่มาถึงเร็วกว่าแผนแรกที่วางไว้
เลยจะไปเดินเล่นที่Hokkaido University กันคะ
เอาแผนที่มาฝากกันนะคะ เผื่อเพื่อนๆอยากไปเดินเที่ยวชมธรรมชาติในเมืองจ้า
ตั้งต้นจากสถานีJR Sapporoกัน
และเดินไปให้ถึงเบอร์2 สีชมพู Hokkaido University Main Gate



เพื่อนๆจะเจอทางเข้า เข้าไปเดินเล่นกันได้เลยจ้าไม่เสียค่าเข้าค่ะ

บรรยากาศวันนั้นให้feelเหมือนเดินอยู่สวนลุมบ้านเราเลยค่ะ
ถ้าไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคงสวยเหมือนในภาพตามหนังสือด้านล่างอะคะ
ตอนที่ไปมีแต่สีเขียวเต็มไปหมดเลยไม่รู้จะถ่ายภาพไรดีน้อ....

ขออนุญาติเอาภาพและข้อมูลจากหนังสือมาให้ชมกันนะคะ
จะได้ทำให้การเดินเล่นสะดวกมากขึ้นจ้า



หลังจากเดินเที่ยวจนหมดแรง ท้องก้อเริ่มร้องอะคะ
เคยอ่านเจอว่านอกจากตรอกราเมงแล้ว
ยังมีศูนย์รวมสุดยอดร้านราเมนของ Hokkaido อยู่ที่ตึก ESTA ชั้น10

ใกล้ๆ JR Sapporo ดูจากแผนทีด้านล่างได้เลยค่ะ



ลักษณะเป็นธีมพาร์ค "Hokkaido Ramen"
ตบแต่งแบบสมัยโชวะ20โดยรวมร้านราเมนชื่อดังของ Sapporo,Asahikawa,Hakodateฯลฯ
รวม8ร้าน
อันนี้เป็นทางเข้าค่ะ

เอาแผนที่ ที่ตั้งทั้ง8ร้านมาฝากจ้า


 และด้วยความที่หิวแล้วอะค่ะ เลยเข้าร้านนี้เลย


ตามมาชมร้านกันนิดค่ะ

มาดูเมนู กับหน้าตาราเมนกันสักหน่อยจ้า



เราสั่ง Butter&Corn Cheese (Miso Soup) 850 เยน
และคุณสามีสั่ง Vegetable Ramen (Miso Soup) 900 เยนค่ะ

ชามใหญ่มาก รสชาติดีค่ะ
อ๋อ...น้ำเปล่ามีให้ดื่มฟรีนะคะ
พอดีว่าพื้นที่ไม่พอไปต่อกันที่ด้านล่างนะคะ
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=naughtyp&month=04-05-2014&group=2&gblog=12



Create Date : 04 พฤษภาคม 2557
Last Update : 4 พฤษภาคม 2557 14:59:11 น.
Counter : 3754 Pageviews.

1 comment
เที่ยวฮอกไกโด....แช่ออนเซนNoboribetsu ชิวๆSapporo ชมดอกไม้Furano เที่ยวโอตารุแสนโรแมนติก ตอน2


 กระทู้ที่แล้ว ได้ถ่ายทอดประสบการณ์การเดินทางตั้งแต่เตรียมเอกสาร    

จัดการแผนท่องเที่ยว รวมทั้งพาไปเที่ยว Noboribetsu กันมา


 คราวนี้เราจะเข้าเมืองกันบ้างค่ะ

Day 3 (June25)        
ตามตารางที่แพลนไว้
8.00 น.    Breakfast at NOBORIBETSU MAHOROBA HOTEL            
9.45 น.    Check out จาก NOBORIBETSU MAHOROBA HOTELขึ้นรถบัสของโรงแรมรอบ 10.00 น.
ซึ่งบริการพาแขกที่พักค้างคืนไปส่งที่ Sapporo ถึงประมาณ 11.30 น.        

หลังจาก Shuttle Bus รร.มาปล่อยที่ Odori
เราก้อเริ่มหัดใช้บริการรถไฟใต้ดินค่ะเพื่อจะไปฝากสัมภาระที่รร.

ก่อนออกไปเที่ยว Ishiya Chocolate factory และ ไปเมือง Otaruค่ะ

ก่อนอื่นเรามาดูแผนที่สถานีรถไฟใน Sapporo กันก่อนะคะ
ขออนุญาติยืมภาพจาก เวป Hokkaidothai นะคะ


รถไฟใต้ดิน (Subway)  วิ่งตั้งแต่เช้ามืดจนถึงเที่ยงคืน มีให้บริการอยู่ 3 สาย คือ
1.สายสีเขียว Nambuku Line วิ่งจากชานเมืองทางด้านทิศเหนือ ผ่านสถานีซัปโปโร โอโตริ ซูซูกิโนะ  ไปสิ้นสุดที่ชานเมืองด้านทิศใต้ มีสถานีทั้งสิ้น 16 สถานี
2.สายสีฟ้า Toho Line วิ่งจากชานเมืองด้านทิศเหนือขนานกับสายสีเขียว ผ่านใจกลางเมืองที่สถานีซัปโปโร โอโดริ แล้วไปสิ้นสุดที่สถานี Fukuzumi ทางด้านใต้ของเมืองใกล้ ๆ กับ Sapporo Dome มีจำนวนสถานีทั้งหมด 14 สถานี
3.สายสีส้ม Tozai Line วิ่งจากทางตะวันตก ผ่านใจกลางเมืองขนานไปกับสวนโอโดริ แล้ววิ่งไปทางตะวันออก เชื่อมต่อกับรถไฟเจอาร์ที่สถานี Shin-Sapporo มีสถานีทั้งหมด 19 สถานีคะ

สำหรับตั๋วรถไฟฟ้าใต้ดิน แนะนำให้ซื้อตั๋ว ONE DAY PASSนะคะ 
 เพราะนักท่องเที่ยวอย่างเราเดินทางกันทั้งวัน ใช้คุ้มแน่นอนค่ะ
แต่ก้อแล้วแต่แผนเที่ยวของแต่ละคนด้วยนะคะ
ลองเช็คตารางคร่าวๆ พร้อมค่าใช้จ่าย จากเวปนี้ดูคะ
//www.hyperdia.com/en/


ส่วนวิธีการเลือกซื้อตั๋วนั้นไม่ว่าจะเป็น ONE DAY PASS หรือตั๋วปกติ
เราจะซื้อจากเครื่องจำหน่ายตั๋วอัติโนมัติ ค่ะ
วิธีใช้ก้อไม่ยากจ้า



1.อันดับแรกเราเลือกภาษา เป็น English ก่อนนะคะ ยกเว้นใครอ่านญี่ปุ่นออกก้อจัดไปค่ะ
2.ถ้าต้องการ ONE DAY PASS ก้อเลือก ONE DAY CARD ค่ะ แต่ถ้าเลือกที่จะใช้ตั๋วธรรมดาให้เลือก Subway Only นะคะ
ซึ่งจะได้หน้าตามภาพข้างบนค่ะ

ปล.ด้านล่างนี้เป็นตารางค่าโดยสารที่ Odori Station ค่ะ


3.ถ้าค่าโดยสาร 200 เราก้อกดที่ปุ่ม 200 หลังจากนั้น เครื่องจะให้เราใส่เงินลงไปค่ะ



เหรียญ 10/50/100/500 ใส่ช่องหยอดเหรียญ
แบงก์ 1000/5000/10000 วางลงช่องใส่แบงก์ค่ะ
ไม่ต้องห่วงนะคะ เครื่องจะทอนเงินให้
และเด้งตั๋วออกมาค่ะ

พอดีไม่ได้ถ่ายรูปตั๋วปกติไว้ มีแต่รูป ONE DAY PASS ตามภาพด้านล่างจ้า



แต่้ถ้ายืนอยู่หน้าเครื่องจำหน่ายตั๋วแล้ว ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ
สามารถถามพนักงานรถไฟได้เลยคะ
ในเมืองท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ใจดีกันแทบทุกคนอยู่แล้ว
หลังจาก รู้วิธีซื้อตั๋วแล้ว
เราก้อลงใต้ดินไปฝากกระเป๋ากันก่อนค่ะ
2 คืนใน Sapporo เราพัก Mercure Hotel Sapporo (25-27/6/2013) สนนราคาตกคืนละ 2721.61 บาทค่ะ ไม่รวม Breakfast
รร.อยู่ย่าน Susukinoค่ะ
ย่านนี้คึกคักมีชีวิตชีวาที่สุดของซัปโปโร โดยเฉพาะในเวลาค่ำคืนที่บรรดาป้ายไฟโฆษณาบนตึกต่าง ๆ เปิดไฟสลับสีแข่งขันประชันสินค้ากัน รอบ ๆ บริเวณนี้มีร้านอาหาร ภัตตาคาร สถานบันเทิงเริงรมย์ยามราตรี ทั้งไนต์คลับ บาร์ คาราโอเกะ มากมายตั้งอยู่ในตรอกซอกซอย บางร้านก็ซ่อนอยู่ในตึกต้องขึ้นลิฟต์ไป แต่ก็มีพนักงานออกมาเรียกแขกเสนอเมนูและบริการของร้านตนเองอยู่ริมถนนเต็มไปหมดค่ะ


เดินทางไปไม่ลำบากเท่าไรค่ะ.....ไปฝากของที่รร.กันค่ะ
ลงใต้ดิน Odori Station ขึ้น Subway Nanboku Line ที่ปลายทาง Makoemanai มาลง Susukino Station (N08) และ ออกทาง Exit 4ถ้าจำไม่ผิดนะคะแล้ว เดินไปที่รร.
ปล.ไม่ต้องกังวลเรื่องรถใต้ดินนะคะ เพราะมีรถออกทุกๆ 5 นาทีค่ะ

ด้วยความที่ไปถึงเร็วยัง Check in ไม่ได้เลยฝากกระเป๋าไว้ก่อนคะ
 เดี๋ยวค่อยกลับมาชมห้องกันนะคะ
ไปเที่ยวกันก่อนดีกว่า..................

ลงรถไฟจาก Susukino Station ไป Odori Station เพื่อไป Ishiya Chocolate factory --Shiroikoibito Park สถานที่ตั้งโรงงานช็อกโกแลตยี่ห้ออิชิยาของซัปโปโรกันค่ะ
วิธีเดินทาง
-ขึ้นรถไฟ  Subway Tozai Line สายสีส้ม ไปลง MIYANOSAWA Station (T01)
(ใช้เวลาประมาณ 16 นาที) ค่ะ
-ถึง MIYANOSAWA Station ออกช่องทางออกที่ 5 ขึ้นบันไดเลื่อนมาค่ะ......ฝั่งตรงข้ามจะเป็นร้าน Lea Lea Bentoss
เจอร้านนี้ให้ไปทางซ้ายตรงไปจนถึงแยก ให้เลี้ยวซ้ายอีกที เดินตรงไปจนเห็นถนน
พอมาถึงตรงนี้จะเห็นป้ายชื่อโรงงานชัดแจ๋วอยู่ขวามือค่ะ ข้ามถนนละเดินไปจุดหมายกันเลยค่ะ   



ปล. กะว่าจะ แวะกินBuffet เค้กชั้นล่างชั้นล่างสักหน่อยเห็นว่า หัวละ 1500 เยน แต่ปรากฎว่าเค้าบอกไม่มีแล้วอะคะ
สำหรับคนที่อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปดูที่เวปนี้เลยจ้า
//www.shiroikoibitopark.jp/english/index.html    
ถ้าชมสวนเฉยๆไม่เสียเงินค่าเข้านะคะ
แต่ถ้าเข้าไปดูการผลิตต้องเสียค่าเข้าชม :600 yenค่ะ
เข้าไปด้านในสวนชมวิวสวยๆกันค่ะ


ต่อจากด้านนอก เข้ามาด้านในบ้างนะคะ



แวะชิมเค๊กอร่อยๆ ที่ Factory Walk ชั้น 4 พร้อมวิวสวยๆ
ดูพร้อมClock Tower ที่จะมี Carnival หมุนออกมาเดินพาเหรดทุกชม.กันค่ะ

ก่อนกลับอย่าลืมแวะซื้อของฝากช็อกโกแลตอันเลื่องชื่ออย่าง Shiroi Koibito คุ้กกี้สอดไส้ไวท์ช็อกโกแลต ที่ทำจากนมโคจากฮอกไกโดที่ว่ากันว่าอร่อยที่สุดในญี่ปุ่นกันนะคะ



แต่ถ้าขี้เกียจหิ้วก้อสามารถหาซื้อเจ้า Shiroi Koibito ได้ที่ แหล่ง shopping อื่นๆ หรือจะเก็บตกที่สนามบินก้อยังได้นะคะ

ส่วนเรืองราคานั้น ลองกลับมาเช็คbillดูได้ประมาณนี้อะคะ



เหมือนราคา12ชิ้น ในห้างใต้สถานีOdoriจะเท่ากับAirportเลย
เพิ่งสังเกตอะคะ

ส่วนด้านล่างเป็นราคาทีโรงงานนะคะถ่ายไว้เลยเอามาฝากเผื่อการตัดสินใจจ้า

บ่ายสองกว่าแล้ว.....ได้เวลาออกเดินทางไป Otaru กันละคะ

โดยกลับมาลง MIYANOSAWA Station เพื่อขึ้นรถไฟ  Subway Tozai Line สีส้ม ไปลง Odori Station
เพื่อเปลี่ยนรถไปขึ้น Subway Nanboku Line ไปลง SAPPORO(SUBWAY) และเดินไปขึ้น JR  SAPPORO กันค่ะ



ดูตารางออกรถ และเลือก JR ที่สะดวกกับแผนของเราและ
เพื่อกันพลาด....อย่าลืมเช็คกับ พนักงานที่สถานีอีกทีนะคะว่าขึ้นที่ Track เบอร์อะไร
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที ถึง OTARU ค่ะ



ลืมบอกไปนิด ถ้าเป็นไปได้ พยายามนั่งฝั่งขวามือนะคะ จะได้มองเห็นวิวทะเล

นั่งไปเพลินๆ สบายตาอะค่ะ

ก่อนออกสถานี ไม่ลืมที่จะหยิบแผนที่เพื่อช่วยในการเดินทาง ชมเมืองนะคะ
แต่ลองอ่านคร่าวๆจากเอกสารที่เก็บมาฝากกันก่อนก้อได้ค่ะ




ออกมาหน้าสถานีจะเจอท่ารถบัส ""Otaru Sansaku""

เราสามารถซื้อตั๋วรถบัสไปตามจุดเที่ยวชม ได้คะ
มี 3 เส้นทางค่ะ ลองอ่านข้อมูลจากภาพด้านล่างดูนะคะ



เราเลือกเส้นทางMarine Course เพราะรถกำลังจะออกละคะ ไม่อยากเสียเวลากลัวจะค่ำอะคะ
ราคารอบละ 210 เยนจ้า

สำหรับเส้นทางรถวิ่งลองดูตาม Map ด้านล่างนะคะ



“โอตารุ” เป็นเมืองชายทะเล ฤดูร้อนแบบนี้อากาศจะปลอดโปร่งโล่งสบาย มีลมทะเลเอื่อยๆ กับแดดอุ่นๆ
ให้รู้สึกอยากเดินชมวิวไปเรื่อยๆได้สบายอารมณ์ค่ะ

เรานั่งรถไปรอบเมืองตามเส้นทาง Marine Course พอรถวนกลับมาเราก้อลงรถในจุดที่ใกล้ นาฬิกาไอน้ำ กับ  ร้านขายกล่องดนตรีโบราณ ชื่อ Otaru Orugorudo Honkan (เปิด9.00 ถึง 18.00) ค่ะ
ร้านตั้งอยู่สุดถนนช๊อปปิ้ง หากหาไม่เจอให้สังเกตุตึกรูปโดม และเดินมุ่งหน้าไปยังตึกรูปโดมนั้น ก็จะเห็นตึกอยู่สุดริมถนนค่ะ
ด้านหน้าร้านมี Steam Clock ซึ่งเป็นนาฬิกาไอน้ำที่เมืองแวนคูเวอร์มอบให้เป็นที่ระลึกแก่เมืองโอตารุค่ะ
ปล. นาฬิกาไอน้ำนี้จะพ่นไอน้ำออกมาทุกสิบห้านาทีนะคะ



เดินย้อนขึ้นไปเรื่อยๆ จะเจอร้าน LeTAO Cheese Cake ซึ่งที่นี่มีให้เลือกประมาณ 3-4 ร้านเลยค่ะ ไม่รู้จะเปิดทำไมติดๆกันน้อ
ไหนๆมาแล้วต้องลองชิมสักหน่อย
วันนั้นเราชิม Double Fromage ค่ะ เป็น Cheesecakeที่ อร่อยมากค่ะ หอมชีส  เนื้อนุ่มละมุนลิ้น



นอกจากร้านนี้ ก้อยังมีร้านขนม Kitakaro ให้เลือกซื้อนะคะ

ที่นี่จะมีร้านค้าอยู่ตลอดสองข้างทางยาวประมาณ หนึ่งกิโลเมตร ร้านเด่นๆจะเป็นร้านขายพวกกล่องดนตรี กับ ร้านขายเครื่องแก้วต่างๆ ร้านขายของที่ระลึกทั่วไป ร้านขายเหล้า ร้านขาย เค้ก เรียกได้ว่า สำหรับสาวๆ แล้วถนนสายนี้ เป็นเหมือนถนนในฝันเลยทีเดียว เพราะมีร้านค้าเล็กๆ มีของน่ารัก ให้ดูเพลิน ๆ และมีเค้กอร่อยๆ ให้กินค่ะ

และที่ขาดไม่ได้"คลองโอตารุ" สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่จะต้องมาถ่ายรูปให้ได้ค่ะ ไม่งั้นมาไม่ถึง โอตารุนะคะ
แบ๊กกราวด์เป็นอาคารอิฐสีแดง ซึ่งในอดีตเป็นโกดังเก็บสินค้าแต่ในปัจุบันได้ปรับปรุงเป็นร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกค่ะ

หลังจากเดินถ่ายรูปจนหนำใจ
ก้อได้เวลาเดินทางกลับกันค่ะ
อย่ามัวเดินเพลินะคะ เพราะรถรอบสุดท้ายกลับ Sapporo เหมือนจะเป็นรอบ 20.22 นะคะ




เดินกลับมาขึ้นรถไฟที่ Otaru Station นั่ง JR ไปลง SAPPORO (JR) ดูตารางรถกลับด้านบนนะคะ
เดินมาเปลี่ยนรถไฟที่ SAPPORO(SUBWAY)
และขึ้น Subway Nanboku Line ที่ปลายทาง Makomanai ไปลง Susukino Station เพื่อเข้าที่พัก Mercure Hotel Sapporoค่ะ
อันนี้เป็นภายในห้องพักนะคะ
มีอุปกรณ์จำเป็นครบเลยค่ะ



ที่ชอบมากคือ มีอุปกรณ์สำหรับ Charge Iphone ให้ด้วย



ส่วน Wifi มีให้ใช้ฟรีในห้องนะคะ โดยเค้าจะวางรหัสไว้ให้ที่โต๊ะคะ
เก็บตกอีกนิดนะคะ
คืนวันนั้นกว่าจะมาถึง รร.ก้อ 3 ทุ่มแล้ว เลยต้องหาอะไรรองท้องสักหน่อย
เดินมองหาร้านอยู่นาน เห็น ร้าน Sushi Bar เลยแวะหม่ำที่นี่
ได้บรรยากาศอีกแบบนึง......ได้ feel เหมือนพนักงานบจก. ที่เลิกงานละมาสังสรรค์กันอะคะ หัวเราะ



ร้านอยู่ตรงข้ามรร. เยื้องๆกับ Lawson ค่ะ ใต้ตึกสำนักงานอะไรสักอย่าง ด้านหน้ามีขายไอศกรีมค่ะ
........ถ้าคืนนั้นไม่อยากจัดหนัก กับ อาหารพวกปู ที่อยู่ตรงข้าม รร. เหมือนกัน ก้อลองไปดูนะคะ ไม่แพงมาก แถมอิ่มท้องด้วย
หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว.......ก้อขอเดินย่อย ดูแสงสีซักเล็กน้อยค่ะ
ตอนค่ำคนเดินพลุกพล่าน แสงสีของป้ายไฟโฆษณาตระการตา เดินบนถนนใหญ่ไม่ค่อยน่ากลัวค่ะ

เดินเพลินๆเข้าไปในซอยถัดจากร้าน Sushi Bar ก้อมาเจอ ร้านตู้เกมส์หนีบตุ๊กตา+เกมส์ตู้+ปาจิงโกะอะคะ
ไหนๆมาแล้วขอแวะเข้าไปดูสักนิด




ปล.ที่นี่เล่นไม่ได้เงินนะคะ เพราะเค้าให้เล่นเอาแก้เซ้งมันส์เฉยๆจ้า
เพื่อนๆอย่าลืมตามมาเที่ยวทุ่งดอกไม้ที่ Furano พร้อมแวะเที่ยวSapporo ชิมราเมงอร่อยๆ และชิวๆยามค่ำที่ Susukino กันที่รีวิวต่อไปกันนะคะ





Create Date : 01 พฤษภาคม 2557
Last Update : 1 พฤษภาคม 2557 14:12:23 น.
Counter : 4013 Pageviews.

0 comment
1  2  3  

NaughtyP
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



New Comments
All Blog