Group Blog
 
All blogs
 

Talking : มาพูดคุยไขข้อข้องใจการดูแลผมทำสีทำอย่างไรให้สีผมติดทน และม้วนผมอย่างไรให้ลอนผมอยู่ทนจ้า




 

Create Date : 09 สิงหาคม 2556    
Last Update : 9 สิงหาคม 2556 12:42:21 น.
Counter : 1096 Pageviews.  

Talking : แอสตาแซนธิน (Astraxanthin) <<< เคยได้ยินกันไหม? สารต้านอนุมูลอิสระอันโด่งดังของยุคนี้!!!

  สวัสดีค่ามาพบกันใหม่โหมดพูดคุยแต่เป็นการคุยผ่านตัวหนังสือเนอะ
สมัยนี้เชื่อว่าหนุ่มๆสาวๆดูแลตัวเองกันมากขึ้นเยอะะะะะะะ
การทานอาหารเสริมก็เป็นเทรนด์ที่มาแรงจริงๆ ให้เราดูดีออกมาจากภายในไปเลย
ใครกำลังทานอาหารเสริมอยู่หรือกำลังเริ่มทาน
ต้องเคยได้ยินคำนี้แน่ๆ"สารต้านอนุมูลอิสระ"

ซึ่งในบล็อคนี้จะมาเล่าถึงสารต้านอนุมูลอิสระตัวที่กำลังมาแรงแซงโค้งสุดๆตอนนี้
นั่นคือ สารแอสตาแซนธิน (Astraxanthin) ชื่อยาวเชียว
ชื่อแลจะจำยากแต่เดี๋ยวได้ทราบคุณประโยชน์แล้วจะอยากจำชื่อมากขึ้นแน่นอนจ้า

-------------------------------------------------------------------

ก่อนจะที่ทำความรู้จักกับสารต้านอนุมูลอิสระ
เราก็ต้องมาทำความรู้จักกับ "อนุมูลอิสระ" กันก่อน

อนุมูลอิสระ
(Oxidant , Free Radical) คืออะไร Smiley

ชื่อโก้หรูดูดีนะ....อนุมูลอิสระ แต่ความจริงแล้วมันร้ายนักหล่ะ
สรุปใจความเอาง่ายๆก่อนมันคือ ตัวการที่ทำให้แก่ ค่ะ !!!
เนื่องจากเจ้าอนุมูลอิสระจะทำให้เซลล์เกิดความเสียหาย
เป็นสาเหตุของความเสี่ยงให้เราเกิดความเจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆ
และสิ่งที่เราเกรงกลัวที่สุดคือจะทำให้เราเกิดริ้วรอยก่อนวัยนั่นเอง แหม่ร้ายจริงๆนะ Smiley

ทราบสรุปง่ายๆไปแล้วมาดูแบบยากๆขึ้นมาอีกนิดว่าอนุมูลอิสระเกิดได้อย่างไร
เจ้าอนุมูลอิสระนี้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่นทั้งภายในและนอกร่างกาย
อย่าเพิ่งตกใจกับคำศัพท์นะค๊า
ปฏิกิริยาออกซิเดชั่น เข้าใจไม่ยากมันจะเกิด
เมื่อมีเจ้าออกซิเจน เข้ามาเกี่ยวข้องนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น
เราหายใจเอาออกซิเจนในอากาศเข้าไปเผาผลาญอาหารก็เกิดการออกซิเดชั่น
เหล็กเมื่อสัมผัสอากาศไปนานๆเกิดการออกซิเดชั่นกลายเป็นสนิม
แอ๊บเปิ้ลหั่นแล้ววางไว้สัมผัสอากาศเกิดการออกซิเดชั่นกลายเป็นสีดำ
หรือเอาใกล้ตัวที่เราคุ้นเคยแต่งหน้าไปสักพักรองพื้นเกิดการออกซิเดชั่น
ทำให้สีของรองพื้นหมองหรือดรอปลง เห็นไหมคะว่าเจ้าปฏิกิริยานี้อยู่รอบตัวเรา
ซึ่งเจ้าอนุมูลอิสระก็คือส่วนเกินหรือของเสียที่เกิดขึ้นมาจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่นนั่นเอง
โดยตัวมันเองจะไม่เสถียรวิ่งไปยึดจับกับสารกับเซลล์อื่นได้ง่าย
เมื่อไปจับกับเซลล์ กับไขมัน โปรตีน หรือดีเอ็นเอในร่างกายก็จะก่อให้เกิดความเสียหาย
หรือทำให้เซลล์เกิดความเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนรูป เสื่อมสภาพไปซึ่งจะแสดงผลออกมา
ไม่ว่าจะอาการเจ็บป่วยต่างๆ ซึ่งอย่างร้ายแรงก็จะกลายเป็นมะเร็ง
หรือทำให้เซลล์ผิวเกิดความเหี่ยว ย่น ไม่ยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยก่อนวัย
สรุปคือทำให้ "แก่" ดังที่กล่าวมาขั้นต้นนั่นเองจ้า น่ากลัวป่ะหล่ะ

ใจเย็นๆอย่าพึ่งตกใจ.......โดยปกติร่างกายเราสามารถสร้างสารขึ้นมา
เพื่อต่อต้านเจ้าอนุมูลอิสระได้เองในระดับนึง
แต่ถ้าอนุมูลอิสระมีมากเกินไป
ร่างกายสร้างสารต่อต้านขึ้นมาไม่เพียงพอการเลือกทานอาหารที่ดี
ที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระเข้าไปก็จะช่วยได้ หรือแบบง่ายๆและรวดเร็ว
ก็คือทานอาหารเสริมในกลุ่มที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเข้าไปช่วยนั่นเองค่ะ

-------------------------------------------------------------------

สารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) คืออะไรหนอ Smiley

สารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant)  คือ สารประกอบที่ช่วยป้องกัน
หรือชะลอการเกิดกระบวนการออกซิเดชั่นนั่นเอง เอาว่าแก้กันที่ต้นเหตุ
เพราะถ้าเกิดการออกซิเดชั่นเกิดน้อยลง อนุมูลอิสระก็จะเกิดน้อยลงตามไปด้วย
เจ้าสารต้านอนุมูลอิสระมักจะอยู่ในอาหารที่มีวิตามินเอ ซี อี เบต้าแคโรทีน ซีลีเนียม Q10
เช่น กลุ่มวิตามินเอสูงก็ตับ ไข่แดง , วิตามินซีสูงก็พวกผลไม้อย่างฝรั่งหรือผลไม้รสเปรี้ยว
วิตามินอีสูงก็ในพวกน้ำมันดีเช่นน้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันจากจมูกข้าว ,
เบต้าแคโรทีนผักที่มีสีเหลืองส้ม แครอท ฟักทอง และ ซีลีเนียมก็ในอาหารทะเล เป็นต้นค่า
 นอกจากอาหารที่เรารู้จักกันดีแล้วเรายังสามารถสกัดสารต้านอนุมูลอิสระ
จากพืชที่มีสารนี้สูงออกมาได้ด้วย เช่น สกัดจากเมล็ดองุ่น <<<เป็นส่วนที่เราไม่กินนี่เนอะ
สกัดจากชาเขียว หรือสกัดจากสาหร่าย ซึ่งจะให้ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระสู๊ง สูง
สูงกว่าปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระที่เราจะได้รับจากอาหารที่เราทานแต่ละวัน
เพราะเชื่อว่าหลายคนวันนึงนี่ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ไม่เพียงพอ
เนื่องด้วยพฤติกรรมการเลือกกินไม่เหมือนกัน แถมการทำงานที่เร่งรีบยังทำให้เรา
กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์อีกด้วยเนอะ น้ำก็ทานน้อย กำลังกายก็ไม่ออก
แล้วแบบนี้สุขภาพจะเป็นอย่างไรหนอ ถ้าเราไม่ดูแลตัวเองเพิ่มขึ้น

-------------------------------------------------------------------



แอสตาแซนธิน (Astraxanthin)
สารต้านอนุมูลอิสระที่โด่งดังอยู่ตอนนี้ได้มาจากไหนหนอ
Smiley


ตัวทรายเองได้ลองทานอาหารเสริมที่มีแอสตาแซนธินมาพักนึงละ
จัดอัดหนักตั้งแต่ตอนทำเลสิกเพราะเห็นเค้าว่าช่วยบำรุงสายตาด้วย
ทีนี้เลยอยากศึกษาเพิ่มจริงจังขึ้นอีกหน่อยว่ามันดีจริงอย่างว่าไหม
เพราะเรื่องการทานอาหารเสริมที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระนั้น
มันไม่ใช่อะไรที่ทานแล้วเห็นผลทันที แต่เป็นการคาดหวังผลในระยะยาว
เป็นการค่อยๆปรับให้สุขภาพเราดีขึ้นด้วยการทำให้อนุมูลอิสระตัวร้ายมันลดลง




Smiley แอสตาแซนธิน (Astraxanthin) Smiley

จัดเป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระ ที่กำลังเป็นที่จับตามองในตอนนี้
จะเห็นว่าวงการแพทย์เริ่มพูดถึงการมากขึ้น และมีการวิจัยออกมารองรับมากขึ้น
เจ้า แอสตาแซนธินนี้คือสารแคโรทีนอยด์ ที่จัดอยู่ในกลุ่มเบต้าแคโรธีนค่ะ
กลุ่มที่เป็นสีแดงๆส้มๆเหลืองๆนั่นหล่ะค่ะ ซึ่งพบได้ในสัตว์ สีแดง ส้ม ชมพู สีน่ารักเชียว
อย่าง ปลาแซลมอน กุ้งมังกร ปู (กุ้งต้มแล้วแดงไม่นับน๊า 555)
ไข่ปลาคาเวียร์ รวมไปถึงนกฟลามิกโกด้วย <<<ตัวหลังนี่เราคงไม่จับมากิน 555 Smiley
แต่จะมีสารแอสตาแซนธินอยู่ปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับน้ำหนัก
เช่น ในปลาแซลมอน 200 กรัม จะมีแอสตาแซนธินแค่ 1-2 มิลลิกรัมเท่านั้นอ่าจ้า



ดังนั้นนอกจากสัตว์ต่างๆที่เราคุ้นเคยซึ่งมีปริมาณสารอยู่น้อยแล้ว
ยังมีพืชมหัศจรรย์ที่สามารถผลิตสารแอสตาแซนธินได้ปริมาณสูงอยู่ด้วย !!! นั่นคือ....
"สาหร่ายทะเลสีแดงพันธุ์พันธ์ฮีมาโตค็อกคัส พลูวิเอลิส Haematococcus Pluvialis"
โอ้มายก๊อด! ชื่อจะยาวไปไหนขอเรียกสั้นๆว่า น้องสาหร่ายแดง นะค๊า
มาดูชีวประวัติสั้นๆของน้องสาหร่ายแดงก่อน เค้าเป็นสาหร่ายจากสแกนดิเนเวีย
ปกติเค้าไม่ได้เป็นสีแดงนะ จะมีหน้าตาเป็นสาหร่ายเซลล์เดียว
โดยปกติเค้าก็จะมีสีเขียวเหมือนสาหร่ายทั่วไป แต่เมื่อเค้าเข้าสภาวะวิกฤต
บ้านไฟไหม้ น้ำท่วม ตกงาน ไม่ใช่ละ แหะๆ ภาวะที่ขาดน้ำ ขาดอาหาร
เจออากาศร้อนเหวี่ยง เย็นเหวี่ยง เค้าจะปรับตัวเองให้ผลิตเจ้าสารสีแดง
หรือที่เรามาเรียกกันซะย๊าว ยาว ว่าสารแอสตาแซนธินนั่นเองจ้า
ผลิตขึ้นมาเพื่อปกป้องเซลล์ตัวเองให้มีชีวิตอยู่รอดในสภาวะสุดโหดนั้น
ขอบอกว่านางเป็นสาหร่ายที่อึดเว่อร์ๆๆ ขาดน้ำขาดอาหารได้ถึง 40 ปีไม่ตาย!!!
แหม่เว้ยอะไรจะถึกปานนั้น เป็นเราขาดน้ำ 3 วันก็เด๊ดสะมอเร่แล้วจ้า
หน้าตาของน้องนางตามรูปด้านบนเลย ไม่ใช่ไข่กบแต่อย่างใด
สกัดตากแห้งออกมาเป็นผงๆสีแดงทับทิมสวยงาม
ซึ่งสารตัวนี้ได้รับอนุญาตจากองค์การอาหารและยา
ในหลากหลายประเทศทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป รวมทั้งประเทศไทยแล้วค่ะ

-------------------------------------------------------------------



แอสตาแซนธิน (Astraxanthin)
มีดีที่อะไร ทำไมวงการแพทย์ถึงให้ความสนใจนะ
Smiley


ความเด็ดของแอสตาแซนธินคือมีความสามารถ
ในการยับยั้งการทำงานของเจ้าอนุมูลอิสระตัวจี๊ด
ตัวที่มีความไวต่อการเกิดปฏิกิริยากับชาวบ้านเค้าสูง
ซึ่งอนุมูลอิสระตัวไหนจับตัวกับสารอื่นง่ายจะยิ่งอันตรายนะค้า
เทียบกับสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ จากการวิจัยในปัจจุบันแอสตาแซนธินนั้น
จัดว่าเจ๋งสุดในการออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเมื่อเทียบกับสารอื่นๆ
เค้าว่าสูงกว่าวิตามินซีถึง 6,000 เท่า!!! สูงกว่าวิตามินซีถึง 550 เท่า!!!

คือสูงกว่าเว่อร์มากกก เรียกว่าเป็น Super Antioxidant เลยก็ว่าได้
แต่ไม่ได้หมายความว่ากินวิตามินซีหรืออีแล้วไม่ดีน๊า
สิ่งที่เทียบนี้หมายถึงเราวัดกันด้วยความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระจ้า
วิตามินเหล่านั้นเค้าก็ยังคงมีข้อดีด้านอื่นอีกมาก อยู่ที่ว่าเราคาดหวังจะกินไปเพื่ออะไรจ้า

-------------------------------------------------------------------

แอสตาแซนธิน (Astraxanthin)
มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร 
Smiley


ประโยชน์ที่นักวิจัยส่วนใหญ่แบ่งคือผลต่อหัวใจและหลอดเลือด
และผลต่อสุขภาพผิวพรรณ <<< คาดหวังอย่างหลังกันก่อนแน่นอน 555

Smiley ประโยชน์ต่อหัวใจและหลอดเลือด

เจ้าแอสตาแซนธินนี้ละลายในไขมันตัวมันจึงสามารถผ่านเข้าไปได้
ในทุกอวัยวะของร่างกายเรียกว่าทำงานได้ทั่วถึง
สามารถลดการเกิดออกซิเดชั่นของ LDL ซึ่งเป็นโคเลสเตอรอลตัวร้าย
ที่ทำให้เกิดการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง เอาว่าทำให้หลอดเลือดแข็งแรงขึ้น
ประโยชน์นี้น่าสนใจมากสำหรับคนที่มีปัญหาโรคหัวใจค่ะ
แถมๆในเรื่องที่เค้าสนใจตอนคิดจะลองทานเจ้าแอสตาแซนธิน
คือช่วยยับยั้งการสะสมของกรดในดวงตา อันเป็นสาเหตุให้ดวงตาอ่อนล้า
ช่วยป้องกันดวงตาจากรังสีอัลตร้าไวโอเลตด้วยจ้า

Smiley ประโยชน์ต่อผิวพรรณ

เชื่อว่าหลายคนสนใจข้อนี้ใช่ไหมล่า ข้อบนมันเป็นเรื่องของภายในร่างกาย
ยากจะพิสูจน์ แต่ข้อนี้เป็นเรื่องที่ส่งผลต่อภายนอกเราพิสูจน์เองได้เมื่อทานต่อเนื่อง
การวิจัยบอกว่าแอสตาแซนธินสามารถช่วยต้านการออกซิไดซ์ของรังสี UVA ได้
ซึ่งรังสี UVA นี่แหละตัวดีเลย จำง่ายๆ A=Aging เป็นรังสีที่ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย!!!
UVA เป็นรังสีที่มีคลื่นยาวที่สุดสามารถทะลุชั้นหนังกำพร้าลงไปทำร้ายผิวชั้นหนังแท้ได้เลย
ผลของ UVA จะทำให้ผิวแห้งกร้าน เกิดกระ ฝ้า และที่ตามมาก็คือริ้วรอย โดยน่ากลัว
ดังนั้นเมื่อเราบำรุงผิวพร้อมกับทานแอสตาแซนธินไปด้วยหลายการวิจัยพบว่า
ช่วยให้ผิวชุ่มชื่นขึ้น ยืดหยุ่นมากขึ้นไม่แห้งกร้าน และลดริ้วรอยเหี่ยวย่นลงได้ค่า
แต่ไม่ใช่ว่าเราตะบี้ตะบันกินแต่แอสตาแซนธินแล้วไม่ทาครีมบำรุงไม่ทากันแดดนะ
บำรุงจากข้างในแล้วก็ต้องช่วยบำรุงและป้องกันอันตรายจากแดดภายนอกด้วย

-------------------------------------------------------------------

Smiley สรุป
Smiley

การดูแลตัวเองต้องใส่ใจทั้งภายในและภายนอก
ถ้าคาดหวังเรื่องการทานแอสตาแซนธินเพื่อบำรุงผิว
สรุปจากเอฟเฟคต์ที่ช่วยป้องกันอันตรายจาก UVA ได้
ก็น่าจะให้ผลลัพธ์ทางผิวพรรณได้โอเคเลย แต่อย่างที่บอก
ก็ต้องควบคู่กับการดูแลตัวเองภายนอกอย่างการทาครีมบำรุง ครีมกันแดด
และต้องใส่ใจเรื่องอาหารการกินอื่นๆร่วมด้วย และอย่าลืมการออกกำลังกายนะคะ
ไม่มีความสวยอะไรสำเร็จรูป ทุกอย่างต้องอาศัยหลายปัจจัยประกอบกัน
หวังว่าบล็อคนี้จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเพื่อนๆนะค๊า

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมค่า จุ๊บๆ Smiley

-------------------------------------------------------------------




 

Create Date : 25 กรกฎาคม 2556    
Last Update : 25 กรกฎาคม 2556 23:30:21 น.
Counter : 3998 Pageviews.  

Talking : มาพูดคุยไขข้อข้องใจกันกับการต่อขนตาที่เค้าเพิ่งไปลองมาครั้งแรกในชีวิต



มาพูดคุยตอบปัญหาที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับการต่อขนตาที่ทรายเพิ่งไปลองต่อมาครั้งแรกในชีวิต
กับร้าน Blanc Eyelash Tokyo Salon ที่ Gateway เอกมัย ชั้น 1 จ้า



ราคามีบอกในคลิปโดยระเอียดแต่เผื่อฟังไม่ทันกันเอามาแปะไว้ให้จ้า
โปรโมชั่นตอนนี้คือ ขนตาบนไม่จำกัดจำนวนเส้นราคาเหมา 2,000 บาท
ขนตาล่าง 30 เส้นลดจาก 780 บาท เหลือ 690 บาท
หรือ ถ้าจะต่อแบบนับเส้นคิดราคาเส้นละ 26 บาทจ้า ❤❤❤



ตอบคำถามเพิ่มเติม ^^




 

Create Date : 17 ธันวาคม 2555    
Last Update : 17 ธันวาคม 2555 2:58:08 น.
Counter : 2352 Pageviews.  

Talking : มาพูดคุยๆ ผิวแพ้ง่ายและผิวบอบบางไม่เหมือนกันนะจ๊ะ ต่างกันอย่างไรมาคุยกัน <3



บทความสรุปแถมๆเสริมเพิ่มเติมจากในคลิปนะค๊า Smiley

ผิวแพ้ง่ายกับผิวบอบบางต่างกัน ผิวคุณเป็นแบบไหนลองอ่านดูนะจ๊ะ Smiley

Smiley ผิวแพ้ง่าย 
Smiley
คือ การที่ผิวแพ้สารตัวใดตัวหนึ่ง ซึ่งมักจะเกิดจากปัจจัยภายในร่างกายหรือพันธุกรรม
ซึ่งง่ายสุดๆสำหรับสาวผิวแพ้ง่าย คือการเลี่ยงใช้สารที่ตัวเองแพ้เท่านั้นเองจ้า
หลายคนมักชอบคิดว่าตัวเองผิวแพ้ง่ายแต่จริงๆแล้วมันเป็นผิวบอบบางมากกว่าเน่อ Smiley

Smiley  ผิวบอบบาง  Smiley
คือ ช่วงที่ผิวมีสภาพอ่อนแอเนื่องมาจากหลายๆสิ่ง เช่น
เมื่อเจอสิ่งกระตุ้นจากปัจจัยภายนอก จึงทำให้ความต้านทานของผิวต่ำลง
ทนต่อการกระตุ้นได้น้อยลง ทำให้ไม่สบายผิวเกิดอาการระคายเคืองได้จ้า
ซึ่งไม่ได้เกิดจากการที่ร่างกายเราแพ้สารตัวใดตัวหนึ่งโดยตรง

---------------------------------------------------------------------------------------------

ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสภาพผิวที่จะเกิดการบอบบางหรือแพ้ได้ง่าย

- ผู้หญิง มีโอกาสเกิดผิวแพ้ได้มากกว่า ผู้ชาย <<< เพราะผิวผู้หญิงบางกว่า
และชอบลอง ชอบเปลี่ยนมากกว่า ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะแพ้ได้ง่ายกว่าจ้า


- 50% มักคิดว่าตัวเอง "ผิวแพ้ง่าย" !!! <<< ทุกคนจะคิดเรามีสภาพผิวแพ้ง่าย
โดยไม่ได้สังเกตว่าจริงๆแล้วเราเป็นแค่ผิวบอบบางแต่ขาดการดูแลเอาใจใส่

- 50% ของผู้หญิงที่ผิวแพ้ง่ายมักพบแพทย์เพื่อรับการรักษา <<<
แต่ถ้าไม่ปรับการดูแลตัวเองอาการแพ้ก็จะกลับมาเป็นเรื่อยๆจ้า

- คนผิวขาว มีโอกาสเกิดผิวแพ้ได้มากกว่า คนผิวเข้ม <<< สาวไทยที่มีผิวน้ำผึ้ง
หรือผิวสองสีสบายใจได้เลย ผิวสีเข้มกว่าจะค่อนข้างเกิดอาการแพ้ได้น้อยกว่าจ้า

- คนผิวแห้ง มีโอกาสเกิดผิวแพ้ได้มากกว่า คนผิวมัน <<< การที่เรามีความชุ่มชื่นในผิว
น้ำ และ น้ำมันในผิวน้อย ทำให้สารเคมีซึมผิวได้ง่ายคนที่ผิวแห้งกว่าเลยแพ้ง่ายกว่าจ้า

---------------------------------------------------------------------------------------------

สาเหตุหลักๆที่ทำให้ผิวเกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง คือ....Smiley

- การใช้เครื่องสำอางเก่า <<< ยิ่งเนื้อคสอ.แยกชั้นแล้วยิ่งเสี่ยง
ดังนั้นหมดอายุแล้วอย่าเสียดายทิ้งโลดดดด ตอนเปิดใช้เขียนวันที่ไว้จะดีมากจ้า

- การเปลี่ยนสกินแคร์หรือเครื่องสำอางบ่อยๆ <<< ใครรู้ตัวว่าผิวค่อนข้างบอบบาง
ต้องยับยั้งชั่งใจอย่าอยากลองอยากเปลี่ยนจะดีกว่า เพราะการเปลี่ยนของใหม่
ผิวจะต้องเจอกับสารเคมีตัวใหม่ๆที่ไม่คุ้นเคย เลยเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองได้จ้า
( นี่เลยคือความเสี่ยงในชีวิตของเราชาวบิวตี้บล็อคเกอร์ 555)

- การสครัป หรือ ขัดถูหน้า <<< อยากบอกว่าการล้างหน้าที่สะอาดนั้น
แรงทางกายภาพไม่มีผลนะจ๊ะ คือการขัดถูแรงๆไม่ช่วยให้สะอาดขึ้นเลย
ความสะอาดเกิดจากสารทำความสะอาดในตัวล้างหน้าต่างหาก
การถูหน้าแรงๆเป็นการทำร้ายผิวทางนึงเลยทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย
รวมถึงการสครัปหน้าที่บ่อยจนเกินไปก็ไม่ได้เป็นผลดีต่อผิว
ยิ่งเด็กๆวัยรุ่น ผิวเรายังสามารถผลัดเซลล์ผิวได้ดีตามวงจรผิว 28 วัน
การสครัปจึงไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นเท่าไหร่จ้า นานๆทำที ทำเบาๆก็โอเคแล้วจ้ะ

- น้ำหอม , สารกันเสีย และ นิเกิ้ล (Nickel) <<< ในสกินแคร์และเครื่องสำอาง
สิ่งที่มักก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองได้ง่ายที่สุดก็คือน้ำหอมและสารกันเสียจ้า
ดังนั้นใครรู้ว่าผิวค่อนข้างเซนซิทีฟก็เลี่ยงพวกนี้ซะ เดี๋ยวนี้มักเห็น Paraben Free
คือไม่ใส่สารกันเสียที่ชื่อว่า Paraben ซึ่งเป็นสิ่งที่ค่อนข้างก่อให้เกิดการแพ้ได้ง่ายจ้า
ส่วนนิเกิ้ลนั้นคือโลหะประเภทนึงมักใช้ในการเคลือบวัสดุให้เกิดการแวววาว
พบในพวกสร้อย ต่างหู ฯลฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผิวระคายเคืองง่ายเน่อ
แถมมันยังอยู่ในสิ่งที่เราคาดไม่ถึงด้วยเช่น โครงเสื้อใน ตะขอเสื้อใน ซึ่งอันนี้ทรายก็เป็น
เวลาอากาศร้อนเหงื่อออกตรงตะขอเสือนี่คัน บวมและแดงกันเลยทีเดียว
แต่พอกลับบ้านอาบน้ำถอดออกก็หายจ้า แต่ถ้าเกิดการเสียดสีมันก็จะบวมแดงได้
อันนี้เลี่ยงยากต้องทำใจแต่บอกไว้เป็นข้อมูลเนอะ Smiley

- การรับประทานอาหารรสเผ็ดร้อน <<< โอ๊ะอันนี้น่าตกใจเพราะเป็นสิ่งที่เราไม่เคยสังเกต
การทารอาหารเผ็ดร้อนจะกระตุ้นให้อาการระคายเคืองเกิดมากขึ้นจ้า !!!

---------------------------------------------------------------------------------------------

กลไกการเกิดผิวระคายเคือง Smiley

1. โครงสร้างผิวอ่อนแอ <<< ลองจินตนาการผิวเราหน้าตาเหมือนกำแพงก่ออิฐบล็อคดูน๊า
ถ้าบล็อคเราเคลื่อน ซีเมนต์ที่ฉาบกร่อน มันก็เกิดช่องกำแพงเราก็ง่อนแง่น
ซึ่งมักเกิดขึ้นจากพฤติกรรมต่างๆของเรา เช่นการขัดถูผิวแรงเกินไป
การพักผ่อนน้อย ทานน้ำน้อย ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หรือจากสาเหตุหลักๆด้านบนจ้า

2. ปราการผิวที่เป็นเกราะป้องกันผิวลดลง <<< ผิวเราจะมีม่านบาเรียเป็นเกราะป้องกันผิวเรียกว่า
Skin barrier เป็นส่วนชั้นนอกที่ปกป้องผิว มีหน้าที่สำคัญสองอย่างคือ
ป้องกันร่างกายจากการบุกรุกของเชื้อโรค และป้องกันการสูญเสียน้ำ
แต่ในขณะเดียวกันมันก็ต้องเปิดกว้างมากพอที่จะให้ความอบอุ่น
ของอากาศภายนอกและของเหลวบางอย่างผ่านเข้าสู่ชั้นผิวได้
ถ้าผิวชั้นนอกนี้ถูกทำลายน้ำในผิวก็จะระเหยออกได้ง่ายจ้า


3. ผิวสูญเสียความชุ่มชื่นทำให้น้ำและน้ำมันในผิวลดลง <<< เนื่องมาจากสาเหตุด้านบน

4. สารต่างๆซึมผ่านเข้าไปในผิวได้ง่ายขึ้น <<< เมื่อสารต่างๆซึมลงผิวได้ง่ายเกินไป
ขาดตัวกรอง สารที่มักก่อนให้เกิดการระคายเคืองเช่นพวกน้ำหอม สารกันเสีย
จึงซึมลงผิวได้มากเกินไปทำให้เกิดการระคายเคืองได้จ้า

---------------------------------------------------------------------------------------------

ความต่างของอาการแพ้ และ อาการระคายเคือง Smiley

Smiley อาการแพ้  Smiley
กลไกในการเกิด : ร่างกายสร้างภูมิแพ้ ต่อต้านสารที่เราแพ้เมื่อเราใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารนั้นๆ

เกิดขึ้นได้กับ : เกิดขึ้นเฉพาะบุลคล แต่ละคนก็แพ้สารแตกต่างกันไป
อาการ : ผื่น , ผิวหนังอักเสบ , แดง , บวม , คัน , ตุ่ม , น้ำใส
โอกาสที่พบ : พบได้น้อย

อาการแพ้ : คัน >>> แห้ง
( อาการแพ้จะเริ่มคันก่อน พอคัน จะค่อยๆบวมแดง เป็นผื่น แล้วจะจบด้วยอาหารผิวแห้งจ้า )


Smiley  อาการระคายเคือง  Smiley
กลไกในการเกิด : ผิวสัมผัสกับสารหรือสภาวะที่กระตุ้นทำให้เกิดการระคายเคืองได้
เกิดขึ้นได้กับ : เกิดขึ้นได้กับทุกคน !!!
อาการ : แห้งตึง , ผื่นแดง , คัน
โอกาสที่พบ : พบมากกว่ามากๆๆๆจ้า

อาการระคายเคือง : แห้ง >>> คัน
( อาการระคายเคืองจะเริ่มรู้สึกว่าผิวแห้งตึงก่อน แล้วอาจจะเป็นผื่น บวม แดง สุดท้ายคือจะคันจ้า )


---------------------------------------------------------------------------------------------

การเกิดารระคายเคืองพบได้มากสังเกตย๊าก ยาก เพราะอะไร.......Smiley

ผิวระคายเคืองมักจะเกิดในช่วงที่ผิวเราอ่อนแอลง
และจะต้องมีระยะกระตุ้น หมายความว่าไม่ได้ใช้ปุ๊บจะเกิดการระคายเคืองปั๊บ
ซึ่งระยะกระตุ้นนั้นจะสั้น หรือยาว ก็ตอบไม่ได้ บางคนใช้ไปสองชั่วโมง
บางคนใช้เป็นอาทิตย์ เป็นเดือน เป็นปีแล้วค่อยเห็นอาการระคายเคืองก็มี
ดังนั้นไม่ได้หมายความว่าครีมหรือคสอ.ที่เราใช้ประจำใช้มาเป็นปีนั้นจะไม่แพ้จ้า !!!

---------------------------------------------------------------------------------------------

การแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดสำหรับอาการแพ้และระคายเคือง

Smiley หยุดใช้จ้า !!! Smiley

เวลาเราเกิดการแพ้หรือระคายเคืองแต่ไม่รู้ว่าแพ้อะไรจะต้องหยุดใช้ทุกสิ่งอย่าง
แล้วค่อยๆกลับมาเริ่มใช้ทีละตัวจะได้รู้ว่าเราแพ้ตัวไหน
ซึ่งปกติแล้วการหยุดใช้จะทำให้อาการแพ้หรือระคายเคืองดีขึ้นทันตาโดยไม่ต้องหาหมอ
แต่ถ้าหยุดแล้วยังไม่หายก็ควรไปพบคุณหมอ ให้คุณหมอทำ Patch Test ว่าเราแพ้สารอะไรจ้า

---------------------------------------------------------------------------------------------

การทำเลเซอร์จะทำให้ผิวบางลหรือเปล่า Smiley
ทำให้ผิวแพ้หรือระคายเคืองง่ายหรือเปล่า
Smiley

คำถามยอดฮิตเลย อิอิ ในการทำเลเซอร์ไม่ได้ทำให้ผิวแพ้ง่ายจ้า
แต่หลังการทำเลเซอร์ช่วงแรกๆจะทำให้ผิวเรามีอาการแห้งกว่าปกติ
เมื่อผิวแห้งเราจึงเกิดการแพ้ได้ง่ายกว่าตามคำอธิบายเรื่องผิวแห้งด้านบนจ้า
ดังนั้นคนผิวแห้งจึงจะไม่ค่อยเหมาะกับการทำเลเซอร์ตัวแรงๆจ้า
ผิวจะไม่ได้แห้งตลอดไปมันจะเป็นในช่วงการทำเลเซอร์แรกๆ
แต่การทำเลเซอร์มักจะเป็นคอร์สที่ทำต่อเนื่อง ผิวจึงแห้งต่อเนื่องทำให้รู้สึกว่า
เมื่อทำเลเซอร์ผิวจะดูบอบบางกว่าปกติจ้า !!!

---------------------------------------------------------------------------------------------

กะเขียนสรุปสั้นๆแต่มีเนื้อหาที่อยากบอกเยอะมว๊ากกกกก
เลยออกมายาวหน่อย แหะๆ แต่ทรายเชื่อว่าต้องเป็นประโยชน์แน่นอน
เลยอยากให้ได้อ่านกันนะค๊า ขอบคุณทุกคนทีเข้ามาเยี่ยมชมคร๊าบบ Smiley

Smiley XOXO
Smiley




 

Create Date : 14 ตุลาคม 2555    
Last Update : 15 ตุลาคม 2555 0:18:34 น.
Counter : 2488 Pageviews.  

Talking : เมื่อไอ้หมูได้ลองเครื่องรีดผ้าแบบไอน้ำ มันเวิร์ค มันเริ่ดยังไง ใครคาใจมาฟังกันดูจ้า ^^





 

Create Date : 01 กันยายน 2555    
Last Update : 1 กันยายน 2555 0:36:43 น.
Counter : 1340 Pageviews.  

1  2  3  

SaRaY
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 535 คน [?]




..........ชื่อ "ทราย" นะค๊า นามแฝงที่ใช้ก็มี SaRaY และก็ Mhunoiii (หมูน้อย) ค่า สนใจการถ่ายภาพ กะการแต่งหน้า จากเป็นงานอดิเรกจะกลายเป็นงานประจำอยู่แล้ว 555 เลยอยากจะทำบลอคเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มานะค๊า ได้มากบ้างน้อยบ้าง มั่วๆกันปายยยย อิอิ

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิดไม่ว่าการลอกเลียนแบบ
หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพและข้อความใน
http://www.mhunoiii.bloggang.com แห่งนี้ไปใช้
ทั้งโดยเผยแพร่ หรือเพื่อการอ้างอิงโดยไม่ได้รับอนุญาต
จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด

ปล.ห้ามมิให้นำภาพใดๆจากในบล็อคไปใช้เพื่อการขายของโดยเด็ดขาดนะคะ !!!

---------------------------------------------------------

hits
New Comments
Friends' blogs
[Add SaRaY's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.