|
มหันตภัย...ไวรัสแมว
ตั้งหลักไม่ทันเลยครับ ฟึดฟัดอาทิตย์เดียว แมวก็ค่อยๆร่วงไปทีละตัว นี่ไปแล้ว 3 ตัว พูดไม่ออก บอกไม่ถูก อยู่โรงพยาบาลอีกตัว และกำลังจะพาไปหาหมออีกตัว เพราะตัวที่ตายตัวที่ 3 มันไปแบบสภาพยังดีมากๆ ไม่เหมือนแมวป่วยใดใด เพียงแค่ตอนกลางคืนมีน้ำมูกนิดหน่อย แล้วก็ซึม ไม่ค่อยมีแรง ก็กะว่าตื่นเช้ามาจะพาไปหาหมอ เพราะตอนมีอาการก็ 5 ทุ่มเข้าไปแล้ว ผมตื่นมา 8 โมงกว่า ลงไปดูใบเตย ว่าจะพาไปหาหมอ แต่ใบเตยก็แข็งไปเรียบร้อยแระ โชคดีนะเจ้าเหมียวๆทั้งหลาย
กาหลง, ถุงเงิน, ใบเตย....
ส้มตำ กะ ม๋อมแม๋ม
ยังน่าเป็นห่วงอยู่โรงพยาบาลอีก 1 คือ ส้มตำ แต่เย็นนี้จะพาม๋อมแม๋มไปรักษากันไว้ก่อน เดี๋ยวจะไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบใบเตยอีกตัว...
ท้อเลย หมดรุ่นนี้จะหยุดเลี้ยงแมวพักใหญ่ๆ แระ
|
Create Date : 20 กันยายน 2551 | | |
Last Update : 20 กันยายน 2551 12:20:14 น. |
Counter : 922 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
แด่...กุ๊กไก่ ..อยากให้ทุกคนรู้ ว่าหนูนั้นสู้แค่ไหน เมื่อหยุดหายใจไป 2 ครั้ง
กุ๊กไก่เป็นแมวจรที่โชคร้ายเหมือนแมวอื่นๆ กุ๊กไก่ ถูกหมากัดจนกระดูกสันหลัง หักเป็นสองท่อน ทะลุผิวหนังออกมา แต่กุ๊กไก่ยังโชคดีที่มีคนพาไปหาหมอ และเมื่อคน คนนั้น นำเรื่องกุ๊กไก่มาลงที่นี่
นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้มาอยู่ด้วยกัน
ครั้งแรกที่เจอกุ๊กไก่ มองดูแล้ว คิดว่าแมวตัวนี้ ไม่น่ารอด นอกจาก แผลกลางหลัง ที่สาหัส ร่างกายยังอ่อนแอ และมีการติดเชื้อในกระแสเลือด
แต่แล้วกุ๊กไก่ ก็หายดีรอดมาได้ แผลที่หลังคุณหมอทำการผ่าตัดเย็บดึงหนังขึ้นมาปิดกระดูกสันหลังที่ยื่นโผล่ออกมา ร่างกายที่อ่อนแอก็ได้รับการรักษาจนดีขึ้น ใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลถึง 3 เดือน
วันแรกของกุ๊กไก่ที่บ้านของผม บ้านที่เต็มไปด้วยหมา ทำให้เขามีอาการเครียดอย่างชัดเจน ไม่ยอมให้จับตัว ขู่ตลอดเวลา แต่สภาพตัวเขาดีขึ้นมากๆ ขนขึ้นปิดแผลที่ทำลายชีวิตเขาทั้งชีวิตไปหมดแล้ว ทำให้เขาดูเหมือนเป็นแมวปกติ ตัวหนึ่ง เพียงแค่เดินไม่ได้ก็เท่านั้นเอง
ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ตลอดปีกว่าๆ ก็เข้าโรงพยาบาลอย่างสม่ำเสมอ ทั้งอึไม่ออก ร้องแง๊วๆ 3 วัน อึไม่ยอมออก ต้องทั้งสวน ทั้งบีบ ให้ยาระบาย ให้ยาคูลท์ เดี๋ยวก็เป็นแผลฉี่กัด ก็รักษากันไปเป็นๆ หายๆ เรื่อยมา
ล่าสุดก็รักษาแผลฉี่กัด ใกล้จะหายดีแล้ว วงแผลเริ่มเล็กลง เขาก็เริ่มเชื่องขึ้น ไม่ดิ้นไม่ขู่ ทำแต่หน้าเอ๋อๆ แทน เลี้ยงๆ ดูแลกันไป ความผูกพันกันมันก็มี มากขึ้น และคิดไว้ว่า พอแผลหายจะทำกรงให้ใหม่ ใหญ่กว่าเดิม และจะพาไปทำล้อรถ เพื่อให้เขาได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง
************************************
แต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เตรียมของทำแผลให้เขาตามปกติ ระหว่างที่เอื้อมมือจะไปจับตัวออกมาจากกรงเพื่อมาทำแผล กุ๊กไก่นอนหันหลังให้ ก็เห็นมีมดเดินบนตัว จึงปัดออก แต่เมื่อแหวกขนลงไปดู เห็นมดมาจากไหนไม่รู้เพียบเลย ละได้ยินเสียงกุ๊กไก่ครางเบาๆ จึงรีบดึงเค้าออกมาเพื่อที่จะปัดมดออก จับตัวออกมาวาง สภาพเค้าตัวเย็นและเริ่มจะแข็ง ผิวหนังแห้งขาดน้ำ
พยายามเรียกชื่อ กุ๊กไก่ แล้วกุ๊กไก่ก็หันมาแง๊วให้ สองทีเบาๆ ก็ตาค้างและนิ่งไป เลยคว้าตะกร้า พาตัวเขาทั้งแข็งๆตาเบิกโพลง ไปหาหมอโดยทันที ระหว่างทางก็พยายามคลึงตัวเค้า จับเขย่าๆเป็นระยะๆ อยากให้เขาตอบสนองกลับมาบ้าง แต่ก็เงียบ ตอนนั้นเริ่มถอดใจ จะหันรถกลับแล้ว ตัวเค้ายังนิ่งๆ แต่ปากเขาพยายามจะขยับ ก็เลยไปกันต่อ
ถึงโรงพยาบาลผมหิ้วปีกเขาเลยด้วยความรีบ ผู้ช่วยหมอ มาคว้าตัวต่อจากผมไป พาเข้าห้องงฉุกเฉิน ระดมกันต่อท่อออกซิเจน สายน้ำเกลือ และปั๊มหัวใจเขาทันที ปั๊มซักพักนึง หมอเรียกไปคุย
หมอบอกว่า ตอนเอาเข้ามา เขาหยุดหายใจไปแล้ว หมอให้ออกซิเจนแล้วให้ยากระตุ้น ตอนนี้เขากลับมาหายใจได้อีกครั้ง แต่ทว่า พอยาหมดฤทธิ์หัวใจเขาก็เริ่มจะช้าลง อาการตอบสนองทางร่างกายก็ไม่มี ถามผมว่าจะเอายังไง ถ้าจะปล่อยเขาไปก็หยุดยา แต่ถ้าจะให้ยาต่อก็ได้ แต่ก็ไม่รับรอง ก็ต้องดูกันไป
ผมตัดสินใจบอกหมอว่า ให้ยาต่อเถอะ ในใจผมหวังว่า ถ้าหัวใจเขายังเต้น รอเวลาให้ร่างกายเขาฟื้นดีกว่านี้ เขาน่าจะดีขึ้น
ผ่านไปอีกประมาณ ครึ่งชั่วโมง หมอเรียกเข้าไปดูอีก ตอนนี้รู้สึกว่าหมอเองก็เริ่มถอดใจ หมอบอกว่าเขาคงไม่ไหวจริงๆ เพราะพอให้ยาหัวใจก็เต้น พอยาเริ่มหมดฤทธิ์ หัวใจก็เบาลง หมอขอถอดออกซิเจนนะ ผมดูแล้วเขานิ่งไปแล้วจริงๆ ก็เลยไม่อยากฝืนก็ตอบโอเคหมอไป และผู้ช่วยก็มาอุ้มเขาไปล้างตัว ทำความสะอาด ในขณะที่วางตัวเขาบนโต๊ะ และเจ้าหน้าที่เตรียมของ เพื่อจะทำความสะอาดตัว กุ๊กไก่ ก็กลับมาหายใจอีกครั้ง คราวนี้ท้องกระเพื่อมด้วย ผู้ช่วยตะโกนบอกหมอ หมอมาดู ก็บอกว่า หนูใจสู้นะลูก และ ก็อุ้มกุ๊กไก่ไปใส่สายออกซิเจน ให้น้ำเกลือ ให้ยากันใหม่อีกครั้ง พร้อมทั้งเอาน้ำอุ่นมาประคบ เอาผ้ามาห่ม
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เสียงเครื่องวัดชีพจรดังปี๊บบ..........เว้นระยะห่าง แล้วปี๊บบ อย่างช้าๆ เวลาผ่านไป ผมยิ่งคิด ว่าเราควรจะปล่อยเขาไปดีไม๊ เพราะเห็นหมอให้ยาอยู่เรื่อยๆ มันหมายความว่า เขาหายใจอยู่ได้เพราะยารึเปล่า
ซักพักหมอเรียกเข้าไปคุยอีกรอบ หมอบอกว่าสุดๆแล้ว เขาเองไม่ดีขึ้นเลย ตาก็ไม่ตอบสนอง อุณหภูมิก้อไม่ดีขึ้น และเมื่อผมพยักหน้า ชีวิตของกุ๊กไก่ก็จบลง
ความรู้สึกที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้น มันบอกไม่ถูก มันมักจะเกิดความรู้สึกโทษตัวเอง ที่เรามีเวลาให้เขาได้ไม่เยอะพอ ช่วงแรกๆมาอยู่กันใหม่ๆ ไม่ค่อยมีเวลา พักหลังเริ่มสงสารพยายามให้เวลาเขามากขึ้น
ในขณะที่เราคิดว่า เราพยายามแล้ว แต่เราคงพยายามน้อยไป ทุกวันมองหน้าเขา สงสารเขา เห็นเขาพิการ อยากให้เขามีความสุข ว่างๆก็ดึงออกมาเล่นจี้เอา เกาพุง เกาคาง โครงการจะสร้างกรงใหญ่ๆให้หนูไถตัวเล่นก็พับไป จะพาไปทำล้อก็จบไปหมด
แต่หนูอาจจะมีความสุข กว่าตอนที่หนูมีชีวิตอยู่ ก็ได้ เพราะหนู ก็ไม่ต้องเป็นแมวพิการ คราวนี้ หนูอยากไปไหนมาไหนตามนิสัยของแมว หนูก็ทำได้แล้ว อย่างอิสระ ไม่ต้องกลัวหมา ไม่ต้องอดอยาก อีกต่อไปแล้ว
ขอให้โชคดีนะ กุ๊กไก่ และจะระลึกถึง อยู่เสมอว่า ว่าครั้งนึงเราเคยได้ดูแลกันมา....และหนูก็เกือบทำให้เชื่อว่า แมวมี 9 ชีวิตจริงๆ
|
Create Date : 29 มกราคม 2550 | | |
Last Update : 29 มกราคม 2550 9:29:48 น. |
Counter : 498 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
น้องอาย สุดซ่าส์ ตาเดียว
ณ วันหนึ่ง ไปตระเวณจับแมวทำหมัน กับ ประธานชมรมแมววัดมะกอกแห่งประเทศไทย พบแมวตาเจ็บ อักเสบ ขี้ตาเยอะ ก็หลายตัวเลย แต่ก็ไม่เท่าเจ้า แมวน้อยตัวนี้ หมอบตัวสงบนิ่ง อยู่ตรงบันไดทางขึ้นศาลา เป็นลูกแมว สามสี อายุน่าจะซัก 2 เดือน สภาพ อย่างที่เห็นล่ะคับ ตาทะลักออกมานอกเบ้า ข้างนึง ซึ่งน่าจะเกิดจากการอักเสบจากเชื้อไวรัส (ซึ่งหาได้ตามแมววัดทั่วไป)
ปกติถ้าประมาณมีขี้ตาเยอะๆเฉยๆ ก็จะเอายาป้ายตาไปป้าย และเช็ดตาเท่านั้น ที่เหลือก็ฝากยาเอาไว้ให้แม่ชี ดูแลต่อ แต่นู๋แมวตัวนี้อาการหนักเกิน เห็นสภาพแล้วรูสึกได้ว่า มันคงปวดมากอ่ะนะ (คิดแทนแมวอีกแล้วตรู...แต่ผมคิดว่าคนอื่นก็คงคิดเหมือนผมนะ ถ้าไม่คิดต้องลองตาปูดทะลักออกมาดู)
เมื่อสรุปกะ ท่านประธานชมรมแมววัดมะกอกแห่งประเทศไทยได้ จึงได้พาเจ้าเหมียวน้อยสามสี ที่ผมตั้งชื่อให้ว่า น้อยอาย ไปพบสัตวแพทย์ทันที ซึ่งหลังจากคุณหมอได้ตรวจแล้ว ก็สรุปได้ว่า ควรควักตาออกแล้วเย็บตาปิดซะเถิด ญาติโยม ... ช่วงนี้ก็บำรุงให้สภาพดีกว่านี้ก่อน เพราะเอาไปนี่ ผอมดีเหลือเกิน ผมเลยฝากหมอไว้ก่อนดีกว่า เพราะก่อนหน้านี้ก็เก็บ แบบนี้มาตัว (ไม่รู้ตัวเดียวกันกลับชาติมาเกิดรึเปล่า) แบบว่าพาไปหาหมอแล้วหมอบอกควรควักตา แต่เอาไปดูแลให้แข็งแรงและโตกว่านี้หน่อย ค่อยวางยา วางตอนนี้มันเสี่ยง ก็รับกลับบ้าน แต่อยู่ได้ไม่นานก็นอนตายไปซะงั้น เจ้าน้องอายนี่เลย ให้อยู่กับหมอดีกว่า น่าจะอุ่นใจ สบายใจกว่ากันเยอะเลย
************************************* 10 ปี ผ่านไปไวเหมือนโกหก จันทโครพ หยิบผอบขึ้นมาดูรอบที่ 135 แต่ยังไม่กล้าเปิด......
ไม่จริง ผ่านไป แค่สองอาทิตย์ คุณหมอจัดการควักตาที่ปูดเน่าของน้องอายออกเรียบร้อย เอาลูกตาไปใส่บนหัวแหวนเพชร เรียบร้อย... และนี่คือสภาพหลังผ่าตัดใหม่ๆ
เริ่มยืน เริ่มเดิน ปีนป่ายไปเรื่อย ดูเค้าร่าเริงขึ้นมากๆ ผิดกับตอนแรกที่เก็บมา ราวฟ้ากับดินเลย
เมื่อการดูแลรักษา ดูเหมือนจะเรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปของการกู้โลก ก็คือ การหาบ้านนั่นเอง หาบ้านจริงๆผมไม่ค่อยถนัด แต่ หาเรื่องนี่ถนัดนัก
คิดดูสิคับ แมวดีดี ยังหาบ้าน กว่าจะหาได้ เจ๊ดันทั้งหลายเลือดตาแทบทะลัก แล้วนี่ มีของแถม คือแถมพิเศษ ถอดตาออกให้ข้างนึง นี่ถ้าเป็นไปได้ ผมจะให้หมอย้ายตาน้องอายอีกข้างนึง มาไว้ตรงกลางซะ จะได้ดู balance กันหน่อย เสียดายทำไม่ได้
หาในเน็ต รอบแรก ก็ยังไม่ได้
ไปนอกเน็ต ดูๆๆ น้องอาย พยายาม present ตัวเอง อย่างสุดชีวิต โชว์ว่านู๋ สนุกสนาน ร่าเริง เฮฮาปาจิงโกะ มากมาย เวลามีคนมาอุ้ม น้องอายจะทำเชื่อง ออดอ้อนน่าดู แต่ก็ยังไม่ต้องตาใครสักเท่าไหร่
เลยต้องวกกลับมาในเน็ตอีกรอบ คราวนี้ ราศีจับ เพราะยิ่งโต ยิ่งสวย ตาหวาน แม้จะมีตาเดียว ในที่สุดก็ได้บ้าน เย้ๆ ลุ้นอยู่ ร่วม 2 เดือนได้มั๊ง ระหว่างหาบ้าน ก็ไปพักอยู่ที่บ้านประธานชมรมแมววัดมะกอกแห่งประเทศไทย ก็ช่วยกันลุ้น แต่พอน้องอายไปล่ะเศร้ากันทั้งคู่ เพราะน้องอายน่ารักมาก ซน ขี้อ้อน ขี้ประจบ แต่เราเองก็ไม่สามารถจะเลี้ยงได้ ตอนนี้น้องอายได้กลายไปเป็นแมวสาวเหนือ อยู่ที่ลำพูนไปซะแล้ว ว่างๆจะไปเยี่ยม ก็ไม่รู้ว่า จะร้อง เมี๊ยวๆ เจ้า ไม๊นี่
|
Create Date : 18 พฤศจิกายน 2549 | | |
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2549 9:55:06 น. |
Counter : 893 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ช่วยกันคนละนิดละหน่อยแล้วปัญหามันก็จะหมดไป
ใครรักหมาก็ถือว่าช่วยหมา ใครไม่รักหมาก็ถือว่าช่วยคนก็ได้นะคับ
*****************************
|
|
|
|
|
|
|