บำบัดสุขภาพผิวอย่างไร ไม่ให้แก่กว่าวัย
สุขภาพผิวมีความจำเป็นเทียบเท่ากับสุภาพภายในร่างกาย ดังนั้นเราจึงควรรู้จักทะนุถนอมให้ดูดีอยู่เสมอ ทั้งชายและหญิงเอง ต้องเริ่มหันมาใส่ใจเกี่ยวกับการบำบัดสุขภาพผิวให้ดูดีอยู่เสมอ ดังนี้
  • ควรฝึกฝนจิตใจให้เบิกบานอยู่เสมอ ไม่เครียด เพราะคนที่เครียดส่วนใหญ่แล้วจะมีรอยตีนกา หรือรอยเหี่ยวย่นเกิดขึ้นก่อนวัยอันควร ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้การร้อยไหมยกกระชับได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
  • พักผ่อนให้เพียงพอ สภาพผิวก็เป็นส่วนหนึ่งของสุขภาพร่างกายดังนั้นหากขาดการหยุดพักก็ย่อมเสื่อสภาพเร็ว
  • หลีกเลี่ยนสภาพแวดล้อมที่ส่งผลเสียต่อผิวหนัง โดยเฉพาะประเทศไทยที่เป็นประเทศเมืองร้อนหากจะหลีกเลี่ยงทุกวันคงเป็นเรื่องยาก อาจไม่ได้ไปไหนเลย ดังนั้นทางออกที่เหมาะสม คือการทาโลชั่นป้องกันรังสียูวี อาจไม่ได้ 100 เปอร์เซ็น แต่ก็เป็นวิธีเดียวที่ลดปัญหาผิวไหมหรือผิวหนังอักเสบหลังโดนแดดได้
  • เลือกโลชั่นบำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิว เนื่องจากความชุ่มชื่นของชั้นผิวหนังแต่ละคนมีความแตกต่างกัน บางคนมัน บางคนแห้ง จึงควรรู้จักเลือกสักนิด
  • เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ผลิตขึ้นมาจากวัสดุธรรมชาติ อาทิเช่น ข้าว  ข้าวสาลี อ้อย กุหลาบ เชียร์ บัตเตอร์ ขิง แตงกวา มะเขือเทศ มะขาม ชาขาว และดอกบัว ฯลฯ

         ส่วนการกำจัดสิวเสี้ยนที่ขึ้นอยู่บนใบหน้า ควรใช้ไข่ขาวของไข่ไก่ เพราะไข่ไก่นอกจากจะช่วยลดปัญหาสิวแล้วยังทำให้ผิวหนังชุ่มชื้นขึ้นมาได้




Create Date : 16 สิงหาคม 2556
Last Update : 16 สิงหาคม 2556 15:58:33 น.
Counter : 1584 Pageviews.

ลดน้ำหนักป้องกันโรคอ้วน
            ในปัจจุบันมีผู้ป่วยที่เป็นโรคอ้วนกันมากขั้น ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วันรุ่น หรือผู้ใหญ่ ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าสังคมตอนนี้มีสิ่งล่อตาล่อใจให้กิน กิน กิน แล้วก็กิน แล้วอาหารที่กินเข้าไปนั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารที่มีพลังงานสูง และมีไขมันเยอะเกินไป แต่จะไปโทษอาหารที่เรากินเข้าไปก็ไม่ได้หรอกน่ะค่ะ เพราะว่ามันก็ขึ้นอยู่กันพฤติกรรมการรับประทานของคุณด้วย การเลือกอาหารที่มีประโยชน์มีสารอาหารที่ร่างกายต้องการเพียงพอต่อวันก็สามารถทำให้คุณไม่ต้องเผลิญกันความอ้วนได้ สำหรับแนวทางการลดน้ำหนักเพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อโรคอ้วน มีดังนี้
  1. การควบคุบอาหารการกิน โดยควรที่จะมีการคัดเลือกอาหารที่มีพลังงานที่เพียงพอต่อร่างกายในแต่ละวัน ซึ่งควรเน้นอาหารที่ให้พลังงานสูงแต่ไขมันต่ำ และทานผัก ผลไม้ทุกวันอย่างน้อย แอปเปิ้ล 1 ลูก สำหรับการทานอาหารในแต่ละมื้อก็ควรที่จะเลือกทานให้เหมาะสม เช่น มื้อเช้าทานโจ๊กหมู 1 ถ้วย หรือขนมปัง 1-2 แผ่น + กาแฟ 1 แก้ว มื้อเที่ยงทานก๋วยเตี๋ยวหมูสับ 1 ชาม มื้อเย็นควรเป็นสลัดผักเบาๆ เท่านั้น
  2. การออกกำลังกาย ควรที่จะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกวัน นอกจากเพื่อให้สุขภาพดีแล้ว ก็เพื่อให้ร่างกายได้เผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นจากการเคลื่อนไหวในแต่ละวัน



Create Date : 28 มิถุนายน 2556
Last Update : 1 กรกฎาคม 2556 16:12:24 น.
Counter : 1250 Pageviews.

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหลังเสริมจมูก
           การทำศัลยกรรมความสวยความงาม แน่นอน ผลลัพธ์ที่ออกมาย่อมทำให้ใบหน้าหรือรูปหน้าของคุณได้สัดส่วนมากขึ้น แต่นั้นเป็นผลมาจากฝีมือและความเชี่ยวชาญของแพทย์ ที่จะมีการออกแบบเช่นไรให้เหมาะสมกับใบหน้า การเสริมจมูกก็เช่นเดียวกัน ที่จะเนรมิตรความงามให้กับคุณได้ แต่ในทางกลับกันอาจเป็นโทษหรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของคุณด้วยเช่นกัน ดังนั้นก่อนคิดหรือทำสิ่งใดไม่ควรมองไปเพียงแค่ด้านบวกอย่างเดียว แต่ควรรับรู้ถึงด้านลบที่เกิดขึ้นด้วย เช่น
  • การติดเชื้อหลังการทำจมูก อาจเกิดขึ้นได้ภายใน 7 วันแรกหลังทำ โดยมีอาการบวมและแดง ควรรีบเข้ารับการวินิจฉัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาวิธีการแก้ไขโดยเร็วที่สุด
  • จมูกเอียง ซึ่งเกิดได้ทั้งตัวผู้ทำเองและแพทย์ผู้ทำ ในช่วง 1 ถึง 3 เดือน ดังนั้นผู้ทำความรู้จักการดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด รวมทั้งการเลือกแพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือ
  • จมูกทะลุ อันเนื่องมาจากการเย็บแผลตึงมากเกินไป และการเหลาซิลิโคนที่ไม่ไม่เข้ากับกระดูก หรือยาวจนเกินไป จำเป็นต้องรีบแก้ไขโดยการเหลาเอสความยาวออกเพื่อป้องกันการทะลุอีกในอนคต

อาการเสี่ยงที่เกิดจากวิธีการเสริมจมูกแต่ละวิธี
  1. ใส่ซิลิโคน     - จมูกเอียงและจมูกอักเสบ
  2. วิธีร้อยไหม - การเก็บเส้นไหมไม่ดี อาจเกิดปฏิกิริยากับผิวหนัง และมีโอกาสที่ปลายไหมจะหลุดออกมาด้านนอก
  3. เสริมจมูกด้วยการฉีดฟิลเลอร์(เป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมสูงสุด) - หากใช้ปริมาณมากเกินไปอาจสะสมอยู่ในชั้นผิวหนัง จนไม่สามารถสลายตัวได้ และการอักเสบของผิวหนัง




Create Date : 28 พฤษภาคม 2556
Last Update : 28 พฤษภาคม 2556 10:39:48 น.
Counter : 2441 Pageviews.

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นอาการของความผิดปกติที่เกิดจากระบบการขับถ่ายปัสสาวะ ซึ่งส่วนใหญ่พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย นั้นเป็นเพราะผู้หญิงมีท่อปัสสาวะสั่นและยังอยู่ใกล้กับรูทวารหนักมาก หรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบอาจเกิดจากปัจจัยดังนี้
  • การกลั่นปัสสาวะเป็นเวลานานๆ
  • การดื่มน้ำน้อย ไม่เพียงพอต่อร่ายกายที่จะเข้าสู่กระบวนการขับของเสียออกจากร่างกาย
  • การสั่นสะเทือนจากการมีเพศสัมพันธ์
  • อวัยวะเพศมีเชื้อแบคที่เรีย
  • ความอับชื่นซึ่งเกิดจากการใส่เสื้อผ้าเปลี่ยก

วิธีการป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
  • ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน หรือผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอยู่จำเป็นต้องดื่มให้มากกว่านี้ เพื่อเข้ไปช่วยขับเชื้อแบคทีเรียที่สะสมอยูในน้ำปัสสาวะออกมาให้
  • มากที่สุด
  • ทำความสะอาดบริเวณช่องคลอดและอวัยวะเพศอย่างถูกสุขลักษณะ หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีสารเคมีเจือปนอยู่ด้วย
  • หากปวดปัสสาวะต้องรีทำกิจธุระให้เสร็จสิ้น ไม่ควรกลั้นไว้เป็นเวลานาน
  • หากเป็นผู้ที่นั่งประจำอยู่กับที่เป็นเวลานานๆ ควรรู้จักการเคลื่อนไหวร่างกายอยู่เสมอ
  • เมื่อปัสสาวะแล้วเกิดอาการปวด หรือแสบ ควรรีบให้แพทย์ตรวจโดยเร็วที่สุด อย่าปล่อยทิ้งไว้เพราะอาจทำให้เกิดโรคไตตามมาได้อีก



Create Date : 20 มีนาคม 2556
Last Update : 20 มีนาคม 2556 18:03:11 น.
Counter : 863 Pageviews.

ท่าบริหารลดหน้าท้องที่ทำได้ง่ายๆ
การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องที่ต้องคำนึง โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักมากๆ ยิ่งต้องดูแลตัวเองให้มากเพราะการปล่อยให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น อาจทำให้เป็นโรคอ้วนและโรคอื่นๆ ได้ง่ายกว่าคนอื่น ดังนั้นจึงของแนะนำท่าบริหารสำหรับการลดไขมันส่วนหน้าท้อง มี 1 ท่า ดังนี้
ท่าที่ 1 กล้ามเนื้อท้องรวม 
  • นอนหงายกับพื้น มือประสานไว้ที่ท้ายทอย งอเข่าเล็กน้อย 
  • ยกศีรษะขึ้นในมุมประมาณ 40 องศากับพื้น โดยอาศัยแรงยกจากลำตัวบนและไหล่ทั้งสองข้าง 
  • มือควรจะกางออกตึงไว้ และออกแรงดันศีรษะ
ท่าที่ 2 กล้ามเนื้อท้องด้านบน 
  • นอนราบกับพื้น ขายกตั้งฉาก 
  • ใช้ช่วงน่องไขว้กัน เพื่อเพิ่มความหนักเวลายกตัวขึ้น 
  • มือประสานกันที่ท้ายทอย ยกศีรษะขึ้นโดยอาศัยแรงยกจากลำตัวบนและไหล่ทั้งสองข้าง 
  • ใช้มือคอยประคองศีรษะเอาไว้ 
ท่าที่ 3 กล้ามเนื้อท้องด้านข้าง 
  • นอนราบกับพื้น โดยยกเข่าข้างซ้ายขึ้นและพับขาขวาแนวนอนขัดกัน 
  • มือประสานกันไว้ที่ท้ายทอย ยกศีรษะขึ้นโดยอาศัยแรงยกจากลำตัวบนและไหล่ทั้งสองข้าง 
  • ใช้มือคอยประคองศีรษะเอาไว้ ซึ่งท่านี้จะเป็นการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องด้านซ้าย
  • ทำท่าเดิม ยกเข่าขวาขึ้นและพับขาซ้ายสลับข้างกันกับตอนแรก เพื่อบริหารกล้ามเนื้อด้านขวา 
ท่าที่ 4 กล้ามเนื้อท้องน้อย 
  • นอนราบกับพื้น พับขาให้ปลอดภัยบรรจบกัน 
  • มือประสานกันรองไว้ที่ท้ายทอย ยกศีรษะขึ้นโดยอาศัยแรงยกจากลำตัวบนและไหล่ทั้ง 2 ข้าง 
  • ใช้มือคอยประคองศีรษะเอาไว้ 
ท่าที่ 5 กล้ามเนื้อท้องส่วนล่าง 
  • นอนราบกับพื้น ขาเหยียดตรง 
  • มือสองข้างวางราบกับพื้น รองใต้สะโพกเพื่อรับน้ำหนักส่วนหลัง
  • เกร็งขาไว้และยกขึ้นตั้งฉาก ค้างไว้นับ 1-10 แล้วเหยียดกลับไปท่าเดิม 
ท่าที่ 6 กล้ามเนื้อท้องด้านบนและล่าง 
  • นอนราบกับพื้น มือขวารองไว้ที่ท้ายทอยเพื่อพยุงศีรษะ 
  • มืออีกข้างเหยียดตรงตั้งฉากกับลำตัว 
  • ยกเข่าด้านขวาให้ตั้งขึ้น และยกขาซ้ายพาดคล้ายท่าไขว่ห้าง 
  • ใช้กำลังที่หัวไหล่ขวาและหลังยกตัวเฉียงขึ้น ให้ข้อศอกแทบจรดเข่าซ้าย 
  • ทำท่าเดิม แต่เปลี่ยนจากใช้มือขวารองและเข่าขวาตั้ง เป็นมือและเข่าซ้ายแทนเพื่อบริหารกล้ามเนื้อด้านตรงข้าม 

ข้อมูลจาก : women.sanook.com



Create Date : 12 มีนาคม 2556
Last Update : 12 มีนาคม 2556 18:02:04 น.
Counter : 5315 Pageviews.

1  2  3  4  

TaiVas
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]