MacroArt's Online Business Story by Apisilp Trunganont
Group Blog
Online Business Story
Academic Essay
All Blogs
GDI ใช่ธุรกิจที่ดีแน่หรือ?
Google Maps มหัศจรรย์แผนที่ออนไลน์
งานสัมมนา Next E-Business Model 2.0
Clinic Clear For Men สอนจีบสาว
The Retail World Is Flat ใครว่าโลกค้าปลีกกลม
Wii = Game Console + Abdominizer เมื่อเครื่องเล่นเกมทำหน้าที่เป็นเครื่องออกกำลังกาย
ขายสินค้าอะไรดี? Jason Lee แห่ง eBay Singapore มีคำตอบ
Triangle of Brand Benefit เว็บไซต์ของคุณมีแบรนด์แบบไหน?
Process of Successful Website Development 3 กระบวนการพัฒนาเว็บไซต์ที่ประสบความสำเร็จ ตอนที่ 3
Process of Successful Website Development 2 กระบวนการพัฒนาเว็บไซต์ที่ประสบความสำเร็จ ตอนที่ 2
Process of Successful Website Development 1 กระบวนการพัฒนาเว็บไซต์ที่ประสบความสำเร็จ ตอนที่ 1
วันฉัตร ผดุงรัตน์ เจ้าตำนาน Pantip.com
Google เปิด Office ใหม่ที่ Singapore โอกาสของคนไทยที่จะได้สัมผัสกับวัฒนธรรม Google
ThaiBlog.info - Thai Blogger Collaboration เมื่อนักเขียนบล็อกชาวไทยร่วมมือกัน
พบกับ Chief Culture Officer ผู้นำด้านวัฒนธรรมแห่ง Google
20 Rules of Smart and Successful Web Development - กฎ 20 ข้อในการพัฒนาเว็บให้เป็นเลิศ
Google Convergence ยิ่งรวมกัน ชีวิตยิ่งดีขึ้น โดยไม่ต้องมีปาติหาน
Google ประกาศซื้อกิจการ Internet ทั้งโลก (พฤษภาคม 2017)
เมื่อ Google จดทะเบียนสมรสกับ DoubleClick แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้บ้าง?
Google ซื้อ DoubleClick ด้วยเงินสดมูลค่า 3.1 พันล้านเหรียญ นี่คือราคาที่สมเหตุสมผลหรือเปล่า?
ปิดโต๊ะราชดำเนินซะ เพื่อความอยู่รอดของ Pantip.com
Network Effect ถ้าโลกนี้มีคนใช้ YouTube, eBay, Pantip แค่คนเดียว ผมก็คงไม่ใช้เว็บเหล่านี้เหมือนกัน
Please don't block these 5 web sites ฆ่าผมทิ้งเสียดีกว่าถ้าจะบล็อกห้าเว็บนี้
Social Business Enterprise เมื่อเป้าหมายธุรกิจไม่ใช่เพื่อ Maximize Profit แต่เพื่อ Minimize Poverty
Scarcity Marketing การตลาดแบบสินค้าขาดแคลน เมื่อของดีมีน้อยจัง
Online Traffic Management is like Water Management ทำเว็บก็เหมือนทำนา
Online Traffic Matrix วิธีวัดว่าเว็บของคุณดังแบบไหน
Viral Marketing ของ น้องพริก คลิปหลุด หรือ คลิปหลอกให้หลุดปากบอกต่อคนอื่น
ปิดโต๊ะราชดำเนินซะ เพื่อความอยู่รอดของ Pantip.com
จั่วหัวได้การเมืองมาก แต่บล็อกนี้เป็นบล็อกธุรกิจ แง่มุมที่ผมจะเขียนถึงก็เป็นเรื่องธุรกิจครับ ไม่ใช่เรื่องการกำจัดเชื้อชั่วอะไรแต่อย่างใด
ก่อนอื่นเราต้องมาดูกันก่อนว่าสิ่งที่พันทิปอยากให้ราชดำเนินเป็นคืออะไร ถ้าใครเคยเล่นพันทิปสมัยแรกเริ่มเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว โต๊ะราชดำเนินในยุคนั้นเป็นไปอย่างสร้างสรรค์มาก เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการวิเคราะห์ (Analysis) และการสังเคราะห์ (Synthesis) แง่มุมทางการเมือง มีความคิดเห็นที่แตกต่างแต่ไม่แตกแยก การเห็นต่างจะเริ่มต้นด้วยประโยค "ขออนุญาตเห็นแย้ง"
ขณะที่ราชดำเนินยุคนี้กลับกลายเป็นเวทีสำหรับชิงไหวชิงพริบทางการเมือง มีการใช้ถ้อยคำดูหมิ่นหยาบคายต่อกัน ประหนึ่งไม่ใช่คนชาติเดียวกันเลย บทวิเคราะห์และสังเคราะห์ทางการเมืองแทบไม่มีให้เห็น นานๆ ทีถึงจะได้เห็น
สิ่งที่เป็นในปัจจุบันได้ผิดเพี้ยนไปจากสิ่งที่อยากให้เป็นเมื่อครั้งอดีต
ความผิดเพี้ยนนี้ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ควรจะปิดราชดำเนิน แต่ความผิดเพี้ยนนี้มันทำให้พันทิปมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นครับ (เข้าเรื่องธุรกิจล่ะนะ)
ทุกวันนี้ราชดำเนินเป็นโต๊ะที่สร้างค่าใช้จ่ายต่อเดือนสูงมาก ค่าใช้จ่ายที่ว่านี้มาในรูปแบบของพนักงานที่ต้องนั่งดูแลกระทู้ ช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีการประกาศเตือนสมาชิกที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอยู่เรื่อยๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังการรัฐประหาร แต่ก่อนหน้านั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีใครดูแลกระทู้ในราชดำเนิน ทีมงานพันทิปต้องจับตาดูกระทู้ในราชดำเนินมาหลายปีแล้วครับ
ถ้าเอาเงินเดือนพนักงานดูแลกระทู้มาคิดเป็นค่าใช้จ่าย ผมเชื่อว่าเดือนนึงคงหลายหมื่นบาทอยู่ นี่ยังไม่นับค่าเสียโอกาสที่พนักงานที่มีอยู่น้อยนิดจะไปคิดไปทำอย่างอื่นที่ช่วยให้เว็บมีความเติบโตก้าวหน้ามากขึ้น
ดูด้านค่าใช้จ่ายไปแล้ว ลองดูด้านรายรับบ้าง ถ้าเรามองว่าทุกโต๊ะในพันทิปคือสินค้าตัวหนึ่ง โต๊ะราชดำเนินคงเป็นโต๊ะที่มีศักยภาพทางการตลาดที่ต่ำมาก ผมนึกไม่ออกนะว่าสินค้าประเภทไหนเหมาะที่จะโฆษณาในราชดำเนิน นอกจากลูกอมฮอลล์รสตะไคร้ เวลาอ่านกระทู้ในราชดำเนินให้อมฮอลล์ไปด้วย จะได้ใจเย็นๆ (ไม่โกรธเหรอ...ไม่... ไม่อิจฉาเหรอ...ไม่...) นอกจากนี้ก็นึกไม่ออกแล้ว
ถ้าลองเปิดดูราชดำเนินในตอนนี้ จะพบว่ามีแบนเนอร์โฆษณาของลูกค้าเพียงชิ้นเดียว ก็คือแบนเนอร์โปรโมทการมีส่วนร่วมร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในอดีตที่ผ่านมาก็อาจจะมีโฆษณาอย่างอื่นบ้าง เช่น โฆษณาโปรโมทรายการโทรทัศน์ของคุณสมัคร
ถ้าลองเทียบกับโต๊ะเฉลิมไทยดู เป็นโต๊ะที่มีโฆษณาเยอะมาก โฆษณาเต็มทั้งปี ขณะที่โต๊ะราชดำเนินไม่มีโฆษณา ไม่สร้างรายรับ แถมยังเป็นตัวสร้างรายจ่ายหลักของพันทิปอีก เป็นไปตามกฎ 20/80 คือใช้จ่ายไป 80 เพื่อสร้างรายได้เพียง 20 (หรืออาจจะต่ำกว่านี้)
บางคนมองว่าคนส่วนใหญ่ของโต๊ะราชดำเนินคือกลุ่มคนรักทักษิณ แต่คนส่วนใหญ่ของโต๊ะเฉลิมไทยคือกลุ่มคนไล่ทักษิณ ถ้าพูดแบบตรงไปตรงมา เงินที่เอามาดูแลพื้นที่ให้คนรักทักษิณใช้ ก็คือเงินที่คนไล่ทักษิณหามา
ผมเลยคิดว่าจริงๆ แล้วโต๊ะราชดำเนินอาจจะไม่เหมาะที่จะดำเนินงานอยู่ภายใต้รูปแบบขององค์กรธุรกิจที่แสวงหากำไร ภายใต้ชื่อ บริษัท อินเตอร์เน็ตมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาเว็บพันทิปก็ได้
ลองคิดดูสิ ถ้าเปิดราชดำเนินต่อไป ICT จะปิดทั้งเว็บพันทิปเลย (อันนี้ quote มาจากข้อความที่พันทิปติดประกาศในราชดำเนินในช่วงที่ถูกปิด) ปิดทั้งเว็บนี่หมายถึง core business ได้รับผลกระทบไปหมด ลูกค้าที่จ่ายเงินซื้อพื้นที่โฆษณาก็จะไม่ได้รับการบริการตามที่ข้อสัญญาระบุไว้ คนเล่นพันทิปที่ไม่สนใจเรื่องการเมืองก็ไม่มีเว็บให้เล่นอีก ฯลฯ
ถ้าจะให้ธุรกิจของพันทิปอยู่รอดต่อไป ก็ควรจะเอาเรื่องการเมืองออกไปจากเว็บซะ
ผมเชื่อว่าเรื่องการเมืองควรจะดำเนินงานภายใต้องค์กรไม่แสวงหากำไร อาจจะตั้งเป็นมูลนิธิก็ได้ เช่น Democratic Online Community Foundation (DOCF) หรือ มูลนิธิชุมชนออนไลน์เพื่อประชาธิปไตย เป็นมูลนิธิที่ดำเนินกิจกรรมให้บริการเว็บบอร์ดรวมถึงบริการอื่นๆ อย่างเป็นกลาง รายได้ของมูลนิธิมาจากเงินบริจาคของประชาชน ที่สำคัญคือผู้บริจาคจะต้องไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการดำเนินงานของมูลนิธิ ไม่สามารถเข้าไปบิดเบือนการแสดงความคิดเห็นในเว็บได้
การหารายได้จากเงินบริจาคน่าจะเป็นรูปแบบที่เหมาะสมที่สุด จะได้ไม่มีปัญหาเหมือนในช่วงที่ผ่านมาที่รายการของคุณสมัครมาซื้อโฆษณาในราชดำเนิน ทำให้ภาพของราชดำเนินกลายเป็นโปรไทยรักไทยทันที ทั้งที่คนขายโฆษณาให้พันทิปก็คือเนชั่นมัลติมีเดีย ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าต่อต้านทักษิณ แต่ฝ่ายขายโฆษณาทำงานอย่างเป็นกลางทางการเมือง เพราะ KPI ของฝ่ายขายคือยอดขายที่เพิ่มขึ้น ก็เลยมีแบนเนอร์ที่เป็นขั้วการเมืองหลุดเข้ามาในราชดำเนิน ทำให้ภาพลักษณ์ของเว็บดูไม่เป็นกลางในที่สุด
การจัดตั้งมูลนิธิไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก (ไม่รู้ว่ามีเงื่อนไขทางกฎหมายหรือเปล่า คงต้องถามผู้รู้) แต่ที่ยากก็คือการหาผู้บริหารมูลนิธิที่เหมาะสม เหมาะสมในที่นี้ก็คือการวางตัวอย่างเป็นกลาง เปิดรับความคิดเห็นจากทุกฝ่ายอย่างแท้จริง ผู้บริหารมูลนิธิจะต้องยอมสูญเสียเสรีภาพส่วนตัวในการแสดงความคิดเห็นว่าเขารักหรือเกลียดขั้วการเมืองใด เพื่อให้ภาพของมูลนิธิดูเป็นกลางมากที่สุด
นอกจากนี้ ผู้บริหารมูลนิธิยังต้องเป็นคนที่ยืนหยัดเพื่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของมวลชน ขณะที่ต้องสร้างสมดุลของความเหมาะสมและความสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นด้วย ไม่ใช่ว่าปล่อยให้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ แต่ 90% ของข้อความไม่มีความสร้างสรรค์เลย มีแต่การใช้ข้อความหยาบคาย ดูหมิ่นเสียดสีกัน ซึ่งทำให้เงินบริจาคของประชาชนถูกใช้ไปอย่างไม่เกิดประโยชน์
โต๊ะราชดำเนินจะต้องถูกแยกออกมาเป็นเว็บไซต์ต่างหาก คล้ายๆ กับโต๊ะโทรโข่งที่แยกออกมาเป็น torakhong.org การแยกเว็บไซต์นี้จะช่วยให้เว็บพันทิปไม่ได้รับความเดือดร้อนในกรณีที่ถูกบล็อก แต่ที่เหนือกว่านั้นก็คือระบบของราชดำเนินจะต้องเป็นคนละระบบกับที่พันทิปใช้อยู่
ระบบของพันทิปในปัจจุบันคือการให้สมาชิกเว็บต้องยืนยันตัวตนด้วยหมายเลขบัตรประชาชน บางคนอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไร เนื่องจากพันทิปสื่อสารออกมาได้ไม่ดีนัก ปลายทางสุดท้ายของระบบนี้ก็เพื่อให้สังคมดูแลกันเองได้ สมาชิกแต่ละคน ไม่ว่าจะรวยหรือจน ไม่ว่าจะเก่งหรือไม่เก่ง ทุกคนมีสิทธิ์หนึ่งเสียงเท่ากันหมด ทุกคนสามารถใช้ "หนึ่งสิทธิ์" ของตัวเองในการเลือกผู้แทนชุมชนขึ้นมาบริหารงานเว็บได้ พันทิปจะกลายเป็นเว็บที่มีการปกครองแบบประชาธิปไตยขึ้นมาทันที แต่การจะทำให้ "หนึ่งสิทธิ์" เกิดขึ้นได้ ก็ต้องการการยืนยันตัวตน หมายเลขบัตรประชาชนจึงถูกนำมาใช้
แนวคิดดีมากครับ แต่ยังมีปัญหาด้าน implementation ที่เห็นชัดๆ ก็มีอยู่สองจุด
จุดแรกคือการใช้หมายเลขบัตรประชาชนยังมีรูรั่วอยู่ เพราะยังไม่มีวิธีการยืนยันตัวตนว่าคนที่เอาหมายเลขบัตรประชาชนมาสมัครสมาชิก คนนั้นเป็นเจ้าของบัตรตัวจริงหรือเปล่า หรือเป็นวอร์รูมพรรคการเมืองที่เอาเลขบัตรประชาชนของตาสีตาสามาใช้ รูรั่วนี้ส่งผลกระทบออกมาแล้วสองเฟส เฟสแรกคือช่วงที่คนส่วนใหญ่ยังเชื่อถือในระบบนี้อยู่ว่าคนเป็นสมาชิกแบบยืนยันตัวตน เป็นคนที่เชื่อถือได้ แต่มันก็ทำให้คนหนึ่งคนที่มีบัตรประชาชนหลายใบได้ใช้ประโยชน์จากรูรั่วนี้ในการสร้างกระแสสังคม เฟสที่สองคือช่วงที่คนเริ่มไม่เชื่อมั่นกับระบบนี้แล้ว มันก็เลยกลับไปที่จุดเริ่มต้นว่า "หนึ่งสิทธิ์" ยังไม่เกิดขึ้นจริง
ปัญหาด้าน implemetation จุดที่สองก็คือการถูกยกเลิกความเป็นสมาชิก ทำให้สมาชิกที่เป็นพวก "หนึ่งสิทธิ์" จริงๆ ต้องสูญเสียโอกาสในการแสดงความคิดเห็นบนเว็บไซต์ทันที เสมือนกับว่าคุณเป็นคนไทย มีบัตรประชาชน แต่วันหนึ่งคุณถูกยกเลิกความเป็นคนไทย และต้องถูกอัปเปหิออกไปจากประเทศไทยทันที ปัญหานี้เกิดขึ้นอย่างมากกับกลุ่มคนที่ไล่ทักษิณ จากการที่ได้คุยกับทีมงานพันทิปที่ดูแลเรื่องสมาชิกโดยตรง ทำให้ทราบว่าพันทิปไม่ได้รับเงินมาจากพรรคการเมืองเพื่อเลือกปฏิบัตินะครับ แต่มาตรฐานของพันทิปคือความคิดเห็นต้องเป็นไปอย่างเหมาะสมตามกรอบกติกา แต่ปัญหามันอยู่ที่กลุ่มคนไล่ทักษิณถูกบิ๊วอารมณ์มาในช่วงเย็นวันศุกร์ก่อนการรัฐประหาร พอกลับจากชุมนุมก็มาสาดเสียเทเสียกันในเว็บ ซึ่งทีมงานที่ดูแลกระทู้ก็ตามลบกันไม่ไหว สุดท้ายก็เลยต้องยกเลิกสมาชิกเพื่อระงับเหตุ ขณะที่ฝ่ายคนรักทักษิณในตอนนั้นยังเป็นฝ่ายตั้งรับ ก็ยังไม่ได้ใช้ข้อความอะไรที่รุนแรงมาก แต่พอหลังรัฐประหาร กลุ่มคนรักทักษิณเริ่มมีอารมณ์มากขึ้น ซึ่งเราก็ได้เห็นรายชื่อสมาชิกที่ถูกตักเตือนประจานบนเว็บ บางคนถามว่าทำไมกลุ่มคนไล่ทักษิณถึงถูกยกเลิกสมาชิกโดยไม่ได้รับการตักเตือน ขณะที่กลุ่มคนรักทักษิณถูกตักเตือนโดยไม่ยกเลิกสมาชิก แบบนี้ double standard หรือเปล่า คำตอบก็คือเพราะสถานการณ์มันเปลี่ยนไป กลยุทธ์การรับมือสมาชิกก็เปลี่ยนไป ถ้าจะเปรียบเทียบ ก็ต้องเทียบภายใต้ตัวแปรเดียวกัน คือในช่วงเวลาเดียวกัน ความผิดแบบเดียวกัน ในช่วงก่อนรัฐประหาร ไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็ตาม ถ้าใช้ข้อความที่รุนแรงเกินควรก็จะถูกยกเลิกสมาชิกเหมือนกัน เพียงแต่ฝ่ายไล่ทักษิณจะโดนมากกว่าเพราะถูกบิ๊วอารมณ์มาหนักกว่า
ด้วยปัญหาทั้งสองอย่างนี้ ผมเลยมองว่าราชดำเนินไม่ควรจะใช้ระบบเดียวกับพันทิป แต่ควรจะแยกเว็บไซต์ออกมาและใช้ระบบที่ถูก customize ให้เหมาะสมสำหรับวัฒนธรรมของเว็บ คล้ายกับที่ torakhong.org ก็มีระบบที่แตกต่างไปจากของพันทิป
ส่วนเรื่องระบบที่ดีควรจะเป็นอย่างไรนั้น ผู้บริหารมูลนิธิจะต้องหาคำตอบให้ได้
ผมเชื่อว่าถ้าเราจัดตั้งเป็นมูลนิธิ และแยกโต๊ะราชดำเนินออกไปเป็นเว็บต่างหาก ทุกฝ่ายจะ win-win ทางพันทิปซึ่งเป็นองค์กรแสวงหากำไร จะได้นำทรัพยากรของบริษัทที่มีอยู่อย่างจำกัดไปใช้ทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์กว่านี้ ส่วนฝ่ายคนเล่นเว็บเองก็ยังมีช่องทางให้แสดงความคิดเห็นได้ ไม่ใช่ว่าราชดำเนินถูกปิดแล้วต้องไปสิงสถิตอยู่ในโต๊ะอื่นให้ขาประจำโต๊ะนั้นเบื่อหน่ายและออกมาขับไล่ไสส่ง
Create Date : 13 เมษายน 2550
Last Update : 13 เมษายน 2550 18:47:14 น.
9 comments
Counter : 680 Pageviews.
Share
Tweet
โอเคเห็นด้วย 1
โดย:
คนแบบนี้แหละ
วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:19:39:39 น.
เห็นด้วยค่า
โดย:
ริมยมนา
วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:19:55:13 น.
เห็นด้วยค่ะ เมือก่อนไป ฉากๆๆ เดี๋ยวนี้แืทบไม่ฉากเย เอ่ยไรออกไป ไม่ได้
โดนกัด ตลอด ปิดไปเลย เพื่อความสงบของ Pantip ใครอยากเขียนเรื่องการเมืองให้ เขียน Blog พื้นที่ส่วนตัวซะ อิอิ
เห็นด้วยค้า
โดย:
fluffyboy101
วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:20:08:46 น.
เห็นด้วยครับ วิเคราะห์ได้ดีเลยครับ
โดย:
bigwores
วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:20:17:15 น.
ok เลย
โดย:
เย็นลมเหนือ
วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:20:39:23 น.
เมื่อวันเวลาเปลี่ยนไป สังคมเปลี่ยนไป
อะไรอะไรก้อย่อมเปลี่ยนไปค่ะ
ส่วนตัวไม่เคยสาดเสียเทเสียใคร
แต่รู้สึกเสียใจที่คนไทยบางส่วนไม่รักระบอบประชาธิปไตย เข้าทำนองปากประชาธิปไตยใจใฝ่เผด็จการ
ขอแสดงความเห็นในมุมองที่แตกต่างค่ะทุกวันนี้ pantip ห้องราชดำเนินเป็นสถานบันกลายๆ มีลักษณะเป็นสัญญลักษณ์ทางสังคมอย่างหนึ่ง ลองอ่านตำราทางรัฐศาสตร์เผื่อจะทำให้ได้ภาพชัดเจนมากขึ้นดีมั๊ยค่ะ ดังนั้น ทุกอย่างจึงไม่ได้ถูกมองในแง่กำไรสูงสุดเหมือนทางธุรกิจอย่างคุณว่า
ตรงข้ามเรามองว่า ห้องราชดำเนิน สะท้อนบรรยากาศในสังคมในขณะนั้นๆ ต่างหาก
หากคุณรู้สึกว่าห้องราชดำเนินหยาบคาย
ลองไปดูเว็บผู้จัดการดีมั๊ยคะ
ถ้าพูดภาษาหยาบๆ เค้าเรียกว่าพูดจาสุนัขไม่รับประทาน เข้าทำนองคบคนเช่นไรเป็นคนเช้นนั้นค่ะ
จบดีก่า อิ อิ
โดย:
หอมกร
วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:20:41:46 น.
ผมเห็นด้วยกับคุณหอมกรที่ว่าราชดำเนินเป็นสัญลักษณ์ทางสังคมอย่างหนึ่ง และยิ่งเห็นด้วยที่ว่าเราไม่ควรมองราชดำเนินในแง่กำไรสูงสุด
แต่ในความเป็นจริงก็คือราชดำเนินถูกบริหารโดย "บริษัท" ซึ่งหน้าที่ของบริษัทก็คือการสร้างกำไรครับ (ถ้าขาดทุนก็จะอยู่ไม่รอด)
ดังนั้นผมจึงเห็นว่าราชดำเนินไม่ควรจะอยู่ในรูปแบบของบริษัท แต่ควรจะถูกแยกออกมาเป็นมูลนิธิ และมีรูปแบบการบริหารงานที่แตกต่างออกไปจากโต๊ะอื่นๆ ของพันทิปที่ยังอยู่ในรูปแบบบริษัทครับ
โดย:
MacroArt
วันที่: 15 เมษายน 2550 เวลา:3:13:46 น.
ผมไม่เห็นว่าห้องราชดำเนินเป็นสถาบันหรือสัญญลักษณ์เลยครับ
ไม่ใกล้เคียงเลยด้วยซ้ำไป เป็นเพียงช่องทางที่ถูกใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของบางคนบางกลุ่ม ตั้งแต่ระดับส่วนตัวถึงระดับชาติ มีการบิดเบือนข้อมูลและข้อเท็จจริง เต็มไปด้วยอคติ และวาระซ่อนเร้น
โดย:
<เซ็นเซอร์>
วันที่: 15 เมษายน 2550 เวลา:10:41:43 น.
^__^. ... ให้ประชาตัดสินค่ะ
โดย:
easyfreedom1978
วันที่: 18 เมษายน 2550 เวลา:10:20:33 น.
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
MacroArt
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add MacroArt's blog to your web]
Links
Thai eBay Bible เดชคัมภีร์ อีเบย์
MacroArt's Online Business Story by Apisilp Trunganont
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.