หน้าจอเป็นส่วนแรกจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของขนาดโดยปกติการใช้งานในครัวเรือนจะเริ่มตั้งแต่ 32 - 50 นิ้วขึ้นไป แน่นอนว่ายิ่งจอใหญ่เท่าไหร่ราคาก็ปรับขึ้นตาม หลักการเลือกซื้อคือขนาดพื้นที่ห้องที่จัดวาง smart tv และจำนวนคน
ถัดมาคือคมชัดมีอยู่ 3 แบบเริ่มจาก HD Ready 1366 x 768 Pixel ซึ่งจะมีในหน้าจอขนาด 32 - 40 นิ้ว และในอนาคตจะไม่ผลิตความคมชัดระดับนี้ออกมาแล้ว ซึ่งความละเอียดที่อยากแนะนำคือ Full HD 1920 x 1080 Pixel สามารถรองรับคอนเทนท์อย่างรายการทีวีทั่วไปหรือภาพยนตร์จากเครื่องเล่น CD/DVD ได้เป็นอย่างดี
และความละเอียดสูงสุดคือ Ultra HD 3840 x 2160 Pixel หรือที่เรียกว่าทีวี 4K ความคมชัดสูงสุดที่เหนือกว่าแบบ Full HD ถึง 4 เท่า หากมีงบประมาณมากๆจัด smart tv หน้าจอ UHD 4K ไปใช้งานให้ไวเลย
สุดท้ายคือรูปแบบของจอกับนวัตกรรมทีวีจอโค้ง (curve) นอกจากดูสวยงามแล้วยังรองรับมุมมองรอบด้าน และหน้าจอที่รองรับระบบ 3D สำหรับคนที่ต้องการรับชมแบบเข้าถึงอารมณ์
อีกสิ่งที่สำคัญต่อการรับชมค่า Motion Rate หรือค่าการแทรกเฟรมของภาพที่จะเกี่ยวข้องกับการรับชมที่ไหลลื่น เนียมตา ไม่ติดขัด สำหรับ smart tv ทั่วไปจะใช้อยู่ที่ระดับ 100 Hz ส่วนในรุ่นนที่่ปรับขึ้นมาอย่าง Panasonic TH-50CX600T หน้าจอ 50 นิ้ว ที่ใช้ Motion Rate อยู่ที่ 800 Hz หรือจะเป็นรุ่นท็อป SONY KD-65S8500C หน้าจอ 65 นิ้ว ใช้ค่าการแทรกเฟรมสูงถึง 800 Hz
คุณสมบัติสุดท้ายคือระบบปฏิบัติการ smart tv ที่อยากให้เน้นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่การใช้งานเสถียรกว่าไม่ว่าจะเป็นการเขข้าออกหน้าเมนูแบบ Launcher หรือการทำงานแบบ Multitasking สามารถรองรับแอพพลิเคชั่นได้มากกว่าแนะนำดังนี้ครับ
Samsung - Tizen OS
Panasonic - Firefox OS My Home Screen 2.0
Sony - Android เวอร์ชั่น 5 ขึ้นไป
LG - Web OS 2.0