เก็บตก ทริป ปากีสถาน Islamabad - Lahore - Sialkot
ครั้งแรกกับ ปากีสถาน พ่อเด็กพาทัวร์หลายๆเมืองในรัฐปัญจาบ สนุกสนาน และเหนื่อย 
กำลังทหารประเทศนี้เค้าเหลือเฟือจริงๆ ตรึงกันทุกพื้นที่ ช่วงที่ไป มีการเตือนแจ้งเหตุเรื่องระเบิด
 มีการส่งกำลังทหารแล้วก็ตำรวจเข้าตรึงตามพืื้นต่างๆรอบเมือง ตรวจค้นรถทุกคันอย่างละเอียด 
จะว่าไป ที่นี่เรื่องรักษาความปลอดภัยเค้าเข้มจริงๆ พอมีเหตุระเบิดทีก็จะเป็นข่าวใหญ่ 
จนดูเหมือนกับว่ามันเกิดทุกวัน แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้เกิดบ่อยขนาดนั้น  




บ้านเรือนในปากีสถาน ดูๆไปก็ไม่ต่างจากบ้านในไทยเท่าไหร่ 

Sialkot
เป็นเมืองที่มีสนามบินเอกชนที่ใหญ่ และมีความเป็นสากล(ดีกว่าสนามบินที่สร้างโดยรัฐบาลอีก
และมีรันเวย์ที่ยาวที่สุดในประเทศด้วย เป็นสนามบินที่สร้างโดยเอกชนแล้วก็เป็นสนามบินนานาชาติ
ที่เท่มาก เสียดายรอบนี้ไปลงที่ ลาฮอร์เลยไม่มีโอกาสได้เห็นสนามบิน Sialkot 


แก๊งเด็กปากีฯ ชะนีน้อยทั้งหลาย เด็กๆที่นี่พูดภาษาอังกฤษกันเก่งมาก โรงเรียนในเมืองส่วนใหญ่
เป็นโรงเรียนอินเตอร์ หลักสูตร British เคยเข้าพบครูที่โรงเรียนหลานๆ หลักสุตรเค้าโอเคเลย
อยากพาลูกมาเรียนที่นี่ แต่ติดตรงหน้าร้อนที่นี่ หูดับตับไหม้ แล้วไฟก็ขยันดับมากๆ 
วันนึงดับหลายรอบ แล้วติดทีก็ติดอยู่ไม่กี่ชั่วโมง ชาร์จแบทโทรศัพท์ไม่เคยเต็ม
ไอศครีมที่นี่ รสชาดแปลกๆ เพราะผสมเครื่องเทศด้วย แรกๆ เด็กไม่ชิน ไปๆมาๆ
เลือกมากไม่ได้ ก็กินแบบไม่รู้สึกอะไร


เด็กๆ สัญชาติปากีสถานแท้ๆ เด็กบางคนหน้าออกไปทาง ตะวันตกด้วย 
ประเทศปากีสถานก็มีความหลากหลายทางเชื้อชาติเหมือนกัน ทั้ง จีน แขก ฝรั่ง


มาถึง Sialkot อย่าพลาดอุปกรณ์กีฬา มีโรงงานส่งออก เยอะ คุณภาพดี ราคาถูก


บ้านปู่กับย่า นอกเมืองอิสลามาบัด  มีแต่พื้นที่เกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่
ที่บ้านปู่ก็ปลูกสารพัดมาก หลักๆก็เป็นพวก ต้นหอม ถั่ว แล้วก็ไม้แข็งๆที่ใช้ทำฟืน
เลี้ยงวัวนม วัวเนื้อ ขยายพันธุ์ไว้ขายต่อ ตอนเด็กไปเยี่ยม มีน้องวัวเกิดใหม่หนึ่งตัว 
ปู่เลยให้เป็นกรรมสิทธิ์ของอลิช่าไป ถ้าโตขึ้นขายได้ เงินก็เข้าบัญชีเด็ก เริ่ด


เข้าเมืองอิสลามาบัดมาซื้อเค้กวันเกิดครบ 3 ขวบให้เด็ก ป้าเลยพาแวะสวนสาธารณะพาเด็ก
วิ่งเผลาผลาญไขมันซะหน่อย 


อาหารเช้าประจำวัน กลับมาเมืองไทยน้ำหนักขึ้นมาอีก 5 โลเพราะกินไข่เป็นอาหารเช้าทุกวัน
ส่วนใหญ่คนปากีสถานจะกิน kabab คู่กับชาร้อนๆแล้วโรตี แต่ไทยๆอย่างเรากินอย่างเค้า
ไม่ได้ทุกวัน เพราะเครื่องเทศมันเยอะเกินไป เลยขอจัดไข่แทนโรตีพาราต้าเปล่าๆ
ทานกะชานมร้อนๆ ก็อร่อย


แม่น้ำระหว่างทางไปดู แข่ง คริกเก็ต จะเข้าเขตทหารที่เค้าห้ามถ่ายรูป ผ่าน GT Road,
Khamran พื้นที่เป็นภูเขา สวยงาม ถนนโค้งเป็นร้อย พอลงรถแล้วอยากอ้วกทันที


บ้านหลังใหม่ ที่เพิ่งสร้างเสร็จ แต่ยังไม่มีใครมาอยู่ ปู่สร้างเอาไว้เวลาลูกๆพาหลานมาเยี่ยม


วัวเชื่องๆ โดนเด็ก แกล้ง แหย่ทั้งวัน มันคงดีใจ วันที่เห็นลิช่านั่งรถกลับเข้าเมือง 



บ้านส่วนใหญ่ถ้าเป็นตามบ้านนอก จะเป็นชั้นเดียวหมดเลย งง เหมือนกัน ถ้าน้ำท่วมทำไง 
ปีนขึ้นหลังคา ?


แต่งตัวออกไปทำฟาร์มกะปู่


แอบขโมยรองเท้า พี่ซานะ มาใส่เล่น


นั่งรถกลับเข้าเมืองแล้ว เหมือนจะเหนื่อย แกล้งหลับเฉยเลย 


กลับเมืองไทย ทั้งดำ ทั้งผอม เพราะเล่นมาก ตากแดดทั้งวัน ผมหยิกกว่าเดิมอีก



Create Date : 05 กรกฎาคม 2556
Last Update : 11 เมษายน 2557 23:54:18 น.
Counter : 4166 Pageviews.

4 comment
Alisha @ Pakistan 3 ไปปากีสถาน village เยี่ยมปู่ย่า
เดินทางออกจากตัวเมือง Isalamabad สู่ Pindsultani บ้านนอก ของประเทศปากีสถานนี่เอง 
เรียกเก๋ๆ ว่า วิลเลจ (ตามที่พ่อเด็กเรียก) บรรยากาศประหนึ่งอยุธยาบ้านเรา 
เขียวๆ แดงๆ แต่เค้าไม่ปลูกข้าว ข้าวจะปลูกกันเยอะอีกจังหวัดนึง ที่ sialkot 
ที่นี่คนส่วนใหญ่ปลูกถั่ว ปลูกหอมกัน แล้วก็ทำฟาร์มวัว 



จอดรถหน้าบ้าน ยังเป็นทางดินทรายอยู่เลย ถนนยังตัดไม่ถึง กว่าจะเข้าไปถึงบ้าน
ต้องผ่านเนิน ขึ้นๆ ลงๆ อยู่หลายกิโล ท้องใส้ปั่นป่วนหมด




บ้านส่วนใหญ่ในวิลเลจก็จะเป็นแนวเดียวกันหมด คือ มีชั้นเดียว 
มีแยกส่วนเป็นโรงเรือนใช้เลี้ยงสัตว์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเลี้ยงกันทุกบ้าน
เลี้ยงแพะ เลี้ยงแกะ เลี้ยงวัว ก็แล้วแต่ มีลานกว้างๆ ไว้ทำกิจกรรม 
งานเลี้ยง วันอีด งานแต่ง งานอะไรต่างๆ นาๆ ก็จัดกันทีี่ลานหน้าบ้าน 
วางโต๊ะนั่งกินข้าวกันกลางแจ้ง ไปรอบนี้มีโอกาสได้ร่วมงานแต่งปากีสถานกะเค้าด้วย 
เรียบๆง่ายๆ ขลังๆ ดี ในงานมีแต่ผู้หญิงนั่งจับกลุ่มนินทา เอ้ย คุยกัน  



วันๆเด็กก็ขลุกอยู่แต่กับวัว กับ แพะ จูงลาเดินเล่น ให้ลาจูงเดินเล่น แล้วแต่โอกาส
 =_= ได้สัมผัสธรรมชาติ สูดออกซิเจนเต็มๆปอด ขนาดว่าเดือนมีนา-เมษาแล้ว 
อากาศยังเย็นสบายมาก หน้าหนาวในปากีสถาน จะมีหิมะตกด้วย ยิ่งเหนือยิ่งหนาว 



เจ้าหญิงน้อยๆ ทั้งบ้านมีอยู่สองคน ที่เหลือมีแต่เด็กผู้ชาย เลยมีแต่คนตามใจ



กุหลาบของแม่สามี เด็กมาแค่สองวัน หายเรียบ ไม่เหลือแม้่แต่ใบ 
กุหลาบปากีสถาน ก็ไม่ต่างจากกุหลาบไทยเลย แต่ไม่รู้พันธุ์อะไร



ตามเด็ด ตามถอน ทุกต้น ไม้ดอก ไม้ประดับของย่า ไม่เหลือเลย T  T 
ไปปากีสถานรอบหน้า ต้องแบกดอกไม้ไปคืนย่าด้วย 


พุทราสัญชาติปากีสถาน ลูกเล็กนิดเดียว เม็ดข้างในใหญ่เบิ้ม



เด็กๆ มาช่วยทำครัว สนุกสนาน



กว่าจะจับถ่ายรูปกันได้สาวๆ ที่บ้าน ไม่ค่อยจะอยากเข้ากล้องกันเลย 


มาอยู่ปากีสถานเกือบเดือน ก็ได้ใส่ชุดประจำชาติปากีสถานกันทุกวัน ตอนแรกก็แปลกๆตา
พอใส่ไปใส่ตาก็เริ่มชิน ดูไปก็ชักเริ่มจะดูคล้ายๆ เด็กแขกปากีแล้วนะเนี่ย 




Create Date : 03 กรกฎาคม 2556
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2556 22:47:14 น.
Counter : 2078 Pageviews.

0 comment
Alisha @Pakistan2 ไปปากีสถาน2


เป็นครั้งแรก ที่อลิช่ามีโอกาสได้มาเที่ยวประเทศปากีสถาน บ้านเกิดของพ่อ
ซึ่งเด็กสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศทได้ดี เพราะยังเป็นช่วงสปริง
ที่อากาศ ไม่หนาวมาก มีลมเย็นตลอด แต่ถ้าฝนตกลงมาอากาศจะหนาวเว่อร์


หลังจากเดินซื้อของที่พลาซ่าเสร็จ ก็ขับรถมาทานข้าวกันที่ร้านอาหาร Village 
เป็นบุพเฟ่ต์อาหารปากีฯ

ป้าพาเดินตลาดแฟชั่น หาซื้อชุดประจำชาติปากี (Salwar Kameez) 
เพราะอีก2-3 วันต้องไปบ้านนอก
เยี่ยม ปู่ ย่า ที่เมือง Pindsultani ใกล้กับเมืองหลวง Islamabad 
ต้องใส่ชุด salwar kameez เป็นธรรมเนียมของคนบ้านๆ 
(เห็นพ่อลิช่าว่าอย่างงั้น ก็นะเข้าเมืองตาหลิ่วก็หลิ่วตาซะ)


ร้านนี้เหมาะกับคนที่มาเที่ยวปากีฯ แล้วอยากกินให้ครบทุกอย่าง ไม่ต้องแสวงหาหลายๆ
ร้าน เพราะที่นี่มีอาหารปากีฯทุกประเภท ของหวานก็มี ที่สำคัญอร่อยและไม่แพง
ต่อหัวแค่ 200-300 รูปี (ประมาณ ร้อยกว่าบาทไทย)



ลูกค้าไม่ค่อยเยอะนะ แต่เชพเยอะมาก



ขนมหวานของปากีฯ อันนี้ signature เลย มาปากีฯต้องทานอันนี้ เป็นขนมหวานประจำชาติเค้า
รสชาดหวานๆมันๆ (Kheer) ทำจากข้าวมาสมาติบดๆผสมนมน้ำตาล แอลม่อน อร่อยมากๆ

ลาฮอร์ถือว่า เป็นเมืองนึงของปากีสถานที่ค่อนข้าง modern แล้ว แต่ก็ยังมีกลิ่นชนบทอยู่นิดๆ
(น้อยมาก) ถ้าเทียบกับ Islamabad ซึ่งเป็นเมืองหลวง ตัวอิสลามาบัดเองมีความเป็นชนบท
มากกว่าอีก เงียบ สงบ สะอาด กฏเมือง ก็ strict กว่ามาก

ในประเทศปากีสถานก็มีการแบ่งชนชั้นเล็กๆ ด้วย อย่างคนที่มาจากอิสลามาบัด
จะมีความเป็นผู้ดี และฐานะที่ดีกว่าคนที่มาจากเมืองอื่น

เมือง Sialkot ก็เป็นอีกเมืองที่มีชื่อเสียงด้านอุตสาหกรรมและถิ่นคนรวย 
มีความคล้าย lahore อยู่เยอะแต่ก็ไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียว
lahore จะคล้ายๆกับกรุงเทพส่วน Sialkot คงเปรียบหมือน เชียงใหม่ 
แต่ lifestyle ของคนสองเมืองนี้จะคล้ายๆกัน
คือเหมือน slow motion movie ทุกบ้าน ตื่นสาย 
ไม่ค่อยมีงานมีการทำ วันๆก็เม๊าท์กับใช้เงิน

ส่วนใหญ่ในปากีสถานจะเห็นผู้ชายอยู่ตามร้านค้า ตามถนนมากกว่าผู้หญิง
เพราะผู้หญิงปากี ไม่ค่อยได้ทำงาน ยิ่งตามร้านค้าจะไม่ได้เห็นผู้หญิงปากีฯ
ถึงมีก็น้อยมากจะได้เห็นเฉพาะในโรงพยาบาล โรงเรียน 
ร้านทำผม หรือสถานที่ราชการซะส่วนใหญ่

ผู้ชายประเทศนี้ ส่วนมากจะออกไปทำงานต่างประเทศ แล้วส่งเงินกลับมาบ้าน 
ที่บ้านก็จะเหลือแต่คนแก่ ผุ้หญิง และ เด็ก ทำให้เกือบทุกบ้านต้องจ้างคนขับรถ
และการ์ดคอยดูแลบ้าน และผู้หญิงเกือบทุกคนต้องยิงปืนเป็น 

ระบบขนส่งของปากีสถานจัดว่าค่อนข้างดี รถบัสสะอาด มีระบบรักษาความปลอดภัย
มีการเช็คจำนวนผู้โดยสารด้วยการถ่ายวีดีโอไว้ เผื่อมีใครโดนอะไร (ระเบิด) กลางทาง
จะได้รู้ว่าหน้าตาเป็นยังไงก่อนจะเละ =_= 

รถส่วนใหญ่เข้าใจว่านำเข้าจาก เกาหลี แล้วก็จีน สวย สะดวก สบายดี แต่สถานี
ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หนึ่งเล็ก สองไม่ค่อยสะอาด สามไม่ค่อยมีอาหาร หรือของกินมากนัก
แถมเสียงประกาศเรียกผู้โดยสารก็ไม่ค่อยชัดเจน ใครนั่งเพลิน ตกรถแน่ 



Create Date : 11 พฤษภาคม 2556
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2556 22:54:29 น.
Counter : 1413 Pageviews.

0 comment
Alisha @Pakistan พาแขกน้อยเที่ยวปากีสถาน


ในที่สุดก็ได้มาเที่ยวปากีสถานพร้อมหน้าพร้อมตากันซะที กว่าจะหาวันหยุดให้ตรงกันได้
ถือโอกาสลาพักร้อนซะเลย 1 เดือน มาครั้งนี้ พาเด็กตะลอนไปหลายเมือง
แต่ก็ไม่ได้เห็นสถานที่เที่ยวสำคัญๆซักเท่าไหร่ เพราะพ่อเด็ก โตและเรียนหนังสือที่คูเวต



หน้าตาวีซ่า 
ขอได้ที่สถานทูตปากีสถาน ถนนสุขุมวิท ซอยนานา กรอกเอกสาร 2-3 แผ่น
ก็เหมือนการขอวีซ่าของประเทศอื่นๆ คือ กรอกจุดประสงค์ของการเข้าประเทศ ไปทำอะไร พักที่ไหน
พักที่วัน มีญาติหรือเพื่อนในปากีสถานหรือไม่ ต้องการขอวีซ่ากี่วัน เป็นภาษาอังกฤษ

เอกสารที่ต้องเตรียมไปสำหรับขอวีซ่าให้เด็ก 
- พาสปอร์ตของเด็ก
- ใบเกิดเด็ก (ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษแล้วและรับรองโดยกงศุลไทย) 
  ใบนี้แปลเองขอรับรองเองใช้เวลา1 วันเต็มๆ
- กรอกเอกสารขอวีซ่า
- รูปถ่าย 2 นิ้ว  2 ใบ
- พาสปอร์ตของพ่อและแม่
- เงินค่าวีซ่า 1,600 บาท (Single entry-family visit)
- ใบจองตั๋วเครื่องบิน (E-ticket ปริ๊นมาจากเว็บสายการบิน PIA)
- สเตทเม้นท์แสดงรายได้ (ของพ่อแม่)
- ใบแสดงสถานที่ทำงาน หรือ ใบประกอบธุรกิจ (ถ้ามี- ของพ่อแม่)

ถ้าขอวีซ่าสำหรับผู้ใหญ่ ก็ไม่ต้องใช้ใบเกิด ใช้แค่
 - พาสปอร์ต
 - สเตทเม้น
 - ใบจองตั๋วเครื่องบิน
 - รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 ใบ
 - สถานที่ที่จะไปพักในประเทศปากีสถานและเบอร์ติดต่อบุคคลอ้างอิงที่ปากีสถาน
 - ใบลางาน หรือ ใบประกอบธุรกิจ
 - เอกสารกรอกเพื่อขอวีซ่า
 - เงินค่าธรรมเนียมวีซ่า 1,600 บาท (ต้องนำเงินไปโอนเข้าที่ธนาคารที่ทางสถานทูตให้รายละเอียดมาอยู่ต้นๆซอยนานา ต้องเดินไป ถ้าจะขับรถไปต้องจอดฝั่งตรงข้ามแล้วข้ามมาฝั่งธนาคาร)

หลังยื่นเอกสาร ไม่ได้มีการสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการ
แค่มีการสอบถามนิดๆหน่อยจากพนักงานที่รับเอกสาร 
(ไม่ได้อ่านว่าเค้าตำแหน่งอะไรรู้แต่ว่าคนปากีฯสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ)
คำถามก็เหมือนๆกับที่เรากรอกใบเอกสารขอวีซ่า
 ใช้เวลา 3 วันทำการ ก็นัดมารับ วีซ่าและพาสปอร์ตคืน
 (ถ้าไม่มีการขอเอกสารเพิ่มเติม) สะดวก รวดเร็ว ง่ายดาย



และแล้วก็ถึงวันเดินทาง เจาะจงไฟลท์ดึก เพราะไม่ต้องการให้เด็กป่วนเครื่องบิน
(ตั้งเวลาในกล้องไม่ตรงจ่ะ) ซึ่งก็ไม่ได้เป็นไปตามคาดหมาย เพราะถึงจะดึกแล้ว 
แต่เด็กก็ไม่ได้มีอาการง่วง หรือ สงบลง เจื้อยแจ้วตลอดทาง ดีที่ไม่ป่วนมากมาย 
ไม่มีอาการงอแง หรือ เดินเพ่นพ่านบนเครื่องบิน 
แต่กินไม่หยุดปาก ตลอดการเดินทาง
รอบนี้เดินทางด้วยสายการบินประจำชาติปากีสถาน PIA เพราะตั๋วถูกกว่าการบินไทย
พนักงานสวย หล่อ บริการดี (ดีกว่าขากลับมาเมืองไทยเยอะมาก) 
แต่หูฟังดูราคาถูกเกิ๊น
อาหารก็โอเค พอทานได้ สำหรับคนที่ชอบอาหารแขกๆ
 แต่ไฟลท์ดึก ไม่ดีอยู่อย่าง คือทุกคนจะนอนกันหมด
ส่วนไอ้คนที่ไม่ได้หลับ ต้องทนฟังเสียงกรน รอบทิศทาง



อาหารมื้อดึกของเราบนเครื่องบิน 
รอบดึกจะไม่มีข้าวหมก(biryani) ไม่เหมือนมื้อกลางวัน
แต่จะเป็นเบาๆ อย่างแซนวิชและคาบาบ
เครื่องดื่มที่เติมได้ตลอด และด้วยไฟลท์นี้เป็นของประเทศมุสลิม
ก็เลยไม่มีแอลกอฮอลล์บริการ 


ไฟลท์นี้ตรงจาก กรุงเทพ มา ลาฮอร์ 
ซึ่งเป็นบ้านของพี่สาวพ่อลิช่า ภาษาอูรดู คือ โพโพ่ (พี่สาวพ่อหรือป้าน่ะเอง)
มาถึงราวๆ ตี5 อากาศเดือนมีนาคม ปากีสถานยังหนาวมากๆ 
พอออกจากสนามบินเท่านั้น หนาวสุดๆ ลมก็แรง
ป้าลิช่ามารอรับอยู่นานแล้ว (เครื่องแอบดีเลย์ด้วย) 
นอกสนามบินมีญาติๆของบรรดาผู้โดยสารมายืนรอกันคึกคักมาก
แบกดอกไม้มาโปรยกัน เหมือนต้อนรับดารา
ภายในสนามบิน ควบคุมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหาร ถือปืนยาวๆ ทำหน้าโหดๆอยู่เต็มไปหมด



มื้อแรก ณ ประเทศปากีสถาน shami kebab อาหารเช้าสุดฮิต กับชานมร้อนๆ
ชาที่นี่ เหมือนจะใส่น้ำตาลน้อยมากๆ แทบไม่ได้รสหวานเลย


โรตีพาราต้า เคยกินที่เมืองไทยไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ 
แต่ที่ปากีฯ อร่อยมาก กลิ่น Glee หอมสุดๆ



ทานอาหารเช้าเสร็จ เด็กก็ออกเดินสูดอากาศ สภาพบ้านเมืองของลอฮอร์ 
สะอาดและสงบมาก มาไกลขนาดนี้ ยังแบกตุ๊กตามาด้วย
ไปไหนต้องพกไปด้วย ป้าๆให้ฉายา Afghan baby
ด้วยสภาพที่ไม่ต่างจากตุ๊กตาที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ ระเบิดพลีชีพ มาหมาดๆ 
แขนขา หายเกลี้ยงเลย





Create Date : 11 พฤษภาคม 2556
Last Update : 9 เมษายน 2557 21:24:19 น.
Counter : 6665 Pageviews.

13 comment
PART 5 เด็กน้อยเที่ยวมาเลเซีย Sunway Pyramid Mall
วันสุดท้ายใน มาเลเซีย หลังจากที่เมื่อคืน ลากสังขารกลับจาก KLCC เยี่ยมชมความงามยามค่ำคืนของ
ตึกแฝดกันไปแล้ว ถึงโรงแรมก็หลับเป็นตาย ประทับใจพนักงานของโรงแรม My Hotel ถึงจะดึกดื่นแค่
ไหนก็ยังรอเปิดประตูให้ มารยาทงามกว่าพนักงานโรงแรมเชนใหญ่ๆบางที่ซะอีก สามีอดไม่ได้เลยให้
สินน้ำใจเล็กๆน้อย ขอบคุณสำหรับความทุ่มเทให้บริหาร พนักงานฟร๊อนท์ก็ให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง
จะไปไหนถามทาง เธออธิบายให้อย่างเคลียร์แนะนำด้วยว่าควรไปอย่างไรให้เร็วที่สุด ประหยัดที่สุด
น่ารักมากๆ ถึงจะเป็นโรงแรมเล็กๆ แต่บริการเยี่ยมจริงๆ นี่ถ้าไม่ติดเรื่องโลเคชั่น ก็อยากจะมาพักอีกคราว
หน้า น่าเสียดาย

ประมาณ 11 โมงเช้าตามเวลามาเลเซีย เราทำการเช็คเอาท์จากโรงแรมซึ่งใช้เวลานิดเดียวเอง พนักงานทำงานเป็นระบบและรวดเร็วดี ก็สอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ว่าเราจะไป Sunway ได้ยังไง
เธอก็บรรยายซะละเอียดยิบ แล้วเราก็เริ่มเดินทางกัน เริ่มต้นกันที่ KL sentral นั่งรถไปลงที่สถานี
Subang Jaya


รถไฟฟ้าของมาเลย์ เพราะวันนี้วันจันทร์ด้วยคนเลยไม่เยอะเท่าไหร่
มีโบกี้สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะเท่านั้นด้วย (ตอนแรกนึกว่าเพราะผู้ชายที่นี่
ไม่ค่อยเป็นสุภาพบุรุษเลยต้องออกกฏบังคับ แต่แอบถามพ่อเด็กเค้าบอกว่า
เป็นเพราะกฏหมายมุสลิม ที่ผู้ชายและผู้หญิงที่ไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวกัน
ไม่ควรนั่งใกล้ๆ หรือสัมผัสโดนตัวกัน



อีกขบวนที่สวนกันเพิ่งจะผ่านไป ทางรถไฟฟ้าที่นี่ทำขนาบกับถนนเลย ส่วนพวกรถไฟ
แบบเก่าๆ (เหมือนที่บ้านเราใช้) เค้าเอาไว้ขนสินค้า ขนของ ไม่ได้ใช้สำหรับคน



ลงที่ สถานีรถไฟ Subang Jaya แล้วก็นั่งแท็กซี่ต่อไปอีก 10 ริงกิตก็ถึงห้าง Sunway แล้ว
ทางห้างทำถนนลอยฟ้าเชื่อมกับถนนหลวงเข้าที่จอดรถของห้างเลย สะดวกดีลงจาก taxi
ลงบรรไดเลื่อนมาก็เป็นทางเข้าห้าง



ห้าง Sunway Pyramid เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงาม จัดแบ่งโซนต่างๆอย่างลงตัวและหลากหลาย
 ในห้างสามารถหาซื้อได้ทั้งสินค้าระดับแบรนด์ดังๆ หรือ สินค้าจากฝั่งเอเชีย อย่างของประเทศ
ไทย และ จีน รองเท้า กระเป๋า ในราคาเริ่มตั้งแต่ 39 ริงกิต มีช็อปชื่อดังมากมาย คือมาที่เดียวหาได้
ครบทุกอย่าง แถมยังมีสวนสนุกและโรงแรมใกล้ๆกันด้วย ถือว่าครบวงจรทีเดียว

อันนี้เป็นร้านอาหาร ไทย ไทย ชื่อน่ารัก :D



Shop ของ Mac สาวๆเพียบ ตอนนี้กำลังมีโปรฯ



ชื่อร้านแนวมาก Heart attack ประมาณช้อปกันให้หัวใจวายตายไปข้าง 55++
กำลังลด 50 % แน่ะ น่าสนแต่ก็ไม่ได้แวะ



เสื้อผ้าที่นี่ราคาไม่แพง เสื้อผ้าตัดเย็บเนียนใช้ได้ อย่างร้านที่ไม่ใช่แบรนด์ฮอทๆ ราคาไม่ถึง
50 ริงกิต แต่คุณภาพเกินราคาจริงๆ (หรือเพราะมันเป็นช่วงเซลล์ก็ไม่รู้ราคาเต็มน่าจะแพงกว่านี้)



สอยมาจาก Sasa ในราคา 3 ขวด 10 ริงกิต



อันนี้ก็จาก Sasa ตอนคิดเงินแคชเชียร์ได้ยินเราคุยโทรศัพท์กับลูกค้าที่เมืองไทย
พอรู้ว่าเราเป็นคนไทย บอกลดให้อีก 20% ค๊าา >_< น่ารักที่สุด





Create Date : 20 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 27 สิงหาคม 2556 16:28:32 น.
Counter : 2836 Pageviews.

0 comment
1  2  

nadiya
Location :
islamabad  Pakistan

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 48 คน [?]



Alisha Khan was born on January 23, 2010. My adorable princess. She inspired me to do things which I dreamed to do but never had any chances to do.

New Comments