ยิ้มน้อยน้อย...ตามรอยธรรม
 
อภัยทาน



.....หากชีวิตของใครต้องไหม้หม่น
ต้องทุกข์ทนเพราะผู้อื่นจนขื่นเข็ญ
ยิ่งทุกข์ถึงสลายตายทั้งเป็น
ยิ่งก่อเวรเกิดภัยได้นานา
ถ้าผู้อื่นเป็นศัตรูเป็นคู่แข่ง
ความโกรธยิ่งทวีแรง “เอ็งแกล้งข้า”
ถ้าผู้อื่นเคยเป็นมิตรสนิทมา
ยิ่งเสียดแทงในอุรากว่าศัตรู

.....ลองมามองความโกรธความโลดแล่น
ความคับแค้นความสลดความหดหู่
ความโศกาอาลัยในใจดู
จะรับรู้พิษโทสาว่าฉันใด
หากเป็นคนมักโกรธโทษย่อมหนัก
ความโกรธจักเผาตลอดแทบมอดไหม้
ยิ่งผูกโกรธไว้กับจิตด้วยติดใจ
ผลทำลายย่อมยิ่งใหญ่และเนิ่นนาน

.....เมื่อเราดูความคิดความผิดหวัง
เห็นสารหลั่งความเสียใจไปสื่อสาร
โดยคุกรุ่นอยู่ภายในไร้ประมาณ
สุดแต่ความฟุ้งซ่านพาใจลอย
เมื่อมักโกรธใจลอยไปในความโกรธ
ไฟก่อโทษเรื่องเล็กใหญ่ให้ฟื้นฝอย
เมื่อผูกโกรธจะแค้นคับสดับคอย
เวลาสอยคืนบ้างอย่างสะใจ
ไฟนรกจะเผาไหม้ในดวงจิต
ยิ่งแค้นคิดยิ่งกระพือลุกฮือไหม้
ยิ่งผูกโกรธพยาบาทอาฆาตไว้
ยิ่งเผาในใจตนพ้นประมาณ
ความเมตตาอารีที่มีอยู่
ถูกความโกรธเผาฟู่เป็นเถ้าถ่าน
เปลี่ยนหัวใจเทวาเป็นซาตาน
คนถูกผลาญแรกคือเราน่าเศร้าจริง

.....อันความโกรธนั้นเป็นโทษพิโรธล่า
มันเข่นฆ่าเริ่มจากเราเป็นเป้านิ่ง
แล้วพุ่งสู่คู่อาฆาตผงาดยิง
จากนั้นชิงสร้างเวรภัยให้แก่กัน

.....“บุญคุณต้องทดแทนแค้นชำระ”
ควรหลีกละถ้อยคำหลังอย่างพลิกผัน
“คุณต้องแทนแค้นต้องให้อภัยกัน”
เพื่อร่วมสรรค์ให้โลกใสจากภัยพิษ

.....ควรจะให้อภัยในตนก่อน
ความเจ็บร้อนแผลกลัดหนองต้องสะกิด
ความเป็นโทษโกรธเคืองอันเรืองฤทธิ์
อย่าเก็บไว้ในชีวิตฝังจิตใจ

.....ปล่อยวางเสียปล่อยวางไปไม่เก็บกรุ่น
แผ่เมตตาการุณอย่าหวั่นไหว
แผ่เมตตาให้แก่ตนให้พ้นภัย
แผ่ออกไปเท่าที่ใจทำได้จริง

.....เขาทำร้ายเราทำไมนั่นใจเขา
ส่วนใจเรารักษาไว้ให้เนิบนิ่ง
อย่าเสียใจให้ความลวงต้องช่วงชิง
ใจเป็นสิ่งสูงค่ากว่าสิ่งใด

.....เมื่อเราไม่เสียใจเพราะใจเสีย
ไฟร้อนเลียกลับสว่างดูพร่างใส
กลับจะเห็นสารพันอันเป็นไป
บังเกิดความเข้าใจในเหตุการณ์

.....ปล่อยวางเสียปล่อยวางไปไม่เก็บกรุ่น
แผ่เมตตาการุณทุกสถาน
แผ่ไปยังผู้อื่นส่งชื่นบาน
แล้วคืบคลานแผ่ต่อไปให้ศัตรู

.....อโหสิกรรมนำทางสร้างชีวิต
หมดภัยพิษหากประหารการต่อสู้
สิ้นทั้งแพ้และชนะลองละดู
จะหยั่งรู้ความเบาใสในใจตน

.....จะสิ้นเวรต่อกันหมดปัญหา
จะเดินหน้าต่อไปไม่สับสน
เพราะอภัยทานบันดาลดล
บังผลเกิดผลงดงามตามกรรมดี

.....แม้เป็นการให้อภัยในเรื่องยาก
แต่จะเปลี่ยนวิบากจากวิถี
เกิดเป็นอานิสงค์ใหม่ในชีวี
ขอเพียงมีอภัยทานเจือจานกัน

เขียนไว้เมื่อ 13 สิงหาคม 2548



Create Date : 06 สิงหาคม 2552
Last Update : 6 สิงหาคม 2552 3:02:54 น. 4 comments
Counter : 380 Pageviews.  
 
 
 
 








กราบสวัสดีค่ะคุณอาเจียวต้าย
และสวัสดีคุณนู๋บีด้วยค่ะ


หลายวันนี้ดิฉันชีพจรลงเท้า
ไม่ได้เข้าเน็ตเลย
วันนี้ชีพจรไม่ลงเท้า
แต่นัด เด็กบี มาฝึกทำสวน
ยกกระถางหนักไปหน่อยเลยไหล่เคล็ด
นี่แหละค่ะ สังขาร
สมัยก่อน ขุดดิน ดายหญ้า อะไรก็ทำได้

ดิฉันกำลังทดลอง
ทำเศรษฐกิจพอเพียงแบบย่อส่วน
เพราะในทุกวันนี้
ยากที่คนทั่วๆ ไปจะมีปัญญามีที่ดินเป็นไร่ๆ
มีกันคนละงานสองงานก็เก่งแล้ว

แต่การผลิตให้พอเลี้ยงตัวในที่ดินขนาดเล็ก
ต้องอาศัยความรู้ด้านเกษตรที่หลากหลายเช่นกัน
ดิฉันจึงอยากทดลองปลูกพืชที่หลากหลายที่สุด
เพื่อการพึ่งตนเองให้ได้ในพื้นที่เล็กที่สุด

วันนี้ดิฉันทดลองหมักปุ๋ยในถุง
เพื่อเอาไปเก็บกองในซอกด้านหลังบ้านได้
เพราะต้องกันพื้นที่อื่นๆ เอาไว้เพาะชำต้นไม้

เห็ด ดิฉันก็เพาะไว้กินเองแค่สิบกว่าถุง
ตอนนี้ทยอยเก็บกินได้เรื่อยๆ เป็นเห็ดภูฎาน
อีกหน่อยจะหาเห็ดอื่นๆ มาเพาะอีก
ดิฉันไม่ได้ทำโรงเรือน แต่เอาถุงเห็ด
ไปวางไว้ใต้เรือนกล้วยไม้ ซึ่งมีความชื้นสูง
และหมั่นฉีดพรมน้ำ

ดิฉันเอาเถาตำลึงมาชำในกระถางดู
แตกดีเหมือนกัน ตั้งใจจะเอาลวดทำกระถางแขวน
เอาไว้แจกคน จะได้เด็ดยอดกินได้สะดวก

ยังเพาะต้นไม้อื่นๆ ไว้พอสมควร
ถ้าเรื่องต่างๆ ดำเนินไปด้วยดี
ปีหน้าหลังเตรียมดินเสร็จ
คงได้เอาต้นไม้ไปลง

ดิฉันเองก็รู้ตัวว่า สังขารถดถอยลงไปตามวัย
แต่อยากลองสักตั้งหนึ่ง
ได้แค่ไหน เอาแค่นั้นค่ะ

พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า
ต้องไปต่างจังหวัดค่ะ

โดย: oDaineo วันที่: 2 ธันวาคม 2553 เวลา:22:06:33 น.




ยินดีด้วยเป็นอย่างยิ่ง ที่สามารถจะสร้างสิ่งที่ฝันให้เป็นจริงได้ครับ
เมื่อมาเป็นเกษตรกรเสียแล้ว ยังจะเป็นประพันธกรด้วยหรือไม่ครับ.

โดย: เจียวต้าย วันที่: 3 ธันวาคม 2553 เวลา:5:20:30 น.


กราบสวัสดีคุณอาเจียวต้ายค่ะ

ดิฉันไม่ได้เข้าเน็ตหลายเดือนเลยค่ะ
แต่ชีวิตที่คิดฝันเป็นไปด้วยดี
งานสร้างสังคมเล็กๆ ที่อยู่กันด้วยศีลด้วยธรรม
ด้วยการทำ ชีวิต การงาน และการภาวนาให้เป็นหนึ่งเดียว
ต้องใช้การทุ่มเทอย่างมาก
โดยเฉพาะที่จะให้ผู้ร่วมงานเห็นส่วนลึกในจิตใจของเรา

ดิฉันเหนื่อยมากในช่วงบุกเบิกนี้
แต่ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มในทุกๆ วัน
เพราะสังคมเล็กๆ ที่ดิฉันกำลังร่วมกันสร้างกับคนทุกข์
เต็มไปด้วยการแบ่งปันและความเข้าใจกัน
ยังมีเรื่องต้องบุกเบิกและฟันฝ่าอีกมาก
แต่ก็มีเรื่องราวน่าสนใจให้เรียนรู้เกิดขึ้นทุกวัน
โดยเฉพาะเกี่ยวกับชีวิตของเพื่อนมนุษย์

ถ้ามีเวลาดิฉันจะเขียนเป็นหนังสือออกมาค่ะคุณอา
วันหลังค่อยมาคุยยาวๆ ให้ฟังค่ะ

อ้อ... เมื่อเดือนที่แล้ว
ดิฉันไปอบรมวิปัสสนากรรมฐานมา
เอาบุญมาฝากด้วยค่ะ


โดย: oDaineo (oDaineo ) วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:7:38:47 น.


ยินดีด้วยครับ ที่คุณสามารถสร้างความฝันให้เป็นความจริงได้
ขออย่าให้มีอุปสรรคใดใดมาขัดขวาง ไม่ว่าจะเป็นการเงิน การจัดการ หรือสุขภาพร่างกาย จากความเจ็บไข้ได้ป่วย

หวังเมื่อถึงระยะหนึ่งผมคงจะได้อ่านเรื่องนี้นะครับ.

โดย: เจียวต้าย วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:10:08:31 น.


แวะเข้ามากราบสวัสดีคุณอาค่ะ

วันนี้ดิฉันเปิดเน็ตเข้ามาดูเรื่องไม้ไผ่และดินปลูกต้นไม้ เลยแวะมาที่นี่สักหน่อย เจอคุณนู๋บีด้วย ท่าทางสดใส คุณนู๋บีคงสบายดีนะคะ

คุณอาคะ ช่วงนี้ดิฉันกำลังปลูกโรงเรือน ทำเศรษฐกิจพอเพียงแบบย่อส่วน รับครอบครัวหนึ่งเข้ามาเป็นลูกจ้าง ครอบครัวนี้ เป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง และมีลูกอ่อนหนึ่งคน เดิมเคยเป็นลูกจ้างทำฟาร์มเห็ดมาก่อน ถูกนายจ้างไล่ออกจากงานยกครัว เพียงเพราะถูกย้ายงานกระทันหัน จึงขอเวลาเก็บซองผ้าป่าให้เสร็จก่อน ซึ่งก็ผัดผ่อนเพียง 7-10 วัน แต่นายจ้างไม่ยินยอม เพราะไม่เห็นว่าทำบุญแล้วจะได้อะไร จึงยื่นคำขาด ว่าหากจะทำบุญผ้าป่าให้ลุล่วง ก็ต้องตกงาน สองคนนี้จึงตกงาน ดิฉันเป็นลูกค้าซื้อเห็ดจากฟาร์มนี้เป็นประจำ ร่วมทำบุญกับคนงานสองคนนี้มาตั้งแต่ต้น ดิฉันรับไม่ไหวจริงๆ ถ้าหากคนจะต้องตกงานเพราะยืนยันทำบุญนี้ ดิฉันจึงรับไว้เอง

เงื่อนไขข้อเดียวที่ดิฉันตั้งขึ้นสำหรับคนทั้งสองก็คือ ให้สมาทานศีลห้าในวันพระ ส่วนวันอื่นๆ ให้พยายามรักษาศีลห้านี้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดิฉันบอกพวกเขาว่า เราจะทำเศรษฐกิจพอเพียงกัน และถ้าวันข้างหน้า เราสามารถผลิตได้เหลือกิน เราจะทำโรงทานในวันพระ ชวนคนยากจนมารับศีลห้าและทานอาหารด้วยกัน เพื่อให้พวกเขามีศีลมีธรรมเป็นหลักยึดเหนี่ยวในชีวิต เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมให้ร่มเย็นเป็นสุข ซึ่งคนทั้งสองก็ยินดี

ช่วงตระเตรียมพื้นที่และปลูกโรงเรือน ได้คลุกคลีกับคนงานอิสระอื่นๆ ซึ่งหมุนเวียนเปลี่ยนหน้ากันเข้ามาตามความจำเป็นของงานแต่ละประเภท เช่น ช่างปูน ช่างไม้ ช่างเหล็ก ช่างไฟ เพราะดิฉันเอาใจใส่ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา และพยายามร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จึงได้พบว่า โลกนี้เป็นโรงละครโรงใหญ่จริงๆ และชีวิตจริงของคนแต่ละคนนั้น ดูเหมือนจะยิ่งกว่านิยายเป็นไหนๆ

โดยอาศัย ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา และสมานัตตา บรรยากาศในการทำงานโดยรวมจะดีมาก มีความกลมกลืนและสบายอกสบายใจเป็นส่วนมาก ดิฉันจึงตั้งชื่อสวนของดิฉันว่า "สวนสบายใจ" และดิฉันก็ไม่ได้เร่งร้อนอะไร ทำไปตามกำลังกายและกำลังทรัพย์ เตรียมใจไว้แล้วว่า ปีแรกๆ คงมีแต่รายจ่ายเป็นสำคัญ จึงคิดว่าพอรับไหวค่ะ

ความจริงในแต่ละวันดูเหมือนจะมีเรื่องราวที่น่าสนใจผ่านเข้ามามากมาย แต่ช่วงแรกนี้ เป็นช่วงที่เหนื่อยหนักมาก ดิฉันจึงยังไม่สามารถเขียนอะไรเป็นเรื่องเป็นราวได้ คิดว่า พอช่วงวางรากฐานนี้ผ่านไปแล้ว ก็น่าจะเขียนอะไรออกมาได้บ้าง

เพราะเมื่อดิฉันลงมาคลุกคลีกับคนที่ประกอบสัมมาอาชีวะเป็นที่ตั้ง ดิฉันได้พบโลกแห่งความหวัง ดิฉันพบว่า มีความดีงามแทรกซ่อนอยู่ในผู้คนทุกชั้นชน ทุกสาขาอาชีพ และสิ่งเหล่านี้เองที่พยุงสังคมมนุษย์เราเอาไว้ แม้ว่าพวกเขาทั้งหลายจะไม่เคยป่าวประกาศแต่ประการใดเลย

ขอให้คุณอามีสุขภาพแข็งแรงนะคะ วันนี้ไม่ได้เข้าห้องไร้สังกัดเลยค่ะ เลยยังไม่ได้ไปตามอ่านงานเขียนอื่นๆ ของคุณอา หรือของชาวไร้สังกัด


โดย: oDaineo วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:0:04:32 น.


ผมขอแสดงความนับถือจากใจจริง ต่อความตั้งใจทำกิจที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลต่อประชาชนคนธรรมดา

และมุ่งมั่นกระทำการนั้นอย่างไม่ท้อถอย

รวมทั้งพิจารณาหาข้อบกพร่อง และดำเนินการแก้ไขให้ดีขึ้น

ด้วยทุนทรัพย์ของตนเอง

ผมหวังว่าผมจะอยู่จนได้ดูผลสำเร็จของคุณ และร่วมยินดีกับคุณด้วยครับ

ขอให้สำเร็จสมหวังตั้งใจในไม่ช้าครับ.

โดย: เจียวต้าย วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:8:10:19 น.



สวัสดีค่ะคุณอาเจียวต้าย

ดิฉันไม่ได้เข้าเน็ตนานมากทีเดียว
วันนี้เข้าไปใน "ไร้สังกัด"
ได้รู้ว่าคุณอามีหลานน่ารักมากเหลือเกิน
ได้เห็นคุณธรรมในครอบครัวที่ส่งต่อรุนต่อรุ่น
ประทับใจและชื่นชมมากค่ะ

ส่วนดิฉันเองปีที่ผ่านมาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย
คือได้เรียนรู้เรื่องคน และเรื่องความพอดี

เรื่องคน ทำให้ดิฉันเห็นใจเพื่อนมนุษย์เพิ่มขึ้นมาก
ในทางกลับกัน ก็เข้าใจอุเบกขาธรรมมากขึ้น
เพราะผู้คนทั้งหลายที่เราเข้าไปอุปถัมภ์
จะเก็บมาจากครอบครัวตกงานเพราะทำผ้าป่าก็ตาม
คนไร้บ้านที่อาศัยอยู่ใต้สะพานก็ตาม
คนพิการที่อยู่ในฐานะคนเถื่อน(ไม่มีบัตรประชาชน)ก็ตาม
เขาก็มีอัตตาตัวตนของเขาทั้งสิ้น

ดิฉันได้เข้าใจว่าแม้เราจะหวังดีเพียงใด
สิ่งที่ต่างๆที่จะเป็นไปก็ยังขึ้นกับพวกเขาเป็นสำคัญ
ขึ้นกับประวัติและพัฒนาการของพวกเขา
ขึ้นกับธรรมะในตัวของพวกเขาเป็นสำคัญ

ดิฉันใจดีและเป็นกันเอง กินอยู่เหมือนลูกน้อง
ให้ค่าจ้างสูง ให้เบี้ยเลี้ยง มีเงินสะสม
มีค่ารักษาพยาบาล ดูแลความเป็นอยู่ทุกอย่าง
ดิฉันอยากให้พวกเขาตั้งตัวกันได้
แต่พวกลูกน้องพากันคิดว่าดิฉันรวยมาก
จึงฟุ่มเฟือยและเรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ดิฉันก็ให้เท่าที่ให้ได้เท่านั้น
เพราะเงินออมหมดไป หนี้สินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

สองสามีภรรยาที่ตกงานเพราะทำผ้าป่า
ดิฉันจ้างเป็นลูกจ้างประจำ เพราะยินดีรับศีล 5

พวกคนจนและคนไร้บ้านอื่นๆ ดิฉันจ้างเป็นครั้งคราว
เพราะติดเหล้ากันทั้งนั้น
ต่อมาพวกลูกจ้างไม่ประจำเหล่านี้ก็ขโมยของเป็นว่าเล่น
พวกเครื่องมือไฟฟ้าต่างๆ ของช่าง
ต่างกรรมต่างวาระหลายครั้ง
ที่เกิดหลายครั้ง เพราะดิฉันเอาเรื่องใครไม่ลง
นอกจากห้ามพวกเขาเข้ามาในพื้นที่อีก

ลูกจ้างประจำของดิฉัน ก็ไม่ช่วยดูแลอะไร
และพวกเขาก็เหมือนดิฉัน คือสงสารคนเหล่านั้น
และไม่อยากให้ดิฉันเอาเรื่องคนเหล่านั้น
สองสามีภรรยาเอาแต่เสนอให้ดิฉันซื้อใหม่
สุดท้าย ดิฉันได้แต่บอกว่า
อย่าว่าแต่ซื้อใหม่เลย
ต่อไปจะมีเงินเดือนจ่ายให้พวกเธอหรือเปล่ายังไม่รู้
และได้แต่รวบรวมหนังสือเรื่องการเกษตร
เศรษฐกิจพอเพียง พืชผักสมุนไพรต่างๆ
ให้เงินพวกเขาไปทำทุน
รวมถึงยกข้าวของเครื่องใช้บางส่วนให้
เพื่อให้พวกเขาไปเริ่มชีวิตใหม่บนฐานของตนเอง

สองสามีภรรยาจากดิฉันไปด้วยน้ำตา
เขาบอกว่าไม่เคยพบนายจ้างคนไหนใจดี
และเป็นกันเองเท่าดิฉัน
หลังจากนั้นพวกเขากลับไปทำนาและติดต่อมาเป็นระยะ

ในเรื่องความพอดี ก็ได้ข้อสรุปหลายเรื่อง
เช่น การให้ก็ต้องให้แต่พอดี การให้ทำให้เราปีติก็จริง
แต่ ให้เกินกำลังจนตนเองแบกไม่ไหว สุดท้ายไม่ยั่งยืน
ทุนรอนหมดอย่างรวดเร็ว เป็นหนี้เป็นสิน
ในแง่ช่วยคนก็ทำได้ไม่ตลอดรอดฝั่งด้วย

ล่าสุด สวนของดิฉันประสบภาวะน้ำท่วม เสียหายมาก
บ้านของดิฉันเองประสบภาวะน้ำท่วมบางส่วน
จึงยุ่งอยู่กับการฟื้นฟูบ้านตนเอง
ยกยอดไปว่า
หลังปีใหม่จะไปดูสวน

ไม่รู้จำกัดตัวอักษรหรือเปล่า
ส่งข้อความไปทีหนึ่งก่อนแล้วกันนะคะ

โดย: oDaineo วันที่: 26 ธันวาคม 2554 เวลา:8:11:42 น.



พวกญาติพี่น้องเกลี้ยกล่อมให้ดิฉันเลิกคิดทำสวน
อยากให้กลับมาเขียนหนังสือธรรมะมากกว่า

ดิฉันยังไม่ได้คิดอะไร
ตั้งหลักว่า อยู่กับปัจจุบันเป็นสำคัญดีกว่า
เฉพาะหน้าหยุดเรื่องสวนก่อน
กลับมาทำมาหาใช้หนี้ก่อน
ใช้หนี้หมด ค่อยมาเขียนหนังสือธรรมะต่อ

เรื่องสวนก็เหมือนกัน เอาไว้หมดหนี้แล้วค่อยว่ากัน
ถ้าเริ่มใหม่ ต้องเริ่มจากกำลังตนเองเป็นสำคัญ
แต่ดิฉันก็ยังคิดอยากปลูกต้นไม้แบบธรรมชาติ
อยากฟื้นฟูธรรมชาติและชีวิตบนการเอื้ออาศัยกัน
อยากเอาผลผลิตมาแจกจ่าย
อยากทำ "เรือนกรรมฐาน" ไว้ใช้ชีวิตในบั้นปลาย

ความจริงช่วงทำ "สวนสบายใจ"
ก็ได้แจกจ่ายพืชผักและพืชพันธุ์พอสมควรค่ะ
และได้ขายความคิดให้กับผู้คนรอบๆ ได้จำนวนหนึ่ง

นึกย้อนไปก็ยังมีความสุขกับช่วงเวลาที่ผ่านมา
และประสบการณ์ 1 ปีมานี้
ได้ทำให้ดิฉันเข้าใจสังคมไทยอีกมาก
คือเข้าใจจากผู้คนที่อยู่ล่างสุดของสังคมนี้เอง

ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจนต้องปิดสวนนั้น
มาจากดิฉันเป็นสำคัญที่ย่อหย่อนต่อเรื่องต่างๆ
แต่ก็ทำให้ดิฉันเข้าใจผู้คนในส่วนต่างๆ มากขึ้น
เข้าใจว่าศีลธรรมสำคัญขนาดไหน
เป็นความอยู่รอดอย่างไรของสังคม
และรวมถึงเป็นความอยู่รอดอย่างไรของปัจเจกด้วย

เรื่องขโมยของลูกจ้างไม่ประจำของดิฉัน
ที่เกิดซ้ำซากก็มาจากความย่อหย่อนของดิฉันเช่นกัน
รายที่หนึ่งขโมยสว่านไฟฟ้าและลูกหมูไป
เอาไปขาย เอาเงินไปใช้
ดิฉันไม่ได้เอาเรื่อง ไม่ได้ติดตามเอาของคืน

รายที่สองเป็นคนพิการ
อาศัยอยู่ใกล้ๆ สวนของดิฉัน
ชอบมาของานทำ ดิฉันสงสารก็มักหางานเบาๆ ให้ทำ
รายนี้เห็นดิฉันไม่เอาเรื่องรายแรก
ก็ถือวิสาสะหยิบข้าวของไปเนืองๆ
จนแม้ห้ามเข้าสวนแล้วก็ตาม

รายที่สาม เป็นคนไร้บ้าน อาศัยใต้สะพาน
มาของานทำ ดิฉันให้งานทำเป็นครั้งคราว
รายนี้เคยบวชเรียนมาแล้ว คุยธรรมะรู้เรื่อย
แต่ภายหลังพาเพื่อนตกงานเข้ามาขโมยของ
รายหลังนี้ที่จริงอยากเอาเรื่อง
แต่ลูกจ้างประจำของดิฉันปล่อยไปแล้ว
จึงต้องเลยตามเลย

แต่ละคนเมื่อซักไซ้ไล่เลียงไป
เรื่องที่ทำไปล้วนแล้วแต่มีความจำเป็นทั้งสิ้น
แต่ทำไปแล้วก็กลายเป็นที่รังเกียจของสังคม
ยิ่งอยู่ไม่ได้หนักเข้าไปอีก
ในขณะที่คนอีกแบบที่มีความจำเป็นเหมือนกัน
แต่ไม่หลุดหลงเข้าไปในอบายมุข
ขยันขันแข็ง ไม่เลือกงาน คนเหล่านี้ก็ยังพออยู่ได้
พวกเขามักมีงานต่อเนื่องอยู่เรื่อยๆ

นี่แหละค่ะเรื่องราวของดิฉัน
ตอนนี้นับว่าดิฉันมีความสุขตามอัตภาพค่ะ

ใกล้ปีใหม่แล้ว
ขอให้คุณอาเจียวต้ายและครอบครัวลูกหลาน
มีจิตใจผ่องใสเบิกบาน
มีสุขภาพแข็งแรงทั่วกันนะคะ

โดย: oDaineo วันที่: 26 ธันวาคม 2554 เวลา:9:02:51 น.




เมื่อวานผมเห็นชื่อคุณ oDaineo ให้กี๊ฟในกระทู้ของผม
ก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะผมคิดถึงคุณมาเกือบปีแล้ว

เคยจะเขียนคุยในบล็อกของคุณ แต่ก็คิดได้ว่า คุณคงจะไม่ยุ่งกับคอนพิวเตอร์แล้ว คงตั้งใจจะทำไร่ทำสวนอย่างเดียว

เมื่อเกิดน้ำท่วมปีนี้ผมก็อยากจะทราบว่า คุณไปทำไร่ทำสวนอยู่จังหวัดอะไร น้ำท่วมหรือไม่ ได้ผลดีผลเสียอย่างไร

ผมภาวนาให้คุณได้กลับมาเล่าถึงงานที่คุณตั้งใจไปทำว่ามีความสำเร็จเป็นลำดับอย่างไรบ้าง

แต่ผมก็ต้องผิดหวังและเสียใจไปกับคุณในครั้งนี้อย่างยิ่ง
แม้ผมจะตั้งสติไว้ก่อนแล้วว่า ผลมันอาจไม่เป็นดังที่คิดก็ได้

เรื่องนี้มันก็เกี่ยวกับกิเลสของคนเรา ซึ่งเป็นธรรมชาติ ธรรมดานี่เอง
คุณไปเก็บเอาคนที่ไม่มีธรรมะในใจมาเลี้ยง อบรมสั่งสอนด้วยการให้สมาทานศีลห้าเท่านั้น
จึงไม่สามารถผูกใจเขาให้จงรักภักดีต่อคุณได้
ธรรมชาติของเขามีอยู่แค่ การเอาตัวรอดจากความหิว เอาตัวรอดจากภัยอันตราย เท่านั้น
แม้เราจะมีเมตตา กรุณา เขาก็คิดว่าเราเป็นคนอ่อนแอ ที่เขาจะตักตวงผลประโยชน์ได้ง่ายขึ้น
แค่เพียงเวลาไม่ถึงปี คุณก็ได้รู้ด้วยตนเองว่า คนไหนเป็นอย่างไร
แต่ก็ทำให้คุณเสียทั้งแรง และเสียทั้งเงิน จนมีหนี้สิน และเสียกำลังใจที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ต่อไปอีกนาน

ต่อจากนี้ก็คงจะต้องพึ่งธรรมะรักษาจิตใจอันบอบช้ำ ให้คืนดีเหมือนเดิม และยังคงมีความรักเพื่อนมนุษย์อยู่ครับ

ผมหวังว่าคุณคงจะฟื้นตัวได้ในเวลาไม่นานนัก เพราะบุญกุศลที่คุณได้ทำให้แก่คนพวกนี้ คงช่วยเกื้อหนุนอยู่บ้าง

และความที่มีธรรมะอยู่ในจิตใจมาเป็นเวลาช้านาน จะช่วยคุ้มครองรักษาคุณ ให้พ้นจากความเศร้าหมอง ขุ่นมัว มีกำลังใจต่อสู้เพื่อดำรงชีวิตให้อยู่ในโลกที่โหดร้ายนี้ ต่อไปได้โดยไม่เจ็บปวดอีกต่อไปครับ

ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย อันเป็นที่พึ่งที่ระลึกถึง สิ่งเดียวในชีวิต
ได้โปรดคุ้มครองรักษา คุณ oDaineo ให้เจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาน และธนสารสมบัติ ตลอดไปตั้งแต่บัดนี้จนชั่วกาลนานครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 27 ธันวาคม 2554 เวลา:8:29:12 น.





 
 

โดย: เจียวต้าย วันที่: 27 ธันวาคม 2554 เวลา:8:42:00 น.  

 
 
 
ผมยกข้อความทั้งหมด จากบล็อกของผม มาวางไว้ต่อท้าย กลอน อภัยทาน ของคุณซื่องเขียนไว้นานแล้ว

ให้อ่านเหมือนเป็นเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งครับ
จะมีข้อคิดสะกิดใจอย่างไนบ้างนั้น แล้วแต่วิจารณญาณของผู้อ่านครับ.
 
 

โดย: เจียวต้าย วันที่: 27 ธันวาคม 2554 เวลา:8:45:23 น.  

 
 
 
สวัสดีปีมใหม่ ๒๕๕๕ ครับ.

images by free.in.th
 
 

โดย: เจียวต้าย วันที่: 30 ธันวาคม 2554 เวลา:6:01:18 น.  

 
 
 
ขอบพระคุณและสวัสดีปีใหม่ค่ะ
คุณอาเจียวต้าย
 
 

โดย: oDaineo วันที่: 30 ธันวาคม 2554 เวลา:6:39:27 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

oDaineo
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Photo Frames. Yellow Flowers Border
[Add oDaineo's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com