วัฒนธรรม "คนเมือง" ปลอมๆ
ระหว่างรอข้อมูล "โรงแรมเลียนแบบวัด" หาเรื่องมาขัดตาทัพกันพลางๆวันวานมิตรสหายรุ่นลุงรุ่นป้าแวะมาเยี่ยมเยียนพลางบ่นว่า "เชียงใหม่" เปลี่ยนไปไวจั๊ดนักแป๊บๆ ก็คล้ายกรุงเทพฯ ราวกะฝาแฝดต่างกันก็แต่บ้านเรามี "รถแดง" ที่แพงราวกะลิมูซีน..ประมาณนั้นเพียงแค่ยี่สิบสามสิบปีที่ผ่านมา(โหยยย..ตั้งยี่สิบสามสิบปี)ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าว่าแล้วบรรดาอีป้ออีแม่(คุณพ่อคุณแม่..มะใช่คำหยาบนะคะ)ก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก กระซิบว่า.."สมน้ำหน้าพวกกรุงเทพฯ ที่หนีเมืองกรุงมาอยู่เมืองเจียงใหม่ ๕๕๕"เราคุยกันว่าเดี๋ยวนี้เรามีบ้านคนเมืองเป็นร้านเหล้า ร้านข้าว เป็นบาร์เบียร์เรามีผ้าซิ่นตีนจกปลอมๆ (ข่าวว่าทอในพม่าปู้นนนน)เรามีช่างฟ้อนรับจ้าง เรามีขบวนแห่-มีกาดมั่ว "เทียมๆ"โดยมีภาพรวมว่า "ทุกอย่าง" เป็น "สินค้าท่องเที่ยว-สินค้าวัฒนธรรม"แต่ไม่รู้ว่าใครได้-ใครเสียไม่รู้ว่าใครรวย-ใครจนไม่รู้ว่าทั้งคนเมือง-คนดอย ที่มานั่งขายของอยู่ที่ไนท์บาซาร์และอื่นๆ"เป็นใคร" หรือ "ขายให้ใคร"พร้อมๆ กับที่ "วัดเก่าซ่อมใหม่" หรือว่า "วัดปลอมในโรงแรม" มีมากขึ้นทุกทีว่าไปแล้วเวียงพิงค์เราก็คล้ายหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวที่สร้างไว้ "โชว์" หรือ "อวด" หรือ "ขาย" นักท่องเที่ยวเท่านั้นหาเนื้อหาสาระ "คนเมือง" แท้ๆ แทบไม่ได้-ไม่พบปล่อยให้ลูกชายหลานชายควงซามูไรไล่ฟันคนลูกสาวหลานสาวโชว์ดือโชว์ก้นซูเปอร์โลว์กันไปวันๆประมาณนั้นกระมัง...คำถามของท่านไร้คนตอบเจ้าค่ะเพราะแม่นาง..วาวา..ก็เพิ่งมาอยู่เจียงใหม่เช่นเดียวกันปากกะลิ้นยังไม่ชินไส้อั่วจิ้นย่างเอาด้วยซ้ำก้อ... ได้แต่เอามาเล่าต่ออ่ะค่ะ มะมีความเห็น
โรงแรมที่คล้าย.. "วัด"
แม้จะอยู่ในเชียงใหม่และได้ข่าวว่ามีบางโรงแรมสร้างอย่างจงใจให้เหมือนวัดมาแล้วหลายคราวแต่ต้องสารภาพ ว่าจำชื่อโรงแรมบ้าๆ บอๆ เหล่านั้นไม่ได้สักทีเรื่องที่จะจดจำว่ามีที่ตั้งอยู่ที่ไหน ใครเป็นเจ้าของ จึงไม่ต้องพูดถึง..จำไม่ได้เจ้าค่ะ...แน่นอนละ ว่า..ไม่ชอบ และไม่เห็นด้วยในความทะลึ่ง ไม่รู้จักควรไม่ควรไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ของคนลงทุน คนออกแบบ-คนก่อสร้างตลอดจนคนเข้ามาพัก...แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า "คนเชียงใหม่แท้ๆ " เขาทนกันได้จริงๆ หรือที่ "ใครก็ไม่รู้" เข้ามา "จำลอง" วัดที่เขานับถือ แล้วปู้ยี่ปู้ยำกันง่ายๆ อย่างนั้นถ้าทนได้..ทำไมยังมีคนค้าน?ถ้าทนไม่ได้...ทำไมค้านกันน้อยจัง???จำได้ว่าในเวที เสวนา-อภิปราย ประเด็นนี้คราวหนึ่งมีชายนิรนาม(เขามีชื่อ แต่ข้าพเจ้าจำไม่ได้..เช่นเคย!!)คนหนึ่งลุกขึ้นมาพูดทำนองว่า "ใครต่อใคร" ที่กำลัง วิพากษ์-วิจารณ์ อยู่บนเวทีปกติเคยเข้าวัดในวันศีล(วันพระของภาคกลาง)หรือวันอื่นอยู่บ้างไหม?ถ้าไม่เคยเข้าวัด หรือแทบไม่เคยไปวัดก็ไม่ต้องมาแสร้ง ทำเป็นห่วงใยสิ่งที่ตนเองไม่ได้ใช้ถ้าคนเชียงใหม่..คนที่ยังเข้าวัดเขาหวงแหนจริง ก็ต้องให้เขาออกมาเรียกร้องกันเองอย่ามาทำแทน อย่ามาคิดแทน... ฯลฯวินาทีนั้น ข้า'เจ้ารู้สึกสะดุ้งโหยง(อยู่ในใจ) แล้วรำพึงเบาๆ ว่า...โหย... คิดได้ไงอ่ะ(เอ็งพูดงี้ได้ไงวะ?? - -แหะๆ)แต่งเนื้อแต่งตัวก็ใช้ได้ บุคลิก-ท่าที ก็ดูดีมีตระกูลค่ะ ก็ต้องยอมรับกันนะคะว่านั่นเป็นตัวอย่าง และเป็นภาพสะท้อนว่า...ยังมีคนรุ่นใหม่(และกลางเก่ากลางใหม่)ที่อาจจะเกิดจากกิ่งตอนคือ "ไร้รากแก้ว" จำ บ้านเกิด-บ้านเดิม ของตัวเองไม่ได้อยู่อีกไม่ใช่น้อยและคนเหล่านี้แหละที่มักขี้รำคาญในเรื่องที่ตนระลึกชาติไม่ได้อยู่ร่ำไปพอมีเรื่อง..อย่างการสร้างโรงแรมวิปริตผิดประเภทพระเดชพระคุณเลยเห็นเป็น ของงาม-ของแปลก แหวกแนวดี..ไปเสียแล้วจะทำอย่างไรดี?อันนี้ไม่ทราบเจ้าค่ะอิฉันกำลังน้อย คงทำได้แค่หยิบมาบ่นมากล่าวเป็นคราวๆ ไป..เท่านั้นถ้ามีคนสนใจอ่าน..สนใจจะคุยกัน ก็ยังมีแง่มุมบ่นต่อได้อีกหลายเรื่องหลายราวเลยทีเดียวแหละว่าแต่ว่า..จะมีใครสนใจหรือเปล่าน้อ....???หนักไปไหม..สำหรับ blog ของสาวน้อยยี่สิบปลายๆ เช่นนี้....ถามจิ๊งงงง?? อิอิ