วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ
เมื่อวานได้มีโอกาสพาครูบาและกัลยาณมิตรไปร่วมงานสมโภชพระธุตังคเจดีย์ที่วัดอโศการาม ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการพระธุตังคเจดีย์จริงๆ เราก็ไม่ได้เป็นคนพาไปหรอกค่ะ มีผู้เมตตาเป็นคนขับรถพาไปต่างหาก แหะๆพอไปส่งถึงวัดแล้วพี่เค้ามีธุระ เลยกลับไปก่อน แล้วครูบาก็เป็นไกด์ให้พวกเรา ช่วยแนะนำสถานที่ที่เห็นเป็นธงสีส้มประดับรอบเจดีย์นั้น คือสัญลักษณ์แทนพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ เนื่องจากวันรุ่งขึ้น (27 เม.ย. 51) ท่านจะเสด็จเป็นองค์ประธานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมรับฟังพระธรรมเทศนาจากหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน แล้วพวกเราก็ขึ้นไปบนพระธุตังคเจดีย์ เจอหลวงพ่อคูณ สุเมโธ (วัดป่าภูทอง อุดรธานี) พอดี และไฮไลท์ของงานอยู่ตรงที่...พวกเราโชคดีมากๆ เพราะความเมตตาของหลวงตาทอง (เจ้าอาวาสวัดอโศการาม) ได้นำพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุในเจดีย์ ออกมาให้สาธุชนได้ชื่นชมกันอย่างใกล้ชิดพระอาจารย์ชินเป็นผู้บรรยายและส่องไฟให้ชมกันอย่าง upclose and personal เป็นบุญตาจริงๆ เจ้าค่ะงานนี้มีกลุ่มทหารเรือมายืนอารักขาพระบรมสารีริกธาตุอย่างเต็มที่เราชวนคุยเค้าก็ไม่ตอบ ไม่มองหน้าด้วย เสมือนเราเป็นอากาศธาตุไม่มีตัวตนฉันนั้น คือไม่กระพริบตาละสายตาออกจากพระบรมสารีริกธาตุเลย แสดงให้เห็นถึงการถูกฝึกมาอย่างดี แต่พอเรายกมือถือจะถ่ายรูป ก็ขยับตัวออกให้ถ่ายรูปง่ายๆซะงั้นเราได้ทำบุญถวายพลอย 9 สี บูชาพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุด้วยที่เห็นบนพานนี้ คือพระธาตุของพระสีวลี (ถ้าจำไม่ผิด? ถ้าไม่ใช่ ช่วยทักท้วงด้วยค่ะ)ส่วนเม็ดเล็กๆ คือเหล่าพลอยที่สาธุชนร่วมกันถวายบูชาพระธาตุพระธาตุของพระสีวลี ขณะที่เรากำลังชื่นชมพระธาตุอยู่ ก็มีผู้มีจิตศรัทธาถอดแหวนเพชรออกมาบูชาด้วยอนุโมทนาสาธุ แล้วสักพัก พระอาจารย์ก็ประกาศให้สาธุชนพร้อมใจกันตั้งแถวหน้าพระเจดีย์ เพื่อเตรียมพิธีแห่พระบรมสารีริกธาตุเข้าบรรจุในพระธุตังคเจดีย์ส่วนพระ ให้ตั้งแถวที่ลานเจดีย์ชั้น 2ส่วนเรากับเพื่อน ก็แบบว่าติดกับอยู่ที่ชั้น 2 แล้ว ลงไปไม่ได้พระก็เริ่มตั้งแถวกันแล้วก็เลยไหนๆ ก็ไหนๆ นั่งอยู่กันในนี้ละกันสาธุชนนุ่งขาวห่มขาวถือดอกไม้ธูปเทียน มายืนเข้าแถวอยู่ข้างล่างกันเต็มไปหมดไอ้เราก็แต่งชุดไปเที่ยวมา ดอกไม้ก็ไม่มี แต่ทำไมได้อภิสิทธิ์มายืนถ่ายรูปอยู่ที่ชั้น 2 ได้หว่า (ชั้นที่พระสงฆ์มาขืนเข้าแถว) เข้าแถวกันอยู่นานพอควร ก่อนที่เริ่มพิธีแห่พระบรมฯ รอบพระเจดีย์ 3 รอบ โดยมีประธานฝ่ายสงฆ์ (พระญาณวิศิษฐ์ หรือหลวงตาทอง เจ้าอาวาสวัดอโศการาม) และประธานฝ่ายฆราวาส (โฆษกประกาศว่า คือ ผบ.ทร. แต่เราว่าไม่ใช่น้า) ระหว่างที่แห่กัน ฝนก็ส่อเค้าว่าจะตก(โฆษกต้องบอกว่า เทวดาอย่าเพิ่งลงมานะ ให้คนเค้าทำพิธีให้เสร็จก่อน ค่อยลงมาอนุโมทนา )พอแห่ครบ 3 รอบ ก็นำพระบรมสารีริกธาตุ และองค์พระไปเริ่มบรรจุบนยอดพระธุตังคเจดีย์หลวงตาทองท่านปีนขึ้นไปบนยอดเจดีย์ด้วยตัวเองเลย เห็นแล้วหวาดเสียวแทนมิใช่น้อย ระหว่างที่ทยอยส่งพระธาตุและองค์พระเข้าบรรจุในเจดีย์ ก่อนที่จะนำเข้าเจดีย์ พระอาจารย์ชินก็จะยกขึ้นให้สาธุชนข้างล่างอนุโมทนากันเสียงสาธุชนร่วมกันกู่ก้องร้องตะโกน "สาธุๆๆ" ดังกึกก้องไปทั้งสามโลก ^_^รู้สึกปลาบปลื้มปีติที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ (โดยบังเอิญ - รู้สึกตัวเองเหมือน Forrest Gump ยังไงไม่รู้แฮะ ชอบพาตัวเองไปบังเอิญอยู่ในเหตุการณ์สำคัญๆอยู่เรื่อย )ว่าแล้ว เพื่อนก็ชี้ให้ดูเมฆบอกว่า เมฆแปลกดีนะ แตกออกเป็นแฉกๆคนโบราณเค้าเชื่อกันว่า ลักษณะแบบนี้คือพญานาคมาร่วมอนุโมทนาและช่วยบังแดดบังฝน เราฟังแล้วก็เฉยๆนะ ไม่ได้เชื่อหรือไม่เชื่ออะไร ฟังเล่นสนุกๆเหมือนฟังนิทานแต่ก็แปลกที่ตลอดพิธี ฝนไม่ตกสักแอะเลย แต่พอพิธีเสร็จสักพักเท่านั้น ฝนก็ตกลงมาใหญ่เลยพอเสร็จพิธี พวกเราก็เดินไปพระอุโบสถที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เพื่อไปนมัสการสรีระท่านพ่อลีสรีระท่านพ่อลี ผู้ก่อตั้งวัดอโศการามรูปปั้นท่านพ่อลีนมัสการเสร็จแล้วก็ลงมาจากอุโบสถ ครูบาพาชมบริเวณรอบๆ วัดอนุสาวรีย์พระเจ้าอโศกมหาราชจะมีใครสงสัยไหมเนี่ย ว่าทำไมถึงวัดนี้ถึงชื่อวัดอโศการาม และยังมีอนุสาวรีย์พระเจ้าอโศกฯ ด้วย พระอุปคุตพระอุปคุตคือองค์กลาง ส่วนองค์ที่ยืนซ้าย-ขวา เข้าใจว่าคือพระโสณะ กับพระอุตตระ (แอบมีนกมายืนบนเศียรขององค์ทั้ง 2 ด้วย )พอดูนาฬิกา โอ้ 6 โมงกว่าแล้ว มิน่า...หิวจะเป็นลมจึงตระเวนโรงทานหาของกินเป็นการด่วน ปรากฎว่าไม่มีอะไรเลย เรากับเพื่อนก็แบบบ่นๆๆอะไรเนี่ย ใจร้ายจัง โรงทานเยอะแยะ แต่ไม่มีใครทำอะไรให้กินเลย ผ่านไปเจอ ไก่ทอดและอาหารหลายอย่างกำลังเสิร์ฟให้พวกทหารเรือที่มาช่วยงานในวัดโอ้ๆๆ รอดตายแล้วเรา เย้ๆ แต่พอเดินเข้าไปขอ เค้าไม่ให้ แล้วบอกว่า เดี๋ยวให้ทหารกินก่อน โห เศร้าเลย ตระเวนทั่ววัด เดินไปก็กำลังจะเป็นลม เจอโรงทานแห่งเดียวที่ทำอาหารแจก คือโรงทานทอดมันคิวยาวมาก แต่มั่นใจว่าเดินทั่ววัดแล้ว ไม่มีที่อื่นแล้ว เลยต้องยอมต่อคิวรอพอถึงคิวเรา เค้าตักให้ครึ่งถุงแล้วทอดมันก็หมดพอดี (คือเค้าทอดไม่ทัน)แล้วเค้าก็ยื่นถุงมาให้เรา เราไม่รับ แล้วตอบกลับว่า "ขออีกได้ไหมคะ หิวมากกกกกค่ะ"555 คนต่อคิวเยอะแยะ เธอช่างกล้า 555 ก็เลยยืนรอให้ทอดมันล็อตใหม่ทอดเสร็จ แล้วเค้าก็ตักให้เราเพิ่ม ตักให้แบบจนล้นถุงเลย เราต้องร้องบอกว่า "พอแล้วค่ะๆ"เอิ๊กๆๆ นึกย้อนไปแล้วขำตัวเอง ตอนหลังเพื่อนมันนึกได้เลยบอกว่า เค้าใส่ชุดขาว (ถือศีล 8) กันทั้งวัด!!!โถๆๆ มิน่า ไม่มีโรงทานไหนทำอาหารมื้อเย็นแจกเลยระหว่างตระเวนหาอาหารประทังชีพ ก็เจอตัวอะไรอ้วนๆ ใหญ่ๆ กำลังกินหญ้าอยู่เห็นเจ้าตัวพวกนี้ไม่น้อยกว่า 5 ตัว ตัวอะไรหว่า เบ้อเร่อเท่อ ใหญ่กว่าวัวอีก ตื่นเต้นมาก เกิดมาไม่เคยเห็นเพื่อนบอกสงสัยเป็นหมูป่า?พอกินเจ้าทอดมันเต็มถุงจนหมดอย่างอิ่มเอมรอดตาย ก็มืดพอดีพระธุตังคเจดีย์ยามค่ำคืนก่อนจะกลับ พวกเราก็เลยไปทำบุญซื้อดอกไม้ธูปเทียน เพื่อไปเวียนเทียนรอบพระธุตังคเจดีย์เพื่อนเลือกดอกบัว ส่วนเราเลือกพวงมาลัยพอเวียนเทียนเสร็จ เราก็เลยนำพวงมาลัยไปคล้องกับอุบะ (?) (เค้าเรียกว่าอะไรไม่รู้อะ) ที่อยู่หน้าประตูพระเจดีย์ชั้น 2และทริปก็สิ้นสุดลง ณ ที่นี้ ด้วยประการฉะนี้ เอวังป.ล. ต้องขอบคุณกล้องถ่ายรูปมือถือมา ณ ที่นี้ ถ่ายรูปออกมาได้แค่นี้แหละค่ะ ไม่สวยมาก แต่เอาว่าได้เนื้อหาสาระแล้วกัน ^_^////////////////////////////////////////////คงจะมีหลายคน (รวมทั้งตัวเราด้วย) สงสัยว่า พระธุตังคเจดีย์แปลว่าอะไรสอบถามผู้รู้ในทริปนี้เอง จึงได้ทราบว่า "ธุตังค" มาจากคำว่า "ธุดงค์" หรือ "ธุดงควัตร 13" นั่นเองเราก็ร้องอ๋อเลย เพราะว่ารู้จักเป็นอย่างดีใครอยากทราบว่าธุดงควัตร 13 มีอะไรบ้าง ก็ google หาเอาได้เลยเน้อ