Welcome to Duxky Cafe!
Group Blog
 
All blogs
 

Best French Cuisine in BKK I ever had *Le Beaulieu*

Le Beaulieu เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสในใจร้านนึง ที่ไปทานเมื่อไหร่ก็ไม่เบื่อ และทำให้ประทับใจได้ทุก menu รวมไปถึงการบริการเลยค่ะ



อร่อยตั้งแต่ขนมปังที่มา Serve พร้อม Balsamic Oil ที่ไม่เหมือนใคร แทบจะอิ่มขนมปังก่อน Main Dish ทุกครั้งไป



วันนั้นไปทานกัน 4 คนก็เลยมี Main Dish คนละอย่างค่ะ

*Seabass*



*Australian Beef*



*Pigeon*


*Lamb*


ปิดท้ายเกือบจะไม่ไหวด้วย *Crepe Suzette*


Menu ของที่นี่มีทั้ง Business Set Lunch, Executive Set Lunch แล้วก็ A La Carte ซึ่ง Set Lunch นั้น Chef เจ้าของร้านจะเปลี่ยน Menu ไปทุกเดือนค่ะ ตั้งแต่ทานมา ยังไม่มีเดือนไหน ไม่ประทับใจเลยค่ะ ต้องแวะเวียนกลับไปอีกบ่อยๆ :)
อ้อ ที่ลืมถ่ายรูปมาอีกเมนูนึง เพราะพนักงาน Serve ปุ๊ปก็รีบจ้วงกันทันทีก็คือ Scallop Salad เป็นอะไรที่ตัวใหญ่ฟึ่มและสดมากกกกกก A must to order ค่ะ

Website ของร้านค่ะ : //www.le-beaulieu.com/restaurant-french-herve-frerard-le_beaulieu.html






 

Create Date : 30 มิถุนายน 2552    
Last Update : 1 กรกฎาคม 2552 18:55:27 น.
Counter : 956 Pageviews.  

French Cuisine @ Bonjour!!!

ในที่สุดก็ได้ไปร้าน Bonjour เพราะอยากลิ้มรสอาหารฝรั่งเศสหร่อยๆ
และก็ไม่ผิดหวังเลยอดเอาภาพมาฝากบรรดา Gourmet ทั้งหลายไม่ได้ค่ะ

ความจริง ทางร้านมี Set Lunch Menu ให้เลือก 2 แบบคือ
แบบ 2 Course และ แบบ 3 Course ตามนี้ค่ะ





แต่เนื่องจากว่าอยากลองทานเนื้อ และอย่างอื่นมากกว่า ก็เลยสั่งจาก Menu A la carte ซึ่ง ราคาค่อนข้างสูงหน่อย แต่เมื่อได้ทานแล้ว ไม่เสียดายเลยเพราะ ประทับใจตั้งแต่ "Bonjour Punch"ที่หวานอมเปรี้ยวและปั่นกับน้ำแข็งเป็นเกล็ดๆ ได้ใจมากกกกก



ส่วนขนมปัง Mini Baguette ทางร้านบอกว่า เป็นแป้งที่สั่งตรงมาจากฝรั่งเศส แล้วมาจางคนทำให้เป็นพิเศษ มันกรอบนอก นุ่มใน ไม่อยากหยุดทานเลยทีเดียว ส่วนเนยก็ส่งตรงมาจากฝรั่งเศส มิน่า มันถึงนุ่มละมุนได้ขนาดนั้น




อุปกรณ์การทานก็สวยงาม เหมาะมือ ไม่หนักเกินไป



จานแรกทางร้าน Serve complimentary entree มาให้เป็น Risotto กุ้ง โอยยย มันช่างกลมกล่อม มัน ได้ที่เมื่อรวมกับกุ้งที่มีรสหวาน เป็น 1 คำแรกที่เรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียว




เราได้สั่ง Appetizer มาลองด้วย นั่นก็คือ Frog's Leg ซึงทำออกมาได้ดีทีเดียว เพราะไม่สุกมากเกินไป ทำให้ไม่เหนียว เนื้อกำลังทานพอดี และไม่เลี่ยนด้วยค่ะ



ส่วน Main dish เราสั่งไป 2 อย่างเพราะไปกันสองคนค่ะ
จานแรกเป็น Veal เนื้อลูกวัวที่มีความนุ่มละมุน ติดมันหน่อยๆและไม่มีความเหนียวเลยสักนิด ตอนที่สั่ง ทาง Manager ของร้านแนะนำให้ทำเนื้อสุกปานกลาง เค๊าบอกประมาณ Pink Meat ซึ่งมันก็ออกมา Perfect กำลังทานจริงๆ หากใครเป็น Meat lover จานนี้เป็น Most recommended ค่ะ
จานนี้เค๊า Serve พร้อมถั่วผัด Bacon แก้เลี่ยนมาด้วย



ส่วนอีกจานเป็น Duck's Breast ซึ่งเค๊าทำออกมารสชาดดีค่ะ แต่สุกไปนิดนึง ทำให้เนื้อแห้งไปหน่อย แต่ก็ ok ถือว่ารับได้ค่ะ หากจะสั่ง แนะนำให้ย้ำทางร้านถึงความสุกของเนื้ออกเป็ดก็จะดีค่ะ



เราสั่งของหวานปิดท้าย ซึ่งมันเป็น Raspberry Macaroon & Pistachio Ice Cream มันช่างกลมกล่อม เมื่อความหวานของ Macaroon มาเจอกับความเปรี้ยวของ Raspberry และความมันของ Pistachio Ice Cream




ซึ่งอันที่จริงก็ค่อนข้างอิ่มได้ที่แล้ว แต่ Manager ใจดี He ให้พนักงานมา Serve Complimentary dessert อีกจานค่ะ



สรุปมื้อนี้อิ่มอร่อยมากมาย เสียหายไป 5 พันนิดๆ แต่ถือว่าคุ้มค่าสำหรับไปทานในโอกาสพิเศษๆค่ะ
ร้าน Bonjour อยู่ถนนสุขุมวิท ระหว่างซอย 59 และ 61 ด้านหลัง Fullerton
และก่อนถึง Major ถ้ามาจากทางทองหล่อค่ะ
Tel: 02-714-2477
website ของร้านค่ะ //www.bonjourbangkok.com/




 

Create Date : 13 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 30 มิถุนายน 2552 8:20:40 น.
Counter : 1878 Pageviews.  

Osaka Cuisine @ Nanohana

ได้ไปลองทานอาหารญี่ปุ่นที่ร้าน Nanohana ที่เป็น Osaka Cuisine มาค่ะ เห็นว่ามี 2 สาขา แต่ไปที่่ J-Avenue มา อีกที่คือ ธนิยะ พลาซ่า
วันนั้นไปทานมื้อกลางวัย ซึ่งแกติจะมีเป็น Set Lunch แต่อยากลองอาหารเต็มพิกัด เลยสั่งเป็น Dinner Course ซึ่งอาหารใน Course จะทยอย Serve มาให้ทาน เริ่มจาก เต้าหู้ถั่วแระซึ่งหอมและมัน, Mouse หน่อไม้กับสาหร่ายนุ่มละมุน, Sushi, Tempura, Beef Salad (อันนี้ที่จริงเป็นหมู แต่ขอเปลี่ยนเป็นเนื้อแทน ทางร้านก็สามารถจัดให้ได้) ตามมาด้วย Soup และ ข้าวคลุกบ๊วยญี่ปุ่น ปิดท้ายด้วย Sakura Mouse (รสชาดคล้าย Panna Cotta มากกว่า Mouse) และกาแฟในถ้วยน่ารัก ถือว่าเป็น Course ที่อิ่มกำลังดีในราคา Bht1,200 ส่วน Side dish ได้สั่ง Tongue Stew อันนี้ Serve มาบนหม้อไฟร้อนเล็กๆขนาดกำลังทาน (Bht200) , Uni Nigiri (2 คำ =Bht600) และ Duck's breast Udon Set (รวมข้าวหน้าปลาข้าวสาร = Bht230) มาทานกัน ถือว่าเป็นมื้อที่คุ้มค่าทีเดียว สำหรับ 2 คนกำลังอิ่มพอดีค่ะ

สาขา J-Avenue ทองหล่อ Tel: 02-712-9462 - 3
สาขา ธนิยะ Tel: 02-231-2327



























 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 13 พฤษภาคม 2552 8:10:34 น.
Counter : 1213 Pageviews.  

ไปกินมาที่ Hanoi

เนื่องจากไม่เคยไปเวียดนาม มีโอกาสเลยพาแม่กะน้องไปตะลุยฮานอยกัน 4 วัน 3 คืน
กะว่าคงมีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจ
แต่เมื่อไปถึงก็ต้องตะลึงกับวัฒนธรรมการใช้ถนนของคนเวียดนามอย่างมาก
เพราะทั้งคน*จักรยาน*มอเตอร์ไซค์*รถเข็น*รถยนต์ ทุกอย่างใช้ร่วมกันอย่าง "ข้าจะไปใครอย่างขวาง"
พี่แกไม่กลัวชน และไม่กลัวตาย ขับรถไปบีบแตรไปตลอดทาง คือเค๊าไม่ค่อยจะเบรคกัน ใช้บีบแตรแล้วหักหลบ
เมื่อถึงสี่แยก อุแม่เจ้า เค๊า Converse กันมากๆ ทางใครทางมันฉันจะไป ไม่สนใจ เพราะไม่มีใครสนใคร แต่เค๊าสุดยอดมากเพราะมั่วยังไงก็ไม่มีชนกัน 55555 เดินกันไปมาวันแรก ก็ทำให้ได้รู้ว่าเราคงไม่ได้ SHop อะไรกันแน่ๆ เพราะบ้านเรา Civilized กว่าเค๊าเยอะมากกกกกกก
เลยตัดสินใจว่าเราจะกินแหลกเพื่อใช้เงิน Dong ให้หมด เพราะไม่รู้จะเอาไปซื้อของอะไร!

ที่ประทับที่สุดก็คงจะเป็นของกินนี่แหละค่ะ
โดยเฉพาะ SeaFood ลองดูรูปกันนะคะ
หากใครจะ (หลวมตัว) ไป Hanoi ก็ขอให้ไป 2 ร้านนี้ค่ะ
เป็น Most Recommended
1. Hai San Sam Son
2. Au Lac House Restaurant
(ร้านนี้มี 2 Version เป็น Cafe อยู่แถวๆ Sofitel Metropole Hotel ส่วน Restaurant อยู่ห่างออกมาหน่อย)













ขอบอกว่า เจ้ากุ้ง Lobster ตัวนี้ มันสุดยอดมากกกเลย
เค๊าเอามาให้ดูสดๆ ตัวนี้น้ำหนัก 1.5 กิโล กินกัน 3 แม่*ลูก อิ่มมาก ตัวนี้ประมาณ ล้านกว่า Dong ก็เท่ากับ 3 พันกว่าบาท แต่ว่ามันคุ้มค่าจริงๆ เพราะมันสด แบบเต้นดุ๊กดิ๊กๆๆ











ส่วนเจ้าปูไข่นึ่งนี่ก็ สุดๆ เพราะมัน+ไข่นั้นทะลักทะลาย เนื้อปูก็แน่น หวาน หร่อยยยยยยย


เจ้ากุ้ง Lobster ตัวโตนั่นแหละ ที่เค๊าเอาไปนึ่งกับมะนาว เนื้อมันหวาน กรอบ เหนียว เด้ง แบบ โอยยย สุดจะบรรยาย
เนื้อมันแทรกอยู่ทุกอณู แม้แต่ก้ามทุกก้ามก็มีเนื้อเป็นก้อนๆทั้งสิ้น อยากให้ได้ลิ้มลิงกัน เพราะ อาหารทะเลเค๊าสดจิงๆค่ะ











เนื่องจากไม่ได้ห้องพักที่ Sofitel Metropole Hotel ก็เลยต้องขอไปเหยียบซักหน่อย ด้วยการไปทาน Sunday Brunch ที่นั่น
ปรากฏว่ามันตรงกับวัน Easter พอดี ห้องที่ต้องการจะไปทานดันเต็มซะนี่ เค๊าก็เลยแนะนำให้ไปทานอีกห้องนึง เป็น Buffet เหมือนกันชื่อ Spices Garden
ก็คล้ายๆกับ Sunday Brunch ตามโรงแรม 5 ดาวบ้านเรา แต่ดูเหมือนว่า ของบ้านเราจะเด็ดกว่า และเยอะกว่ามาก ในราคาคนละประมาณ US$30 นี่ก็ถือว่า
คุณภาพสู้บ้านเราไม่ได้ แต่ก็ยังดีที่มี Foie Gras (ตับห่าน)ให้ทาน










ร้าน Au Lac House เป็น Vietnamese Cuisine ที่ได้รับความนิยม
ในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติมาก ร้านตกแต่งสวยมาก นั่งสบาย บริการดี พูดภาษาอังกฤษได้






อันนี้มันคล้ายๆข้าวเกรียบปากหม้อเลยค่ะ แป้งนุ๊มนุ่ม ข้างในเป็นใส้กุ้งป่นๆ อร่อยดี





กุ้งย่างเกลือนี่ก็เด็ดค่ะ ถึงแม้จะย่างสุกไปหน่อย แต่ด้วยความสด มันทั้งหวานและกรอบค่ะ











 

Create Date : 15 เมษายน 2550    
Last Update : 15 เมษายน 2550 19:03:19 น.
Counter : 1563 Pageviews.  

ตะลุยกินที่ Kowloon, Hongkong

มีเวลาได้ลาพักร้อนตรงกันกะน้องแค่ 2 วัน ก็เลยถือโอกาสพาคุณแม่ไป กิน+shop ที่ Hongkong กัน 3 คืน 4 วัน หลังจากที่ไม่ได้ไปเหยียบมานานเป็นเวลามากกว่า 10 ปี พบว่าอาหารอร่อยมากกกกก จนต้องเก็บภาพมาแบ่งให้บรรดาเพื่อนๆนักกินทั้งหลาย น้ำลายหกกันเล่นค่ะ...

พอไปถึง หลังจาก check in ก็พาแม่ตะลุยกินรอบค่ำก่อนเลย เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวต่างๆ+เป็ดย่าง เดินไปทางถนน Nathan Road ด้านหลัง Holiday Inn Hotel ใกล้ๆ Mody Road




*เป็ดย่างเนื้อหนา นุ่ม*


*เกี๊ยวกุ้งน้ำ*แบบว่ากุ้งเต็มปากเต็มคำมากค่ะ






ส่วนร้านนี้เป็นร้นที่ต้องขอบอกว่า สุดยอดดด แห่งเส้นก๋วยเตี๋ยว



เพราะมันเป็นเส้นกลมขาว เหนียวหนุบหนับ
คล้ายเส้นขนมจีนไหหลำ แต่ความเหนียวมันเหมือนลอดช่องสิงค์โปร์อะคะ แบบว่า ไม่อยากกินเป็ด อยากกินแต่เส้น!!!




ส่วนอันนี้เป็นขนม Mochi เหมือนของญี่ปุ่น แต่ใส้เป็นครีมรสต่างๆเช่น Chocolate, Mocha, Green Tea, เกาลัก เป็นต้น แต่ปลื้มใส้ Chocolate มากๆค่ะ ไม่หวานมาก แป้ง Mochi ก็ยืด เหนียม นุ่ม อันเดียวไม่พอค่ะ เป็นของร้าน Chinese GoGo เห็นว่ามีหลายสาขา




คืนที่ 2 เราอยากจะทานอาหาร Seafood กันมากเนื่องจากว่าเราพักที่ Marcopolo Hongkong, Harbour City ก็เลยโชคดีเพราะมีร้านให้เลือกเยอะมาก
ได้เข้าไปเดินในตึกนึง แต่ดันจำชื่อตึกไม่ได้อะค่ะ อยู่ตรงข้าม ร้าน Prada ของ Harbour City ชั้น 3 หรือ 4เนี่ยแหละชื่อ Ho Choi Group Restaurant

ของเค๊าสดและดีจริงๆค่ะ เพราะมีตู้ กุ้ง หอย ปู เป็นๆให้เลือกชี้ได้เลย
คนทานเยอะมาก ต้องจอง และรอคิวประมาณ 45-60 นาที!!! เพราะเนื้อที่ในร้านเค๊าแบ่งจัดงานเลี้ยงแต่งงานด้วยท่าทาง Hot มากๆเพราะติดใจ ไปทาน 2 วัน คนก็แน่นตลอดค่ะ ร้านนี้ต้องยกให้เป็นร้านในดวงใจ 5 ดาวของ Trip นี้เลยค่ะ




กุ้งลายเสือตัวโต ตักจากตู้เป็นๆ นำไปทอดกับเครื่องปรุงที่เข้มข้น เนื้อกรอบเด้ง อร่อยมาก


ส่วนออเดิฟเย็นก็เป็น แมงกะพรุนน้ำมันงา+หูหมูแก้ว อร่อยอีกเช่นกัน



ส่วนเมนูที่ภูมิใจนำเสนอมากกกกก ก็นี่เลยค่ะ "ปูเซี่ยงไฮ้"


เป็นปูตัวโตมาก สีขาว นำไปนึ่งกับเหล้าจีน
ขอบอกว่า รสชาดคุ้มราคาจิงๆ


เราก็อดไม่ได้ที่จะสั่งบะหมี่มาทานด้วย เพราะน้ำของปูนึ่งมันหวานอร่อยแถมมีความหอมของเหล้าจีน ช่างเข้ากั๊น เข้ากัน ปรากฏว่าบะหมี่หน้าตาธรรมดาๆจานนี้ รสชาดมันไม่ธรรมดาเลยค่ะ เพราะมันเหนียว หนึบ กรุบ แบบว่า เกิดมาเพิ่งเคยทานบะหมี่ที่อร่อยขนาดนี้ ลืมไม่ลงเลยค่ะ


และที่ต้องสั่ง และพลากไม่ได้ก็ต้องนี่ค่ะ

ขาห่านเป๋าฮื้อ ค่ะท่านผู้ชมมมมม มันเจ้มจ้นจนใจจะละลาย...

อ้อ ลืมบอกไป เนื่องจากว่าเราไม่ได้ Hongkongมานานมาก เลยต้องพกคู่มือไปด้วย เพื่อนๆเลยแนะนำว่าให้เอาหนังสือตะลุย hongkong ของคุณพลอย จริยะเวช ไปด้วย ไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ เพราะได้ไปทานร้านนี้ค่ะ ชื่อร้าน "Water Gin" อยู่ที่ Times Square เป็น Chinese Fusion Food ที่ร้านสวยมาก และอาหารก็อร่อยเช่นกัน




เค๊ามีเมนูเป็น Set ด้วยแล้วก็ A la carte ด้วย เลยลองทั้ง 2 อย่างค่ะ

ที่ชอบมากๆก็นี่ค่ะ น้องหอยอบซอสจานนี้ อวบอิ่มและเด้งดึ๋ง อร่อยมากกกก...>



และที่อวบ กรอบ เด้งไม่แพ้กันก็นี่ค่ะ กุ้งผัดใบชาอู่หลง



ส่วนอาหาร Set ก็มีดังนี้ค่ะ


เป็ดปักกิ่ง


เปาะเปี๊ยะทอดใส้เต้าหู้+ผักต่างๆ









ต่อไปเป็นมื้อที่เราอยากทานอาหารจีน ก็ไม่รู้จะเดินไปไหรเพราะเมื่ยมาก เลยทานที่ร้าอาหารจีนในโรงแรมค่ะ
จำชื่อไม่ได้ แต่เนื่องจากว่ารสชาดอาหารค่อนข้างหวานมาก เป็นแบบที่ท่าทางคน Local ชอบเพราะคนทานเยอะมาก แต่เราไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ แต่สำหรับคนชอบทานรสหวานน่าจะชอบค่ะ












และอีกร้านที่ได้ไปทานตามที่คุณพลอย จริยะเวช เขียนแนะนำไว้ก็เป็น Dim Sum รสเริ่ดดดดดด
อยู่ใน Kowloon Hotel, Nathan Rd. ชื่อร้าน Middle Row ค่ะ ขอบอกว่า ถ้าใครชอบทาน Dim Sum a must to go ค่ะ!!!





อันนี้โปรดมากกกกก เปาะเปี๊ยะทอด แป้งบางใส้กุ้งกรอบ+ลูก Peach!!! ถูกต้องค่ะ Peach ค่ะมันช่างหวานกำลังลงตัวพอดี...สุดจะบรรยายค่ะ


นี่เป็นก๋วยเตี๋ยวหลอดเปล่าๆแต่นำไปผัดกับซ้อส+พริกแห้งเค็มๆ หวานๆ เผ็ดๆนิดๆ ลงตัวดีค่ะ

ส่วนประเภทฮะเก๋า ก็อร่อยเต็มปาก เต็มคำ กุ้งกร๊อบ กรอบค่ะ









ข้าวเหนียวห่อใบบัว คล้ายบ๊ะจ่างนี่ อร่อยมากเลยค่ะ




และที่ชอบมากๆก็คือ Rose Tea ค่ะ เค๊ามาชงให้สดๆตรงหน้า ความหอมของกุหลาบ มันเข้ากับชาอย่างสุดโต่ง...







และวันสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องกลับ เราก็กลับไปที่ร้าน Ho Choi เพื่อทานบหะหมี่อีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นบะหมี่กรอบ ราดหน้าเป๋าฮื้อ ที่ไม่หวงเครื่องเพราะเป๋าฮื้อชิ้นหนาและเยอะมาก ส่วนซุปหูฉลามก็เข้มข้นดีจริงๆค่ะ เด็ดมากกกกกกก คุ้มค่าจริงๆ





เป็นอันว่า Trip นี่เรา 3 คนแม่-ลูก อิ่มอก อิ่มใจ อิ่มท้อง อ้วนกลมกลับมาตามๆกัน แต่ก็ยอมมมมมมมม




 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2550 21:14:07 น.
Counter : 3348 Pageviews.  

1  2  3  

duxky
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Welcome to *Duxky's World*
Friends' blogs
[Add duxky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.