โดย หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
"...อย่างเวลาที่เราต้องสัมผัส
ต้องสัมพันธ์กับโลกกับคนอื่น
จิตมันจะปรุงความเมตตาขึ้นมา
ปรุงเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
มันปรุงขึ้นมาใช้งานนะ
พอใช้งานเสร็จ เลิก อยู่ของเราลำพังเนี่ย
มันตัดความปรุงแต่งพวกนี้ทิ้งไปเลย
มันไม่มาห่วงใยอาลัยอาวรผู้ใดผู้หนึ่งเลย
ซักนิดเดียวก็ไม่มีนะ
อย่างพวกเราผูกพันกับครูบาอาจารย์
ครูบาอาจารย์ไม่ผูกพันกับเราหรอก
หลวงพ่อเคยไปเห็นองค์นึงนะ คือหลวงปู่ดูลย์
หลวงปู่ดูลย์เนี่ยเวลาแสดงธรรมะนะ จะนุ่มนวล อ่อนโยน
โอ๋ยแทบจะเอาเราใส่ตระกร้าเลยนะ ทะนุถนอม
แต่พอท่านแสดงธรรมเสร็จแล้ว ถามเราว่าเข้าใจไหม
เราก็จะบอกยังไม่เข้าใจจะขอไปลองก่อน
หรือบางตอนไหนเข้าใจก็บอกว่าเข้าใจ
ล้มก้มลงกราบท่านนะ พอเงยหน้าขึ้นมา
เราพบคนอีกคนนึงที่ไม่รู้จักแล้ว
คนแก่ที่นุ่มนวลใจดีคนนั้นหายไป อัตโนมัติเลย
กลายเป็นคนคนใหม่ที่เราไม่สัมผัส
สัมผัสไม่ได้ แตะต้องไม่ได้
งั้นสภาวะของครูบาอาจารย์ที่ท่านภาวนาดีแล้ว
ท่านไม่ได้มาผูกพันอะไรกับใครเลยซักคนเดียว ไม่มีหรอก
ถ้ายังต้องสัมผัสอยู่ ก็เมตตากรุณา อะไรก็เมตตาอย่างนั้นแหละ
เป็นสภาวะที่เราตามร่องรอยได้ยากที่สุด
ที่ท่านเทียบบอกเหมือนรอยเท้านกในอากาศ
นกเหยียบอากาศไว้นะ แล้วรอยเท้าอยู่ตรงไหน
รอยเท้านกในอากาศ มันตามร่องรอยไม่ได้..."
โดยพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช
จากพระธรรมเทศนา ณ สวนสันติธรรม
วันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๐(๑) นาทีที่ 15.21
เว็บไซต์หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช
//www.wimutti.net
เราผูกพันกับครูบาอาจารย์ แต่ครูบาอาจารย์ไม่ผูกพันกับเรา
https://dhammaway.wordpress.com/2012/...
.