อาทิตย์(๑)

เกิดเป็นคน มีแผ่นดิน รองรับตน

เลือดอกแม่ หลั่งขุ่นข้น ให้กินดื่ม

คือคำสัตย์ สาบาน เจ้าห้ามลืม

จงแทนคุณ ที่หยิบยืม ชีวิตมา

พ่อแม่ ทะนุถนอม และกล่อมเกลี้ยง

รักและเลี้ยง จนเติบใหญ่ ใจเก่งกล้า

หน่วยก้านดี จึงไปฝาก กับหลวงตา

หวังได้ดี มีวิชา กว่าผู้ใด

แม้จะอยู่ ท้ายกุฏิ มิเขินขวย

ด้วยหลวงตา สอนหมัดมวย จนหมดไส้

เป็นศิษย์เอก สุดที่รัก กว่าใครใคร

ไปที่ไหน ผู้ใด ก็เกรงกลัว

ท่านจึงส่ง ให้ไปอยู่ กับท่านขุน

ฝากเจือจุน อุดหนุน ให้ถ้วนทั่ว

อยู่ไม่นาน เกิดศึก คนนึกกลัว

ศัตรูชั่ว หมายย่ำเมือง ให้เคืองใจ

จึงอาสา ทัพหน้า กับนายตน

เมื่อผ่านพ้น การศึก ให้ผ่องใส

เหตุได้ช่วย ท่านขุน ยามพลั้งไป

รอดชีวิต มาได้ มีบุญคุณ

ท่านขุนจึง ส่งให้ ไปศึกษา

กับขรัวตา วัดในป่า ให้เกื้อหนุน

พิชัยสงคราม จำแน่นหนัก ด้วยการุณย์

ฝึกฝนยุทธ์ จนท่านขุน เรียกตัวคืน

บัดนั้น บ้านเมือง เริ่มลำบาก

ข้าวหายาก หมากก็แพง คนขมขื่น

พวกผู้ชาย ถูกเกณฑ์ทัพ ไม่กลับคืน

พรากจากกัน ไม่อาจฝืน ต้องทำใจ

จึงไปลา พ่อแม่ ที่แก่เฒ่า

ลูกนี้เล่า ต้องไปทัพ กลับไม่ได้

บุญคุณท่าน ขอลูกแทน ชาติต่อไป

ชาตินี้ไซร้ ลูกต้องแทน คุณแผ่นดิน

แม่จึงบอก “ลูกเอ๋ยเจ้าลูกชาย

อันสงคราม เจ็บและตาย หาจบสิ้น

ที่แม่หลั่ง เลือดในอก ให้เจ้ากิน

เพราะวันนี้ เพื่อแผ่นดิน จงพลีกาย”

แล้วไปหา หลวงตา ผู้สอนสั่ง

ท่านจับนั่ง สักยันต์ น้ำมันหาย

พ่นน้ำมนต์ เป่ากัน พยันตราย

ดูลัคนา เสี่ยงทาย เขียนกระดาน

“ภายภาคหน้า เจ้าจะเป็น หัตถ์ขุนศึก

เรี่ยวแรงดุจ โคถึก คึกช้างสาร

อีกปัญญา กลศึก ก็เชี่ยวชาญ

อันศัตรู หมู่มาร ปานฝุ่นไร

ด้วยเหตุนี้ เจ้าจะเหี้ยม ผิดมนุษย์

อย่าลืมธรรม อันพิสุทธิ์ ท่องจำไว้

นั่นชีวิต นี่ชีวิต ของใครใคร

เจ้าพร้อมตาย เขาไม่พร้อม ยอมจำนน”

ออกเดินเท้า กับกองทัพ ไปออกรบ

อันศาสตร์ยุทธ์ เจนจบ อย่างเปี่ยมล้น

ถึงยามจริง เจ้ากล้าหาญ กว่าทุกคน

มือกำดาบ วิ่งฉะชน กับศัตรู.




Create Date : 28 พฤษภาคม 2555
Last Update : 28 พฤษภาคม 2555 10:55:18 น.
Counter : 424 Pageviews.

0 comment
แม่นางจันทร์ร่วมราหู(๒๘)
ด้วยแรงบุญ หนุนกรรม จำแน่นหนัก
จึงเคลื่อนจิต ด้วยแรงรัก ปฏิสนธิ์
ครรภ์ของแม่ ปกป้อง เกิดเป็นคน
ศักดิ์ท่านพ่อ เปี่ยมล้น ดั่งฝนเย็น

บุตรีน้อย กลอยสวาท บาดดวงจิต
หลวงลุงท่าน มีนิมิต ผิดใครเห็น
ท่านพ่อจึง ส่งลูกน้อย แม่เนื้อเย็น
ให้ไปเป็น นักเรียนฝรั่ง อยู่ต่างแดน

จนสิ้นบุญ ร่มโพธิ์ จึงจำกลับ
ก่อนท่านพ่อ ลาลับ ยังห่วงแหน
สั่งพี่ชาย ของเจ้า อย่าดูแคลน
ให้รักน้อง ที่เมืองแมน เช่นครรภ์เดียว

ด้วยเติบโต เช่นฝรั่ง ในต่างถิ่น
ทั้งอยู่กิน ไม่คุ้น จึงฉุนเฉียว
เจ้าชื่นชอบ เต้นรำ เพียงท่าเดียว
พี่ชายต้อง พาเที่ยว ไปฝากตัว

กระทั่งท่าน ผู้ใหญ่ ได้เรียกพบ
เจ้าเจนจบ เชื้อดี ไม่มีชั่ว
เลือดยังข้น แม้ภายนอก จะหมองมัว
เจ้ารับคำ แม้หวาดกลัว สิ้นชีวี

ได้ทำงาน เป็นครู สอนภาษา
คือฉากหน้า บังตา ตามวิถี
เบื้องหลังเจ้า คือเป็นเงา แบบสตรี
แทรกซึมตาม ฝรั่งที่มี ทั่วทั้งแดน

เจ้างดงาม ดั่งหญิง ผู้สูงศักดิ์
เฉลียวฉลาด เปรื่องปราดนัก จนสุดแสน
พวกฝรั่ง คิดฉกฉวย ประเทศแทน
เจ้าจึงบ่ม ความแค้น ฝังใจตน

ใช้เรือนร่าง และยศถา บิดาท่าน
มารยาเจ้า ร้อนพัน ในทุกหน
เจ้าหาข่าว ให้สยาม รู้ทันตน
เจ้ามีเพียง ใจเปี่ยมล้น แก่แผ่นดิน

กายเจ้า สกปรก ชื่อเหม็นโฉ่
ภายนอกโก้ แต่หลับหลัง คนติฉิน
เจ้าเจ็บปวด อับอาย เป็นอาจินต์
แว่วได้ยิน เขาเรียกเจ้า สาวงามเมือง

เจ้ามีเพียง พี่ชาย ต่างมารดา
ผู้รู้เห็น กับตา ในทุกเรื่อง
เจ้าแอบรัก ตัวเขา มานานเนือง
แต่พี่น้อง ห้ามทำเรื่อง น่าละอาย

เขาแต่งงาน กับผู้หญิง หม่อมแม่เลือก
เจ้าถูกไล่ ไสเสือก ในตอนท้าย
เมียพี่เจ้า เจ้าของเรือน ผู้เป็นนาย
ปลูกเรือนหวาย ให้เจ้าอยู่ เพียงผู้เดียว

หัวใจเจ้า ชอกช้ำ ระกำจิต
เจ้าเลิกคิด เรื่องรัก จึงท่องเที่ยว
อุทิศตน เพื่อชาติ เพียงอย่างเดียว
กายซีดเซียว โหมใช้งาน ปานอยากตาย

แล้ววันหนึ่ง เมื่อดวงดาว ได้ลอยเคลื่อน
หลวงลุงเจ้า ไม่แชเชือน กระดานไขว้
ให้คนตาม ที่รักเจ้า คือพี่ชาย
ให้ห้ามเจ้า อันตราย จะคลายคลา

แต่มนุษย์ เมื่อแรงกรรม หนุนนำส่ง
พี่ชายเจ้า ไม่อาจปลง เชื่อคำว่า
เจ้าจึงถูก จับไป ไกลสุดตา
จองจำ พันธนา ด้วยโซ่ตรวน

คมมีด กรีดร่าง เป็นชิ้นชิ้น
ทรมาน ยุพิน ร้องโหยหวน
พี่ชายขา อยู่ไหน เจ้าคร่ำครวญ
กระทั่งมีด กรีดล้วน ที่ต้นคอ

เจ้าไม่ตาย แต่หายใจ ได้ร่อแร่
เห็นพวกมัน แน่แท้ ที่หัวร่อ
หนึ่งในนั้น เมียพี่เจ้า เป็นต้นตอ
เจ้าไม่คิด ร้องขอ แก่สิ่งใด

ร่างถูกถ่วง ด้วยลูกตุ้ม คุ้มข้าทาส
ตะกร้อสาด ดอกตะปู เป็นคู่ไว้
เขาจับเจ้า ทิ้งลงบึง จึงพอใจ
ไม่ทันเห็น พี่ชาย ที่มาเจอ

สำนึกท้าย ในการตาย คลายสาหัส
อโหสิ แน่ชัด ไม่พร่ำเพ้อ
"ฉันขอเพียง เกิดชาติหน้า ได้พบเธอ
ได้รักเธอ เธอไม่รัก ไม่เป็นไร"

ดวงจิต หลุดลอย ออกจากร่าง
สุกสว่าง เห็นทาง อันสดใส
จิตเจ้าสูง ละล่อง ทองอาบใจ
อิ่มเอม เปรมดิ์ไล้ ผ่องใสจริง

กระทั่ง วันหนึ่ง ซึ่งนานนับ
รู้สึก คุ้นคุ้นกับ ในบางสิ่ง
มองลงไป เบื้องล่าง เคยพักพิง
สัมภเวสี แย่งชิง กายในครรภ์

เจ้ารู้แจ้ง บัดนั้น คือกายเจ้า
พุ่งตรงเอา ที่หมาย ไปที่มั่น
ดวงจิต สวมใส่ กายในครรภ์
เคลื่อนมาแล้ว "ชีวิตฉัน อีกครั้งนึง"










Create Date : 28 พฤษภาคม 2555
Last Update : 28 พฤษภาคม 2555 10:07:09 น.
Counter : 968 Pageviews.

1 comment
ดั้นด้นดิ้นรนไม่สิ้นสุด
...



ดั้นด้น ดิ้นรน ไม่สิ้นสุด
ลมหายใจ แทบหยุด ยังยั้งฝืน
สิ้นเรี่ยว หมดแรง ไม่อาจยืน
กล้ำกลืน รวดร้าว คราวจำเป็น

อยากตาย ยังไม่ ได้โอกาส
ก้าวพลาด ลงหลุม อยู่เห็นเห็น
แต่เพียง แหงนเงย ในมืดเย็น
เลือดสาด กระเซ็น เป็นหมู่ดาว

บอกตน ต้องสู้ แม้รู้สิ้น
น้ำตา หลั่งริน กายเหน็บหนาว
โอบกอด ตนเอง ในทุกคราว
ดวงดาว แวววาว ในดวงตา

ราวใจ ถูกฉีก เป็นชิ้นชิ้น
นกแร้ง จิกกิน อย่างคลั่งบ้า
ทำร้าย ทำลาย หมดศรัทธา
ปัญญา มืดดับ ลับคล้ายเดือน

ราตรี มีเพียง หยดน้ำค้าง
อาบร่าง แทรกซึม ไม่อาจเอื้อน
ดั่งน้ำกรด ชโลมกาย ใคร่แชเชือน
กัดเซาะ จนเหมือน จะสิ้นใจ

ยังอุตส่าห์ ลืมตา ที่พร่าพร่าง
จุดเล็ก สดสว่าง แสนไสว
คือดวงดาว ประจำตน ที่แสนไกล
กะพริบพราย บอกใบ้ ให้ก้าวเดิน

ทรหด อดทน จนพ้นเหว
ดีเลว ทิ้งไว้ ไม่ขัดเขิน
ระลึกฝัน งดงาม เคยพาเพลิน
แล้วจึงเดิน ยังจุดหมาย ที่คุ้นตา

ดวงดาว ยิ่งกระจ่าง ในความมืด
ร่างกาย ไม่ชาชืด แม้อ่อนล้า
แค่เพียง ได้พบ ได้สบตา
ไร้วาจา แต่ทว่า มีอยู่จริง

ปราชญ์หนึ่ง ผู้ซึ้ง กับคมดาบ
บุญบาป ดีชั่ว มัวทุกสิ่ง
ยืนมือ ขอรับ ให้พักพิง
แอบอิง บนม้า ทะยานไกล

เบื้องหลัง แผ่นหลัง ที่สูงกว้าง
บางอย่าง จารึก สลักไว้
เมื่อแสงดาว ส่องมา จากฟ้าไกล
จึงฉานฉาย ภาพเงา ที่เฝ้ารอ

สิ้นสุด การเดินทาง อันโหดร้าย
วางดาบ ประจำกาย ไม่ร้องขอ
แต่นี้ไป เพียงอยู่หลัง คนนี้พอ
จะไม่ท้อ แม้เผชิญ กับสิ่งใด

"รอท่าน มานาน กว่ากล่าวนัก
จมปลัก นิทรา ข้าหลับใหล
บัดนี้ ข้าตื่น จากฝันไกล
ข้าเห็นท่าน ข้าจำได้ ในสัมพันธ์

จงมอง ให้ลึก ดวงตาข้า
คุ้นไหม คำสัญญา ที่คงมั่น
เนิ่นนาน จนไม่อาจ นับคืนวัน
ซ้ำซาก ร้อยพัน ในเรื่องราว

ชาตินี้ ทรมาน ยิ่งยิ่งนัก
ขอเถิด อย่าไสผลัก ให้รวดร้าว
แม้ไม่ได้ ร่วมเรียง เคียงทุกคราว
ขอให้ข้า อยู่เป็นเงา ของท่านไป

คงมี สักชาติ กรรมสิ้นสุด
เมื่อข้าหยุด ท่านหยุด อสงไขย
บัดนั้น คงได้ร่วม ทางยาวไกล
ไม่ต้องช้ำ ปางตาย ก่อนได้เจอ

โปรดรับ ชีวิตข้า ใส่มือท่าน
ลมหายใจ ไม่นิรันดร์ ดังคำเพ้อ
หากข้าสิ้น วันพรุ่งนี้ ราวละเมอ
ได้พบเจอ ท่านที่รัก ข้ายอมพลี"



...



Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2555 8:56:41 น.
Counter : 378 Pageviews.

1 comment
มฤตยู(๐)
พระเพลิงผลาญ สัตว์นรก ในโลกันต์

ผู้ทำผิด ถูกลงทัณฑ์ มหันต์ยิ่ง

เสียงกรีดร้อง โหยหวน น่าประวิง

คือทุกสิ่ง คือความจริง ที่ต้องเจอ



แต่ยังมี เจ้าหน้าที่ ในนรก

แสนตรอมตรม อยู่ในอก กับเสียงเพ้อ

ฟังทุกวัน สัตว์นรก ร้องละเมอ

กล่าวถึงโลก แสนเพ้อเจ้อ เออหนอเรา



ความคิดจึง ดำดิ่ง สู่อดีต

ดั่งประโคม เสียงสังคีต แสนโศกเศร้า

ก่อนหน้านี้ ก็เคยเป็น มนุษย์เนา

ความคิดถึง ทำจิตเหงา เปล่าหัวใจ



แม้ตัดโลก ยังไม่อาจ ตัดกิเลส

รักโกรธหลง ยังอาเพศ ตามชิดใกล้

ตายจากมนุษย์ มาเป็นเทพ ในดงไฟ

ยังมีเชื้อ อยู่ในใจ ให้คำนึง



ยิ่งเมื่อสดับ สัตว์นรก กู่ร่ำร้อง

ท่วงทำนอง ที่เคยคุ้น แสนคิดถึง

เทพนรก ฟังทุกวัน ให้พรั่นพรึง

ได้แต่จึง ทูลขอ เจ้าโลกันต์



“ข้าแต่ท่าน ผู้เป็นใหญ่ ใต้พิภพ

ทั้งสามโลก มาบรรจบ จุดเปลี่ยนผัน

ตัวข้านี้ อยู่ที่นี่ เนิ่นนานวัน

ทำหน้าที่ ลงโทษทัณฑ์ มาแรมปี



ปัจจุบันได้ตรวจทาน กรรมแห่งตน

อันเป็นผล ให้มาอยู่ ตำแหน่งนี้

ข้าใช้กรรม ยังไม่หมด เพียงพอมี

แต่ทูลขอ ผลงานนี้ พ้นแดนไฟ



เพื่อไปเกิด เมืองมนุษย์ พิศุทธิ์ส่อง

ข้าจะส่ง บุญมากอง เป็นส่วยไท้

โดยการช่วย เหล่ามนุษย์ ผู้เพศภัย”

ท้าวเวสสุวรรณ สดับไซร้ แล้วตรัสคืน



“ด้วยผลกรรม ที่เจ้าทำ เท่าผลบุญ

ตายจากมนุษย์ กรรมอุดหนุน ไม่ฝ่าฝืน

จึงเป็นเทพ อยู่นรก อย่างยั่งยืน

มาบัดนี้ เจ้าอยากคืน กลับโลกา



ทั้งที่รู้ ว่าบนโลก แสนโสมม

เจ้าเคยตาย อย่างขื่นขม ระทมหนา

ทรมาน ทั้งร่างกาย และวิญญา

ไม่อิดหนา เอือมระอา หรือเช่นใด



แต่ก็เถิด นี่มันเป็น กรรมของเจ้า

พ้นทุกข์เถ้า ยังไม่พบ สุขสดใส

ด้วยผลกรรม ที่ติดตัว ทุกชาติไป

จะไปเกิด เป็นสิ่งใด ไฟจะตาม



ร่างจะรุม รุ่มเร้าร้อน ฟอนในตัว

ไฟนรก สุมพันพัว ไม่อาจห้าม

อยู่ที่ไหน อาเพศเกิด ทุกโมงยาม

จริตไม่งาม คนชิงชัง ทุกครั้งไป



แต่ยังมี ที่สั่งสม เสบียงบุญ

เกื้อนำหนุน มาเจือจุน บุญส่วยไท้

เจ้าจะต้อง ช่วยชีวิต อยู่ร่ำไป

ต่อให้เขา เราจะได้ อายุยืน



อันศัตรู หมู่ใด ไม่พาลแผ้ว

ทุกหนแห่ง กลัวแล้ว ไม่ฝ่าฝืน

ไอนรก ติดตัวอยู่ ไม่อาจคืน

คนเกลียดเจ้า แต่เจ้ายืน อย่างมั่นคง



กรรมหนหลัง บันดาลแล้ว อาเพศเกิด

เป็นเทพทัณฑ์ ผู้ประเสริฐ ยังลุ่มหลง

กรรมของใคร ข้าไม่ห้าม เจตจำนง”

เมื่อกล่าวจบ จึงปลดปลง เทพแห่งไฟ



ร่างสูญสิ้น เหลือดวงจิต ทรงฤทธิ์เดช

แม้ได้พร ให้อาเพศ หากลัวไม่

รับอนุญาต ท่านท้าวแล้ว จึงรุดไป

หน้าทวาร มองหญิงชาย คล้ายกับตน



จึงสิงสู่ เข้าฝัน นางมนุษย์

“ข้าขอเกิด เป็นบุตร ผู้เปี่ยมล้น

ด้วยคุณธรรม คงจะนำ ข้าเป็นคน”

ความมืดมน จึงพุ่งสู่ ครรภ์มารดา



Create Date : 11 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2554 23:26:52 น.
Counter : 329 Pageviews.

0 comment
แรงกรรม
..

ลอยละล่อง ท่องไป ในภิภพ
จุดบรรจบ คือที่ใด ไม่แน่วแน่
เมื่อไร้รูป ไร้ชีวิต จิตผันแปร
ราวฝุ่นผง ไม่แยแส แก่สิ่งใด

เริ่มหลงลืม เรื่องชีวิต ตอนยังอยู่
สุขทุกข์เศร้า มิรับรู้ มิสงสัย
เหมือนหมอกม่าน ผ่านดวงตา ฝ้าเป็นไต
มองคล้ายคล้าย ในภาพฝัน นิรันดร

รอแรงกรรม หนุนนำส่ง คงรู้สึก
จะทะยาน หรือดิ่งลึก หนาวหรือร้อน
เย็นสบาย หรือแห้งเหือด หรือเปียกปอน
แล้วแต่กรรม จะตัดรอน ลิขิตไป

คนยังอยู่ จึงควรสร้าง ทางกรรมตน
จะเป็นผล เมื่อดับสิ้น อายุขัย
ต้องล่องลอย เป็นอากาศ อยู่ต่อไป
หรือไปเกิด เป็นสิ่งใด ใครกระทำ

นอกจากตน เพียงคนเดียว ที่มีสิทธิ์
อิทธิฤทธิ์ มนตร์ใด ไม่อาจล้ำ
เรื่องของตน ทางของตน ตนกระทำ
และนี่คือ ทางแห่งกรรม จองจำเอย

,,



Create Date : 09 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2554 16:09:40 น.
Counter : 354 Pageviews.

0 comment

charidarus
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



"รวบรวมทุกเรื่องในชีวิต ที่อาจจะได้กลับมาเป็นประโยชน์กับตัวเองและเผื่อคนอื่นที่เซิร์ทจากที่ไหนๆมาก็ตามแล้วได้พบเจอ ไอเดียได้มาจากการที่เป็นคนไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรไปไหนไม่ถูกทำอะไรไม่เป็น ก็ใช้วิธีถามอากู๋แล้วไล่้ดูตามลิ๊งมาตลอด ผสมกับใจกล้าหน้าด้าน+ฟลุ๊ค เลยรอดๆผ่านๆมาได้ เลยอยากเก็บไว้เื่ผื่อได้เกิดประโยชน์กับคนอื่นบ้าง"