They're all here to Heat You Up! & Melt You Down
Group Blog
 
All blogs
 
Leonardo DiCaprio



ชื่อจริง: Leonardo Wilhelm DiCaprio
ชื่อเล่น: Leo

วันเกิด: 11 พฤศจิกายน ปี 1974

สถานที่เกิด: ฮอลลีวูด, แคลิฟอร์เนีย

ส่วนสูง: 6 ฟุต

ครอบครัว:

พ่อ: George DiCaprio (ตัวแทนจำหน่ายหนังสือการ์ตูน)
แม่: Irmeline DiCaprio (อดีตผู้ช่วยด้านกฎหมาย)

การศึกษา: จอห์น มาร์แชล ไฮสคูลใน ลอสแองเจลิส, แคลิฟอร์เนีย

ความสัมพันธ์: หลังจากที่คบๆ เลิกๆ อยู่กับ
Gisele Bundchen นางแบบสาว
ชาวบราซิลเลียนอยู่พักหนึ่ง เขาก็
เพิ่งออกเดทกับ Bar Rafael นาง
แบบสาวชาวอิสราเอลในช่วงปีนี้นี่
เอง



Leonardo said:

“สิ่งที่ดีที่สุดในการแสดงคือผมได้ปลดปล่อยตัวเองในการสวมบทบาทเป็นตัวละครอีกตัวหนึ่งและได้รับเงินจากการทำแบบนั้น มันเป็นการปลดปล่อยที่ยอดเยี่ยมครับ สำหรับตัวผมเอง ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผมเป็นใคร ดูเหมือนว่าผมจะเปลี่ยนไปทุกวันเลยน่ะครับ”



Leonardo Wilhelm DiCaprio นักแสดงหนุ่มนัยน์ตาชวนฝันที่ทำให้สาวๆ ทั่วทั้งโลกต้องหลั่งน้ำตาไปกับ
บทบาทความรักอันยิ่งใหญ่ที่ยอมสละได้แม้กระทั่งชีวิตเพื่อคนที่เป็นที่รักใน Titanic ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ปี 1974 ในฮอลลีวูด, แคลิฟอร์เนีย ในครอบครัวของ Irmelin คุณแม่ชาวเยอรมันและ George DiCaprio คุณพ่อชาวอิตาเลียน Leo ยอมรับว่า ความสนิทสนมภายในครอบครัวเขาทำให้ทั้งสองท่านมีอิทธิพลต่อทัศนคติและการดำรงชีวิตของเขามาก และแม้ว่าพ่อและแม่ของเขาจะหย่าร้างกันหลังจากเขาถือกำเนิดได้ไม่นาน แต่ทั้งคู่ก็ยังคงมีส่วนร่วมในการดูแล Leo มาจนถึงปัจจุบัน


แม้ว่าครอบครัว Dicaprio จะขัดสนใจเรื่องเงินทอง พวกเขาก็ไม่เคยขาดแคลนความรักและกำลังใจ อย่างที่ Leo เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “พ่อแม่ของผมไม่เคยสนใจเรื่องที่ว่าเรายากจนเลย พวกท่านพาผมไปพิพิธภัณฑ์ พาผมไปดูงานศิลปะและอ่านหนังสือให้ผมฟัง”


Leo เข้ารับการศึกษาในเซ็นเตอร์ ออฟ เอ็นริชด์ สตาดีส์ และจอห์น มาร์แชล ไฮสคูลในแอลเอ ซึ่งสมัยเรียนนั้น เขาก็มักจะโกงข้อสอบอยู่บ่อยๆ (โดยเฉพาะวิชาเลข) และดูจะสนใจกับการสร้างความบันเทิงให้เพื่อนร่วมชั้นมากกว่าการทำการบ้าน “ผมไม่เคยชอบการเรียนเลยครับ ถ้าอะไรที่ผมไม่อยากเรียน ผมก็จะตั้งสมาธิกับมันไม่ได้” และเขายังยอมรับด้วยว่า เขามีปัญหากับที่โรงเรียน “ผมเข้ากับคนอื่นๆ ในโรงเรียนไม่ได้ครับ ช่วงที่เรียนจูเนียร์ ไฮเป็นช่วงที่ผมรู้สึกไม่มั่นคงเอาซะเลย” ซึ่งนี่เองทำให้ความใฝ่ฝันในการอยากเป็นนักแสดงของเขาชัดเจนขึ้น “มันเป็นความปรารถนาครับ ทุกสิ่งมาจากความปรารถนาอันนั้น คือผมโหยหาการได้รับการยอมรับและความสนใจน่ะครับ”



จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ Leo เคยได้สัมผัสกับโลกการแสดงมาก่อนแล้ว ในรายการโทรทัศน์ที่ชื่อ Romper Room ซึ่งเป็นรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา หากแต่ในที่สุด เขาก็ถูกผู้ดำเนินรายการคัดตัวออกไป Leo จำได้ว่า “พวกเขาพาเด็กห้าคนเข้ามาดูตัวว่าจะเหมาะกับรายการรึเปล่า แล้วผมก็เป็นหนึ่งในคนที่ถูกคัดตัวออก ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมร้องไห้ตลอดทางกลับบ้านเลย แล้วพ่อผมก็กอดผมไว้พร้อมกับปลอบผมว่า ‘ซักวันหนึ่งนะ Leonardo ลูกจะประสบความสำเร็จ จำคำพูดของพ่อไว้นะ’” และคำพูดของพ่อเขาก็กลายเป็นจริงขึ้นมาเมื่อเขาอายุได้สิบหกปี


พอย่างก้าวเข้าสู่วัยรุ่น Leo ก็เริ่มมองหาเอเจนท์ของตัวเอง และเขาก็รู้สึกหมดศรัทธากับความเป็นพาณิชย์ของวงการนี้ เมื่อเอเจนท์คนหนึ่งพยายามเปลี่ยนแปลงทรงผม “ที่ไม่เข้าท่า” ของเขาและเปลี่ยนชื่อของเขาที่บ่งบอกเชื้อชาติให้เป็น Lenny Williams ที่ฟังดูเป็นอเมริกัน แต่ในที่สุด เขาก็ได้เซ็นสัญญาเมื่ออายุสิบสี่ปี และเขาก็เริ่มต้นจากการแสดงโฆษณาและภาพยนตร์เพื่อการศึกษาหลายๆ เรื่อง ก่อนที่เขาจะได้รับบทรับเชิญในซีรีส์โทรทัศน์เรื่อง Lassie, The Outsiders, Roseanne และ Parenthood


ในปี 1991 Leo ได้รับเลือกให้เล่น Critters III ภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิต แต่มันก็กลับกลายเป็นบทบาทที่เขาอยากลืมเลือนมากที่สุด โดยเขาเคยให้ความเห็นว่า “พูดถึงเรื่องนี้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้นครับ!” แต่พอมาอายุสิบหกปี เขาก็ได้รับบทบาทที่ทำให้เขาเปิดตัวในโลกการแสดงอย่างงดงาม ซึ่งก็คือบทเด็กเร่ร่อนในซิทคอมวัยรุ่นเรื่อง Growing Pains ถึงแม้ว่าบทที่เขาได้รับจะเป็นบทเล็กๆ การแสดงของเขาก็พิสูจน์ให้ผู้ชมได้เห็นว่า เขามีศักยภาพในการก้าวไปเป็นดาราใหญ่ แต่แม้กระนั้น เขาก็ยังไม่พอใจในบทบาทของตัวเองในเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ “มันบีบบังคับครับ และผมก็ได้เรียนรู้ว่าผมไม่อยากทำอะไร ผมต้องพูดบทพูดเห่ยๆ ซึ่งผมรับไม่ได้ ทุกคนล้วนแล้วแต่สดใส ร่าเริง ผมคงต้องบ้าแน่ๆ ถ้าต้องแสดงซิทคอมอีกเรื่อง”



อย่างไรก็ดี ระหว่างที่แสดง Growing Pains นั้นเองที่เขาได้ออดิชันสำหรับบทนำในเรื่อง This Boy's Life (1993) ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรท R ที่สร้างขึ้นจากชีวิตของนักเขียนนาม Tobias Wolff แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ในบ็อกซ์ออฟฟิศ แต่มันก็ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นดาวรุ่งพรสวรรค์คนหนึ่งของวงการ

เมื่อเขาเริ่มมีชื่อเสียงประมาณหนึ่งแล้ว Leo ก็เริ่มเลือกบทบาทที่เขาได้รับอย่างระมัดระวัง โดยเขาได้รับความช่วยเหลือจากพ่อของเขาในการคัดเลือกบทที่ท้าทายจากบรรดาบทเมนสตรีมที่นักแสดงส่วนใหญ่ตอบรับอย่างยินดี และผลงานเรื่องแรกหลังจาก This Boy's Life ของเขาก็คือ What's Eating Gilbert Grape (1993) ดรามามืดหม่นที่เขารับบท Arnie น้องชายที่พิการด้านร่างกายและสติปัญญาของ Gilbert Grape ที่รับบทโดย Johnny Depp ในการเตรียมตัวสำหรับบทนี้ Leo ได้ไปเรียนรู้ลักษณะท่าทางและกระบวนการความคิดของเด็กออทิสติกที่พักอยู่ในศูนย์สำหรับผู้มีอาการออทิสติก และมันก็ทำให้การแสดงของเขาสมจริงจนได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในปีนั้น แม้ว่าเขาจะไม่เคยเรียนการแสดงอย่างจริงจังมาก่อนเลย

หลังจากความสำเร็จใน What's Eating Gilbert Grape เขาก็ได้รับบทในภาพยนตร์เวสเทิร์นของ Sam Raimi ที่นำแสดงโดย Gene Hackman และ Sharon Stone เรื่อง The Quick and the Dead (1995) ซึ่งเป็นภาพยนตร์ทุนหนาเรื่องแรกของเขา ก่อนที่เขาจะหันไปรับเล่น The Basketball Diaries ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวจากความทรงจำของ Jim Carroll ซึ่งเป็นวัยรุ่นท้าทายที่ผันตัวเองเป็นนักกวีและนักดนตรี แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ได้รับเสียงชื่นชมนัก การแสดงที่สะเทือนอารมณ์ของ Leo ก็ทำให้เขาเป็นองค์ประกอบเดียวของเรื่องที่ได้รับคำชม


ใน Total Eclipse (1995) ดรามาจิตวิทยาที่สร้างขึ้นจากละครเวทีของ Christopher Hampton เขารับบทนักกวีหนุ่มชาวฝรั่งเศสผู้หยิ่งทะนงในตัวเองที่มีความสัมพันธ์กับ Paul Verlaine (David Thewlis) อาจารย์ของเขา แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นหายนะทั้งด้านคำวิจารณ์และรายได้ เขาก็กลับมาได้อย่างยิ่งใหญ่และก้าวสู่สถานะนักแสดงหนุ่มขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ทั่วโลกด้วยบท Romeo ใน William Shakespeare's Romeo and Juliet (1996)ที่ผู้กำกับ Baz Luhrmann ปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้น ด้วยความที่เขาไม่ค่อยชื่นชอบอะไรที่คลาสสิกมากนัก Leo ตอบตกลงที่จะรับบทนี้ภายใต้เงื่อนไขสองข้อ หนึ่งคือเขาจะต้องมีส่วนร่วมในการเลือกนักแสดงหญิงที่จะมารับบท Juliet และสองคือ บท Romeo ที่เขาเล่นจะต้องไม่ใช่บทแบบโบราณแต่ต้องเป็นพระเอกสมัยใหม่ และเขาก็บอกว่า “นี่จะเป็นเวอร์ชันที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจยิ่งขึ้นครับ”

ถึง Leo จะกลายเป็นดาราขวัญใจวัยรุ่นจากผลงานเรื่อง William Shakespeare's Romeo and Juliet หากแต่เขาได้ก้าวสู่สถานะดาราดังเมื่อเขารับบทใน Titanic (1997) ภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์เกี่ยวกับโศกนาฏกรรมความรักที่แม้ความตายยังไม่อาจพราก ใบหน้าหล่อเหลาและทักษะการแสดงของเขาทำให้บทชายหนุ่มยากจนที่มีรักมั่น Jack Dawson ติดตรึงอยู่ในใจผู้ชมทั่วโลก แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะใช้ทุนสร้างสูงสุดเท่าที่เคยปรากฏ แต่มันก็ยังทำรายได้สูงกว่าเรื่องไหนๆ ในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์อีกด้วย





แม้ว่าผลงานหลัง Titanic ของเขาอย่าง The Man in the Iron Mask (1998) ซึ่งเขารับบทเป็นกษัตริย์ Louis XIV และชายหนุ่มที่มีใบหน้าเหมือนเขา และ The Beach (2000) ภาพยนตร์ของ Danny Boyle ซึ่งเขารับบทเป็นชายหนุ่มชาวอเมริกันที่ตามหาสมบัติที่สูญหายในเกาะรกร้างผู้คนแห่งหนึ่งในเอเชีย จะไม่ค่อยเป็นที่สนใจนัก Leo ก็กลับมาได้อีกครั้งหนึ่งเมื่อเขาได้รับเลือกให้เล่นดรามาศตวรรษที่ 19 ของผู้กำกับ Martin Scorsese เรื่อง Gangs of New York (2002) ที่เขารับบท Vallon ผู้อพยพเชื้อสายไอริช/อเมริกัน ที่มุ่งมั่นจะล้างแค้นกลุ่มอิทธิพลที่สังหารพ่อของเขา แต่เนื่องด้วยกำหนดฉายของภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกเลื่อนไปเกือบหนึ่งปี ในช่วงนั้น Leo ก็มีผลงานใหม่ออกมาอีกเรื่องคือ Catch Me If You Can ของผู้กำกับ Steven Spielberg ซึ่งเขารับบท Frank W. Abagnale นักต้มตุ๋นผู้กลายเป็นชายหนุ่มที่มีอายุน้อยที่สุดที่อยู่ในลิสต์คนร้ายที่ FBI ต้องการตัว

Leo กลับมาร่วมงานกับ Scorsese อีกครั้งหนึ่งใน The Aviator (2004) ภาพยนตร์อัตชีวประวัติของ Howard Hughes มหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพล แม้ว่าใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ของเขาจะไม่เหมาะสมกับบทบาทนี้นัก แต่ความสามารถด้านการแสดงอันยอดเยี่ยมของเขาก็เผยให้เห็นถึงนิสัยหลากหลายแง่มุมของ Hughes ได้อย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐีหนุ่มที่เป็นพายุลูกใหม่ในฮอลลีวูด ชายหนุ่มที่ควงดาราสาวเป็นว่าเล่น ผู้บุกเบิกวงการการบินและผู้ชายที่ศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของเขาถูกบั่นทอนด้วยอาการผิดปกติของเขา บทบาทที่ท้าทายนี้ส่งให้เขาได้รับรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประเภทภาพยนตร์ดรามา และได้รับการเสนอชื่อชิงอคาเดมี อวอร์ดสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรก

ล่าสุด เขาก็ร่วมมือกับผู้กำกับ Scorsese อีกครั้งใน The Departed ภาพยนตร์ดรามาที่ร่วมด้วยทีมนักแสดงชั้นนำครบครันอย่าง Matt Damon, Mark Wahlberg และ Jack Nicholson โดยในเรื่องนี้ เขารับบทเป็นตำรวจบอสตันที่ต้องแทรกซึมเข้าไปในแก๊งอันธพาลเชื้อสายไอริช/อเมริกันแล้วถีบตัวเองขึ้นไปถึงระดับสูง ในขณะที่ทางฝ่ายแก๊งอันธพาลก็ส่งสายของตัวเองเข้าไปแทรกซึมในกรมตำรวจด้วยเช่นกัน




เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับ Leonardo



• ชื่อของเขาได้มาจากการที่ Irmalin คุณแม่ชาวเยอรมันของเขารู้สึกถึงแรงเตะของเขาขณะที่เธอชมภาพเขียนของ DaVinci

• ตอนอายุได้ 10 ขวบ เอเจนท์เขาแนะนำให้เขาเปลี่ยนชื่อให้กระเดียดไปทางอเมริกันมากขึ้นอย่าง Lenny Williams แต่คงไม่ต้องบอกใช่มั้ยว่าเขาเมินคำแนะนำนั้นน่ะ

ขอสงวนลิขสิทธิ์บทความนี้ ให้อ่านและเผยแพร่ใน blog นี้เท่านั้น ห้ามผู้ใดคัดลอกหรือเผยแพร่ไปยังสื่อต่างๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเรื่องนี้นะคะ



Create Date : 04 มิถุนายน 2550
Last Update : 4 มิถุนายน 2550 15:35:44 น. 2 comments
Counter : 3769 Pageviews.

 


โดย: แมวเอิ (ayanami_rei ) วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:14:49:53 น.  

 
ชอบลีโอมากเลยค่ะ
สมัยวัยรุ่นมีโปสเตอร์เค้าแปะไว้เต็มห้องนอนเลยล่ะ ^-^


โดย: แมวเอิง (ayanami_rei ) วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:14:50:14 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ลูกเตะวายุกระซิบ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




blog นี้สำหรับคนรักภาพยนตร์และคนหล่อๆ ค่า
มีอะไรมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นเย็นๆ ใจนะคะ
Google
Hold me close and hold me fast The magic spell you cast This is La vie en rose
This gonna be my wedding song!
Friends' blogs
[Add ลูกเตะวายุกระซิบ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.