My Diary
Group Blog
 
All blogs
 

ทรงถัดไปของดิชั้น ยังไม่ได้ตัดนะ แต่คัน .. อยากตัดมากกกก

ช่วงนี้อยากตัดผมจังเลย

ไม่ได้อกหัก ไม่ได้เสียใจ แต่อยากตัดผมอ่ะ

กำลังคิดว่า จะต่อผมให้มันยาวโคตรๆ ไปเลย

หรือตัดสั้นกุด แล้วหาวิกมาใส่เล่นดี 555

ฟุ้งซ่านไปป่าวเนี่ย

อยากตัดทรงนี้อ่ะจ๊ะ



คล้ายกัน แต่นางแบบคนละคน



อันนี้รูปที่เคยตัดไปแล้ว ทรงคล้ายๆ กัน เริ่มอยากตัดอีกแล้วง่า




T_T




 

Create Date : 07 เมษายน 2552    
Last Update : 8 เมษายน 2552 0:05:42 น.
Counter : 803 Pageviews.  

ธรรมะสวัสดี วันมาฆบูชา

...

สวัสดีวันมาฆบูชาค่ะ

ไปเวียนเทียน กับใคร? ที่ไหน ? กันบ้างคะ (แล้วจะสอดรู้เพื่อ...?)

คุณอาฯ ไม่เคยไปเวียนเทียนมาเกือบ 20 ปีแล้วมังคะ

วันนี้วันพระ

คุณนายแม่ไปวัดแถวปทุมธานี คุณอาฯ เลยอาสาเฝ้าบ้านให้ค่ะ

นั่งเล่นเน็ตทั้งวัน มีงานก็ขี้เกียจทำ

ฟุ้งซ่านไปเรื่อย เปิด Hi5 ทั้งวัน

เลยไปเจอ comment ของอดูต (แปลว่ามันเก่ากว่าอดีตอ่ะค่ะ)

แกล้งจิกตัวเองให้เจ็บเล่นอีกแล้ว

สาระแนไปสอดรู้เค้าทำไม

เค้าจะมีใคร ก็ไม่เกี่ยวกับเราอีกแล้ว

รู้แล้วได้อะไรน๊อ ... ซาดิสซ์นี่นา

จิกตัวเองให้เจ็บหัวใจเปล่าๆ

5555

+++++++++++

พักนี้ไม่มีอะไรใหม่เลย ใส่เสื้อผ้าซ้ำเดิม

ขี้เกียจ M&M ด้วย เลยใส่แต่เดรสเดิมๆ

+++++++++++

อย่างที่บอก ว่าวันนี้เป็นเถ้าแก่เนี๊ย เฝ้าร้าน

นานๆ จะหยิบกางเกงยีนส์มาใส่ได้สักที

ตัวนี้ ที่ใส่ได้ เพราะว่ามันเอว 29 หรอกคะ

ตัวอื่นๆ เอว 28 ยัดไม่ลงสักตัวเดียว

แถวบ้านทักว่าเท่ดี

ไม่ได้แต่งตัวแบบนี้นานแล้ว

เพราะตรงเอวกางเกงที่มันรัดน่ะ พุงมันหลามอยู่

ดีที่ใส่เสื้อตัวใหญ่หน่อย เลยช่วยชีวิตไว้ได้บ้าง

ไม่เอาแล้ว จะลดแล้วง่า ...

แต่ตะกี้เพิ่งซัดมาม่า ใส่หมูสับ ถั่วงอก ชามเบ้อเริ่มเลยยยย

จะลดได้ไม๊เนี่ย ...






ธรรมะสวัสดีอีกรอบนะคะ

จุ๊บ จุ๊บ


แวะมาแปะเพลง .. เพื่อนส่งลิงค์มาให้

ชอบมาน๊านนน นานนน แล้วค่ะ เพลงนี้

(เช็คอายุกันเลยทีเดียวเชียว)







Look at us baby, up all night
Tearing our love apart
Aren't we the same two people who live
through years in the dark?
Ahh...
Every time I try to walk away
Something makes me turn around and stay
And I can't tell you why

When we get crazy,
it just ain't to right,
(try to keep you head, little girl)
Boy, I get lonely, too
You don't have to worry
Just hold on tight
(don't get caught in your little world)
'Cause I love you
Nothing's wrong as far as I can see
We make it harder than it has to be
and I can't tell you why
no, baby, I can't tell you why
I can't tell you why
No, no, baby, I can't tell you why
I can't tell you why
I can't tell you why






 

Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2552 23:37:48 น.
Counter : 628 Pageviews.  

เมื่อคุณอาฯ ไปเล่นขายของ

เมื่อวาน ...

เป็นวันพุธแรกของเดือน

อิอิ

เหล่าลูกค้าร้าน Intrend

ร้านนี้อ่ะค่ะ



เจ้าของร้าน นัดว่า ทุกวันพุธแรกของเดือน
ให้เอาของมาปล่อยกัน

คุณอาฯ ก็ไปบ้าง ไม่ไปบ้าง

เมื่อวาน ต้องการเคลียร์กองพวกนี้



ก็เลยขนไปขายกะเค้ามั่งอ่า ...








ตอนคนมาเยอะๆ ไม่ได้ถ่ายรูปไว้อ่ะค่า

นี่ถ่ายตอนคนซาไปแล้ว

หอบไปกองเบ้อเร่อ ขายได้ พันกว่าบาทเอง

ขายไป น้ำตาไหลไป เสียดายของง่า ..

(ขายหมดกองนี้
ยังไม่เท่าที่จ่ายซื้อไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเรยยยยย
กระซิก กระซิก ...)




 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2552 21:53:16 น.
Counter : 590 Pageviews.  

เมื่ออิชั้นขาเดี้ยง ... โรคข้อเข่านักกระโดดหรือกระโจน ( Jumper's knee)

โรคข้อเข่านักกระโดดหรือกระโจน ( Jumper's knee )

ตั้งชื่อให้เป็นเกียรติอีกเช่นกัน แก่ผู้ที่ชอบกระโดดหรือกระโจน
ถึงแม้ว่าจะพบไม่มากนักในนักวิ่ง แต่สำหรับพวกที่ชอบกระโดด
กระโจนแล้วเป็นสิ่งที่แทบจะคู่กันเลยทีเดียว เป็นบาดเจ็บ
ที่เกิดจากการฉีกขาดของเอ็นหรือพังผืดที่บริเวณกระดูกสะบ้า
อาจจะค่อยเป็นค่อยไป หรือเกิดขึ้นทันทีก็ได้

สาเหตุนั้นเกิดจากการกระตุก กระชากของเอ็น
ที่เกาะที่กระดูกสะบ้าในทันที ทำให้มีการฉีกขาด
โดยเฉพาะนักวิ่งที่มีกล้ามเนื้อต้นขาไม่แข็งแรง
ไม่มีตัวที่จะประคองการกระตุกนี้
ทำให้เกิดการฉีกขาดได้ง่ายทั้งที่แรงที่กระทำก็ไม่มากนัก

อาการของโรคคือ

เจ็บปวดบริเวณรอบ ๆ กระดูกสะบ้า
ตำแหน่งใด ตำแหน่งหนึ่ง หรือหลาย ๆ ตำแหน่ง
ในรายที่เป็นมากจะเจ็บอยู่ตลอดเวลา
หรือบางรายจะมีอาการก็ต่อเมื่อวิ่ง
กระโดดหรือกระโจน


การปฐมพยาบาลและการรักษา

เมื่อมีอาการครั้งแรก ให้พักประคบน้ำแข็งประมาณ 5-10 นาที
แล้วให้พักอยู่ในท่าเข่าเหยียด ให้ยาแก้ปวด
หลังจาก 24 ชั่วโมงจึงประคบร้อน
ถ้ายังไม่หายใน 3 วัน
ต้องล็อคเข่าให้อยู่ในท่าเหยียดนาน 3 สัปดาห์
และให้ยาต้านการอักเสบชนิดกิน

หลังจากหายแล้วให้บริหารกล้ามเนื้อต้นขา
ให้แข็งแรงมาก ๆ เพื่อที่จะได้ทนแรงกระตุกหรือกระชากนั้นได้
ในรายที่อาการค่อยเป็นค่อยไปหรือเป็นแบบเรื้อรัง
การรักษานอกจากหลีกเลี่ยงการกระโดด
กระโจนแล้วต้องไม่พยายามงอเข่า
ให้ยาต้านอักเสบรวมทั้งการรักษาทางกายภาพบำบัด
เช่น การใช้ความร้อน หรือคลื่นเหนือเสียง (อุลตราซาวด์)
ในการรักษาด้วยจึงจะทำให้การหายเร็วขึ้น
สิ่งที่ไม่ควรลืมเลยคือการบริหารกล้ามเนื้อต้นขา
ให้แข็งแรงกว่าเดิมให้มาก ๆ เพราะเมื่อเราวิ่งอีกจะได้ไม่มีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น


การป้องกัน


1.หลีกเลี่ยงการวิ่งที่ต้องกระโดดหรือกระโจน

2.หลีกเลี่ยงพื้นที่แข็ง เพื่อลดแรงกระแทก กระตุกที่ข้อเข่า

3.บริหารกล้ามเนื้อต้นขาให้แข็งแรงอยู่เสมอ


( จากหนังสือบาดเจ็บจากการวิ่ง รศ.นพ.ธีวัฒน์ กุลทนันทน์ )

ขอบคุณเว็บไซต์

//www.thairunning.com/pain_knee.htm


++++++++++++++++++++++++++++

ที่เห็นหาข้อมูลมานี่ เพราะคุณอาฯ กำลังมีปัญหาค่ะ

วันนี้ ไปแข่งกีฬาอาจารย์ที่นครสวรรค์
ร้อยวันพันปี ก็ไม่เคยออกกำลัง

วันนี้ซ่า...สสสสสส ซะ ..

เค้าชวนไปเล่นแชร์บอลก็ไปกับเค้า
ทำหน้าที่รักษาประตู หรือเป็นคนปัดลูกนั่นเอง
โชว์พาวมากไปหน่อย เทคตัวปัดลูกซะ
พอลงมาถึงพื้น ก็ลงไปนอนกับพื้นเลยค่ะ
ตอนนี้ เป็นน้องเป๋ อยู่ (บ่ใช่น้องเป้ เด้อ ..555)

ไม่ค่อยตกใจเท่าไร เพราะอาการแบบนี้
เคยเป็นตอนเรียนปริญญาตรีแล้ว
ตอนนั้นเล่นบาสเกตบอลค่ะ
สาเหตุเดียวกัน อาการเดียวกัน
แต่หวังว่า ครั้งนี้ จะบาดเจ็บน้อยกว่าตอนนั้นนะ
เพราะขาข้างที่เป็น (ข้างซ้าย) ก็ยังไม่หาย
ยังคงมีอาการเจ็บอยู่เป็นเนืองๆ

ตอนนี้ ดันเป็นอีกข้างซะแระ ...

เง้อ .. ปีใหม่นี้มีแต่เรื่องเจ็บตัวนะเนี่ย ..

ปล. คุณหมอขา.. ถ้ามีคุณหมอมาอ่าน
มีข้อแนะนำนอกจากนี้ จะขอบพระคุณมากนะคะ




ตอนนี้ ขอไปประคบร้อน + ทายา ให้มันเกิดความร้อนก่อนนะคะ


จุ๊บ จุ๊บ




 

Create Date : 29 มกราคม 2552    
Last Update : 29 มกราคม 2552 23:38:03 น.
Counter : 2169 Pageviews.  

หน้าที่การงานอย่างหนึ่งของคุณอาฯ ในวันพระราชทานปริญญาบัตร

ไม่รู้จะจัดอยู่ในกลุ่มไหนวุ๊ยยย

เอาเป็นกลุ่มแฟชั่นละกัน

DUC ชุดครุย กะชุดขาว ก๊ากกกกก


++++++++++++++++++++++

คุณอาฯ ผ่านการรับพระราชทานปริญญาบัตร (ของตัวเอง) มา 2 ครั้งค่ะ

ครั้งแรก รับจากพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณมากมายค่ะ คุณอาฯ รับปริญญาครั้งแรก วทบ. (สถิติ) จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ตอนนั้น ยังรับที่ศาลาอ่างแก้ว อยู่เลย ไม่ได้หรูหราอลังการเหมือนหอประชุมสมัยนี้ น้องเป้ คงรู้ ศาลาอ่างแก้ว เป็นศาลาเปิดแบบ Open air ใช้จัดงานสารพัด ทั้งคอนเสิร์ต นิทรรศการ ประชุมวิชาการ ไปจนถึงงานใหญ่อย่างพระราชทานปริญญาบัตร

จำไม่ได้จริงๆ ว่าเค้าปิดศาลาหมด แล้วติดแอร์ หรือว่าเปิดโอเพน (แบบว่านานมากกกกก ลืมไปแล้ว)

จริงๆ จำอะไรไม่ค่อยได้เลยค่ะ แม้แต่ตอนรับพระราชทานฯ เบลอๆ อยู่ ไม่รู้ว่าทำผิดหรือทำถูก พอมาดูรูป เห็นตัวเองว่า ก้าวเข้าไปเลยจุดที่ mark ไว้มากมาย แทบจะชิดพระแท่นเลยล่ะ

แถมอ้วนมากมาย คืนก่อนวันซ้อมใหญ่ ก็ไปฉลองกันด้วยน้ำเมา ซะงั้น ตื่นมาหน้าตาบวมฉึ่ง (บวมแอลกอฮอล์มั๊ง ก๊ากกกกก) ถ่ายรูปออกมาดูไม่ได้เลย พอวันรับจริง เลยไม่กล้ากินอะไรเลย นอนแต่วัน พักผ่อนอย่างดี เลยได้หน้าตาที่อืดพอดูได้ กับน้ำหนักเกือบๆ 70 กิโล มาเป็นที่ระลึก





รับปริญญาครั้งที่ 2 เป็น พบ.ม. (สถิติประยุกต์) จาก สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ NIDA นั่นเอง เรียนที่นี่ เป็นการเรียนที่ทรหดสำหรับคุณอาฯ มากค่ะ เพราะทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย

จำได้ว่า ต้องสอบ 2 รอบถึงจะติด รอบแรก เค้าไม่รับอ่ะ (กรรมการสอบสัมภาษณ์ ถามว่าได้เงินเดือน เดือนละเท่าไร แล้วก็บอกว่า จะพอจ่ายค่าหน่วยกิตเร้อออออ แล้วก็ปิ๋วไป)

สอบครั้งที่ 2 ตอนนั้นย้ายที่ทำงานใหม่แล้ว ไปอยู่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง เป็นมนุษย์ทองคำได้สักระยะ เค้าก็เลยรับเข้ามาเรียน

ตอนเรียน ก็เรียนแบบไม่ดีเด่อะไร เรียนแค่พอรู้ เปิดหู เปิดตา เปิดโลกทัศน์ เท่านั้นเอง

เคยเป็นคนแบบไหน ก็ยังเป็นคนแบบนั้น คือ เดินก้มหน้าก้มตา ไม่มองหน้าใคร เจอใครก็ไม่ทัก (จะทักได้ไงอ่า ... ก็หนูสายตาสั้นเน้อออออ)

ชีวิตรันทดมาก พอเริ่มเรียน ต้องขอเข้างาน 7 โมงครึ่ง ขอเลิก 4 โมง ตื่นแต่ตี 5 นั่งรถไปทำงาน 4 โมงเย็น รีบตาลีตาเหลือก นั่งเรือคลองแสนแสบไปเรียน เรียนเลิก 3 ทุ่ม กลับมาถึงที่พักก็ 4 ทุ่ม สลบเหมือด บางวันไม่ได้อาบน้ำ ล้างหน้าเลย

นี่เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้ตอนอยู่บางกอกฯ หน้าคุณอาฯ เหียก ซะยิ่งกว่า อยู่บ้านนาแบบตอนนี้ซะอีก ... เอิ๊กกกก ทั้งที่ ที่ทำงานอยู่ติด Central Chidlom ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเล้ยยยย

เคยไปนวดหน้า + ซื้อครีมบำรุงที่เคาท์เตอร์ แบรนด์เนม แบบว่า BA สมเพช เลยอ่ะ เพราะหน้าแห้ง กร้านมาก (เพิ่งมาสำนึกว่า มันเป็นแบบนั้นเพราะเราไม่ล้างหน้าให้สะอาดนั่นเอง มันเลยสะสม ... สมน้ำหน้าไง ..555)
เจ๊แกคงสงสารอ่ะน่ะ ถึงกับต้องสั่งน้องคนนวดหน้าว่า นวดให้พี่เค้าเยอะๆ หน่อย โบ๊ะครีมไปเยอะๆ ช่วยเค้าหน่อย

มาถึงรับปริญญาครั้งหลังนี่ รับพระราชทานจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ตอนคุณอาฯ เรียน เค้ารับกันที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์อ่ะจ้า... ก็รับแบบไม่เครียดนะคะ ซ้อมตามปกติ รับตามปกติ


+++++++++++++++++++++++

จนกระทั่งมาทำงานที่นี่ ...

หน้าที่อันหนักอึ้งก็หล่นมาทับคุณอาฯ ซะงั้น

เริ่มตั้งแต่ เมื่อมาทำงานปีแรกๆ เค้าเห็นเราเป็นเด็กๆ (เฉพาะหน้าตาอ่ะนะ อายุเค้าไม่รู้ ก๊ากกก) เค้าเลยให้เราไปช่วยลำเลียงพานปริญญาบัตร ตรงพระแท่น

อ้อ .. ที่ทำงานของคุณอาฯ รับพระราชทานปริญญาบัตร จากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช จ้ะ สมัยแรก รับที่สวนอัมพร ค่ะ

เป็นงานที่ตื่นเต้นมาก กลัวไปหมด กลัวผิด กลัวพลาด กลัวทำให้พิธีเค้าล่ม ซะงั้น เพราะพอซ้อมไปซ้อมมา แทนที่เราจะอยู่คนที่ 4 กลายเป็นไปอยู่คนที่ 2 ซะงั้น นั่งติดพระแท่นของสมเด็จพระบรมฯ เลยอ่ะ โดยมีพี่อีกคนหนึ่ง มือใหม่หัดขับเหมือนกัน เป็นคนถวายปกปริญญาที่พระหัตถ์ของสมเด็จพระบรมฯ เง้อ .... สยองขวัญอ่า เราจะทำอะไรผิดหรือเปล่าน้า

แล้วเรานั่งพับเพียบนานๆ เราจะเป็นเหน็บหรือเปล่า แล้วถ้าเราเป็นเหน็บเราจะทำยังไง แล้วถ้าเราถือพานปกอยู่ แล้วเราสะดุดพรมหกล้ม พานหล่น เราจะทำยังไง โห้ .. มันเป็นอะไรที่กังวลไปหมด ต้องนั่งทำสมาธิ ทำใจอยู่นาน

สะกดตัวเองอยู่อย่างเดียวว่า

เราทำได้
เราทำได้
เราทำได้


มีเรื่องตื่นเต้นด้วยล่ะ ช่วงก่อนที่จะเสด็จ องค์รักษ์วิ่งกันพรึบพรั่บเลย ถามหาคนคุมปกปริญญาบัตรใหญ่ ปรากฏว่า เค้าตรวจเจอเข็มหมุด ปักอยู่บนปกง่า ... เย้ยยยยย ไม่อยากนึกเลย ว่าถ้าหลุดไป แล้วเข็มไปปักพระหัตถ์ .. จะเกิดอะไรขึ้น .... ใจลงไปกองที่ตาตุ่มแน่ะ โชคดีที่เจอก่อน ..

เฮ้อ ๆๆๆ ........ งานครั้งแรกก็ผ่านไปได้ด้วยดี


เมื่อมีครั้งหนึ่ง ก็มีครั้งสอง ครั้งสาม ตามมา กลายเป็นว่า ตลอดเวลา 6-7 ปีที่ผ่านมา คุณอาฯ เป็นต้องไปวุ่นวายอยู่ในงานพระราชทานปริญญาบัตร ได้ทุกปี

ปีที่ 2 ของคุณอาฯ พอดีเป็นปีที่เปลี่ยนกระบวนการใหม่ โดยมือ 1 มือ 2 จะใช้คนจากส่วนกลางฯ ซึ่งพวกเราเรียกกันว่า "ชุดป้าปากแดง" ซึ่งป้าฯ จะเดินทางตามเสด็จไปทุกงาน (41 แห่ง ทั่วประเทศ) หนูนับถือป้าจริงๆ ค่ะ แต่ก็นั่นแหละ คนไหน ก็ไม่เป็นที่ถูกพระทัยเท่า ป้าก็เลยได้มีโอกาสตามเสด็จ ไปทุกที่

คุณอาฯ เลยเลื่อนตำแหน่งไปอยู่อันดับ 3 บางที ก็ 4 อันดับ 3 นี่สบายหน่อยนะคะ ถือพานเล็ก และเวลาพระราชทาน ก็แค่ลำเลียงจากพานเล็กของตัวเอง ไปยังพานหมายเลข 2 แต่ถ้าเป็นอันดับ 4 จะต้องถือพานใหญ่ และคอยลำเลียงตั้งปกปริญญา ตั้งละ 10 ปก ทีละตั้ง พานละ 3 ตั้ง ไปยังพานหมายเลข 3 งานหนักนะเนี่ย ... แล้วก็นั่งนานซะจนเหน็บกินเลยแหละ 555 ความกังวลก็มาเยือนอีกเหมือนเดิม แล้วก็ใช้คาถาเดิม

เราทำได้
เราทำได้
เราทำได้


ปีที่ 3 ปีนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตคุณอาฯ ซะแล้ว เพราะเค้าเริ่มเปลี่ยนผู้ขานนาม จากที่เคยเป็นคณบดี หรืออาจารย์อาวุโส มาเป็นอาจารย์รุ่นใหม่ ที่ เร็ว กระชับ และเป็นจังหวะ เลยมีการเทรนทีมผู้อ่านข่าว เอ้ยยย ผู้ขานนาม รุ่นใหม่ ..

คุณอาฯ ได้รับเทียบเชิญ ให้ลองมาขานนาม กะเค้าบ้าง

เครียดไม๊ละคะ เพราะนาทีนึง ต้องให้ได้ 35 คนขึ้นไปง่า ...

อ่านผิดก็ไม่ได้ อ่านข้ามก็ตายลูกเดียว ... เห้อ ...

แต่คาถาเดิมนี่ใช้ได้ผลตลอดนะคะ


เราทำได้
เราทำได้
เราทำได้


แน่นอน ไม่มีอะไรเกินความพยายาม และความตั้งใจของเรา

ตอนซ้อมนี่เป๊ะมาก .. แต่ตอนรับจริง อะไรก็เกิดขึ้นได้เน้อ ...

โชคดี ที่ปีที่ขานนามครั้งแรก ผู้ใหญ่ท่านมีอาการสงสารรุ่นใหม่ เลยให้อ่านจำนวนไม่มากนัก รอดตัวไปได้เปลาะหนึ่ง

เชื่อไหมว่า ก่อนถึงคิวตัวเองอ่าน ... มันกลัวไปหมด ตื่นเต้นไปหมด นั่งท่องชื่ออย่างเดียว ที่ท่องนี่ไม่ใช่ให้จำได้นะ แต่อ่านให้เข้าปากตัวเองต่างหาก อย่างน้อย ก็จะได้อ่านชื่อไม่ผิด แถมต้องคอยชำเลืองดูด้วยว่า เป็นผู้ชาย หรือผู้หญิง ไม่งั้น ถ้าขานชื่อเป็นนาย แล้วเค้าถอนสายบัวละก็ ... ทรงพระชำเลืองมาแวบเดียว เย็นวาบไปถึงหนังหัวเลย

แต่ขอบอกว่า ท่านทรงมีพระเมตตามาก ถ้าไม่มีอะไรหนักหนาสาหัส ก็จะไม่ทรงกริ้วเลย ... อันนี้ต้องเห็นพระทัย เพราะถ้าเป็นเรา เราจะทำไหวหรือนั่น ต้องยกแขน ส่งปก ยกแขน ส่งปก ยกแขน ส่งปก อยู่อย่างนั้น วันละ 4000 คน ไหวไม่ไหว ไม่รู้ แต่เราคงไม่ไหว ..


ปีที่ 4 เปลี่ยนสถานที่พระราชทานฯ จากสวนอัมพร ไปเป็น หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ... เอาละสิ เปลี่ยนสถานที่ เปลี่ยนบรรยากาศ ต้องมาปรับตัวใหม่อีกแล้ว ...

ตั้งแต่มารับหน้าที่ขานนามบัณฑิต ก่อนวันรับปริญญาจริงนี่ ไม่มีความสุขเลยค่ะ เค้าไปเชียงใหม่กัน คนอื่น ไปลั้นลา กันหมดเลย ไปเดินไนท์ บ้าง ไปถนนคนเดินบ้าง ไปติ๊ดชึ่งกันบ้าง แต่คุณอาฯ ต้องนอนแต่วัน บางทีต้องกินยาแก้ไขหวัด ดักไว้ .. ป้องกันตัวเองไว้ตลอด บอกตัวเองว่า เราต้องพร้อม ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

ถึงวันรับ ก่อนถึงเวลารับจริงทุกครั้ง จะมีการซ้อมก่อน ตอนซ้อมขานนาม อิชั้น ชนะเลิศมาก ได้รับคำชมด้วย ถึงกับประกาศออกไมค์เลยทีเดียว ว่าให้ฟังอาจารย์สุดสวยคนนี้เป็นตัวอย่าง เสียงเพราะ อ่านได้จังหวะดีมาก

ก๊ากกกก แต่สิงห์สนามซ้อม ฉันใด ย่อมกลายเป็น หมูสนามจริง ฉันนั้น

ถึงตอนรับจริง มัน Uncontrol จริงๆ นะจ๊ะ เราอ่านดี แต่บัณฑิต หยุดชะงักซะงั้น จะให้เราทำอย่างไรล่ะ

จริงๆ มีการเตือนบัณฑิตแล้วว่า อย่าเงยหน้า ไปสบพระเนตร เป็นอันขาด เพราะเราจะแพ้บารมีท่าน บางคนลองของไง นะจังงัง ไปเลยทีเดียว

บางคนมืออ่อนไปซะเฉยๆ ปกหล่นซะงั้น พระองค์ท่านต้องกวักมือให้มารับใหม่อีกรอบ ฮา...

เชื่อไหมว่า บางคนติดมาจากตอนซ้อม (ตอนซ้อม บางครั้งให้รับลม หมายถึง ยังไม่ต้องรับปกจริง แค่ทำมือเอางาน) ถึงวันรับจริง ก็รับลม ซะงั้น ... เย้ยยยย ทำปายยยยยยย ด้ายยยยยยย

สำหรับคนขานนาม นี่คือ เรื่องสยอง ถึงขั้นหายนะ เลยทีเดียว เพราะจะทำให้เราเสียจังหวะ และหาจุดเริ่มต้นได้ยาก (ก็ไม่รู้ว่าอ่านเลยไปถึงคนไหนแล้ว) นี่เป็นสาเหตุให้ต้องหยุดกลางคัน แล้วก็เริ่มต้นกันใหม่น่ะสิ ...

ก็บอกแล้วไง ว่าให้ซ้อมเยอะๆ เข้าไว้ ทำอะไรให้เป็นอัตโนมัติ แล้วจะดีเองแหละ ..

บางครั้ง ถ้ากำหนดการเรา รับตอนบ่าย ก็ต้องมานั่งลุ้นมหาวิทยาลัยที่รับช่วงเช้า อันนี้เหมือนเชียร์มวยเลยเชียว เพราะเรานั่งดูกล้องวงจรปิด จะเห็นอาการของบัณฑิตแต่ละคน มีการลุ้นว่า บัณฑิตคนนี้จะเข้าถึงไม๊ จะเอางานตอนรับปกไม๊ จะถวายคำนับถูกไม๊ จะเดินทันไม๊ ..

โอ้ยย หัวใจจะวาย (ไม่น่ามานั่งดูเค้าเลยยยย)

บางครั้ง ถ้าตำแหน่งที่เรายืนขานนาม ตรงกับช่องแอร์ละก้อ ... โหด มหาโหด เพราะคอเราจะแห้งผาก เนื่องจากลมแอร์มันเป่าลงในปากเราพอดี มีอาการเอื๊อกๆ เป็นพักๆ ล่ะค่ะ

*** โดยเฉพาะปีที่แล้ว เปลี่ยนสถานที่รับ (อีกแล้ว) จากหอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาเป็นหอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ อยู่นอกเมืองโน่นแน่ะ

ที่นี่ ทำให้คุณอาฯ เอื๊อกไปหลายรอบ ตอนแรกคิดว่าเป็นคนเดียว ถามคนอื่นที่ยืนอยู่จุดเดียวกัน ก็เป็นเหมือนกัน อิอิ แสดงว่าเราไม่ได้ผิดปกติ หรือ สำลักน้ำลายตัวเอง แล้วแก้ต้วเน้อ .... ****

พี่ขานนามบางคน เปิดข้ามหน้าไปก็มี ต้องใช้วิธีกล้อมแกล้ม แก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไป

ปกติแล้ว รายชื่อชุดที่เราอ่าน จะเผื่อของคนข้างหน้าเรา 1 แผ่น ของคนต่อจากเราอีก 1 แผ่น มีพี่คนหนึ่ง ทำตะลึงตึ่งตึงมาก คือ เค้าไม่ได้อ่านหน้าสุดท้ายอ่ะ คิดว่ากระดาษน่าจะติดกัน เลยทำให้แกคิดว่าหมดแล้ว ... คนที่มารออ่าน ก็งง ว่า ยังไม่ถึงคิวตัวเอง (เหลืออีกตั้งหน้านึง) ก็เกิด death air ประมาณ 10 วินาที ตอนนั้น เอ๋อ กันไปหมด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดีที่น้องคนที่มารอขานนามต่อ ตัดสินใจอ่านต่อ (ในหน้าที่ไม่ใช่ของตัวเอง อ่านแทนพี่เค้าหน้านึงอ่ะ ... คราวนั้นก็รอดตัวไป .... แก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันสุดๆ )

สิ่งที่เราไม่อยากเจอที่สุดก็คือ เราต้องเป็นคนขานนามในช่วงที่มีการพักครึ่ง เพื่อให้สมเด็จพระบรมฯ ได้เสด็จไปพัก และนวดนิ้ว นวดมือ

นั่น... ผู้ขานนาม จะต้องพูดอย่างอื่น นอกเหนือจากการพูดชื่อบัณฑิต จะเป็นคำราชาศัพท์ที่ยาว และอ่านยาก และต้องพูดทั้งตอนปิดขบวนเก่า และเปิดขบวนใหม่ .. แบบ ขอพระราชทานทรงทราบฝ่าละออง......... ไปอีกยาว ไม่อยากเจอ แต่ก็ต้องเจอในบางครั้งล่ะค่ะ

บางปี ต้องขานชื่อแถวๆ คณะที่มีตำรวจ ทหาร มาเรียน อันนั้น ก็หืดขึ้นคอ เพราะต้องอ่านยศ เค้าให้ครบ และต้องลงจังหวะ ด้วย ดังนั้น บางคนอาจจะถูกตัดชื่อ ตัดนามสกุล หรือสะกดแบบควบกันไป อันนี้ ก็ให้อภัยอาจารย์นะจ๊ะ ครูพยายามเต็มที่แล้วววววว

เวลาที่หายใจคล่องที่สุด ก็ตอนขานนามเสร็จนั่นแหละ เหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยเชียว


ลืมเล่า ครั้งสุดท้ายนี่ ฮา ... มาก (แต่ตอนนั้น ฮาไม่ออกง่ะ) .. คือบัณฑิตเสียขบวนกันไปแล้วรอบหนึ่ง พอเริ่มอ่าน ปรากฏว่าชื่อไม่ตรงเค้า เค้าก็หันมา ทำปาก (ไม่มีเสียง) พร้อมกับยกมือขึ้นมาบ๊ายย บายยย เอ้ย ไม่ช่าย ยกมือมาปฏิเสธ บอกว่า ไม่ใช่ชื่อเค้า ไม่ใช่ชื่อเค้า ...

โหะๆ คุณขา เค้าไม่ได้อัดวีดีโอ ส่งไปให้ที่บ้านหรอก ดังนั้น ถ้าไม่ใช่ชื่อเรา ก็ขอให้เข้ารับไปก่อน เพราะถ้าอ่านไปเรื่อยๆ เจอผิดเพศ เมื่อไร เค้าก็จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไปเองล่ะค่ะ ... เห็นใจครูหน่อยนะค๊า...

บัณฑิตบางคน ผลุดเข้า ผลุดออก น่าเสียดาย บางคนก็มาไม่ถึง เกิดอุบัติเหตุซะก่อน นี่ล่ะ เค้าว่า อาถรรพ์ของคน จะรับปริญญา จะบวช จะแต่งงาน ต้องระวังให้มาก แต่ที่ต้องระวังมากที่สุด ก็คือขากลับจากเชียงใหม่นั่นแหละค่ะ บางทีเหนื่อยมาก แถมต้องขับรถเอง เกิดอุบัติเหตุเยอะที่สุด ถ้ายังไง ไปพร้อมรถที่มหาวิทยาลัยจัดให้ หรือ หาคนขับจะดีกว่านะคะ

เล่าถึงคนเข้าออก เข้าออก นี่แหละ ทำให้บางครั้ง ชื่อบนปริญญาบัตร กับคนรับ ไม่ตรงกันซะงั้น โดยมาก คือมีคนหายไปกลางทาง ทำให้ปกเกินมาน่ะค่ะ ต้องประกาศแลกปริญญากันวุ่นวาย ...

อะไรก็เกิดขึ้นได้นะคะ


+++++++++++++++++++++++++++++++++

สรุปแล้ว งานจะยากแค่ไหน ก็เป็นความภาคภูมิใจในชีวิตการทำงานของคุณอาฯ นะคะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++

เอาล่ะ มา DUC ชุดครุยกัน

ชุดครุยคุณอาฯ เป็นของนิด้าค่ะ คณะของคุณอาฯ เป็นแถบสีส้ม ชอบที่สุด ตรงฮู้ดที่ห้อยข้างหลัง เป็นลายธงชาติด้วย รู้สึกตัวไปเอง ว่าเท่กว่าคนอื่นง่า .....

ชุดนี่ ตอนนี้ขอยึดมาจากที่ทำงานเลย แรกๆ คุณอาฯ คืนทุกปี ยืมใหม่ทุกปี มีปัญหาล่ะสิคะ เพราะบางทียืมมาให้ผิดง่า กลายเป็นแถบสีเหลืองซะงั้น .. ไม่เอา ไม่เอา ผิดกฎหมายเน้อ .. ตอนหลัง เลยยึดเลย เพราะยังไง ก็ได้ใช้ทุกปีอยู่แล้ว ... แอบงก ไม่ยอมตัดเอง



รูปที่เห็นขวาสุด ทำหน้าดุๆ นั่น ตอนซ้อม แล้วบัณฑิต เดินเข้าไม่ทันอ่ะค่ะ เครียดเชียว


+++++++++++++++++++++++++++++++++

จริงๆ เราก็มีโหมดบันเทิงเหมือนกันนะคะ ก่อนพระราชพิธีฯ เราก็มีลั้นลา ถ่ายรูปเล่นกันก่อน

มา DUC ชุดข้าราชการปกติขาวกันมั่งไม๊คะ



ก็เห็นวิวัฒนาการหนังหน้า กันพอหอมปากหอมคอนะคะ แต่งหน้าทาปากกันเอง ตามมีตามเกิดล่ะค่ะ ...

+++++++++++++++++++++++++++++++++

น่าเสียดาย ว่า ด้วยเหตุผลทางการเมือง (ในที่ทำงาน) ปีนี้ คุณอาฯ อาจถอดใจไม่ทำหน้าที่นี้แล้ว

จะได้ไปเจอน้องเป้ หรือเปล่าน๊า ....

ถ้ามีโอกาสได้ไป ขอจองน้องเป้ กะน้องซินดี้ เน้อ .. อยากเจออ่า ...


คิดว่าใกล้ๆ คงได้ตัดสินใจอีกที ....

(เอ๊ะ .. หรืออาจไม่ใช่การตัดสินใจของเราก็ได้
เพราะเหตุผลเดียวกัน เค้าอาจจะไม่เอาเราเหมือนกัน
แบบว่าขัดหูขัดตาง่า .... 55555)

+++++++++++++++++++++++++++++++++




 

Create Date : 24 มกราคม 2552    
Last Update : 24 มกราคม 2552 10:55:28 น.
Counter : 4881 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  

คุณอาผู้น่ารัก
Location :
เพชรบูรณ์ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add คุณอาผู้น่ารัก's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.