คนเล่นสงกรานต์กัน หมามันก็ร้อนอยากเล่นน้ำบ้างสิ
ไปทะเล เจอหมาทะเล กำลังมีความสุขกับการโต้คลื่นทะเล คนผีทะเลอย่างเราก็เลยไปแอบถ่ายซะงั้นในขณะที่หมาอีกตัวบนชายฝั่ง ก็ทำหน้าพริ้มรับลมร้อนพร้อมบิดขี้เกียจอวดกล้อง
บล็อคที่ 3 ของทริปเกาะช้าง
นานๆจะได้หยุดไปเที่ยวพักผ่อนสักที กลับมาจากเกาะช้างเลยต้องเอามาเขียนลงบล็อคให้คุ้มบล็อคนี้เป็นบล็อคที่ 3 ของเกาะช้างแล้ว ยังมีเรื่องเขียนอีกเยอะ แต่เอาเป็นว่า บล็อคนี้ขอใส่รูปเกาะช้างอย่างเดียวแล้วกันหลังจากถ่ายต้นนี้เสร็จ วันรุ่งขึ้นฝนตก ใบสีแดงก็ร่วงหล่นหมด และวันถัดมา ต้นหูกวางต้นนี้ก็ทอดยอดอ่อนออกมาทั้งต้นใบร่วงหมดทอดยอดใหม่ขึ้นมาคะยัคสีจัดจ้านเช้าเหงาๆสูงตระหง่านฝนกำลังจะตก เมฆสวยไปอีกแบบตกแล้ว และฟ้าหลังฝน ก็เกิดรุ้งแสนงาม พาดผ่านท้องฟ้าเป้นครึ่งวงกลม แต่ฟ้าหม่นไปหน่อย รุ้งเลยไม่แจ่มอย่างที่คิดตอนเห็นรุ้งกินน้ำ แป๊ะยังไม่ตื่น แต่ไม่อยากตื่นเต้นคนเดียว เลยวิ่งไปปลุกไปลากแป๊ะให้ตื่นมาดูด้วยกัน แป๊ะสะลึมสะลือเดิมมาดูเสร็จ แล้วก็พยักหน้า หงึก...1 ที บอกว่า.."อืม" แล้วก็พาร่างไร้วิญญาณลับไปนอนต่อ... สงสัยจะตื่นเต้นไปเองว่ะ
วันหยุดที่..เกาะช้าง (2).. ภาค เพื่อนใหม่ที่บลูลากูน
บล็อคที่แล้ว ทำความรู้จัก รีสอร์ต ชื่อ บลูลากูน (blue lagoon) กันไปบ้างแล้วที่บลูลากูน ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่มาพัก จะอยู่ระยะยาว 2อาทิตย์บ้าง 3 อาทิตย์บ้าง เป็นเดือนๆบ้างและลุงจักร ก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่มาอยู่ที่บลูลากูนจะครบ 1 เดือนแล้วแต่จริงๆแล้ว ลุงจักรก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เป็นพี่ที่เคารพของเจ้าของรีสอร์ตกันมานานโขแล้ว ลุงจักรใช้เวลาในช่วงอายุ 50 เกษียณตัวเองจากงาน ออกเดินทางท่องเที่ยว ทั่วประเทศไทย (น่าอิจฉาจริงๆ)ลุงจักร ยังเป็นพี่ที่เคารพของแป๊ะด้วย (แป๊ะเป็นใคร? อ่านได้ในบล็อคก่อนหน้านี้) ก็เลยทำให้เราได้รู้จักกับลุงจักรไปด้วย ลุงจักรเป็นคนสูงวัยที่น่าทึ่ง มีหัวคิดนอกกรอบแบบวัยรุ่น แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีประสบการณ์ และความคิดที่น่าชื่นชมแบบผู้ใหญ่ ลุงจักรมีลูกชายอยู่คนนึง ชื่อ JP (เจพี) ค่ะไม่ต้องสงสัยค่ะ ว่าทำไม ลูกชายลุงจักรถึงหน้าตาเป็นฝรั่งจริงๆแล้ว เจพี ก็คือ แขกคนหนึ่งของรีสอร์ตค่ะ เป็นคนเนเธอร์แลนด์ อยู่มา 2 อาทิตย์กว่าแล้ว ก็เลยสนิทสนมกับลุงจักรมาก ไปไหนไปด้วยกัน เจพีจะมีมอเตอร์ไซด์อยู่คันนึง บางทีก็พาลุงจักรซ้อนไปโน่นมานี่ค่ะที่ผ่านมาล่าสุด เจพีก็ตามลุงจักรและพวกเราไปทำสังฆทานด้วยแบบงงๆ (คือไม่รู้จัก แต่อยากไปทำด้วย ลำบากเลยทีนี้ จะอธิบายเรื่องบุญเรื่องกรรม ก็นึกเป็นภาษาอังกฤษไม่ออก )เจพี เพิ่งเรียนจบค่ะ ก็เลยเดินทางคนเดียวมาเที่ยวแถวเอเชีย ก่อนหน้านี้ไปลาว กับ กัมพูชามาแล้ว ก่อนที่จะมาจบที่เมืองไทย เจพี เป็นคนที่อัธยาศัยดี จนพี่ๆในรีสอร์ต เอ่ยปากชม จนกระทั่งบอก เจพีไปว่า ถ้ายูอยู่เกิน 20 วัน หลังจากนั้น จะให้อยู่ฟรีแล้วหลังจากนั้นเราก็จะเห็นเจพี นั่งนับนิ้วอยู่ตลอดเวลา ว่าอยู่ถึง 20 วันหรือยัง นอกจากเจพีแล้ว ลุงจักรยังมีเพื่อนสนิทอีก 2 คนที่ตามเราไปทำสังฆทานด้วย นั่นคือ ซูซานกับ แดเนียลทั้ง 2 คนเป็นคู่รักชาวสวีเดน ตอนแรกทั้งคู่จะเดินทางกลับมากรุงเทพในวันศุกร์ที่ 6 เมษา.. พอรู้ว่าเราจะจัดงานวันเกิดให้กับลุงจักรในวันเดียวกัน ทั้งคู่ ก็ยกเลิกคิวกลับ ยกเลิกตั๋วรถ ตั๋วเรือต่างๆ กระทันหัน เพื่ออยู่ต่อในงานเลี้ยงของลุงจักรตอนกลางคืน น่ารักจริงๆมื้อกลางวัน เราก็ชักชวน พีเจ ซูซานและเดเนียล ช่วยกัน เปิบ ข้าวเหนียว ส้มตำ น้ำตก และไก่ย่าง แต่ละคนก็เผ็ด แต่สู้ไม่ถอย โดยเฉพาะท่าปั้นข้าวเหนียวจิ้มแจ่วของ เจพี นี่ใช้ได้เลยทีเดียว เสียดายถ่ายรุปมาให้ดูไม่ทันนอกจากเจพีแล้ว ลุงจักรยังมีลูกอีกคนนึง ชื่อว่า มะตูมมะตูม อายุ 2 ขวบ แล้ว แต่จริงๆ มะตูมก็ไม่ใช่ลูกของลุงจักรอีกน่ะแหละ แต่เป็นลูกของพี่ยา เจ้าของรีสอร์ต แต่ลุงจักร เลี้ยงดูอุ้มชู มะตูม จนแขกทั้งรีสอร์ต นึกว่า เป็นลูกของลุงจักรไปซะแล้วคนสุดท้าย ลุงจักรเรียกว่า เด็กZAP ไม่ใช่เด็ก แซ้ป เหมือนวัยรุ่นไทยนะ แต่มาจากคำว่า เด็กแสบ คือ เป็นเด็กแสบประจำรีสอร์ตจริงๆ ชื่อว่า วอลเตอร์วอลเตอร์เป็นเด็กชาวอังกฤษ ที่ตามพ่อแม่เดินทางไปทั่วโลก วอลเตอร์เป็นเด็กขี้เหงา ที่ชอบแสดงออกด้วยความก้าวร้าว แต่หลังๆ วอลเตอร์เริ่มเป็นเด็กดีขึ้น หลังจากที่พี่ๆที่รีสอร์ตเริ่มไม่เล่นด้วย และเริ่มเปลี่ยนเป็นเด็กที่น่ารักขึ้นวันศุกร์ที่ 6 เม.ย. เป็นวันเกิดของลุงจักร เลยมีงานปาร์ตี้เล็กๆ ที่รีสอร์ต ในหมู่คนกันเองของลุงจักร พูดคุย สังสรรค์ กินดื่มตามอัธยาศัยแป๊ะ มีหน้าที่ดูแลสถานที่ทั่วไป และเราสองคนได้โชว์ฝีมือจัดดอกไม้ (อย่างมั่วๆ) ด้วย... อ้อ ลืมแนะนำ เพื่อนลุงจักร อีก 2 คน คือ อีฟ และโจแอล อีฟ กับ โจแอล เป็นชาวฝรั่งเศษ โจแอล (ผู้หญิง) เป็นครูสอนโยคะ อยู่ที่รีสอร์ต ชื่อว่า bann zen ส่วนอีฟ เป็นสามี ทำงานเป็นกัปตันเรือ ปกติทั้งคู่จะไปๆมาๆระหว่างเกาะช้างกับฝรั่งเศษ จนเป็นแขกประจำของที่นี่ลุงอีฟ ชอบทำขนมปัง เลยทำขนมปังฝรั่งเศษ สูตรดั้งเดิม มาฝากลุงจักรกับพวกเราด้วยนอกจากนั้นแล้ว ลุงอีฟก็ยังเอาเหล้ารัมสับปะรดหมักเอง มาฝากพวกเราด้วย แกบอกว่า ต้องหมักปีนึง ถึงจะเอามากินได้ ถือว่า รสชาติดีแหะ...ส่วน red label ขวดนี้ แดเนียล กับ ซูซาน เอามาฝาก ได้ใจไปเต็มๆ กับ ไอเดียการตกแต่งขวดเหล้าที่ดูดีที่สุดบรรยากาศก็เต็มไปด้วยความรื่นเริง พูดคุย ถูกใจลุงจักรเค้าเลยล่ะ...นี่คือ มิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง ลุงจักรบอกไว้อย่างนั้นค่ะ
วันหยุดที่..เกาะช้าง...
กำลังคิดอยู่ว่าจะเอาอะไรเขียนขึ้นบล็อกดี เพราะชีวิตช่วงนี้ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น นอกจากงาน งาน งาน และงาน และทะเลาะกับลูกค้าเป็นของแถมแต่ท่าทางความคิดวิตกจริตเรื่องบล็อก จะส่งไปถึงน้องๆที่ออฟฟิศ long weekend สามวัน 6-8 เมษายน เลยวางแผนกันว่าจะหอบผ้าหอบผ่อนไปหัวหิน ....หัวหิน!!! หัวหิน อีกแล้ว... เป็นคำแรกที่เราพูดกับน้องๆ เมื่อได้ยินคำชักชวนของพวกมัน กับสถานที่น่ะไม่เท่าไหร่ แต่กับตัวสมาชิกที่ไปน่ะน่าสนใจ เพราะเป็นบรรดาเทพฝีปากกล้าแห่งบริษัททั้งนั้น เราก็เลยรับปากไปว่าจะไปด้วย... จนกระทั่งเช้าวันเดินทาง....เพื่อนอีกคนหนึ่ง (ใช้นามสมมุติว่า แป๊ะ ) โทรมาถามไถ่ว่า... หยุดสามวัน ไปไหนหรือเปล่า เห็นบ่นอยากไปเกาะช้างมาตั้งแต่เดือนกุมภาฯ ก็เลยถามว่าหยุดสามวันนี้จะไปกันมั้ยเอาล่ะสิ หัวหิน ..เกาะช้าง หัวหิน..เกาะช้าง...ใช้เวลาคิดอยู่ประมาณ 5นาที ก็ตัดสินใจ เปลี่ยนเป้าหมายการเดินทางไปเกาะช้างทันที จัดกระเป๋าและออกเดินทาง โดยมีสมาชิกทั้งหมด สอง คน -_- พร้อมกับทิ้งสมาชิกอีก 6 คนไว้ที่หัวหิน พร้อมกับคำก่นด่าที่เราชิ่งหนีไปซะงั้น...หญิงสาวสองคนตัดสินใจขับรถออกจากกรุงเทพตอนเที่ยงคืน ตีหนึ่ง เพื่อไปให้ถึงเกาะช้างตอนเช้าให้ทันเรือรอบแรก อีกเหตุผลที่ออกเดินทางดึก คือ ถนนโล่ง ขับสบาย...แป๊ะ เพื่อนที่แสนดี ชวนเราคุยตลอดทางเพื่อไม่ให้ง่วงในที่สุดเราก็มาถึงเกาะช้างกันจนได้....ในสภาพที่...ง่วงงงงงงงงงมากกกกก(ในขณะที่คุณแม่ ยังคงนึกว่าลูกสาวไปนอนแช่น้ำอยู่หัวหิน 55555)เรากลับมาที่เดิม ที่ Blue lagoon รีสอร์ตเล็กๆบนหาดคลองพร้าว สถานที่คุ้นเคยมากๆของแป๊ะ และเป็นที่คุ้นเคยของเรา คอนเซ็ปต์การมาเกาะช้างครั้งนี้ ของแป๊ะคือ เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับชาว บลูลากูน ในขณะที่สำหรับเรา ทริปนี้มาเพื่อพักผ่อนอย่างแท้จริง พร้อมกับ ถือศีลอดไปด้วย (อดเหล้า อดบุหรี่)เรามาทำความรู้จัก บลูลากูน (blue lagoon resort) กันสักเล็กน้อยดีกว่าบลูลากูน (blue lagoon resort) นี่คือ หน้าตาของ เจ้าของ รีสอร์ต เพื่อนสนิทของแป๊ะ...เราเลือกเอาหน้าตาของเจ้าของรีสอร์ตมาให้ดูก่อน เพื่อทำลายกำแพงแห่งความคาดหวังว่า บลูลากูน ณ คลองพร้าว จะเป็นบูติครีสอร์ทสุดหรู ที่ราคาต่อห้อง ต้องห้าพันอัพขึ้นไป เพราะจริงๆแล้วราคาห้อง ห้าร้อยอัพขึ้นไปต่างหากมาถึงเรื่องที่มาของชื่อ Blue lagoon หรือ ทะเลสาบสีมรกตก็ตรงตามคำแปลนั้นแหละ เพราะที่นี่ ตั้งอยู่ปลายน้ำ ปลายคลองที่เชื่อมต่อกับทะเล เลยทำให้น้ำแถวๆนี้ มีสีเขียวฟ้า เหมือนมรกต (แต่ระยะหลัง สีมันหม่นลงไปบ้าง เพราะน้ำเสียจากโรงแรมที่อยู่ต้นน้ำ)ด้วยความที่เจ้าของเป็นคนบ้าพลัง นอกจากห้องพักแล้ว ยังมีทำเป็น โรงเรียนสอนทำอาหารไทย ร้านอาหารไทย และชักชวนเพื่อนสนิทมิตรสหายชาวฝรั่งเศส เปิดเป็นที่ฝึกโยคะอีกด้วย และทำอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย จนเพื่อนๆต้องห้ามไว้ เกรงว่า บลูลากูนจะกลายเป็นธุรกิจครบวงจร เหมือนกับ TRUE (ฮา)นับจากครั้งสุดท้ายที่มาที่นี่ ก็ประมาณ สองปีที่แล้ว มีการเปลี่ยนแปลงไประดับหนึ่ง ห้องพักมีเยอะขึ้น ตกแต่งน่ารักขึ้น บรรยากาศแค่นี้แหละก็ทำให้เราไม่อยากออกไปไหนแล้วตรงนี้เป็นทางเดินเพื่อเชื่อมออกไปยังชายหาด ชายหาดตรงนี้ คนน้อย น้ำใส หาดลาดตื้น เพราะส่วนใหญ่ คนจะไปกระจุกอยู่ที่หาดทรายขาว หาดไก่แบ้และแหลมไชยเชษฐ์ พูดถึงหาดไก่แบ้ ทำให้นึกย้อนกลับไป ประมาณ สิบปีที่แล้ว สมัยที่ยังเรียนอยู่ปี สอง นั่นคือการมาเกาะช้างครั้งแรก ถนนรอบเกาะยังเป็นทางลูกรัง ไม่มีเฟอรรี่ที่จะเอารถขึ้นมา ต้องนั่งสองแถวเพียงอย่างเดียว หัวสั่นหัวคลอนกว่าจะถึงที่พักและเลือกหาดไก่แบ้ เป็นที่พักพิงของเรา เพราะสงบที่สุดและถูกที่สุดในยุคนั้น ตอนนั้นเราเลือกนอนที่กระต๊อบ คืนละ 100 บาท ห้องน้ำรวม ในภาวะที่ยังเป็นนักศึกษางบน้อย ที่พักร้อยนึง ถือว่าโอเคที่สุดแล้ว และเมื่อมาเทียบกับไก้แบ้ในตอนนี้ ต้องยอมรับว่าเปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆยามเย็นที่หาดคลองพร้าว จะพบกับพระอาทิตย์ไข่แดงกลมโต ตกลงทะเลที่หน้าหาดแต่น่าเสียดายที่ฝนตกก่อนนห้านี้ เมฆเยอะ เลยได้เห็นแต่เพียงฟ้าสีหม่นหลากสียามเย็นแทนเดี๋ยวบล็อคหน้า มารู้จักเพื่อนใหม่ ที่บลูลากูนกัน...
บ้านใหม่ของเรา
ฤกษ์งามยามดี วันพฤหัส ที่ 29 มีนาคม เวลา 9.19 น.เป็นการบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง และลงเสาเข็มต้นแรกให้กับบริษัทเก่า(แต่สร้างใหม่) บนพื้นที่ 1 ไร่ ละแวก ถนนเกษตร-นวมินทร์นับจากนี้อีก 1 ปี เราคงมีออฟฟิศกว้างๆ ใหม่ๆ สบายๆ ขึ้นที่สำคัญ ออฟฟิศใหม่ ขับรถจากบ้านไปแค่ 5 นาทีเอง...อิอิสรางความริษยาให้น้องๆคนอื่นๆอย่างมาก 5555555555+เสาต้นแรกอย่างกับพิธีบวงสรวล เปิดกองละครเลย อิอิอีก 1 ปี จะมีบ้านใหม่ของชาวป่าใหญ่ ขึ้นตรงนี้ค่ะ