เที่ยวกินดะ ณ หัวหิน (Part 1)


ระยะเวลาการเดินทาง: 12 - 13 กันยายน พ.ศ. 2552

อารัมภบท
เนื่องจากบีบี้เดินทางมาเที่ยวหัวหินบ่อย (มาก) โดยแต่ละครั้งที่มาจะเลือกกินตามร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ หรือแล้วแต่ตามความสะดวก โดยที่ไม่รู้เลยว่าเป็นร้านอาหารที่คนอื่นๆ แนะนำหรือควรไปร้านอาหารแนะนำที่ (อาจจะ) ดีกว่า บีบี้เลยค้นหาข้อมูลร้านอาหารแนะนำในหัวหินซึ่งได้มาเป็นจำนวนมาก แต่สำหรับครั้งนี้บีบี้เลือกมาประะมาณ 20 ร้านที่อยู่ใกล้ๆ ที่พักแถวตลาดหัวหิน โดยเพื่อนร่วมที่สามารถจะกินดะเหมือนบีบี้ได้คือคุณแดดดี้นั่นเอง(หลังจากที่คุณแดดดี้ไปหัวหินครั้งสุดท้ายเมื่อ 20 ปีที่แล้ว) แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ไปชิมได้เพียง 10 ร้านเท่านั้นเอง ดังนี้
   1. ร้านขนมหวานบ้านป้าปรางค์
   2. ร้านข้าวเหนียวมูลเสวยแม่นงนุช (ร้านมีชัย)
   3. ร้านครัวกรรณิการ์ - ไก่ทอดโกศล
   4. ร้านลอดช่องสิงคโปร์เสวย (นายดำ)
   5. ร้าน Backyard Steak
   6. ร้านขนมครกในตลาดฉัตรไชย
   7. ร้านข้าวเหนียวหมูปื้งนายแต (เสื้อแดง)
   8. ร้านสมชายปาท่องโก๋
   9. ร้านกาแฟเจ๊กเปี๊ยะ
   10. ร้านอาหารหัวหิน (โกทิ)









ในการเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิด้วยรถตู้เพียง 180 บาทเท่านั้น Ffpใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งจึงเดินทางถึงตลาดฉัตรไชย จากนั้นก็ตรงเข้าสู่ที่พักที่จองไว้ล่วงหน้า แต่ ... เดี๋ยวก่อน ระหว่างทางไปที่พัก พวกเราจะผ่านร้านอาหารแนะนำร้านแรก นั่นคือ ...





1. ร้านขนมหวานบ้านป้าปรางค์



จากชะอำขับรถไปตามถนนเพชรเกษม ก่อนที่จะถึงตลาดฉัตรไชย ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนชมสินธุ์ (ซอยหัวหิน 55) บ้านป้าปรางค์จะอยู่ทางขวามือถัดจาก 55th Corner Hua Hin แต่จะถึงก่อนร้านลอดช่องช่องลุงดำ บีบี้ใช้เวลาเดินจากสี่แยกไฟแดงมาไม่เกิน 1 นาทีก็ถึง



ว่าแล้วบีบี้ก็เลือกขนมที่ชอบกิน (เป็นประจำ) คือ ขนมข้าวฟางผสมสาคูเปียก (15 บาท) และสั่งขนมโค (เหมือนขนมต้มที่ไม่ได้คลุกมะพร้าวขูดแต่ใส่ลงในน้ำกะทิแทน - 10 บาท) ให้คุณแดดดี้ แต่คุณแดดดี้กลับอยากกินข้าวเหนียวเปียกใส่เผือก (10 บาท) ซึ่งใน 3 อย่างนี้ บีบียังคงชอบขนมข้าวฟางผสมสาคูเปียกที่ไม่หวานมาก ตรงกันข้ามกับขนมโคที่แม้ว่ากะทิจะออกเค็มแต่ไส้กระฉีก (ไส้มะพร้าว) ของขนมโคมีรสชาติหวานมาก

กลับสู่ด้านบน

หลังจากเสร็จภารกิจที่ 1 ก็เข้าห้องพัก (ขอเก็บไปพูดถึงที่ท้าย Blog) แล้วออกไปกินข้าวเที่ยวกับภารกิจต่อไป แต่ว่าระหว่างขอเก็บตกร้านอาหารแนะนำร้านถัดไป





2. ร้านข้าวเหนียวมูลเสวยแม่นงนุช (ร้านมีชัย)



จากชะอำขับรถไปตามถนนเพชรเกษม พอเลยสี่แยกไฟแดงที่ถนนเพชรเกษมตัดกับถนนชมสินธุ์ (ซอยหัวหิน 55) ให้มองหาร้านซึ่งจะอยู่ทางขวามือ ตรงข้ามตลาดฉัตรไชย โดยร้านจะอยู่ตั้งระหว่างถนนชมสินธุ์กับถนนเดชานุชิต (ซอยหัวหิน 57)



เมื่อพูดถึงร้านข้าวเหนียวมูลเสวยแม่นงนุช บีบี้ก็ต้องชิมข้าวเหนียวมูลโดยกินพร้อมกับมะม่วงน้ำดอกไม้ (ชุดละ 50 บาท) ซึ่งข้าวเหนียวมูลร้านนี้นิ่มมาก และหอมมันกะทิ ส่วนมะม่วงไม่หวานมากแต่ก็ไม่เปรี้ยว ซึ่งบีบี้ชอบรสชาติแบบนี้ ไว้วันหลังอยากลองกินคู่กับสังขยาที่เค้าว่ากันว่าอร่อย (แต่บีบี้กลัวว่าจะหวานเกินไป) และที่ต้องลองอีกอย่างหนึ่งคือขนมเทียนเสวยไส้เค็ม (ชิ้นละ 6 บาท) ซึ่งแป้งขนมเทียนเหนียวนุ่มแต่ไส้จะเหมือนถั่วกวนใส่กะทิและเกลือให้ออกรสเค็มแต่ก็รู้สึกว่ารสชาติจะหวานนำกว่าและไม่มีกลิ่นพริกไทย

กลับสู่ด้านบน

จะว่าไปแล้ว แม้จะแวะซื้อของร้านข้าวเหนียวมูลเสวยแม่นงนุชก่อนก็ตาม แต่ขนมที่ซื้อไปก็เป็นของหวานล้างปากหลังอาหารมื้อเที่ยงในร้านแนะนำต่อไปนี้





3. ร้านครัวกรรณิการ์ - ไก่ทอดโกศล



จากชะอำขับรถไปตามถนนเพชรเกษม ผ่านตลาดฉัตรไชย จากนั้นให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนดำเนินเกษม ตรงไปยังสถานีรถไฟหัวหิน เมื่อสุดทางถนนจะพบกับสถานีรถไฟตั้งตระหง่านอยู่ตรงสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายแล้วขับไปตามทางประมาณ 400 เมตร ร้านจะอยู่ทางด้านซ้ายมือโดยมีป้ายร้านที่อาจจะถูกบดบังด้วยไม้ใหญ่ยืนต้นทั้งหลาย



สำหรับร้านนี้ อาหารที่ทำจากอย่างอื่นต้องไม่พูดถึงเลยยกเว้นแต่ไก่อย่างเดียว แน่นอนว่าบีบี้ก็ต้องสั่งปีกไก่ยัดไส้ (ชิ้นละ 45 บาท) ที่เป็นอาหารแนะนำของร้าน และตามด้วยไก่ทอดโกศล (ชิ้นละ 45 บาท) ที่ร่วมเป็นหนึ่งในชื่อของร้าน และเพื่อไม่ให้เลี่ยนของทอด บีบี้เลยสั่งขนมจีนแกงเขียวหวานไก่ (ชุดละ 90 บาท) เพื่อไม่ให้หนักท้องจนเกินไป บีบี้ชอบปีกไก่ยัดไส้ซึ่งอร่อยสมคำล่ำลือจริงๆ แต่ไก่ทอดโกศลรสชาติก็ไม่ต่างจากไก่ทอดทั่วไป (อาจเป็นเพราะบีบี้กินตรงส่วนเนื้ออกซึ่งไม่ได้รสชาติของซอสหมักที่เคลือบเพียงแค่ผิวๆ ของไก่ ไม่ได้ซึมซาบเข้าเนื้อไก่) สำหรับขนมจีนแกงเขียวหวานไก่นั้น น้ำแกงข้นกะทิและรสชาติไม่เผ็ดจัด แต่บีบี้ว่าราคาแพงเกินไป ซึ่งกินปีกไก่ยัดไส้ 2 ชิ้นยังคุ้มกว่าเลย

กลับสู่ด้านบน

หมดอาหารมื้อนี้ ก็อิ่มกันถ้วนหน้า จะว่าไปแล้วขากลับไปที่พัก บีบี้พาคุณแดดดี้ชมความงดงามของสถานีรถไฟหัวหินซึ่งเวลาใช้เดินจนถึงที่พักร่วมครึ่งชั่วโมง ทำให้เกิดที่ว่างเหลือในท้องพอให้ลิ้มลองข้าวเหนียวมะม่วงที่แวะซื้อมาก่อนหน้านี้ รวมถึงของหวานร้านโปรดของบีบี้ที่มาที่นี่ที่ไรต้องไม่พลาดร้านแนะนำร้านนี้เลย





4. ร้านลอดช่องสิงคโปร์เสวย (นายดำ)



จากชะอำขับรถไปตามถนนเพชรเกษม ก่อนที่จะถึงตลาดฉัตรไชย ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนชมสินธุ์ (ซอยหัวหิน 55) ร้านลอดช่องลุงดำจะอยู่ทางขวามือถัดจากร้านขนมหวานบ้านป้าปรางค์ นอกจากนี้แล้วร้านลอดช่องลุงดำยังมีอยู่ในตลาดฉัตรไชยอีกร้านหนึ่ง ซึ่งอยู่ด้านท้ายของตลาด



บีบี้แทบจะไม่เคยพลาดความอร่อยของลอดช่องสิงคโปร์ (แก้วละ 15 บาท) เมื่อได้มาถึงหัวหินถิ่นนี้ บีบี้ชอบตรงที่ความเหนียวหนึบหนับของเนื้อลอดช่องผสมกับความหวานมันของน้ำกะทิ (จริงๆ แล้วบีบี้มักจะสั่งให้ลดน้ำเชื่อมเพราะอยากกินแบบหวานน้อย) ช่วยดับกระหายคลายร้อนยามบ่ายได้เป็นอย่างดี

กลับสู่ด้านบน

เมื่อกลับไปถึงที่พัก ก็ถึงเวลาเปิดกล่องจัดการข้าวเหนียวมะม่วงที่ซื้อมา จากนั้นก็ได้เวลาพักผ่อนจริงๆ โดยบีบี้เลือกจะนั่งอ่านหนังสือและตากแอร์ในห้อง ส่วนคุณแดดดีั้เลือกที่จะนอนตากอากาศของหัวหินที่ระเบียงตึก พอบ่ายคล้อย สภาพอากาศก็แปรเปลี่ยนไปเป็นมีเมฆมากและตามมาด้วยลมฝนจนบีบี้คิดที่จะเปลี่ยนแผนแบบกระทันหัน แต่โชคดีที่ฝนหยุดตกก่อน 5 โมงเย็น จึงเป็นอันว่าบีบี้ได้เริ่มภารกิจสำหรับมื้อเย็นต่อไปที่ร้านนี้





5. ร้าน Backyard Steak



จากชะอำขับรถไปตามถนนเพชรเกษม หลังจากที่เลยพระราชวังไกลกังวล ให้สังเกตร้าน Backyard Steak ซึ่งจะอยู่ทางด้านขวาหน้าปากซอยหัวหิน 62 แต่ถ้ามาจากทางตลาดฉัตรไชย ร้านจะอยู่ถัดจากปั๊มน้ำมันเชลล์



ร้านนี้ไม่ใช่ร้านแนะนำที่จะพบได้ตาม review แต่ร้านนี้เป็นร้านที่บีบี้อยากจะมากินเพราะลักษณะร้านที่เป็น Buffet ในราคาที่แสนถูก บีบี้ได้กล่าวถึงร้านดังกล่าวโดยละเอียดแล้วที่ Blog "ถึงจะมาหัวหินก็มีบุฟเฟต์ Backyard Steak" ดังนั้นบีบี้จึงไม่กล่าวถึงอีก แต่โดยรวมแล้วประทับใจมากๆ (ทั้งบีบี้และคุณแดดดี้)

กลับสู่ด้านบน

ตามแผนการเดิม เมื่อจบภารกิจนี้แล้ว ยังมีภารกิจค่ำคืนนี้ที่ตลาดโต้รุ่งอีก แต่เนื่องจากแผนการที่เลื่อนมาจนค่ำ (เนื่องจากฝนตก) ทำให้ไม่มีเวลาให้ท้องได้ย่อยอาหารให้หมดก่อน ดังนั้นภารกิจนี้จึงเป็นอันต้องพับไป ได้แต่เดินชมตลาดโต้รุ่งเท่านั้น จากนั้นจึงกลับที่พัก อาบน้ำและถึงเวลาล้มตัวลงนอน

จนเช้า (ตรู่) ที่ได้เวลาตื่น หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว บีบี้ก็รีบทำภารกิจยามเช้าที่ตลาดฉัตรไชยทันที โดยปล่อยให้คุณแดดดี้อาบน้ำแต่งตัวอยู่ในห้อง





6. ร้านขนมครกในตลาดฉัตรไชย


เดินเข้าตลาดฉัตรไชยทางด้านหน้า (ตรงถนนเพชรเกษม) ทางเข้าแรกเดินไปเลยๆ จะเริ่มเห็นร้านขายขนมครก ซึ่งร้านจะตั้งอยู่ตรงสุดทางก่อนที่จะเลี้ยวไปยังแผงขายปลา





ร้านนี้ก็ไม่ใช่ร้านแนะนำที่จะพบได้ตาม review อีกเช่นกัน แต่เป็นร้านที่เกือบทุกครั้งที่บีบี้กับเพื่อนๆ มาที่ตลาดยามเช้าตรู่ (เพราะถ้าเลย 8 โมงก็จะอดกินอย่างแน่นอน) จะต้องมาสั่งขนมครก (ชุดละ 10 บาท) และเดินกินกันเพลินระหว่างซื้ออาหารเช้ากลับที่พัก ด้วยความหอมมันกะทิที่หยอดด้านบนบวกกับความกรอบและเหนียวนุ่มของแป้ง (แนะนำว่าต้องกินตอนที่ยังไม่เย็นชืด - เพราะครั้งนี้ซื้อกลับไปกินที่ที่พัก กว่าจะถึงขนมครกก็เย็นหมดแล้ว แถมชิ้นล่างๆ ก็ไม่กรอบอีกด้วย)

กลับสู่ด้านบน

จากนั้นก็ตามมาด้วยหมูปิ้งกับร้านแนะนำต่อมา





7. ร้านข้าวเหนียวหมูปื้งนายแต (เสื้อแดง)


เริ่มต้นที่หัวถนนเดชานุชิต (ถนนที่เป็นตลาดโต้รุ่งในตอนกลางคืน) ด้านถนนเพชรเกษม เดินตรงไป ร้านจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ ตรงปากทางเข้าตลาดฉัตรไชยทางเข้าแรกของด้านนี้





ร้านนี้เห็นมีคนเขียนถึงว่าอร่อยมากมาย บีบี้จึงไม่อยากจะพลาดหมูปิ้ง (ไม้ละ 6 บาท) ของร้านนี้ นอกจากนี้แล้วบีบี้ยังสั่งตับไก่ย่าง (ไม้ละ 10 บาท) แต่กว่าจะได้กินจริงๆ ทุกอย่างที่ซื้อไปก็เย็นหมดแล้ว หมูปิ้งก็ทั้งเย็นและแข็ง (แต่รสชาติก็ยังดีอยู่) แต่ที่แย่ที่สุดเห็นจะเป็นตับไก่ที่ทั้งเหนียวและเย็นชืด เอาไว้วันหลังจะมากินแบบที่ยังร้อนๆ อยู่แล้วดูว่าจะอร่อยมากแค่ไหน

กลับสู่ด้านบน

จากนั้นก็ต้องเป็นปาท่องโก๋สำหรับกาแฟยามเช้าซึ่งจะเป็นร้านแนะนำถัดไป





8. ร้านสมชายปาท่องโก๋



จากฝั่งตรงข้ามตลาดโต้รุ่ง ซึ่งจะเป็นถนนเดชานุชิต (ซอยหัวหิน 57) หัวมุมจะเป็นร้านอาหารโกทิ ให้เดินตรงไป จะเป็นสี่แยกที่ถนนเดชานุชิตตัดกับถนนแนบเคหาสน์ ให้เลี้ยวขวา จะพบกับร้านซึ่งอยู่ตรงข้ามกับร้านกาแฟเจ๊กเปี๊ยะ



สาเหตุที่อาหารเช้าไม่อร่อยทั้งหมดก็เพราะร้านนี้ เนื่องจากมีคนมารอซื้อปาท่องโก๋ (ชิ้นละ 2 บาท) กันเต็มและคนทอดก็ทอดไม่ทัน ทำให้บีบี้ต้องยืนรอเกือบ 5 นาที ระหว่างที่ยืนรอบีบี้ก็เหลือบไปเห็นซาลาเปาทอดหรือที่ใครบางคนเรียกว่าแก้วตาโบ๋ (ชิ้นละ 1 บาท) และสังขยาใบเตย (กระปุกละ 10 บาท) บีบี้เลยสั่งมากินทั้งหมดเลย ปาท่องโก๋เรียกว่าอร่อยสมกับการรอคอย (จริงๆ แล้วบีบี้ เคยกินปาท่องโก๋ร้านนี้มาก่อนและชอบมาแต่ไม่รู้มาก่อนว่าเป็นร้านแนะนำเหมือนกัน) แต่พลอยทำให้อาหารเสียรสชาติ ส่วนสังขยาก็หอมข้น ไม่หวานมากและไม่เขียวมากไป (สีเขียวของสังขยาจะอ่อนกว่าของเจ้าอื่น - เท่าที่บีบี้เห็นมา) แต่ที่ไม่อร่อยเลย คือซาลาเปาทอด ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าทอดมานานมาแล้ว

กลับสู่ด้านบน

มื้อนี้ตั้งใจจะกินไม่มากเนื่องจากบีบี้อยากจะไปกินโจ๊กร้านแนะนำร้านต่อไป นั่นคือ ...





9. ร้านกาแฟเจ๊กเปี๊ยะ



จากฝั่งตรงข้ามตลาดโต้รุ่ง ซึ่งจะเป็นถนนเดชานุชิต (ซอยหัวหิน 57) หัวมุมจะเป็นร้านอาหารโกทิ ให้เดินตรงไป จะเป็นสี่แยกที่ถนนเดชานุชิตตัดกับถนนแนบเคหาสน์ จากนั้นให้ข้ามถนน ก็จะพบร้านซึ่งตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนน



โชคดีที่วันนี้เดินมาถึงที่ร้านแล้วยังมีที่ว่างให้นั่งได้โดยไม่ต้องยืนรอเหมือนครั้งที่ผ่านมา ไม่รอช้าบีบี้เลยสั่งโจ๊กหมูไม่ใส่ไข่ (15 บาท) พร้อมกับชาเย็น (10 บาท) ส่วนคุณแดดดี้สั่งเกาเหลาเนื้อปลาไม่เอาข้าวเปล่า (30 บาท) โจ๊กร้านนี้ข้าวจะไม่ละเอียดมากและหมูสับก็ไม่ได้บดละเอียดเหมือนโจ๊กร้านเจ้แอนซึ่งเนื้อหมูสับจะเด้งมาก ดังนั้นตอนตักกินจึงมีข้าวให้เคี้ยวเรียกว่ารสชาติก็อร่อยไปอีกแบบ ส่วนเกาเหลาเนื้อปลาก็ได้ปริมาณปลาที่เยอะ เนื้อปลาไม่เละและไม่คาว ส่วนชาเย็น บีบี้รู้สึกเฉยๆ ไม่ไดประทับใจอะไรมากเพราะรสชาติเหมือนชาเย็นทั่วไป แต่รสออกหวานข้นและไม่ค่อยได้กลิ่นชาเท่าไร (บีบี้แอบชอบโปสเตอร์ที่ติดในร้านที่เค้าใช้ร้านเป็นสถานที่ในการถ่ายแบบ คือว่า นายแบบหน้าตาดี๊ดีแถมแอบเซ็กซี่กับบางภาพที่ topless เสียด้วย )

กลับสู่ด้านบน

หลังจากเสร็จมื้อนี้ เรียกได้ว่าอิ่มนำสำราญกับมื้อเช้าอันมโหฬาร บีบี้กับคุณแดดดี้ก็กลับห้องพักเพื่อเตรียมเก็บกระเป๋าและนอนดูโทรทัศน์รอ check-out ซึ่งบีบี้วางแผนไว้ว่าจะกินข้าวเที่ยงตอน 11 โมง จะได้กลับรถตู้รอบเที่ยง แต่กลับกลายเป็นว่าคุณแดดดี้อยากกินอาหารในร้านแนะนำร้านสุดท้ายซึ่งร้านนี้ก็เริ่มเปิดตอนเที่ยงเสียด้วย บีบี้เลยเซ็งเพราะไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ (อีกแล้ว)





10. ร้านอาหารหัวหิน (โกทิ)


ร้านจะตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนเพชรเกษมตัดกับถนนเดชานุชิค ฝั่งตรงข้ามตลาดโต้รุ่ง




บีบี้กับคุณแดดดี้มานั่งรอที่ร้านตั้งแต่ 11 โมง 45 นาทีเพราะจะได้รีบกินแล้วรีบกลับ (ที่จริงเคยมาตอนเกือบๆ 11 โมงแล้ว แต่ร้านยังไม่เปิดขายเลยต้องกลับไปรอที่ที่พัก) นั่งอ่านรายการอาหารไปพลางๆ จนเที่ยงนิดๆ ก็มีคนมารับรายการอาหารซึ่งด้วยความเซ็ง บีบี้เลยให้คุณแดดดี้เป็นคนสั่งอาหารเอง ซึ่งอาหารในมื้อนี้คือห้อยจ้อ (จานละ 100 บาท) และต้มยำทะเลน้ำใส (ชามละ 100 บาท) แม้ว่าคนในร้านจะมีอยู่แค่ 3 โต๊ะ แต่บีบี้ก็นั่งรอจนน้ำแข็งเกือบหมดถัง และที่สำคัญคือพออาหารถูกวางลงมาที่โต๊ะ บีบี้ตะลึงกับภาพของหอยจ้อที่ชิ้นเล็กมากและทอดออกมาได้เกรียมจนบีบี้นึกว่าร้านเอาไส้กรอกอีสานแบบตุ้มที่ทอดแล้วมาให้ ทำเอาความอยากอาหารเกือบเหลือ 0% ซึ่งถูกแทนที่ด้วยความเบื่อหน่าย ส่วนต้มยำทะเลก็ดูโหลงเหลงมาก ส่วนใหญ่จะมีเป็นปลาหมึกหั่นเป็นวง พอตักเนื้อปลาชิ้นแรกของตัวเองมาก็ดันเป็นส่วนแกนกระดูกสันหลัง (ชิ้นแรกสุดเป็นเนื้อก็ให้คุณแดดดี้ไปก่อน) ส่วนกุ้งก็เหมือนจะแตกคอกันเพราะที่คบกันอยู่ก็มีประมาณ 3 ตัวในชามเท่านั้น เรียกว่าไม่สามารถเรียกความประทับใจกลับคืนมาได้เลย (บีบี้เคยกินร้านนี้มาก่อนเหมือนกันแต่ไม่เคยชอบเลยเพราะอาหารที่ดูๆ แล้วไม่ค่อยอร่อยและแพงด้วย) ด้วยความเซ็งประกอบกับความไม่น่ากินของอาหาร บีบี้เลยไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ให้ดู

กลับสู่ด้านบน

และแล้วก็สิ้นสุดภารกิจกินดะ ณ หัวหินครั้งแรกด้วยมื้อเที่ยงที่นี่ (ที่ไม่รู้สึกว่าอิ่มเลย) จากนั้นพวกเราก็ตรงดิ่งไปยังวินรถตู้เพื่อมุ่งหน้าสู่กรุงเทพ โดยที่บีบี้คาดหวังว่ารถจะจอดแวะข้างทางให้บีบี้ได้หาซื้ออะไรกินระหว่างทาง (แต่เอาเข้าจริงบีบี้ก็เอาของฝากมากินตั้งแต่รถยังไปไม่ถึงชะอำเลย)

สำหรับครั้งแรกนี้ บีบี้คิดว่าบีบี้คงประเมินความสามารถของตัวเองและคุณแดดดี้สูงเกินไปทำให้ร้านที่ได้ไปกินมาไม่มากอย่างที่คิดไว้ ประกอบกับการจัดลำดับร้านที่ไม่ถูกต้องทำให้อาหารที่ซื้อมาต้องเสียรสชาติไปเนื่องจากการรอซื้ออาหารจากร้านอื่น สำหรับครั้งต่อไปบีบี้คงจะต้องวางแผนใหม่ให้ดูเป็นไปได้มากกว่านี้




ปล. จะว่าไปแล้ว ถ้าบีบี้จะไม่พูดถึงที่พักเลยก็คงจะไม่ค่อยดีนัก เลยกล่าวถึงและลงรูปให้ดูพอสังเขปก็แล้วกัน



ที่พักดังกล่าวตั้งอยู่บนถนนแนบเคหาสน์ ระหว่างถนนชมสินธุ์ (ซอยหัวหิน 55) กับถนนเดชานุชิต (ซอยหัวหิน 57) มีชื่อว่า โรงแรมพนัญไชย (จริงๆ แล้วเป็น Guesthouse มากกว่าโรงแรม) โดยฝั่งตรงข้ามจะเป็นซอยหัวหิน 55/2 ซึ่งสามารถเดินทะลุออกไปยังถนนเพชรเกษมได้ ราคาของห้อง (มีราคาเดียว ไม่มีราคา low/high season - หมายเลขโทรศัพท์ 032-511-633, 032-511-707) เป็นดังนี้
   1. ห้องเตียงเดี่ยวนอน 2 คน (Double Bed) ราคา 650 บาท (เป็นห้องที่บีบี้เลือกพักสำหรับครั้งนี้)
   2. ห้องเตียงคู่นอน 2 คน (Twin Bed) ราคา 700 บาท
   3. ห้องเตียงนอน 3 คน (Triple Bed) ราคา 900 บาท

โดยห้องทุกแบบจะรวมอาหารเช้าที่เป็นชา-กาแฟกับขนมปังปิ้ง (ห้องอาหารจะอยู่ชั้นล่างทางซ้ายของแผนกต้อนรับ) ดังนี้



บีบี้เลือกที่จะพักที่นี่เพราะว่า
   1. ราคาที่ถูกเพียง 650 บาท แต่ดูไม่เหมือน guesthouse โทรมๆ หรืออาคารพาณิชย์ดัดแปลงมากนัก
   2. ตำแหน่งที่ตั้งที่อยู่ไม่ห่างจากวินรถตู้ ตลาดฉัตรไชย ตลาดโต้รุ่ง และทะเลหัวหิน แต่ก็ไม่ติดกับถนนใหญ่ซึ่งจะได้ไม่ประสบกับมลพิษต่างๆ ทั้งควันรถและเสียงตามท้องถนน แต่สิ่งที่เป็นผลพลอยได้ที่คาดไม่ถึงก็คือ การได้รับลมทะเลและมองเห็นวิวทะเลหัวหินจากหน้าต่างห้องพักหรือริมระเบียง (เนื่องจากบีบี้พักชั้นบนสุด ชั้น 6 ห้อง 605)

และที่นี่ก็มีข้อเสียเหมือนกันนั่นคือ
   1. ลิฟต์รับส่งคนเหมือนจะใหม่แต่ฟังก์ชันการทำงานเหมือนอาจจะ error ได้ทุกเมื่อ (คือบีบี้กับคุณแดดดี้เจอเหตุการณ์ครั่งหนึ่งที่ลิฟต์จอดไม่ตรงกับพื้นของชั้นล่างและประตูก็เปิดไม่หมดด้วย)
   2. บริเวณห้องนอนและห้องน้ำไม่กว้างมาก (บางคนอาจจะไม่ชอบ)
   3. ภายในห้องไม่มีตู้เย็น (มีแค่เฉพาะห้อง 3 คนนอน) ดังนั้นถ้าจะแช่ของอะไรก็เป็นอันหมดสิทธิ์
   4. โทรทัศน์เล็กมาก (ขนาด 14 นิ้ว) และอยู่สูงพอสมควร ดังนั้นเวลากดเปลี่ยนช่องเป็นต้องชู remote control ให้สูงๆ เข้าไว้

แต่เนื่องจากราคาประกอบกับบีบี้ไม่ได้เน้นเรื่องห้องพักที่ต้องดีเยี่ยมเท่านั้น ดังนั้นที่นี่จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของบีบี้สำหรับการมาพักที่หัวหินในครั้งต่อไป



Smiley บีบี้ Smiley




Create Date : 27 กันยายน 2552
Last Update : 27 กันยายน 2552 21:41:25 น. 7 comments
Counter : 4734 Pageviews.

 
แต่ละอย่างน่าทานทั้งนั้นเลยนะคะ


โดย: pet.sp วันที่: 27 กันยายน 2552 เวลา:21:48:55 น.  

 
แวะมาทักทาย และเข้ามาขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

คราวหน้าถ้าได้มีโอกาสไปหัวหินอีก ข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับผมมากๆเลยครับ

แต่ละอย่างน่าทานทั้งนั้น ทำผมหิวรอบดึกเลย


โดย: กัปตันลูกชุบ วันที่: 27 กันยายน 2552 เวลา:23:26:03 น.  

 
best blog on hua hin ever.

lately i always bypass hua hin and go straight to prachuab. next time, i will spend sometime in hua hin checking out all the spots you recommend.


โดย: koaeng IP: 173.58.212.184 วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:0:15:00 น.  

 
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลดีๆ
อร่อย


โดย: ชบาหอม วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:8:29:50 น.  

 
อ่านบล็อคการเที่ยวกินดะ ณ หัวหินครั้งนี้ของคุณบีบี้
แล้วประทับใจมากค่ะ เล่าเรื่องได้เรื่อยๆ จะเอื้อนจะ
เอ่ยอะไรก็เป็นไปอย่างบรรจง แม้ยามที่จะติก็ใช้สำ
นวนดูนุ่มนิ่ม ไม่ใส่อารมณ์รุนแรงมากเกินไปในคำ

อ่านเรื่อยๆทุกร้านและดูภาพจนจบ ขอชมเลยค่ะ
ถ่ายภาพเก่งมากเลย สวยคมทั้งนั้นนะคะ

ที่สำคัญเราขออนุญาตินำภาพของคุณบีบี้ ไปทำ
รายงานส่งอาจารย์นะคะ ขอบคุณมากค่ะ

แล้วว่างๆ จะเข้ามาอ่านหัวข่ออื่นๆๆบ้างนะคะ ^_^


โดย: เดียร์นะ IP: 113.53.195.112 วันที่: 16 ตุลาคม 2552 เวลา:11:11:15 น.  

 
1


โดย: 1 IP: 118.174.93.104 วันที่: 8 ตุลาคม 2553 เวลา:0:24:59 น.  

 
เคยไปทานบางร้านเองค่ะ ขอบคุณที่แนะนำนะค่ะจะไปลองทานร้านที่เหลือ แต่ร้านลอดช่องนายดำ เคยไปทานเหมือนกัน แต่จะไปทานอีกร้านค่ะ ยังไงขอแนะนำ มีอีกร้านชื่อร้านโอวทึ้งนายกี๋ ลอดช่องน้ำตาลข้น อยู่จ.เพชรบุรีค่ะ. ร้านนี้จุดเด่นอยู่ที่น้ำตาลซึ่งทำมาจากน้ำตาลโตนดแท้ๆ. จะหอมหวาน อร่อยมากๆค่ะ. หาทานยากเพราะน้ำตาลไม่เฟมือนร้านไหนเลย ลืมบอกไปไอติมก้ออร่อยค่ะ. ถ้ายังไงผ่านไปลองแวะชิมดูนะค่ะ


โดย: ฟ้า IP: 58.8.181.112 วันที่: 3 ตุลาคม 2554 เวลา:22:06:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

bee4ever
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]









บีบี้รู้สึกว่าบีบี้ชอบทำอาหารเอามากๆ หลังจากที่บีบี้ทดลองอบขนมหลายๆ อย่าง หลังจากทำเสร็จก็จะมีขนมหลายแบบหลายรสชาติทั้งแบบที่แทบจะกินไม่ได้จนถึงกระทั่งแบบที่อร่อยจนหมดหลังจากอบเสร็จ แต่ขนมทุกอย่างก็ต้องผ่านการชิมจากบีบี้ทั้งสิ้น

ด้วยเหตุนี้ น้ำหนักตัวและสัดส่วนของบีบี้ก็เริ่มเปลี่ยนไป ทำให้บีบี้ต้องกลับไปเล่นโยคะร้อนอีกครั้ง ซึ่งภายใน 3 สัปดาห์นี้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก บีบี้กำลังรอลุ้นว่าโยคะร้อนคราวนี้จะทำให้สิวขึ้นเขรอะอีกหรือเปล่า

Smiley บีบี้ Smiley



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add bee4ever's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.