Life of Pi : พบพระเจ้า .... ในสรรพสิ่งและทุกจังหวะของชีวิต
Lifeof Pi : พบพระเจ้า .... ในสรรพสิ่งและทุกจังหวะของชีวิต เมื่อหลายปีก่อนผมเห็นปกหนังสือเรื่อง Life of Pi ครั้งแรก ระหว่างเดินทางไกลครั้งหนึ่ง เหลือบเห็นฝรั่งที่นั่งข้างๆกำลังอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ เป็นหนังสือที่มีหน้าปกสีสันสวยงาม เป็นรูปเสือนอนอยู่บนเรือลำเล็กลอยอยู่กลางทะเลสีน้ำเงินสดต่อมาจึงทราบว่าเล่มนี้เป็นหนังสือยอดนิยมเรื่องหนึ่งและมีแปลเป็นไทยแล้วด้วยแต่ด้วยความเข้าใจผิด เฉกเช่นคนเรามักจะเข้าใจอะไรกันผิดง่ายๆ เพราะมีคำว่าPi ( π)ทำให้คิดไปว่าหนังสือเล่มนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเลขคณิตหรือการคำนวณ ซึ่งเป็นวิชาที่ค่อนข้างเข็ดขยาดตั้งแต่สอบตกวิชานี้ตอนมัธยม๓ จึงยังไม่ขวนขวายหามาอ่าน อีกหลายปีต่อมาเมื่อหนังเรื่องนี้ได้รับการดัดแปลงสู่โลกภาพยนตร์โดยอั้ง ลี่ (Ang Lee) หรือ หลี่อันผู้กำกับชาวไต้หวันที่มาร่ำเรียนจนจบปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกาและทำหนังคุณภาพหลายเรื่องปัจจุบันก็ยังตั้งรกรากในอเมริกา ซึ่งตัวอย่างหนัง Life of Pi ทำออกมาได้สวยงามและน่าจะเป็นหนังผจญภัยที่สนุกเรื่องหนึ่ง จนไม่น่าจะพลาดด้วยประการทั้งปวง Lifeof Pi ดัดแปลงจากงานเขียนของ ยานน์ มาร์เทล (YannMartel) นักเขียนแคนาเดี้ยน แปลเป็นไทยโดย ตะวัน พงศ์บุรุษในชื่อ การเดินทางของพาย พาเทล เล่าเรื่องของเด็กหนุ่ม พิสซีนโมลิตอร์ พาเทล หรือเพื่อนๆ เรียกเขาว่า พาย พาเทล (ตอนเป็นวัยรุ่นแสดงโดยสุรัช ชามาน) เกิดที่เมืองพอนดิเชอร์รี ประเทศอินเดีย คุณพ่อชื่อ สันโดษเป็นผู้อำนวยการสวนสัตว์ของเมือง ส่วนแม่ชื่อ คีตา และมีพี่ชายหนึ่งคนคือ ระวีครอบครัวเขาไม่ได้เคร่งศาสนานัก แต่เด็กชายพาเทลกลับเลื่อมใสศรัทธาในศาสนาฮินดูและต่อมาก็ได้ทำความรู้จักอีกสองศาสนา คือ ศาสนาคริสต์ คาทอลิก หลังจากได้พูดคุยกับบาทหลวงใจดีคุณพ่อมาร์ติน (แอนเดรียล ดี สเตฟาโน) ตอนที่พ่อแม่พาไปเที่ยวที่เมืองมุนนาร์ ท่านเล่าประวัติของพระเยซูให้ฟังถึงความเสียสละของพระบุตรของพระเจ้า ที่ยอมตายเพื่อไถ่บาปมนุษย์ ตอนแรกแม้จะรับฟังด้วยความสงสัยกังขาแต่ก่อนจะกลับบ้านนั้นเขาได้ขอบาทหลวง ช่วยทำให้เขาเป็นชาวคริสต์ด้วย คุณพ่อตอบว่า ลูกเป็นชาวคริสต์อยู่แล้ว พิสซีนเอ๋ยในหัวใจนั้นลูกเป็นคริสต์ ผู้ใดมีศรัทธาในพระเยซูคริสต์ ผู้นั้นนับเป็นชาวคริสต์ลูกพบพระเยซูคริสต์ในมุนนาร์แล้ว ต่อมาเขามีโอกาสศึกษาศาสนาอิสลามจากคุณน้าคนหนึ่งซึ่งเป็นคนทำขนมปัง จากนั้นเขาจึงไปมัสยิดทุกวันศุกร์เข้าโบสถ์วันอาทิตย์ และยังคงไปวัดแขกแม้หลายคนจะไม่เข้าใจว่าเด็กอย่างเขาจะนับถือศาสนาทีเดียวพร้อมกันทั้งสามศาสนาได้อย่างไร ซึ่งเขาตอบข้อสงสัยของทั้ง พราหมณ์บาทหลวงและอิหม่ามที่บ้านเกิดว่า ทำไมเขานับถือถึงสามศาสนาว่า ท่านลุงคานธี (มหาตมะ คานธี) บอกว่า ทุกศาสนาล้วนเป็นสัจจะ ผมแค่อยากจะรักพระเจ้าครับ ในประเด็นเกี่ยวกับศาสนานี้ หนังสือ Life of Pi ก็ให้ให้คุณลุงชื่อฟรานซิส อะดิรุบาสามี เล่าเรื่องของพายให้กับนักเขียนชาวแคนาดาที่พบกันในร้านกาแฟที่เมืองพอนดิเชอร์รีโดยเริ่มต้นด้วยประโยคที่ว่า ฉันมีเรื่องเล่าจะเล่า ฟังแล้วคุณจะมีศรัทธาในพระเจ้านะ เขาเองให้สัมภาษณ์นิตยสาร TheHollywood Reporter ว่าดีใจมากที่เรื่องจิตวิญญาณหรือเรื่องศาสนาได้รับการถ่ายทอดสู่โลกของภาพยนตร์เพราะว่า หลายๆคน ยังไม่เข้าใจในความคิดเรื่องของความอดทนอดกลั้น การยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น ไม่ใช่ว่าทุกคนที่นับถือศาสนาจะต้องเป็นพวกคลั่งไคล้แบบสุดโต่งไม่ใช่ว่าคริสตชนทุกคนจะต้องไปฆ่านายแพทย์ที่รับทำแท้ง และไม่ใช่ว่ามุสลิมทุกคนจะต้องติดระเบิดไว้ที่หน้าอกแล้วพร้อมจะดึงสลักเพื่อระเบิดตัวเอง แต่ยังมีศาสนิกชนอีกมากที่นับถือศาสนาด้วยทางสายกลางพวกเขามีความสุขเมื่อได้สัมผัสถึงการดำรงอยู่ของพระเป็นเจ้า เขาไม่นิยมความรุนแรงอย่างแน่นอนและไม่ตัดสินคนอื่นแต่คุณจะไม่ค่อยได้เห็นข่าวของพวกเขามากนัก เพราะส่วนใหญ่จะได้ยินแต่เรื่องของคนที่นับถือศาสนาแบบสุดโต่งมากกว่า และในการพูดคุยกับนักอ่านในเว็บไซต์เกี่ยวกับหนังสือที่ชื่อwrittenvoices.com เมื่อถูกถามว่าเขาเป็นคนนับถือศาสนาหรือไม่เขาตอบว่า เขานับถือศาสนาแต่นับถือด้วยใจที่เปิดกว้างแน่นอนว่าเขาเองก็ยังมีความสงสัยบางเรื่องในศาสนาเช่นกันซึ่งก็เป็นเรื่องดีเพราะทำให้ความเชื่อมีชีวิตชีวา ตัวเขาไปร่วมมิสซาทุกวันอาทิตย์แต่ก็ยังรักที่จะไปสุเหร่าด้วยเพราะท่วงทำนองการสวดของมุสลิมสวยงามมาก
.. เรามาติดตามชีวิตของพายกันต่อจุดหักเหในชีวิตก็คือเมื่อกิจการสวนสัตว์ของพ่อประสบปัญหาเทศบาลเมืองไม่อุดหนุนต่อไป พ่อจึงตัดสินใจขายสัตว์ไปให้สวนสัตว์ต่างๆ และครอบครัวจะไปตั้งตนชีวิตใหม่ที่ประเทศแคนาดาแต่ระหว่างการเดินทางบนเรือสินค้าญี่ปุ่นชื่อซิมซัม เรือผจญกับคลื่นลมพายุและจมลงเขาหนีลงเรือชูชีพมาได้และมีสัตว์จำนวนหนึ่งที่หนีขึ้นเรือเล็กมากับเขาด้วย ได้แก่ม้าลายขาหัก,ไฮยีน่า, แม่ลิงอุรังอุตังชรา ชื่อ ออเรนจ์จูซ และตัวที่มาอยู่บนเรืออย่างไม่คาดคิดคือ เจ้าเสือโคร่งพันธุ์เบงกอลวัยสามปีชื่อว่า ริชาร์ด พาร์กเกอร์ บนเรือเล็กกลางทะเลเช่นนี้ไม่ใช่สวนสัตว์ที่สัตว์ทุกตัวจะมีคนดูแลให้ได้กินอิ่มนอนอุ่นเพียงเวลาไม่กี่วันผู้โดยสารจึงเหลือพายกับริชาร์ดเท่านั้น ซึ่งพายต้องทำทุกวิถีทางที่จะรักษาชีวิตรอดให้ได้จนกว่าจะมีเรือสักลำผ่านมาพบหรือได้ขึ้นฝั่ง พายเลือกหาวัสดุที่มีบนเรือต่อเป็นแพแล้วผูกโยงไว้กับเรือเพื่อป้องกันตัวจากเจ้าเสือกินขนมปังและน้ำที่มีบนเรืออย่างจำกัดที่สุด และใช้วิธีเดียวกับคณะละครสัตว์เพื่อควบคุมไม่ให้เจ้าลายพาดกลอนกินเขาเป็นอาหารเช่น ใช้เสียงนกหวีดพร้อมกับให้เรือโคลงเพื่อให้ริชาร์ดเมาคลื่น และกำหนดอาณาเขตบนเรือระหว่างเขากับเสือจากวันเป็นเดือนและหลายเดือน เขายังมีน้ำแก้กระหายจากอุปกรณ์บนเรือที่มีและจากฟ้าฝนแต่ที่เป็นปัญหาก็คืออาหารสำหรับปากท้องของเขาเองและริชาร์ด จากที่กินมังสวิรัติมาตลอดพายจึงต้องกลายร่างมาเป็นชาวประมงจำเป็น ใช้เบ็ดตกปลา ฆ่าเอง กินทั้งสดๆและแตกแห้งเก็บเอาไว้ ทั้งยังต้องไม่ลืมเผื่อแผ่อาหารให้กับเสือด้วย (ในหนังสือบรรยายฉากฆ่าปลาอย่างละเอียดนอกจากปลาแล้วเขายังกินเต่าด้วย) แต่ในวันที่ย่ำแย่ทั้งร่างกายและจิตใจเขาก็ได้พบเกาะแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างแปลกประหลาด มีสาหร่ายขึ้นปกคลุมเต็มเกาะและเต็มไปด้วยตัว เมียร์แคต แต่แทนที่จะเป็นเกาะสวรรค์ที่มีทั้งอาหารและน้ำจืดในที่สุดเขาก็พบความจริงว่าเกาะแห่งนี้เมื่อถึงเวลากลางคืนจะคายกรดออกมาและกลืนกินสรรพสัตว์ทั้งหลาย เขาจึงต้องออกเดินทางต่อและไม่ลืมที่จะเรียกริชาร์ดขึ้นเรือด้วยและในที่สุดก็ได้มาขึ้นฝั่งที่เมืองโตมาตลัน ประเทศเม็กซิโก แต่สิ่งหนึ่งที่พายเสียใจมากคือในวันที่ได้ขึ้นฝั่งนั้น เจ้าริชาร์ดเดินมุ่งตรงเข้าป่าไป โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเขาเพื่อร่ำลากันเลย ผลงานหนังของหลี่อัน หลายเรื่องเราจะพบกับตัวละครที่ต้องมีสองตัวตนในคนเดียวกันหรือไม่อาจแสดงอัตลักษณ์ ความคิด ความรัก ความรู้สึกของตนออกมาได้อย่างเต็มที่เพราะต้องเผชิญกับกรอบกำแพงของสังคม วัฒนธรรม ประเพณี เช่นตัวละคร เอลินอร์แดชวู้ด ใน Sense and Sensibility แม้จะมีความรัก แต่ก็เป็นรักที่ซ่อนเร้นแสดงออกไม่ได้ด้วยสถานะที่เป็นพี่คนโต ต้องเป็นหลักในครอบครัวที่ขาดพ่อ และด้วยฐานะทางการเงินที่ด้อยกว่าฝ่ายชายหรือตัวละครหลักทั้งใน The Wedding Banquet และ BrokebackMountain แม้จะเป็นผู้ชายที่ไม่ได้ชอบเพศตรงข้ามแต่ก็ต้องแสดงให้ครอบครัวหรือสังคมเห็นผ่านการแต่งงานว่าพวกเขาก็มีภรรยา ส่วนใน Hulk เรายิ่งเห็นชัดเจนถึงสองบุคลิกที่อยู่ในตัวของนักวิจัย บรูซแบนเนอร์ ระหว่างนักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อในเหตุผล สุขุมรอบคอบปั่นจักรยานมาทำงาน แต่เมื่อถูกกระตุ้นให้โกรธ เขาก็กลายร่างเป็นยักษ์เขียวจอมก้าวร้าวทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ส่วนชีวิตของพายในLifeof Pi ในช่วงที่อยู่บ้านเกิดที่เมืองพอนดิเชอร์รีแม้จะไม่ใช่ชีวิตที่สมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง แต่ก็เป็นครอบครัวชนชั้นกลางที่ค่อนข้างสุขสบายอบอุ่นอยู่กันพร้อมหน้า พ่อ แม่ พี่ชาย มีพ่อแม่ที่สั่งสอนอบรมให้บทเรียนแต่ก็ให้อิสรเสรีกับลูกด้วย ได้พบกับคนดีๆ ในชีวิตเช่นลุงหรือมามาจิ ที่ชื่อ ฟราสซิส อะดิรุบาสามี ที่สอนเขาว่ายน้ำ และมี ครูสาทิสกุมาร เป็นครูในดวงใจ แม้ครูท่านนั้นจะมีแนวคิดอเทวนิยม แตกต่างจากเขา เขาได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติและสัตว์น้อยใหญ่ในสวนสัตว์และได้พบพระเจ้าในสามศาสนา แต่เมื่อคุณค่าทุกอย่างในชีวิตต้องมาอันตรธานไปต่อหน้าต่อตาพร้อมกับการล่มของเรือซิมซัมซึ่งเขาเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้เช่นเดียวกับที่เราไม่อาจทราบว่าเหตุใดเรือลำนี้ถึงได้จมลง ในวันที่เหลือแต่เพียงเรือชูชีพอาหารและน้ำจำนวนหนึ่ง เขาจึงต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง แสดงอีกตัวตนหนึ่งออกมา จากชีวิตที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ไม่เคยเผชิญความยากลำบากอะไร แต่เพื่อความอยู่รอดของชีวิต จากที่ไม่เคยเบียดเบียนชีวิตใดก็ต้องเป็นผู้ล่าเข่นฆ่าชีวิตในท้องทะเลทุกอย่างที่หาได้เพื่อประทังความหิวโหยและหาวิธีการที่จะอยู่ร่วมกันกันสัตว์กินเนื้อให้ได้ แต่ก็ยังไม่ละทิ้งความเชื่อในศาสนาเช่น ขอบคุณพระวิษณุที่แปลงร่างมาเป็นปลาเพื่อให้เขาจับกินเป็นอาหาร และเวลายากลำบากในท้องทะเลเช่นนี้เขาก็ยังค้นพบความงดงามของธรรมชาติหรือพบพระเจ้าในสรรพสิ่งทั้งหลาย ในความงดงามยามตะวันขึ้น ตะวันตกยามเมื่อสายฟ้าผ่าเป็นเส้นสายสวยงามลงกลางทะเล ปลาโลมาที่กระโจนขึ้นลงข้างๆ เรือฝูงปลาบินที่พุ่งมาปะทะเรือ ปลาวาฬร่างยักษ์ที่ดวงตาเท่ากับศีรษะของมนุษย์ แมงกะพรุนเรืองแสงยามค่ำคืนแต่แม้จะยากลำบากเจียนตายอย่างไรเขาก็ยังไม่หมดหวังในชีวิต ไม่เคยคิดจะฆ่าตัวตายแม้แต่ครั้งเดียวและยังห่วงใยให้อาหารและน้ำกับริชาร์ดอย่างสม่ำเสมอ ชนิดที่อิ่มก็อิ่มด้วยกัน อดก็อดด้วยกันเพราะริชาร์ดเป็นสิ่งมีชีวิตร่วมชะตากรรมเดียวที่เขามี และเชื่อในพระญาณสองส่องของพระเจ้าที่เฝ้าดูแลเขาอยู่เสมอและมีความหวังว่าจะต้องผ่านบททดสอบแสนยากเข็ญนี้ไปได้ในที่สุด พายมีชีวิตรอดในท้องทะเลอยู่นานกว่าเจ็ดเดือนแม้หลายครั้งเขาเกือบจะพ่ายแพ้ต่ออุปสรรค ความยากลำบากที่เผชิญอยู่ตรงหน้า แต่เพราะเขาได้ยินเสียงจากหัวใจที่ว่าฉันต้องไม่ตาย จะฝ่าฟันฝันร้ายนี้ จะร้ายแค่ไหนก็ไม่หวั่น ฉันอยู่รอดได้นานขนาดนี้นับเป็นเรื่องปาฏิหาริย์จากนี้ไปฉันจะสร้างปาฏิหาริย์ให้เป็นกิจวัตร....จะสู้อย่างสุดความสามารถตราบใดที่พระเจ้ายังสถิตอยู่เคียงข้าง ฉันจะไม่ตาย อาแมน รวมไปถึงจิตใจที่เข้าถึงการดับทุกข์ตามแนวคำสอนของพุทธศาสนา ผมรู้แจ้งถึงความทุกข์รู้ว่าทุกข์นั้นมีเกิดก็มีดับ ความรู้นี้ทำให้ใจสงบ ผมตระหนักว่าความทุกข์เกิดที่นี่ ดับที่นี่ ไม่มีที่อื่นอีก เป็นความจริงซึ่งผมยอมรับโดยดุษณี
Create Date : 02 เมษายน 2556 | | |
Last Update : 2 เมษายน 2556 17:30:47 น. |
Counter : 3116 Pageviews. |
| |
|
|
|