Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2564
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
4 มิถุนายน 2564
 
All Blogs
 
Ladakh 2019 - Gya (2)








สภาพการการจราจรด้านหน้าถนนของหมู่บ้าน Gya เต็มไปขบวนรถที่ต่างพากันทยอยเคลื่อนตัวผ่าน
เพื่อมุ่งหน้าไป
ยังทางใต้ ในช่วงสายของวันเหมือนกับว่าเป็นจังหวะเวลาการเดินทางของพวกเขา   

บริเวณพื้นที่ราบด้านล่างนั้นถูกใช้เป็นแหล่งเพาะปลูกพืชบางชนิดอย่างเช่นบาร์เลย์ ก็ได้ถูกเก็บเกี่ยวไป
จนเกือบเกลี้ยง ไม่มีการทำนาในช่วงนี้แล้ว คงเหลือไว้แต่กลุ่มวัวบางส่วนที่ไปยืนเล็มหญ้าที่บนเนินเขา

และท้องทุ่ง...สีเขียว ๆ ของพืชคลุมดินบางส่วนยังคงเผยให้เห็นถึงแหล่งอาหารที่มีอยู่บนผืนดินนี้




⭗ สิ่งก่อสร้างเก่าแก่ที่ดูคล้ายกับศาสนสถาน ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างซอกเขาด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้าน โดยมีแม่น้ำ
สายเล็กที่ชื่อ Gya ไหลขนาบอยู่ด้านล่าง เราเคยพยาพยามหาทางขึ้นไปบนนั้นหนนึงแล้วแต่ก็หาทางเชื่อมต่อไปเจอ  




⭗ เส้นทางน้ำที่ไหลผ่านหมู่บ้าน ตรงบริเวณนี้มักจะมีผู้คนนำผ้าและข้าวของเครื่องใช้มาซักล้าง 



⭗ แหล่งน้ำจากใต้ดิน  และถังที่ชาวบ้านนำมาใช้รอง

 


แม้จะเข้าถึงเส้นทางสัญจรโดยง่าย ใคร ๆ ก็ต้องผ่านมาที่นี่ตามความน่าจะเป็น หมู่บ้าน Gya ก็น่าจะมีการเดิน
ทางเข้ามาถึงของนักท่องเที่ยวมากกว่านี้สิ   
ในเมื่อการเดินทางช่วงขาเข้าจากมะนาลีสู่เลห์   ตำแหน่งของมัน
เป็นครึ่งทางสุดท้ายก่อนผ่านเข้าสู่
ตัวเมืองอย่างแยก upshi
(จำได้ว่า เช้ามืดของวันที่เราเดินทางเข้าสู่ลาดักสัญญาณ
อินเตอร์เน็ต
บนมือถือของเพื่อนร่วมทางเจ้าถิ่นก็เริ่มใช้งานได้หลังรถวิ่งผ่าน upshi ไปแล้ว)
ถ้าจะให้พูดกันตามตรงสภาพ
แวดล้อมของหมู่บ้านยังคงรูปแบบดั้งเดิมได้ คงเพราะไม่มีแรงกดดันจากแขกผู้มาเยือนมากนัก


เราจึงไม่ได้เห็นถ่ายภาพยอดนิยม ป้ายอักษรใหญ่  I 
Gya ตั้งหราบนเนินเขา คาเฟ่สุดฮิป อะไรแบบนั้น 
(เข้าไปหาที่เลห์เอาเถอะนะ) แต่ถ้าจะบอกว่าแถวนี้ไม่มีความบันเทิงให้ได้ตามหาก็คงจะดูใจร้ายไปหน่อย 




⭗ ม้าสามตัวที่กำลังเล็มหญ้ากันอยู่บริเวณรอบนอกหมู่บ้านแบบอิสระ 


Gya  มีชื่อเสียงเรื่องม้า มีบรรดาม้าหลากสายพันธุ์และสีสันจากพื้นที่ราบสูงละแวกนี้เช่น ทิเบต ซันสการ์
ชางตาง หุบเขาสปิติ  และอื่น ๆ 
 เนื่องด้วยในอดีตผู้คนในภูมิภาคนี้ต่างต้องพึ่งพาสัตว์แรงงานนี้เป็นพาหนะ
เดินทางไปมาหาสู่กัน แม้ว่าตอนนี้ความต้องการใช้ม้าจะไม่เฟื่องฟูอีกต่อไป แต่ที่
Gya ก็ยังคงรักษาประเพณี
ที่เกี่ยวข้องกับม้าเอาไว้นั่นคืองานเทศกาล
 Gyapa cho - Horse Festival ที่จัดช่วงเดือนกุมภาพันธ์

และอีกเรื่องหนึ่งอาจไม่โบราณเท่าประเพณีด้านบน
พอจะมีใครรู้จักโครงการที่ชื่อว่า Ice Stupa Project บ้างมั้ย?

โครงการนี้จัดทำขึ้นเพื่อนำน้ำที่กักเก็บสะสมเอาไว้มาพ่นปล่อยในช่วงอุณหภูมิติดลบ โดยให้รูปแบบน้ำที่
กลายเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็งมีรูปทรงที่คล้ายกับเจดีย์แหลม และมีโพรงด้านในสามารถให้คนเข้าไปได้
บางแห่งอาจประยุกต์ให้ใช้เป็นคาเฟ่ขายน้ำชา ซึ่งก็มีเฉพาะฤดูหนาวเท่านั้น ส่วนในฤดูร้อนน้ำแข็งเหล่านี้
ก็จะถูกปล่อยให้ละลายกลายเป็นน้ำใช้สำหรับการเพาะปลูกต่อไป  จุดที่ตั้งของ Ice Stupa ก็มีอยู่หลาย
หมู่บ้านรวมไปถึง Gya ก็ด้วย 



*** Ice Stupa Project เริ่มทดลองทำครั้งแรกเมื่อปี 2014 และดำเนินมาอย่างต่อเนื่องหลายปีแล้ว
ช่วงที่เราไปยังไม่ถึงฤดูการทำ เข้าไปชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ Link :
 https://icestupa.org/about
 

....

 

จะอยู่ที่นี่กี่วัน?
ผู้ดูแลที่พัก ได้ถามถึงระยะเวลาที่เราคิดจะอยู่ในหมู่บ้านนี้
อาจดูนานไปหน่อยถ้าจะอยู่ต่ออีกสักวันนึง
แต่ก็ช่วยไม่ได้ว่าเที่ยวรถที่พามาถึงเมื่อวานเย็น
จะจำกัดให้มีตัวเลือกในการตัดสินใจน้อยลง เราถาม
กลับไปว่ามีเที่ยวรถกลับเลห์กี่โมง?

 

อาเช่ เธอบอกได้แค่ว่ามีรถจาก Rumtse วิ่งเข้าเลห์รอบเจ็ดโมงเช้า แต่นอกเหนือไปจากนี้มันอาจ
ยากและยิบย่อยเกินกว่าที่เธอจะบอก…ใช่ค่ะ ก็
เลยมีเรื่องตลกร้ายเกิดขึ้นคือช่วงบ่ายของวันในระหว่าง
พูดคุยเรื่องนี้หน้าร้านชำซึ่งก็ตั้งอยู่หน้าถนน  เราได้ทันเห็นรถโดยสารคันหนึ่งวิ่งผ่านมาต่อหน้าต่อตา
เป็นทิศทางที่จะวิ่งเข้าเลห์ซะด้วย  มันวิ่งฉิวผ่านไปโดยที่เจ้าตัวก็ได้แต่ยืนอึ้ง  
 

โอเค...มันต้องมีมากกว่าหนึ่งเที่ยวแน่นอน ไหนจะรถที่วิ่งเข้าเลห์จาก Keylong ในตอนเย็นอีก

 

"น่าจะกลับเลห์พรุ่งนี้เช้าเลยค่ะ"

เราให้คำตอบว่าจะอยู่ต่ออีกคืนนึง แม้ใจจริงจะอยากกลับมันซะเย็นนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่เที่ยวรถ
มีให้นั่งกลับแบบตรงเวลาและแน่นอนสุดก็แค่รอบเช้า ส่วนที่เหลือเนี่ยต้องวัดดวงเอาเองอีก

 

.....

 

แวะเยือนบ้านใกล้เรือนเคียง

ถึงตัวหมู่บ้าน Gya จะไม่กว้างขวางพอสำหรับการสำรวจเกินหนึ่งวันก็จริง แต่ยังมีหมู่บ้าน
บ้านใกล้เรือนเคียงที่อยู่ถัดไปจากนี้ให้แวะไปดู ไม่ว่าจะเป็น Lhato (ตั้งก่อนถึง Gya)
Sasoma และหมู่บ้านลำดับสุดท้ายของเส้นถนนนี้ในลาดักก็คือ Rumtse 
ซึ่งก็ห่างไกล
จากกันไม่เท่าไหร่


จะขอเริ่มไล่จาก Lhato 
(หรืออาจสะกดว่า Lato ก็ได้)

ชื่อของหมู่บ้านนี้ เราเคยได้ยินมาจากการแสดงบนเวทีของเทศกาลลาดักพิธีกรได้บรรยาย
โดยคร่าวว่า 
Lhato เป็นแหล่งเพาะปลูกบัควีตที่สำคัญแห่งหนึ่งของลาดัก  
เรารู้ข้อมูลเพียง-
เท่านี้และคาดหวังว่าน่าจะได้เห็นต้นบัควีต หรือ Dao (ดาว)
 ที่เป็นชื่อเรียกในภาษาท้องถิ่น
จากที่นั่น

ที่นี่มีพื้นที่เพาะปลูกดังเช่นหมู่บ้านทั่วไปที่ทำการเกษตรเป็นหลัก  มีที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว
4-5 หลัง และบ้านคนทั่วไปเพียงหลักหน่วย ส่วนผู้คนหายไปไหนไม่รู้… ขึ้นชื่อว่าเป็นหมู่บ้าน
มันน่าจะมีประชากรและร่องรอย
การตั้งถิ่นฐานเยอะกว่านี้ใช่มั้ย 

คิด ๆ ไปแถวนี้อาจเป็นย่านชานเมืองของเขาแต่ดันมีถนนซึ่งถูกสร้างมาภายหลังตัดผ่าน

ส่วนตัวหมู่บ้านที่ตั้งรวมกันเป็นชุมชนอาจซ่อนตัวอยู่หลังเขาก็ได้นะ นี่ถ้าเกิดมาเยือนที่นี่
ก่อนงานเทศกาลลาดักจะเกิดขึ้น รับรองเลยว่าวันนั้นที่มีการแสดงของหมู่บ้าน Lhato เรา
จะ
รีบวิ่งไปถามพวกเขาว่าแอบหลบซ่อนหมู่บ้านไว้ตรงไหนกัน!?  
(พอย้อนกลับมาหารูปของ
หมู่บ้านนี้เพื่อเอามาลงประกอบก็หาไม่เจอแล้ว หรืออาจมีอยู่  แต่มันไม่สามารถระบุพิกัดได้ ดังนั้น
เราขอปล่อยว่างไปเลยนะคะ) 

 

Sasoma ห่างไกลจาก Gya ไม่มาก ลงไปทางทิศใต้เรื่อย ๆ เดี๋ยวก็เจอ จากบันทึกของนักเดินทาง
ในยุคสมัยที่เส้นถนนเลห์
-มะนาลี เพิ่งสร้างเชื่อมโยงลาดักกับรัฐหิมาจัลประเทศ ก็ได้กล่าวถึงหมู่บ้าน
Sasoma เอาไว้ในฐานะที่เป็นแหล่งชุมชนแรกที่ได้เห็น หลังจากรอนแรมผ่านช่องเขา Taglang La


 



ระหว่างทางเดินไปหมู่บ้าน Sasoma - Gya     
เส้นทางเชื่อมระหว่างหมู่บ้านบนถนน บางครั้งก็จะเจอกับผืนหญ้าสีเขียวริมทางอยู่บ้าง
ก่อนเข้าสู่เขตหมู่บ้านมักจะเจอเจดีย์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ให้พอได้รู้กลาย ๆ ว่าใกล้จะถึงหมู่บ้านถัดไปแล้ว






ป้าย Passive Solar Housing - Model Village ; Lato, Gya, Sasoma & Rumtse
แถวนี้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์กันแทบทั้งนั้น รายนามผู้สนับสนุนโครงการนี้ที่คุ้นตาหน่อยก็เห็นจะเป็น LEDeG 



หมู่บ้าน Sasoma ที่มีจำนวนบ้านอยู่เพียงไม่กี่หลังคาเรือน โดยมากแล้วจะสร้างไว้บนเนินเขา  


พบที่ตั้งของโรงเรียนระหว่างทาง ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่ได้เปิดทำการ


Rumtse จุดหมายลำดับสุดท้าย ที่ตั้งอยู่ปลายทางของถนนเส้นนี้ (ตอนนี้)น่าจะกลายเป็นชุมชนแรกที่ได้เห็น
แทน
Sasoma ไปแล้ว มีสิ่งปลูกสร้างเป็นอาคารเล็ก ๆ ใกล้ถนนที่ทำเป็นร้านขายอาหาร สำหรับรองรับนักเดิน-
ทางที่ผ่านมา โดยมากก็จะเป็นกลุ่มนักบิดมอเตอร์ไซค์และผู้สัญจรทั่วไป 


สิ่งที่คุ้นตาที่สุดสำหรับเราก็คือแนวเจดีย์ที่สร้างไว้เป็นแถวยาวเหยียดที่เนินไกล  จากการเดินทางเข้าเลห์ใน
ช่วงเช้ามืดของวันนั้นนั่นเอง พอ
เมื่อได้ย้อนกลับมาเห็นอีกครั้งในเวลากลางวัน เราก็เลยอยากเดินไปให้ถึงที่นั่น 
จากตำแหน่งของชุมชนกับเจดีย์ก็ไกลเอาเรื่องเหมือนกัน จำได้ว่าตอนเดินผ่าน
ร้านน้ำชาร้านหนึ่งก่อนหลุดพ้น
ออกจากเขตที่อยู่อาศัยไปยังถนนโล่ง ๆ มีคนตาดีสังเกตเห็นการเดินเท้าไปเรื่อยเปื่อยครั้งนี้ ก็ถึงกับต้องรีบ
ตะโกนถามลั่น
เลยว่า  จะเดินไปถึงไหน?  คือถ้าหลุดไกลกว่านี้มันก็จะไปโผล่ Taglang La แล้วจ้า




ร้านค้า และที่พักใน Rumtse ที่ดูเหมือนจะมีตัวเลือกเยอะพอควร (เมื่อเทียบกับหมู่บ้านอื่นในย่านนี้)
 



 โรงเรียนขนาดเล็กที่พบใน Rumtse 



เดินหลุดออกมาจากตัวหมู่บ้าน ตรงฝั่งแม่น้ำจะมีพื้นที่เพาะปลูกที่ยังคงเก็บเกี่ยวกันไม่หมด


 

⭗ ที่ตั้งร้านน้ำชาจุดแรก (สำหรับขามา) เต็มไปด้วยกลุ่มมอเตอร์ไซค์ที่จอดพัก
ไม่แน่ว่า พวกเขาอาจเตรียมขับไปเที่ยวทะเลสาบใกล้ ๆ อย่าง Tso kar




 กลุ่มเจดีย์น้อยใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเนินทรายแห้งแล้งก่อนถึงหมู่บ้าน Rumtse   มีจุดเด่นตรงเจดีย์ที่สร้างเรียงรายติด
เป็นแนวยาวเคยอ่านเจอว่ามีจำนวนทั้งหมด 108 องค์ แต่แดดร้อนมากในช่วงนั้นเลยไม่ได้เดินนับพิสูจน์ 




⭗ ลองเทียบขนาดเจดีย์เล็กกับคนบ้าง



⭗ ช่วงขากลับ เจอทั้งรถบรรทุก รถทหาร กลุ่มมอเตอร์ไซด์ และรถจี๊ปนำเที่ยว ผ่านมาบ่อยหนอยู่  


 

หลังจากออกเดินไปเที่ยวไกลนอกหมู่บ้านที่ตัวเองมาปักหลัก กว่าจะกลับมาที่ Gya อีกครั้งก็
โน่นแนะ ช่วงบ่ายแก่
ตั้งใจจะเก็บไว้เป็นที่เที่ยวสุดท้ายของวันนี้ พี่ที่เป็นคนดูแลที่พักบอกว่าให้
ลองไปเดิน
ที่ด้านหลังหมู่บ้านฝั่งทิศตะวันตกละกัน เล่นมาตอนไม่มีงานเทศกาลหรือกิจกรรม
มันก็
ดูจะเงียบ ๆ แบบนี้

ถึงจะเห็นผู้คนบางส่วนไปยืนรอขึ้นรถโดยสารเข้าเมืองช่วงเช้า แต่ก็ยังมีคนอยู่ในหมู่บ้านนะคะ
ไม่ใช่ว่าหายไปไหนกันหมด ส่วนคนที่ยึดอาชีพเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนก็คงหายไปอยู่บนเขาไกล ๆ 


การเลี้ยงสัตว์ของคนแถวนี้ ไม่ได้เป็นรูปแบบของฟาร์ม ไม่มีโรงเรือน หรืออาหารที่นำมาเทใส่ราง
แต่ยังใช้วิธีดั้งเดิม นั่นก็คือการพามันไปหาแหล่งอาหารตามธรรมชาติบนเขา ไกลห่างจากหมู่บ้าน
บริเวณพื้นที่ราบสูง

 

*** นี่คือตัวอย่างของภาพยนต์สารดีที่ชื่อว่า The shepherdess and glaciers
ที่พอจะทำให้เราพอมองเห็นภาพของคนเลี้ยงสัตว์ในภูมิภาคนี้ ซึ่งก็ถ่ายทำกันที่ Gya นี่เอง

 

Link : https://www.youtube.com/watch?v=hcFRRV2_79U&t=104s 

ส่วนวีดิโอนี้เป็นการนำเสนอเรื่องของ Stanzin Dorjai จัดโดย Ministry of Steel ของอินเดีย
Link : https://www.youtube.com/watch?v=Pv7XCJDOsaE

 

เหตุผลที่เลือกงานชิ้นนี้มา ก็เพราะผู้กำกับภาพยนต์สารคดี Stanzin Dorjai
เป็นคนของหมู่บ้านนี้  ส่วนคนเลี้ยงแกะหญิงผู้แสดงนำ ที่ชื่อ Tsering นั้นเธอเป็นพี่สาวแท้ ๆ  
ของผู้กำกับนั่นเอง...ถือว่าเป็นการสร้างงานที่หยิบนำเอามุมมองของครอบครัวคนเลี้ยงแกะลาดัก
มาถ่ายเรื่องราวให้ได้เห็นในวิถีของตัวเองโดยตรง เรามองว่าน่าสนใจดีในการดำรงชีพบนพื้นที่สูง
ขนาดนี้พวกเขาสามารถหาแหล่งน้ำ หุงหาอาหาร พักแรมกันยังไง – จากที่เห็นคร่าว ๆ เดาว่าน่า

จะใช้อยู่บนนั้นเป็นเวลานานหลายวันทีเดียว

ส่วนเรื่องราวของผู้กำกับชาวลาดักคนนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย เขามักจะเอาคำว่า Gya มาวางไว้ที่หลังชื่อ
เพราะอยากให้รู้ว่ามาจากจากหมู่บ้านดังกล่าว  Stanzin เกิดและเติบโตที่นี่  ครอบครัวของเขาเป็น
คนเลี้ยงแกะและทำการเกษตรเช่นคนแถวนี้ แต่ก็มีโอกาสเข้าถึงการเรียนรู้มากกว่านั้น เพราะได้เข้า
ไปอยู่ที่ SECMOL สถานศึกษาทางเลือกใหม่ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนด้านการศึกษาและวัฒนธรรม


 * SECMOL ย่อมาจาก Student’s Educational and Cultural Movement of Ladakh ก่อตั้งเมื่อ ปี 1988
โดยวิศวกรผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักพัฒนาพื้นที่ที่สำคัญคนหนึ่งของลาดักก็คือ Sonam Wangchuk และเพื่อน ๆ)
ตั้งอยู่ที่ Phyang ไกลจากเลห์ไม่กี่กิโลเมตร

เดิมทีระบบการเรียนในลาดัก เคยถูกออกแบบโดยคนนอก  ครูในยุคนั้นส่วนใหญ่ก็มักจะมาจากจัมมูและแคชเมียร์
ต่างถิ่นต่างวัฒนธรรมกับที่นี่ เด็ก ๆ ต้องเรียนในรู้สิ่งที่ไกลห่างไปจากสภาพแวดล้อมของตน ทัศนคติ รวมถึงภาษา
ในห้องเรียนและตำรา ก็เป็นสาเหตุให้หลายคนอยู่ในสภาวะล้มเหลวจากการศึกษา  
SECMOL จึงเหมือนกับพื้นที่ทาง
เลือกสำหรับรองรับเยาวชนที่ผิดหวังและพลาดโอกาสการศึกษาใน
ระบบ ให้ได้ค้นหาสิ่งเรียนรู้ที่เหมาะสมกับตัวเอง
ซึ่งตัวของ 
Stanzin ก็ถือเป็นหนึ่งในผลผลิตของที่นี่เช่นกัน





Gya กับอุทกภัยในอดีต




⭗ บ้านเรือนหลายหลังถูกสร้างขึ้นมาใหม่ แต่ก็ยังมีร่องรอยโครงสร้างอาคารเก่าที่ทรุดโทรมไปแล้ว

 

(ลำดับภาพของ Gya จะอยู่ช่วง 0.43-0.55น.) 

ในช่วงปี 2014 เคยเกิดเหตุน้ำไหลหลากพัดพาดินโคลนถล่มที่หมู่บ้าน สาเหตุก็มาจากน้ำท่วมทะลัก 
จากทะเลสาบธารน้ำแข็ง
(Glacial lake outburst flood : GLOF)  ในช่วงกลางดึกของวันที่ 6 ..  ความ
เสียหายที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัตินี้ก็มาจากสภาวะที่โลกเกิดความแปรปรวนแทบจะทั้งนั้น  นอกเหนือ
ไป
จากเหตุการณ์นี้ ก็มีขึ้นในปีอื่น ๆ ทั้งก่อนหน้าและภายหลังในช่วงสิบปี
ที่ผ่านมานี้ในภูมิภาคลาดัก ได้แก่ 




Link ที่มาและเนื้อหาข่าวเพิ่มเติม : 
https://thewire.in/environment/ladakh-floods-timeline-disaster


*** ส่วนเหตุการณ์ล่าสุด เมื่อปี 2020 ก็ได้เกิดกรณี GLOF ในอินเดียอีก 
แต่เป็นที่รัฐอุตตราขัณฑ์ แถวเมือง Chamoli พิกัดใกล้ ๆ กับ Joshimath

 

……


สภาพพื้นที่ภายในหมู่บ้านบางส่วน (2019)   
 

⭗ อาคารที่ตั้งอยู่ถัดไปจากมีป้ายติดด้านบนไว้ว่า Solar Lighting System 
 

⭗  พื้นที่ทางเดินเล็ก ๆ และทางน้ำไหล  
 

⭗ กะโหลกแพะบนขอบกำแพง (ไม่รู้ว่าใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์อะไรหรือปล่าว แต่ได้เห็นแบบนี้หลายที่แล้ว) 

⭗ กำลังขึ้นโครงสร้างสะพานเชื่อมพื้นที่ข้ามผ่านทางน้ำไหลบริเวณท้ายหมู่บ้าน



⭗ เจอม้าอีกแล้ว...มันเดินขึ้นมากันเองเลยนะ ไม่เจอเจ้าของ


ไม่รู้ว่าเป็นจังหวะที่ดีมั้ย ที่กว่าจะเดินเอื่อยมาถึงท้ายหมู่บ้านก็ปาเข้าไปเกือบเย็น มัวแต่ออกไปเดินข้างนอก 
เสียไกลเลยเกือบพลาดไม่ได้ใช้เวลาใน Gya ซะแล้วสิ  ในช่วงที่
เรากำลังนั่งพักอยู่แถวนั้นก็รู้สึกว่ากำลังเจอ 
การจ้องมองลอดผ่านซอกหินเตี้ย ๆ ที่ก่อตั้งไว้  
เจ้าของสายตานั้นมีมากกว่าหนึ่ง ดูลังเลไม่กล้าข้ามผ่านพื้นที่
เพราะมีคนต่างหมู่บ้านรายหนึ่งที่มาขวาง  กว่าจะนึกได้ว่า
ไปนั่งเกะกะเส้นทางของเจ้าพวกนี้ ก็ได้ยินเสียงผิว-
ปากไล่หลังมาจากที่ไกลซึ่งกำลังดังเข้ามาเรื่อย ๆ 


คนเลี้ยงสัตว์พยายามต้อนฝูงแพะให้เร่งเดิน พวกมันจึงค่อย ๆ ออกมาจากซอกหินที่เป็นช่องทางผ่านประจำ
ทีละนิด ๆ จนกระทั่งยกโขยงออกมาจากทิศทางอื่น มุ่งตรงไปยังหมู่บ้านโดยมีหมาผู้ช่วยเป็นตัวไล่ต้อนไม่ให้
หลุดหลงไปไกลจากฝูง...เป็นสภาพการจราจรยามเย็นจากท้ายหมู่บ้านจึงไปด้วยฝูงสัตว์ที่วิ่งตามกันอย่างวุ่น





⭗ ซอกกำแพงหินที่มีช่องว่างให้พวกฝูงสัตว์เดินผ่าน พวกมันทำท่าลังเลกับการเดินในครั้งนี้เพราะมีคนมานั่งขวาง



⭗ หลังเปิดทางให้ พวกมันก็เริ่มทยอยวิ่งไปตามสัญญาณตะโกนไล่ของคนเลี้ยง และหมาคุมฝูงที่วิ่งกำกับ
 

⭗ ที่ตั้งเจดีย์ใหญ่บนเนินเขาฝั่งตะวันตก มีก่ออิฐคลุมล้อมและสร้างรั้วไม้ที่กั้นพื้นที่เอาไว้ในระยะหนึ่ง


หลังยืนดูกลุ่มแพะเดินหายลับไปจนหมดแล้ว เราก็ได้เดินขึ้นมาอยู่บนเนินเขาซะที ที่บนเนินเขาทิศตะวันตก
เหนือหมู่บ้าน จุดเดียวกับที่อาเช่เชียร์ให้ขึ้นมาดูนั้นพบว่ามันเป็นลานกว้างบนเนินเขาทอดพาไปสู่พื้นที่ไกล
ลับตาอย่างที่คนเลี้ยงสัตว์ต้อนพาฝูงแกะฝูงแพะของเขาออกไปหาแหล่งอาหารกัน ยิ่งได้ดูภาพจากสารคดี
แล้วก็ทึ่งกับการเอาตัวรอดในการดำรงชีพ นอกเหนือจากนั้นยังต้องเผชิญกับสัตว์ร้ายที่จ้องจะมากินฝูงสัตว์
อย่างเสือดาวหิมะอีกด้วย -- ร่ำลือกันว่า เจ้าตัวนี้มันร้ายมาก 

นอกเหนือไปจากพื้นที่โล่ง ๆ แล้ว ยังมีจุดที่ตั้งเจดีย์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่หนึ่งองค์ ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยการก่ออิฐ
ครอบล้อมด้านนอกไว้สี่มุม เลยทำให้ดูแปลกตาไปจากที่อื่น ๆ ที่เคยเห็นมาในละแวกนี้ รวมไปถึงรั้วไม้ที่สร้าง
ล้อมกั้นเขตเอาไว้อีกจนเหมือนกับว่าเป็นสถานที่สำคัญบางอย่าง  แต่เราก็คงต้องปล่อยให้เป็นปริศนาต่อไป 
เพราะทุกวันนี้ยังหาบันทึกหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่ตรงนี้ไม่เจอสักที  ^^  บรรยากาศภาพตรงนี้จึงขอใช้
เป็นแทนช่วงเวลาเย็นก่อนพลบค่ำที่น่าประทับใจอีกแห่งก็แล้วกันเนอะ


.....

  

การเดินทางกลับเลห์ในเช้าวันถัดมา กับเที่ยวรถที่วิ่งมาจาก Rumtse 
ทำใจล่วงหน้าแล้วว่า จะมีผู้โดยสารจำนวนหนึ่งจากต้นทางมาอยู่บนรถแน่ ๆ และที่ Gya เองก็มีคนมารอรถ
จำนวนไม่น้อย โชคยังดีกับที่นั่งที่ว่างอยู่แม้จะไม่ใช่ริมหน้าต่างอย่างที่หวัง  คนที่นั่งข้างเราถือขวดน้ำรียูส
ใส่น้ำนมดิบที่เพิ่งถูกรีดตอนเช้า คงถูกฝากให้หิ้วไปส่งที่เลห์ มันจะถูกซื้อโดยร้านน้ำชาที่เอาไปต้มชาขาย
ซึ่งขวดนึงก็ตกอยู่ราว ๆ 50 รูปี  

นอกจากนี้ ก็มีเด็กนักเรียนติดรถมาด้วย 4 ราย หนึ่งในนั้นอยู่ในระดับมัธยมหนึ่งคน  เด็กมัธยมลงรถที่
Thiksay  ส่วนอีก 3 คนที่เหลือ ลงที่โรงเรียน Druk Padma ที่ตั้งอยู่ไกลถัดไปพร้อมกัน จากขนาดเป้
บนหลังน้อง ๆ เดาว่าอาจเป็นโรงเรียนประจำ ส่วนจุดหมายปลายทางของเรายังต้องรอไปอีกเกือบชั่วโมง

การออกไปดูชนบทนอกเขตเมือง ชักเริ่มทำให้เริ่มฟุ้งซ่านขึ้นทุกครั้งเมื่อต้องกลับเข้ามายังเลห์
ที่กลายใจกลางแห่งความวุ่นวายไปแล้ว โดยเฉพาะบริเวณท่ารถ พอถึงจังหวะการเลี้ยวโค้งผ่านวงเวียน
และชะลอจอดลงเมื่อถึงปลายทางตรงเลห์เกท โลกแห่งความจริงก็เริ่มกลับมา 

รู้แบบนี้ น่าจะแวะลงเที่ยวที่ Meru สักหน่อยนะ
 

นึกถึงตอนที่รถได้วิ่งผ่านหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนั้น  ที่เคยมีคนโบกไม้โบกมือให้ในช่วงเย็นหนก่อน 
โดยขากลับจะเป็นทางผ่านถึงก่อนถึงแยก Upshi พอดี  ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เราคงลงจากรถแล้วใช้
เวลาเดินสำรวจพักหนึ่ง แล้วค่อยจับรถกลับเลห์ภายหลังก็ยังไหว ...  ก็ได้แต่ชะเง้อดูผ่านกระจกพ้น
ไปเพียงไม่กี่วินาที 

อย่างไรก็ตาม การที่นั่งรถกลับมาถึงเลห์ในช่วงสาย ก็ไม่ได้ทำให้ได้รู้สึกเสียดายมากสักเท่าไหร่ 
เพราะในวันเดียวกันนั้น ได้มีเรืองที่ไม่คาดฝันบางอย่างรอเราอยู่ที่นี่พอดี 

 




Create Date : 04 มิถุนายน 2564
Last Update : 7 มิถุนายน 2564 19:52:57 น. 16 comments
Counter : 1326 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณtoor36, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณKavanich96, คุณnewyorknurse, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณmultiple, คุณtuk-tuk@korat, คุณคนผ่านทางมาเจอ


 
นั่งอ่านดูภาพ แล้วน่าทึ่งของการใช้ชีวิตบนเขา มีหิน น้ำหิมะ
การเลี้ยงสัตว์...

ผมว่าวิถีชีวิตคงจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ซึ่งน่าจะดีสำหรับ
การท่องเที่ยว

เมื่อวานดูภาพยนต์ในทีวี เกี่ยวกับคนผิวขาว (เยอรมันมั้ง)
ไปอยู่กับ ดาไลลามะ ถ่ายทอดให้ดาไลเห็นโลกกว้างที่มีมาก
กวาที่อยู่ น่าจะชักนำให้เห็นความเห็นแก่ตัว ผู้รุกราน
และน่าจะ มีส่วนให้องค์ดาไล ลี้ภัยเข้าสู่อินเดีย ฉากต่าง ๆ
เหมือนข้างบนมาก

และก็เห็น สกุล จิกมีในอีกมิติหนึ่ง แต่เขาก็ทิ้งท่ายไว้นิด
ว่า มีการระเบิดอาวุธทั้งคลังทิ้ง แล้วจิกมีเข้ากับจีน เดาเอา
นะว่า อาวุธคงจะ ขนไปเก็บซ่อนไว้ที่อื่นไว้คอยรบแบบกอง
โจรภายหลัง (เดา)..

เมืองข้างบน ภูมิประเทศที่คุณฟ้าไป น่าสนใจน่าศึกษาครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 6 มิถุนายน 2564 เวลา:9:09:58 น.  

 
@ไวน์กับสายน้ำ

ผมว่าวิถีชีวิตคงจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
ซึ่งน่าจะดีสำหรับการท่องเที่ยว >> นักท่องเที่ยวไม่ใช่พระเจ้าค่ะ


โดย: กาบริเอล วันที่: 6 มิถุนายน 2564 เวลา:10:18:47 น.  

 
ภูเขายังมีหิมะ แต่ท้องฟ้าไม่มีเมฆเลย แล้วแดดก็ดูแรงมากด้วย เลยไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกร้อนหนาวหรือยังไงดี แต่ดูแห้งแล้งมากครับ

ไม่น่าเชื่อเรื่องอุทกภัยเหมือนกัน แต่โลกนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้

ผมรู้สึกว่าถ้าได้ไปเที่ยวลักษณะนี้ผมทนอยู่ได้ไม่นานครับ ฮ่าๆๆ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 6 มิถุนายน 2564 เวลา:16:10:51 น.  

 
ดูภาพที่คุณฟ้านำมาลง เห็นไม้ยืนต้นน้อยมาก มีภูเขา ทุ่งหญ้า โชคดียังมีธารน้ำไหล


โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 6 มิถุนายน 2564 เวลา:22:48:39 น.  

 
สภาพความเป็นอยู่ขาดความสะดวกทุกสิ่ง แต่ชีวิติเขาก็ดำรงอยู่ได้โดยไม่เดือดร้อนอะไร


โดย: สำรวจฟ้า IP: 1.47.170.190 วันที่: 7 มิถุนายน 2564 เวลา:14:22:09 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 8 มิถุนายน 2564 เวลา:9:33:13 น.  

 
เอนทรี่นี้อุดมไปด้วยเจดีย์
เหมือนเป็นสิ่งสามัญที่พบได้ทั่วไปใน Gya เลย ^^
ขนาดที่กักเก็บน้ำยังเป็นทรงเจดีย์
ตามไปดูโครงการ Ice Stupa Project แล้ว
ข้างนอกเป็นทรงเจดีย์แต่มีพื้นที่ข้างในใช้งานได้ด้วย เจ๋งดีแฮะ

เห็นแนวกำแพงเรียงหินแล้ว นึกถึงฉากฉากหนึ่ง
ในการ์ตูน Princess Mononoke เลย น่าจะมีการใช้งานคล้ายกัน
คือเป็นทั้งทางน้ำ(หลาก)และเป็นทางสัญจรตอนปกติด้วย
อุทกภัยแถบเนินเขาน่ากลัวจริง ๆ ถ้าน้ำจะไหลอะไรก็ต้านไม่ได้เนอะ
ถ้าไม่ทำทางให้ผ่าน เจออะไรขวางก็พังหมด ^^"


โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 9 มิถุนายน 2564 เวลา:22:12:42 น.  

 
^
^
ทำลิงค์รูปแล้วมันไม่เป็นรูปแฮะ เอาใหม่ ไม่ทำลิงค์ก็ได้ ^^"
//megudaily.blog.fc2.com/img/964x1395xca158d26fbc4dfb30715b20.jpg/


โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 9 มิถุนายน 2564 เวลา:22:15:56 น.  

 
^
^
ยังไม่ได้อีกแฮะ ขอแปะรูปเลยละกัน ^^"



โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 9 มิถุนายน 2564 เวลา:22:20:22 น.  

 
จากบล็อก
ต้องเป็นผมมากกว่าที่ส่งไปให้คู่ค้า


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 12 มิถุนายน 2564 เวลา:17:51:17 น.  

 
ที่มาคุย
ห้าบาทสิบบาทรับหมดครับ ถือเป็นการสนับสนุนในการหานักแสดงเพิ่ม สมทบทุนครบ 5 ครั้ง ให้สิทธิ์เลือกนักแสดงมาแสดงในบล็อกด้วยนะเออ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 12 มิถุนายน 2564 เวลา:19:28:07 น.  

 
ชอบวีดีโอ หญิงเลี้ยงแกะ ที่แท้เป็นญาติกับ ผกก.นี่เอง
เลยได้เล่นเป็นนางเอก เย้ย 555

ดูแล้วชีวิตเรานี่ สุขสบายกว่าแยะเลย นึกภาพแกะ เดินตุปั๊ดตุเป๋
ไปทั่วหุบเขา ไหนจะตกคอยต้อน เอาหินปาไม่ให้มันแตกฝูง
กลางคืนก็ต้อง เปิดวิทยุเพลง เต่างอย ดังๆ หลอกเสือดาวหิมะอีก555

นี่ถ้าเป็นเมืองไทยนะ เสือดาวหิมะ ไม่เฉียดมาใกล้แน่ เพราะเสือดำยังไม่รอด ลงหม้อตุ๋นไปแล้ว เสือดาวอ้วนๆแบบนี้แหละของเด็ดเลย 555

แล้วก็ Ice Stupa นี่ ภูมิปัญญาชาวบ้านจริงๆ เป็นวิธีเก็บสำรอง
น้ำไว้เพาะปลูกที่ชาญฉลาดมาก

ปล.นางแบบที่ใช้เทียบความสูงนี่ ใช่ จขบ หรือเปล่า
ดูแล้วไม่น่าจะใข่คนพื้นถิ่น เพราะผอม เอ๊ย หุ่นนางแบบเกินไป555



โดย: multiple วันที่: 14 มิถุนายน 2564 เวลา:13:10:57 น.  

 
@multiple

ขอลงเพิ่มเติมต่อจากเรื่อง ice stupa ตรงนี้นิดนึงค้าบ

นอกเหนือจากนี้จะมีอีกหนึ่งวิธีการกักน้ำในฤดูหนาวที่คิด
โดยชาวลาดักอีกคนก่อนหน้านี้ก็คือ คุณ Chewang Norphel
(เจ้าของฉายา Ice man) จะเป็นรูปแบบธารน้ำแข็งจำลอง
โดยโปรเจคนี้เริ่มทำมาตั้งแต่ปี 1987 ...โน่นแน่ะ

ที่จริง เรื่องที่น่าสนใจในลาดัก -- นอกเหนือไปจากอะไร ๆ ที่มัน
Cliche เย้ยย!! -- ก็คือแนวคิดกับนวัตกรรมใหม่ที่ถูกสร้างมาเพื่อ
ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ซึ่งก็มีให้ได้เรียนรู้เยอะมาก ๆ

เสียดาย ที่เดี๋ยวนี้สปอร์ตไลท์
หันเหไปส่องด้านท่องเที่ยวแทบหมดแล้ว

Link --> Chewang Norphel : The white knight of Ladakh building glaciers to tackle global warming




โดย: กาบริเอล วันที่: 14 มิถุนายน 2564 เวลา:17:32:00 น.  

 
โอ้ ชาญฉลาดมาก มนุษย์เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติได้
จากการสังเกตและดัดแปลงแบบนี้นี่เอง

ทีแรกก็สงสัยว่าหิมะบนภูเขามากมาย แต่ทำไมขาดน้ำสำหรับเพาะปลูกได้ ดูไปดูมานึกถึง โครงการแก้มลิง ของบ้านเราเลย

ปล.สูง157 ถึงเป็นนางแบบไม่ได้ แต่ เป็นนางเอกได้น้า
เห็นเดี๋ยวนี้นางเอก ไซน์มินิ สูงไม่เกิน 160 มีแยะเลยจ้า
เค้ายังมีวลีที่ว่า ถึงจะ Short แต่ก็ Hot นะเธอ ด้วยละ555



โดย: multiple วันที่: 14 มิถุนายน 2564 เวลา:19:41:01 น.  

 
สวยจัง แต่ดูเหมือนแล้งแต่ก็มีน้ำใต้ดินเนาะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 19 มิถุนายน 2564 เวลา:15:06:01 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณฟ้า..

ดีจัง..ได้กลับมาเที่ยวอีกล่ะ..

อ่านแล้วสนุกดีคะ..ติดตามๆคะ..



โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 25 มิถุนายน 2564 เวลา:23:03:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กาบริเอล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




ชอบต้นไม้, แมว, หนังสือ
และออกเดินทางท่องเที่ยวบ้าง

ไม่ชอบพบปะผู้คนมากนัก
เป็นมนุษย์จำพวก introvert

การเขียนบล็อก
คืออีกพื้นที่บอกเล่าผ่านตัวอักษร
และตัวตนของเราก็อยู่ในสิ่งที่เขียนค่ะ

ขอบคุณ Bloggang
สำหรับพื้นที่แบ่งปันตรงนี้

....

เริ่มต้นลงบันทึกอย่างเป็นทางการ
ณ วันที่ 16 ม.ค. 2014


###ไม่สะดวกพูดคุยหลังไมค์นะคะ###

© ขอสงวนลิขสิทธิ์ ภาพถ่าย 
ห้ามนำไปใช้ ดัดแปลง แก้ไข 
โดยไม่แจ้งที่มา ก่อนได้รับอนุญาต


New Comments
Friends' blogs
[Add กาบริเอล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.