เว้าเข้าไปเหมือนพระจันทร์เสี้ยวอีกทั้งยังถูกภูเขาบดบังแสงทำให้บริเวณฝั่งตะวันตกมีความมืดมากกว่า เหมือนพระจันทร์ค่ะ

พอถึงสถานที่ปุ๊บรถทัวร์คณะก็มาจอดกันที่ลานจอดรถร้อนๆแบบนี้


เดินทะลุเข้ามายังร้าน OTOP


ตรงร้านสีแดงๆคือร้าน Otop ที่เราเดินผ่านเข้ามาค่ะ ไม่งั้นต้องเดินอ้อมเข้ามาอีกทางเพื่อขึ้นท่าเรือ


ที่ท่าเรือที่นี่คนค่อนข้างเยอะ ทั้งนักท่องเที่ยวและชาวพื้นเมืองท้องถิ่น


ข้างๆร้าน Otop จะมีร้านขายของที่ระลึกและร้านขายชามะนาว เจ้าอร่อยที่ชอบมากมายค่ะ พี่ที่คณะบอกว่ากลิ่นเหมือนซันไลล้างจาน


เมื่อถึงเวลาอันสมควรเราก็เดินไปตามท่าเรือเพื่อไปล่องเรือทะเลสาบกันค่ะ







ออกเรือแล้ววว ถ่ายซ้อน 3 ผิดกฏหมายมั้ยคะ ฮ่าๆๆๆ








น้ำในทะเลสาบเป็นสีเขียวแบบนี้เลยค่ะ >.


วิธีการจับปลาของคนพื้นเมืองที่นี่ค่ะ

ล่องเรือมาถึงเกาะแล้วค่ามาสักการะอัฐฐิของพระถังสัมจั๋งกันที่วัดเสวียนกวง



ใครที่มาล่องเรือที่นี่จะได้ข้ามเกาะไปยังท่าเรือเชิง ภูเขาชิงหลง เพื่อไปสักการะอัฐฐิของพระถังสำจั๋งกัน
พร้อมซื้อไข่ต้มใบชาอาม่ากันที่นี่ค่ะ


ที่นี่มีเรื่องเล่า ตำนานของชาวนเมือง ชาวเซ่า โดยมีเรื่องเล่าว่าเดิมทีนั้น ชาวเซ่าอาศัยอยู่บริเวณอาหลี่ซาน และตามล่ากวางตัวนึงอยู่ซึ่งเป็นกวางที่ตามล่ามานานมากๆ ชาวเซ่าก็วิ่งตามกวางที่เอาแต่วิ่งหนีไม่ยอมเหนื่อยไปเรื่อยๆ กวางน้อยก็วิ่งมาแถบทะเลสาบสุริยันจันทราแห่งนี้ วิ่งจนกีบที่เท้านั้นแห้งผาดมาก ก็เอาแต่วิ่งอ่ะ วิ่งจนเจอทะเลสาบ เท้าน้องกวางก็จุ่มลงไปในน้ำ ทันใดนั้นเองเลือด จากกีบเท้าก็ไหลเพราะวิ่งมานานจนเท้าร้อนนั่นเอง (โอเว่อร์นิดหน่อย 55+) ชาวเซ่าวิ่งมาก็เจอน้องกวางที่กำลังแช่เท้าพักอยู่ที่น้ำ พร้อมกับพบว่า มีปลาวิ่งมาตอดเท้าน้องกวางกันอยู่ และทำให้ ชาวเซ่า ปิ๊งไอเดียมาตั้งรกรากอยู่ที่บริเวณแห่งนี้ ที่มีทั้งภูเขา ผืนป่า และทะเลสาบ สามารถทำมาหากินได้ จนเป็นที่มาว่า น้องกวางที่ลอยคออยู่ที่เกาะนั้นเป็นบรรพบุรุษของ ชาวเซ่า เพื่อมาชี้ทางแหล่งทำมาหากินให้ชาวเซ่านั้นเอง (จบบริบูรณ์) แต่แปลกดีที่ร้านอาหารกลางวันเสิร์พเนื้อกวางให้เรากินด้วยค่ะ