เส้นทางเมืองงาย ขึ้นดอยอ่างขาง มีภูมิประเทศและภูเขาหินแปลกๆให้ดู ถนนไม่คดเคี้ยวไม่แคบมาก ระหว่างทาง บางบริเวณมี ดอกนางพญาเสือโคร่งปลูกไว้เป็นกลุ่มสวยงามอยู่หลายจุดให้จอดถ่ายภาพ
จุดนี้ภูมิประเทศสวยงาม มีโขดหินใหญ่กระจัดกระจาย และมีดอกนางพญาเสือโคร่งเต็มสวยงามมาก ระหว่างถ่ายภาพและเซลฟี่ต้องคอยระวัง เหยียบ "อุนจิ" คนมานั่งปล่อยตรงนี้คงสุขสมเพลิดเพลินน่าดู ( และน่าเตะตรูดด้วย) เพลิดเพลินถ่ายในดงดอกไม้สวยงาม มีหลายกอง เต็มไปหมด เฮ้อ
ต้นนางพญาเสือโคร่งนี้ เพิ่งมานิยมไม่นาน ในช่วงประมาณสิบปี ในยุคสมัยของพี่ยังเป็นป่าเสื่อมโทรมจากการทำไร่เลื่อนลอยของชาวเขา แทบทุกผืนป่าพลิกฟื้นมาได้เพราะพระองค์ท่าน คิดถึงท่านเดี๋ยวน้ำตาไหลอีก สมัยนั้นข่าวพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปถิ่นทุรกันดารทุกวันเป็นปกติ ต่อสู้กับความยากจนของประชาชน โครงการพระราชดำริต่างๆเพื่อหาพืชเศรษฐกิจที่เหมาะสมมาทดแทน ให้ชาวเขาเลิกการทำไร่เลื่อนลอย และปลูกฝิ่น
เมื่อชาวเขาหยุดการรุกป่า ทิ้งไว้เพียงเขาหัวโล้นกับวิวงามๆ หน้าที่ของพสกนิกรวัยกำดัดที่พอมีเรี่ยวแรง ก็จัดตั้งกลุ่มและชมรม เดินป่าไปตามภูเขาตามดอยช่วยกันปลูกป่า พี่และกลุ่มเพื่อนๆตะลุยปลูกกันไปทั่ว เที่ยวกันไป ทุกดอย และมีต้นกล้า นางพญาเสือโคร่งปะปนบ้างประปราย จึงพอมีแทรกตามป่าให้เห็นกันบ้างไม่มากนัก
ระหว่างทางพี่เล่าเรื่องราวเก่าๆและรื้อฟื้นภาพความหลัง บางเรื่องพี่จำได้เราจำไม่ได้ บางเรื่องเราจำได้พี่จำไม่ได้ ไม่มีภาพถ่ายมากนักเพราะการถ่ายภาพแพงไม่มีดิจิตอลเหมือนสมัยนี้ ฟิล์มม้วนละ 100-200 ได้ สามสิบกว่ารูป ทริปนึงถ่ายสิบม้วนก็เยอะมากๆ ที่พักโครงการหลวงสมัยนั้นไม่น่าพิสมัยหรือโก้เก๋เหมือนสมัยนี้ มีแค่พออาศัยนอนหลับและปล่อยของเสีย
สมัยสามสิบปีก่อนนั้นโครงการหลวงอา่งขาง ยังเป็นกระต๊อบ เพราะเราจำภาพกระต๊อบชาวบ้านสองข้างทาง ปลูกติดกันตามแนวถนนเป็นกระต๊อบอยู่กับดิน กลางบ้านมีกองไฟทำอาหารได้ กลางคืนพี่และเพื่อนๆนั่งผิงไฟร้องเพลงอยู่ที่กองไฟหน้ากระต๊อบที่พัก พี่บอกนั่นคือ ที่พักของโครงการหลวงอ่างขาง มันช่างแตกต่างสิ้นเชิงกับสมัยนี้ ตอนนั้น เป็นเพียงโรงเรือนขนาดใหญ่นอนได้ราวยี่สิบคน มีฝาขัดแตะปลูกอยู่บนดินสีแดงๆ ภายในโรงเรือนนี้มีแคร่ไม้ไผ่ยาวๆติดกันตลอดแนวสองแถว ตรงกลางเป็นลานโล่ง เรานอนในถุงนอนหนาวมาก ภายนอกโรงเรือนมีสุมกองไฟไว้ให้ความอบอุ่น ถ้าหนาวจนทนไม่ไหวหรือตื่นก็ไปนั่งผิงไฟกัน
สิ่งที่ประทับใจ คือ มีน้ำอุ่นจากแก๊ส เกิดมาไม่เคยเห็น ที่เราอาบในเวลากลางคืน ในสภาพกระต๊อบโทรมๆ ก็ยังมีน้ำอุ่นให้อาบ
ถึงแม้สภาพโครงการหลวงอ่างขางยังเป็นเพียงกระต๊อบ แต่เพื่อนของพี่มีเพื่อนเป็นจีนฮ่อเป็นกลุ่มขุนส่า บ้านปูนหลังใหญ่บริเวณกว้างขวางสวยงามเขาว่าทำโรงงานผลไม้แห้งและกระป๋อง มีเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งราคาแพง แตกต่างกับที่พักในโครงการหลวงสมัยนั้นมาก
สมัยนั้นยังไม่มีนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระ เป็นยุคเริ่มแรกของแปลงท้อ บ๊วย ( ไม่มี แห้ว ระกำ ) ตื่นแต่เช้าไปเดินเล่น อากาศเย็นมาก 3-4 องศา เสื้อผ้ากันหนาวของคนไทยก็ไม่ได้มีมาก ไม่ได้มี ร้านเสื้อกันหนาวตามห้างสรรพสินค้ามาขายมากเหมือนในปัจจุบัน มีแค่เสื้อวอร์มของบริษัทขายเครื่องกีฬาก็หรูมากแล้ว แต่มันเอาไม่อยู่ถ้าหยุดเดินขาจะแข็งเดินไม่ออก
ระหว่างทางจะมี บางจุดที่มีกลุ่มนางพญาเสือโคร่ง สวยๆ แต่ก็ไม่ได้ภาพสวย ที่ดินตั้งมากมาย มาจำเพาะปลูกร้านบังกลุ่มดอกไม้งามๆกันจนไม่ได้วิวอะไร แถมเด็ดมาใส่ถังโชว์อีก
สรุปว่านอกจากได้ชมดอกไม้งามๆ ก็ได้นั่งฟังเสียงบ่นไปตลอดทางเช่นเดียวกัน "แบบนี้เมืองนอกไม่มี รกสกปรก ช่วยบอกครูอังคณาหน่อย " เมื่อไหร่ความเจริญเข้าสู่แก่นของจิตใจก็คงไม่ต้องฟ้องครูอังคณา ให้คุณครูต้องปากเปียกปากแฉะ บ่นว่าให้เหนื่อยใจคุณครูค่ะ
ได้รำลึกความหลังด้วย น่าสนุกจริงๆนะคะ
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Close To Heaven Review Food Blog ดู Blog
tuk-tuk@korat Music Blog ดู Blog
haiku Art Blog ดู Blog
mcayenne94 Travel Blog ดู Blog
ขอบคุณโหวตด้วยค่ะ