ปัจจุบันรั้งตำแหน่งประธานค่ายหนัง One Cool Film ที่กู่เทียนเล่อก่อตั้ง บอสกู่เทียนเล่อควักกระเป๋าจัดงานเลี้ยงดินเนอร์ฉลองครบรอบ 10 ปี ให้กับพนักงานทุกคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา
กฎการเป็นฮีโร่แบบเงียบ ๆ ของพี่เซี่ยงเส้าหลง ทำดีไม่ต้องประกาศ (บริจาคทำบุญบริจาคเงินสร้างโรงเรียนในจีนไปหลายแห่ง ช่วยเหลือดาราอาวุโส จัดตั้งกองทุน Hong Kong Academy for Performing Arts) ยิ่งเจริญวัยหน้ายิ่งดูบวมอวบอิ่ม ฮีโร่ผู้ใจบุญใจกุศล หน้าจะดูอิ่มบุญเป็นปกติสุข 😂 ล่าสุดที่งานตุ๊กตาทองฮ่องกง ปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 41 (HKFF #41#2023) หนังเรื่อง Vital Sign แปลศัพท์แสงในการพยาบาลได้ว่า สัญญาณชีพ (ยังมีกันอยู่ใช่มั้ย) 😋 เป็นหนังที่ได้รับคัดเลือกให้ฉายปิดงานในปีนี้ พี่กู่รับบทเป็นบุรุษพยาบาลมืออาชีพผู้ทุ่มเทในการช่วยปฐมพยาบาลคนป่วยวิกฤตในเบื้องต้นเพื่อให้ถึงมือแพทย์อย่างปลอดภัย พอได้มาสัมผัสได้เรียนรู้ถึงอาชีพบุคลากรพยาบาล ทำให้รู้ว่าพวกเขามีจิตสาธารณะ เป็นผู้ทุ่มเทให้กับสังคม ช่างน่ายกย่องอย่างมาก
ล่าสุดของจ้าวผาน หรือ อิ๋งเจิ้ง Raymond Lam หลินฟง ไปร่วมงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของหนังเรื่อง Detective VS. Sleuths ที่ร่วมแสดงกับเฮียหลิวชิงหวิน เป็นหนังสายดาร์คอาชญากรรมคุณภาพในแบบฉบับฮ่องกงที่คว้ารางวัลมากมายก่ายกองจากงาน Hong Kong Film Awards ครั้งที่ 41 ที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะ แทบจะไม่พอวางเลยนั่น ฮี่ ๆ ได้ทั้งนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมคือเฮียหลิวชิงหวิน และผู้กำกับยอดเยี่ยม เขียนบทยอดเยี่ยม กำกับภาพยอดเยี่ยม และอื่น ๆ อีกก็บรรยายไม่ไหวค่า ในงานเดียวกันยังประกาศว่าจะได้สร้างภาคต่อของหนัง เลข 2 นี่เด่น 😂 คุณเรย์ฟงโพสต์ mini heart ให้กล้อง ช่างโรแมนติก อ้าว ไม่ใช่น้า เจ้าตัวบอกว่าอยู่ในกองถ่ายหนังทุกครั้งจะมีเรื่องให้ท้าทายมากมายไม่รู้จบครับ (คุณเรย์ฟงบอกว่าเพิ่งจะรู้ว่ามีภาค 2 กลัวอย่างเดียวว่าจะปวดหัว ภรรยาเตรียมยาพาราสามกระปุกด่วน) 😁 ไปล้วงตับจาก ผกก. ได้ความว่า ตอนนี้บทหนังภาค 2 ได้ส่งไปตรวจสอบที่จีนแล้ว รออนุมัติ ผมคิดว่าตัวละครแต่ละตัวมีความลึกมากและสามารถไปต่อได้ ดังนั้นการทำภาค 2 จึงเป็นไปได้ และยังทิ้งทายว่าได้สร้างตัวละครของหลินฟงขึ้นมาใหม่
เปลี่ยนสายมาเป็นนักแสดง ตอนแรกไม่มีประสบการณ์อะไรเลยเกี่ยวกับการแสดง หนังเรื่องแรกแสดงร่วมกับ ถานซ่งอวิ๋น เรื่อง The Spring of My Life หยุนซีเปิดใจสัมภาษณ์ว่าแสดงหนังเรื่องแรกรู้สึกล้มเหลวพ่ายแพ้มาก ตอนถ่ายทำมักจะถูกผู้กำกับดุ (ใครช่างกล้าดุจอมมาร) 😆 เพราะฝีมือและประสบการณ์ยังอ่อนด้อยร่อยหรออยู่ ทำให้หงุดหงิดมาก แสดงได้ไม่ดีเท่าคนอื่น ถึงแม้จะเสียใจแต่ใช้เวลาไม่นาน รีบให้กำลังใจตัวเองและใช้เวลาว่างสังเกตทักษะการแสดงของนักแสดงมืออาขีพคนอื่น ๆ และเริ่มเรียนการแสดงเพื่อพัฒนาทักษะการแสดงให้ดีขึ้น
Till The End of The Moon (จันทราอัสดง) เป็นอีกหนึ่งซีรี่ส์ที่ได้รับการจับตามาเนิ่นนานก่อนออนแอร์ สะดุดตากับคอสตูมเป็นอันดับแรก พอซีรี่ส์ได้ฤกษ์ออนแอร์ เชิญเหล่าเทพเหล่าเซียน ใครคนไหนรู้ตัวว่าเป็นก็ไปสิ 🤣 พระเอกหลัวหยุนซี ผู้รับเด่น ราชาจอมมารถานไถจิ้น สะดุดเหล่าผู้ชมด้วยความสลิมเด้อสเลนดิ้ง คือพ่อผอมมากและแก้มตอบ จนโดนว่าเป็นจอมมารหน้ากระดูก ชาวเน็ตเริ่มเกรียน ถกเถียงกันคีย์บอร์ดแทบไหม้ กลุ่มหนึ่งอ้างอิงเหตุผลของตัวละคร ถานไถจิ้น เป็นองค์ชายผู้น่าสงสาร เกิดมาพ่อก็ตั้งป้อมรังเกียจ เหตุคือชายาตายแต่ลูกชายรอด หาว่าลูกชายเป็นปีศาจ ประเด็นนี้คือเกลียดอิพ่อมาก ถานไถจิ้นมีชีวิตที่ลำบากและโชคร้าย มักโดนข่มเหงรังแกและยังอดๆ อยากๆ (ลำเค็ญแซ่บเว่อค่ะ) รูปร่างของหยุนซีก็เหมาะกับบทนี้แล้ว เหมือนว่าเจ้าตัวคงจะต้องผอมเพราะมารับบทนี้ด้วย (คือจะบอกว่าเห็นพระเอกรูปร่างผอมแบบนี้นานแล้ว)