ครูสาลี่...มองชีิวิตเป็นมหาวิยาลัย เราจะได้เรียนรู้อะไรได้ทุกอย่าง

ไม่ต้องบินให้สูงอย่างใครเขา จงบินเอาเ่ท่าที่เราจะบินไหว
ท่าที่บินไม่เห็นต้องเหมือนใคร แค่บินไปให้ถึงฝันเท่านั้นพอ

หลักการเติม S (es) ในภาษาอังกฤษ ใคร งง! เข้ามาค๊า (ตอนที่ 2)




หลักการเติม S (es) ในภาษาอังกฤษ ใคร งง! เข้ามาค๊า (ตอนที่ 2)




หลักการเติม S (es) ในภาษาอังกฤษ ใคร งง! เข้ามาค๊า (ตอนที่ 2)


สำหรับการเติม S หรือ ES ในแบบที่ 2 นี้ เป็นการเติมที่คำกริยา (VERB) ค่ะ ซึ่งมีหลักการคล้ายคลึงกับการเติม S หรือ ES ที่ท้ายคำนามเพื่อบอกความเป็นพหูพจน์ (1 สิ่งขึ้นไป) นั่นเอง


 


เรื่องเล่าก่อนเรียน (โปรดอ่านเพื่อ ความเข้าใจ ที่ง่ายยิ่งกว่าเดิม อิอิ)


     นานมาแล้ว ประธาน (Subject) อาศัยอยู่ในบ้านกลางป่าคนเดียว เนื่องจาก เวลาไปคุยกับใครที่ไหน ก็ไม่เคยมีใครเข้าใจเขาเลย อย่างเช่นวันหนึ่งที่เขาไปเจอกับสาวงามที่เป็นที่ใฝ่ฝันของหนุ่มละแวกเดียวกันในหมู่บ้าน เขาได้รวบรวมกำลังใจและพูดกับเธอว่า "ผม ...." "เ่อ่อ....ผม......" หลังจากที่ได้พยายามแล้วพยายามอีกเค๊าก็ไม่สามารถทำให้หญิงคนนั้นเข้าใจเขาได้เลย จนในที่สุด เขาก็คิดว่า การอยู่คนเดียวคงเป็นการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด


     แต่แล้ววันหนึ่ง ในขณะที่เขากำลังผ่าฟืนอยู่ ก็มีหญิงสาวน่ารักคนหนึ่ง นามว่ากริยา (Verb) หลงทางมา ท่าทางของเธอเศร้าหมองนัก ด้วยเพราะว่าทุกคนเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นคนชอบสั่งนู๊นสั่งนี่มาโดยตลอด ตั้งแต่เด็ก เท่าที่เธอจำความได้ เธอก็ได้แต่พูดกับคนอื่นๆว่า "กิน" "เดิน" "เล่น" "รัก" "คิด" จนเพื่อนๆที่อยู่ใกล้เธอเริ่มตีตัวออกห่าง เพราะต่างไม่ชอบการวางอำนาจของเธอ ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะมาปลีกวิเวกอยู่ท่ามกลางธรรมชาติสักพัก


     ประธาน (Subject) ได้เริ่มเดินเข้าไปทักทายกับสาวน้อยคนนั้นว่า " ผม ...." แล้วเสียงเขาก็เงียบหายไปเช่นเดิม ชั่ววินาทีหนึ่งที่ดูยาวนานเป็นหลายนาที ต่างคนต่างไม่มีใครยอมปลิปาก แต่แล้ว กริยา (Verb) สาวน้อยหน้าหวานก็ได้เงยหน้าขึ้น ด้วยความดีใจเป็นครั้งแรกที่เธอมีเพื่อนใหม่เข้ามาทักทาย พร้อมกับพูดว่า "ต้องการ" ทั้งสองคนพูดด้วยกันตามประสาตนเองอยู่สักพัก และไม่นานความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เิริ่มพัฒนากลายเป็นเพื่อนสนิท
(ที่หลายๆคนไ่ม่อยากเป็น แอบแซว) เพราะทั้งสองมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ อย่างเช่นเวลาไปเดินตลาด ประธาน (Suject) มักเริ่มพูดว่า "เรา...." กริยา (Verb) ก็จะรีบเสริมทันทีว่า "ต้องการ...." เพียงเท่านี้ ทุกคนก็ล้วนเข้าใจความปรารถนาของทั้งสองคนอย่างง่ายดาย



     ไม่น่าแปลกที่วันหนึ่งไม่นาน หลังจากนั้น ประธาน (Subject) ตัดสินใจที่จะเปิดเผยความในใจกับกริยา (Verb) เมื่อเขาเริ่มพูดว่า "ผม....." กริยา (Verb) ด้วยความคิดเดียวกันก็ตอบกลับออกไปว่า "รัก...." ตั้งแต่นั้นมา ทุกคนก็ได้มีโอกาสแสดงความยินดีกับคู่รักคู่ใหม่ คู่ที่แปลกที่สุดในโลกแต่ก็เป็นคู่รักที่ส่งอิทธิพลต่อคนที่เรียนภาษาอังกฤษทั่วโลกเช่นกัน เพราะตั้งแต่นั้น ทุกคนต่างก็รู้ว่า ประธาน (Subject) และกริยา (Verb) ได้บอกความนักที่ยิ่งใหญ่ต่อกัน
ว่า "ฉันรักเธอ"


ดังนั้น ทุกครั้งที่เราเขียนหรือเรียนภาษาอังกฤษ เราจึงต้องจำไว้เสมอว่า ประธานหลงรักกริยา และกริยาหลงรักประธานได้ยังไง เพื่อที่เราจะได้ไม่ลืมว่า ไม่ว่าประธานจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเช่นไร กริยาก็จะตามรักและปรับตัวเองตามไปเช่นนั้นเสมอ  นั่นก็คือที่มาของ การที่เราต้องผันกริยาตามประธานนั่นเอง หรือที่เขาเรียนกันยากๆว่า Subject Verb Agreement


 


ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่ประธานเป็นเอกพจน์ (ยกเว้น I กับ You)

กริยาก็จะเติม S หรือ ES เสมอ


 


เช่น


He loves his parents. (เขารักพ่อแม่ของเขา)


Sarah wants to learn new things. (ซาร่าต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ)


My papa lives in Australia. (คุณพ่อของฉันอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย)


เป็นต้น


 


ไม้ตายในการจำค่ะ... (เหมาะสำหรับผู้ที่งงเป็นไก่ตาแตกตั้งแต่เด็กๆ ...)



 


*******************


 


ตั้งแต่ตอนนี้ไป เป็น "ขั้นเทพ" ค่ะ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับน้องๆ ที่จะสอบเข้านะคะ มา เด็กเทพ หรือ เด็กเม็บ มาลุยกันเลยค่ะ


ปล. เด็กเม็บเป็นศัพท์วัยรุ่น มาใหม่ล่าสุด ครูสาลี่ขอ Trendy ตามเด็กๆ หน่อยแล้วกันนะคะ อิอิ


 


กฎข้อที่ 1


เมื่อประธาน 2 ตัว มี and เป็นตัวเชื่อม จะมีความหมายเหมือน 1+1 = 2 นะคะ


และเมื่อประธานเป็นพหูพจน์ (มีมากกว่า 1) กริยาที่ตามมาต้องไม่เติม S หรือ ES นั่นเอง ตามรูปเลยค่ะ



 


กฎข้อที่ 2


เมื่อประธาน 2 ตัว มี with, as well as, หรือ together with เป็นตัวเชื่อม ให้กริยาผันตามประธานตัวที่ 1 (ตัวที่อยู่ไกลจากกริยาที่สุด) นะคะ


ตามรูปเลยค่ะ



 


กฎข้อที่ 3


เมื่อประธาน 2 ตัว มี Either...or.... หรือ Neither.....nor หรือ Not only ............ but also.......... เป็นตัวเชื่อม ให้กริยาผันตามประธานตัวที่ 2 (ตัวที่อยู่ใกล้กับกริยามากที่สุด) นะคะ


ตามรูปเลยค่ะ



 


เป็นยังไงบ้างคะ งงหรือเปล่าเอ่ย ยังไงครูสาลี่ขอให้ทุกคนสนุกสนานกับการเรียนภาษาอังกฤษนะคะ ครูจะพยายามหนีงานแปล เข้ามาอัพบล็อกบ่อยๆค่ะ เพื่อทุกๆคน อิอิ


 


 







 

Create Date : 29 มกราคม 2553    
Last Update : 29 มกราคม 2553 15:15:30 น.
Counter : 6906 Pageviews.  

หลักการเติม S (es) ในภาษาอังกฤษ ใคร งง! เข้ามาค๊า (ตอนที่ 1)




No title




หลักการเติม S (es) ในภาษาอังกฤษ ใคร งง! เข้ามาค๊า (ตอนที่ 1)


การเติม S หรือ ES ในภาษาัอังกฤษ จำได้ง่ายๆ ว่ามี 2 แบบค่ะ


1. การเติม S หรือ ES ที่คำนาม (คำนามคือ คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่นะจ๊ะ ใครจำไม่ได้กลับไปอ่าน Part of Speech ได้เลยค่ะ) เมื่อคำนามนั้นเป็นพหูพจน์ (มากกว่า 1 ไม่เชื่อลองจับ "หู" ดูสิว่ามีกี่ข้าง ใครมี 2 ข้างยกมือขึ้น ฮิ้ววววว!)


 


อย่างเช่น ตอบด่วน ตอบด่วน ครูสาลี่เป็นคำนามมั๊ยค อิอิ ..................ตอบสิคะ .....เป็นมั๊ยเอ่ย......


คำตอบคือ "เป็น" ค่ะ (กลัวลูกศิษย์บอกว่าไม่เป็น) ก็ ครูสาลี่เป็นคนนินา ก็ต้องเป็นคำนามสิคะ เน๊อะ


นอกจากนี้ คำนามยังมีอีกมากมายรอบๆตัวเราค่ะ เช่น สากกะเบือ  (เ้อ้ย ไม้จิ้มฟัน) ยัน เรือรบ (ตอนนี้กำลังแปลเรื่องเกี่ยวกับทหาร คิดถึงเรือรบแล้ว หลอน แฮะ) ขอให้คำๆนั้นเป็น คน สัตว์ สิ่งของ และสถานที่ก็พอค่ะ


 


2. การเติม S หรือ ES ที่กริยา (VERB) ค่ะ เติมทำไมน่ะเหรอ ครูสาลี่จะกล่าวไว้ในตอนที่ 2 นะคะ อดใจรอสักครู่ค่ะ


 


พร้อมกันยังค๊า


 


มะ มาเติม S กับ ES ที่คำนามกันน๊ะค๊า


 


คุณรู้จัก "คำนาม" ดีแค่ไหน (แค่ไหนก็แค่นั้นค่ะ อย่าคิดมาก เดี๋ยวแก่ อิอิ)


โอเคนะคะ เรียนกับสาลี่ไม่ต้องคิดมากน๊า เอาเวลาไปคิดเรื่องลดโรคร้อนดีกว่า


 


คำนามจะเติม S หรือ ES ได้ ต้องเป็นคำนามที่มีมากกว่า 1 อย่างเท่านั้น


หรือที่เขาเรียกกันยากๆว่า "พหูพจน์" นั่นเอง



เช่น ครูสาลี่ มี 1 คน ก็ไม่ต้องเติม "S" อิอิ


แต่ ดอกไม้ โห มีตั้งหลายดอก ต้องเติม "S" ค่ะ


(แล้วทำไม ไม่เติม "es" ล่ะ ใจเย็นๆ จ๊ะ เดี๋ยวบอกน๊า)


 


เติม S ไม่ต้องจำค่ะ จำว่าอะไรเติม ES กับไม่เติมอะไรเลยจะดีกว่านะคะ (ง่ายกว่า)


แต่ เราต้องสันนิษฐานไว้่ก่อนว่า พหู (พจน์) เมื่อไร ชั้นจะเติม S ทันที


แต่ถ้าเจอคำที่เป็นไปตามกฎด้านล่างนี้ ต้องเปลี่ยนใจเติม ES นะคะ


คำนามที่เติม ES เมื่อมี 1 อัน/อย่าง ขึ้นไป ได้แก่


1. ลงท้ายด้วย S, SS, SH, CH, Z และ O X (เคยเล่นหรือเปล่า โอ เอ็กซ์ 555 อันนี้นอกเรื่องค่ะ)


2. ลงท้ายด้วย Y และหน้า Y ไม่ใช่สระ (เอ อี ไอ โอ ยู) เปลี่ยน Y เป็น ies (เพราะถ้าหน้า Y เป็นสระ เติม S ได้เลยค่ะ


3. ลงท้ายด้วย F หรือ FE เปลี่ยนเป็น Ves (ยกเว้นcolor="black"> roof - roofs, chief-chiefs, และ ครูกุ๊ก chef-chefs ...)


 


คำที่แปลงร่าง แต่น ทะ แด้นนนนท


man - men                             tooth - teeth


woman - women                    foot - feet


mouse - mice                        child - children (ห้ามอ่าน ชิลด์ นะคะ ให้อ่านว่า ชายล์ด กระแดๆ นิดส์นึง)


ox  - oxen                              goose - geese


 


คำที่ไม่เปลี่ยนรูปเลย แม้ว่าจะมีเป็น 1,000,000 ตัวก็ตาม ได้แก่


น้องกวาง (deer) น้องแกะ (sheep) และ น้องปลา (fish) (style="font-size:18pt;">มีกิ๊กใครเป่าเนี่ยะ หุหุ)


 


แต่ ไม่ว่าจะยังไง

คำนามที่นับได้เท่านั้นถึงจะเติม S หรือ ES ได้


หรือ พูดอีกอย่างหนึ่งคือ

คำนามที่นับไม่ได้ เป็น พหูพจน์ไม่ได้จ้า


 


กำ...แล้วนามนับไม่ได้ คือ อะไรเหรอค๊า



ฮือ..ฮือๆๆๆๆ มันนับไม่ได้อ่ะ ไม่มีใครมาช่วยนับเลย น้ำก็นับไม่ได้ ทรายก็โค-ตะ-ระ เยอะเลยอ่า


นามนับไม่ได้ ก็เป็นนามที่มีลักษณะเป็น ของเหลว เส้นๆ ผงๆ ละอองๆ ไงจ๊ะ เช่น น้ำ ทราย เมล็ด ข้าว เกลือ น้ำตาล ผงชอล์ค ฝุ่น เป็นต้น


 


นับไม่ได้ ก็ไม่ต้องเติม S หรือ ES นะจ๊ะ (ย้ำอีกที)


 


แล้วมีอะไรอีก นี่เล้ยย


รักของคุณยิ่งใหญ่แค่ไหนกันเชียว



รักของการบินไทย "รักเท่าฟ้า" รักของคุณล่ะคะ "แค่ไหน" (ถ้าคนพิเศษมาอ่าน รบกวนตอบด้วยนะคะ คุณพี่)


ความรักหรือนามธรรมต่างๆ นับไม่ได้ค่ะ เช่น Love, Kindness, Hope เป็นต้น


 


แต่ถ้าเรานำมา ชั่ว ตวง วัดหรือบรรจุหีบห่อ

จะทำให้นามที่นับไม่ได้นั้นกลายมาเป็นนามนับได้ทันทีค่ะ


อย่างนี้นะคะ



A bottle of water, A glass of juice (ห้ามอ่านจุ๊ยส์ เพราะเราไม่ใช่ "กุ๊ย" ให้อ่านว่า "จูส" นะคะ),

A rice sack เป็นต้นค๊าา เช่นนี้เติม S ที่ bottle, glass และ sack ได้ค่ะ (เมื่อมีมากกว่า 1 ชิ้นขึ้นไป)


 


จบแล้วค๊าตอนที่ 1


ตอนที่ 2 ห้ามพลาดนะคะ







 

Create Date : 29 มกราคม 2553    
Last Update : 29 มกราคม 2553 2:39:10 น.
Counter : 25136 Pageviews.  

มามะ...มาเรียนพูดภาษาอังกฤษกันดีกว่า กฎและกติกา (ค่อยๆตามกันมาทีละตอน สำเร็จแน่นอนค่ะ)




มามะ...มาเรียนพูดภาษาอังกฤษกันดีกว่า กฎและกติกา




มามะ...มาเรียนพูดภาษาอังกฤษกันดีกว่า กฎและกติกา


กฎกติกาก่อนเรียน


1. ทำใจให้สบาย เตรียมดินสอและกระดาษไว้จด (คำศัพท์)


2. เมื่อถึงเวลาที่ครูบอกให้ลองแต่ประโยคหรือฝึกพูด ต้องทำตามอย่างเคร่งครัด


(เรียกง่ายๆ ว่าต้องใช้แรงงานตัวเองนั่นเอง)


3. ท่องศัพท์ค๊าา


 


Are you ready?


 


มีนักเรียนหลายคนเคยถามครูว่า "ครูคะ หนูอยากพูดภาษาอังกฤษได้จัง หนูต้องทำยังไงบ้างคะ เริ่มตรงไหนดี


ต้องนำดิกชั่นนารีมาท่องหรือเปล่าหรือต้องไปเมืองนอก"


ครูสาลี่ ขอตอบง่ายๆ อย่างนี้ค่ะว่า


การพูดภาษาอังกฤษให้ได้นั้น แต่ละคนมีวิธีการเรียนรู้และฝึกฝนไม่เหมือนกัน

แต่ภาษาก็คือทักษะ ทักษะเกิดได้จากการฝึกฝนค่ะ


คนที่ครูรู้จักหลายคนไปเรียนเมืองนอก กลับพูดไม่ค่อยได้ ก็ยังมี เพราะว่าการคบหาสมาคม

อยู่แต่กับคนไทย ไม่ค่อยได้ใช้นั่นเอง


ตัวครูสาลี่เองก็ไม่ได้ไปเรียนภาษาจากเมืองนอกอะไร และคิดว่ามีอีกมากมายหลายคนที่เรียนด้วยตัวเองได้

โดยไม่ต้องเสียสตางค์ไปเรียนถึงเมืองนอก เพราะสมัยนี้วิทยาการก้าวหน้า

และเราสามารถหาข้อมูลได้มากมายจากอินเตอร์เน็ต


สิ่งสำคัญที่ครูจะสอนคือ ทุกคนต้อง


กล้าลองถูกลองผิด พยายามใกล้ชิดกับอังกฤษให้มากที่สุด

พูดสะดุดแล้วจำเป็นข้อผิดพลาดและฉลาดเพิ่มเติมศัพท์ใหม่ๆ


อย่าลืมสัญญากันนะคะ (หากครูบอกว่าให้นึก ต้องนึก หากบอกให้พูด

ต้องพูดน้าาา ห้ามขี้โกง จะได้เก่งๆ )


 


ฝึกพูดอย่างไร: เวลาฝึกพูด หรือฝึกคิด พิมพ์ตอบกลับมาในช่อง comment เลยค่ะ (พิมพ์ไปด้วย พูดไปด้วย: เพราะการเขียนก็คือการฝึกพูดอีกวิธีหนึ่ง เพราะต้องใช้สมองในการเรียบเรียงประโยคเหมือนกันไงจ๊ะ)


กลัวพิมพ์ผิด หรือพิมพ์ไม่ถูก: ไม่ต้องอายค๊า หรือไม่ต้องใช้ล็อกอิน

ปกติที่คนอื่นรู้จักก็ได้ค่ะ เราจะได้สามารถเต็มที่กับชีวิตได้ โอเคมั๊ยเอ่ย


 


**********************************************************************************************************


 


 







 

Create Date : 30 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2552 15:31:01 น.
Counter : 1028 Pageviews.  

Parts of Speech สำคัญมากๆในการเรียนอังกฤษให้เก่ง




การเรียนแกรมมาร์ (Grammar) ไม่ได้ยากอย่างที่คิดค่ะ ผู้เรียนต้องอัพรอมและแรมของเครื่องตัวเองให้แรงเสียหน่อย จะได้อัพโหลดหรือดาวน์โหลดอะไรได้เร็วๆ ไม่ค้าง (อิอิ เกี่ยวกันไหมเนี่ยะ) ที่สำคัญต้องมีการทำ Disk Defragmenterหรือต้องมีการจัดระเบียบไฟล์บ้างนะคะ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มเรียนไปกับครูสาลี่ ครูอยากแนะนำว่าทุกคนต้อง เน้นว่า ต้อง!
ต้องรู้ชนิดของคำและหน้าที่ของคำในภาษาอังกฤษค่ะ (มีลูกศิษย์หลายคนถามครูว่า ต้องรู้ไปทำไม: ครูเต๊ะท่านิดนึง ก่อนตอบออกไปว่า ถ้านู๋รู้ว่าแต่ละคำทำหน้าที่อะไร นู๋จะวางมันถูกที่ค่ะ ไม่วางมั่ว สะเปะสะปะ และการเรียนอังกฤษของนู๋จะดีขึ้นทันตาเห็น จริงๆ นะคะ)


วันนี้ครูอยากจะแนะนำทุกคนให้รู้จักกับครอบครัวอังกฤษที่ไม่ใหญ่มากกันสักครอบครัวหนึ่งนะคะ สมาชิกของครอบครัวนี้ มี 8 คนค่ะ เรียกว่าPart of Speech Family สมาชิกแต่ละคนของครอบครัวจะมีหน้าที่กันคนละอย่าง
ซึ่งแต่ละคนแต่งงาน ออกลูกออกหลานกันไปมากมาย (จะกล่าวถึงในบทต่อๆไป)










 


ลองมาฟังเรื่องราวนี้ดูค่ะ




 ซาราห์ (นางเอกของเรา) เกิดที่ร้อยเอ็ด เนื่องจากคุณแม่ชอบทานสาหร่ายมาก เมื่อมีลูกจึงตั้งชื่อลูกว่า “ซาราห์”ด้วยผิวสีที่เหมือนกาแฟใส่นม (ฝรั่งเรียกว่า Café au laitอ่านว่า คาเฟโอเล่ – ภาษาฝรั่งเศส) เธอจึงมักเป็นแม่เหล็กดึงดูดฝรั่งตาน้ำข้าวเสมอๆ วันหนึ่ง ในขณะที่เธอกำลังเดินอยู่ ณ เนินเขาโคก ซาราห์รู้สึกว่า มันกำลังจะมา มันมาแน่ๆ (เลียนแบบโฆษณา เนเจอร์กิ๊ฟ) ซาราห์ไม่ได้รู้สึกไปเองนะ ว่ามีคนเดินตามเธอมา ว่าแล้ว ซาราห์ก็เหลือบไปดูด้านหลัง ด้วยความที่แม่พร่ำสอนลูกสาวสุดสวย (สวยแต่ในมุมของตัวเอง) อยู่เสมอว่า ให้คอยระวังหลัง อาจมีขโมยขโจรเดินตามมาปล้นแล้วจะมาแย่งเชอร์รี่เราไปได้ (ตรงนี้เป็นสำนวนค่ะ ฝรั่งเปรียบเทียบความบริสุทธ์ของสาวๆว่า
เป็น
“ลูกเชอร์รี่”)ซาราห์ก็เลยหันไปดูให้รู้แล้วรู้รอดกันเสียเลยว่า ไผที่ตามข่อยมา เพียงแค่หางตาเหลือบมองเท่านั้น ซาราห์ก็ไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้ ด้วยวิทยายุทธที่ฝึกฝนมานาน เธอเว้าออกมาเป็นภาษาอังกฤษ สำเนียงแคมโบเดียน (Cambodian –เขมร) ว่า


 


 



ทุกคนรู้ไหมคะว่า ประโยคที่ซาราห์พูดออกมานั้น ครบถ้วนไปด้วยครอบครัว Part of Speech Family (ครอบครัวหน้าที่ของคำ)


 


สรุปย่อๆนะคะ (บทนี้ จำให้ได้ก่อนว่า สมาชิกทั้ง 8 คน มีใครบ้าง และแต่ละตัวทำหน้าที่อะไรนะคะ)


1. Oh! เป็น   Interjection      (คำอุทาน) มักพูดกันลอย มีหลายคำที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันค่ะ เช่น Wow (ว๊าวววว ว๊าว ว๊าววว) Gosh! (มาจากมาย ก็อด นะคะ) Shit! (อ๊าไม่ได้แปลว่า อุนจินะ แต่เอาไว้สบถเวลาไม่พอใจกับอะไรๆ ค่ะ) เป็นต้น


2.  dark,tall, handsome เป็น Adjective (---ขยายนาม ขนามยาย เฮ้ย! ขยายนาม) เพราะมันเป็นคำที่บอกคุณลักษณะของคำนาม (คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่) ไงคะ ถึงตรงนี้ ทุกคนขา ท่องไว้ค่ะ ว่า “Adj. อยู่หน้านาม หลัง Be”จะสังเกตว่า dark tall และ handsome บอกลักษณะของคำนามคำว่าGuy (ผู้ชาย) ว่า ฮู้ ฮ่า หล่อ เข้ม เร้าใจ ขยายคำไหนวางไว้หน้าคำนั้นได้เลยค่ะ เช่น Beautiful Sarah (อันนี้คือน้องซาราห์สุดสวย) เป็นต้น


3. and เป็นConjunction (คำสันธาน) จำง่ายๆ ว่า สะพาน (เสียงใกล้เคียงกัน เหมือนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว) มันจึงเป็นตัวเชื่อม เชื่อมประโยค กลุ่มคำหรือคำ ได้หมดค่ะ มีหลายรูปแบบ เช่น ตัวที่บอกความขัดแย้ง
(but, although, nevertheless, yet, still) ตัวที่บอกความเป็นเหตุเป็นผล(because, since, so) ตัวที่บอกการคล้อยตามกัน (and, moreover, in addition) จะกล่าวอย่างละเอียดอีกทีนะคะ  


4.guy เป็น Noun (คำนาม) คำนาม คือ คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ (มีเยอะมากค่ะ V.–ing lang="TH">ก็ทำให้เป็นคำนามได้ เราเรียกว่า gerundเจอรัล) อะไรที่เป็นคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ เป็นคำนามหมดเลยนะคะ ทั้งนี้ นามประกอบไปด้วย นามนับได้ และนามนามไม่ได้ ซึ่งครูสาลี่จะกล่าวต่อไปในอนาคตนะคะ (เรื่องนี้ต้องเล่านิทาน หุหุ)


5.is walking เป็น Verb (คำกริยา) คำกริยา คือ ตัวที่บอก Action (การกระทำต่างๆ) กริยาแบ่งได้หลายประเภท แต่ครูสาลี่ขอยกเอาการแบ่งกริยาแบบ V. ช่วย (Auxiliary Verbs) และ V. แท้มาสอนนะคะ ใช้ประโยชน์ได้เยอะเลยค่ะ เช่น I will write you a letter tonight. กริยามีอยู่ 2 ตัว หาเจอเปล่าเอ่ย อ๊า ถูกต้องแล้วค่ะ นั่นคือ คำว่า will และwrite หากเราเอานิ้วจิ้มปิดคำว่า will เรายังคงรู้ความหมายโดยรวมของประโยคว่า อ้อ ฉันเขียนจม.ถึงคุณคืนนี้ แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราเอานิ้วจิ้มปิดคำว่า
writeเราก็จะงง ต้องนั่งทางใน จึงจะรู้ว่าทำอะไรหว่า ดังนั้น กริยาตัวที่เราปิดแล้วไม่รู้ความหมาย(write) นั่นล่ะค่ะ เป็น V. แท้ ของประโยคในขณะที่ will เป็น V. เทียม (เฮ้ย! ไม่ใช่) V. ช่วย จ้า  


 


6. to เป็นPreposition (คำบุพบท) คำบอกตำแหน่งแห่งที่ค่ะ เช่น in, on, at, between, to, in front of, over และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ตัวที่ใช้กันบ่อยที่สุด นั่น คือ “onวัน in เดือน” ท่องไว้น๊า และเมื่อ V. ชน V. ใช้ to มาคั่นค่ะ (มีข้อยกเว้นแต่อย่าเพิ่งไปสนใจมันตอนนี้ค่ะ) เช่น I want
to go …., He hates toplay football. เป็นต้น


 


7.  me เป็น Pronoun (คำสรรพนาม) แต่เป็น Object Pronoun นะคะ สรรพนามมีหลายแบบค่ะ แบบที่ใช้เป็นประธานก็มี(I You We They; He She It) แบบที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ (my+book = mine, your+book = yours, our+book = ours, their+book = theirs, his+book = his, her+book = hers, its+bone = its) และแบบที่ใช้เป็นกรรมค่ะ (me, you, us, them, him, her, it) เป็นต้น


 


8.slowly, at this moment เป็น Adverb (คำวิเศษณ์) หรือคำขยายกริยา (Adj.ขยาย N. แต่ Adv. ขยายV. ค่ะ—อย่าสับสนนะคะ) ส่วนใหญ่มักเติม –ly หลัง
Adj.
เช่น beautiful—beautifully, kind—kindly, short—shortly เป็นต้น แต่มีข้อยกเว้นนะคะ ได้แก่ Fast, well, hard (คำเหล่านี้ไม่ต้องเติม ly นะจ๊ะ)
อ๊ะๆ คำว่า
at this moment ก็เป็นAdv. นะคะ เรียกว่า Adverb of time ค่ะ (บอกเวลา)


 






 






 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2552 0:44:21 น.
Counter : 4777 Pageviews.  

Interesting ต่างจาก Interested อย่างไร รู้กันไหมเอ่ย


<="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8" />








Interesting ต่างจาก Interested ยังไงเอ่ย


 


กริยากลุ่มนี้เป็นกริยากลุ่มพิเศษและทำให้คนเรียนภาษาอังกฤษสับสนได้ดีจริงๆ


ความพิเศษของมันมีอยู่ว่า “หากมันทำหน้าที่เป็นกริยา(Verb) ของประโยค มันจะแปลว่า ~ ทำให้ ...” 


แต่เมื่อใดก็ตามที่มีการเติม –edหรือ –ing ต่อท้าย หน้าที่ของคำนี้จะเปลี่ยนจากกริยาไปเป็นคำคุณศัพท์ (adjective) ทันทีค่ะ


 


กลุ่มกริยาพิเศษนี้ ได้แก่


*worry (ทำให้ประหลาดใจ), embarrass (ทำให้อับอาย), excite (ทำให้ตื่นเต้น), interest (ทำให้สนใจ), surprise (ทำให้ประหลาดใจ), impress (ทำให้ประทับใจ), bore (ทำให้เบื่อ), tire
(ทำให้เบื่อ), satisfy (ทำให้พอใจ, scare (ทำให้กลัว), amaze (ทำให้ตื่นตาตื่นใจ)


 


หมายเหตุ--* สังเกตค่ะว่า คำกริยาเหล่านี้ ครูสาลี่จะแปลว่า ทำให้... ทุกตัวนะคะ


 


เมื่อนำกริยาตัวนั้นมาใส่ –ed จะมีความหมายว่า “รู้สึก...” จำง่ายๆว่า ผู้ที่รู้สึกได้ต้องเป็นสิ่งมีชีวิตเท่านั้นดังนั้น ส่วนใหญ่เราจึงมักนำมาบรรยายความรู้สึกของคน (ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานของประโยคค่ะ)


เช่น  Jack is always excited when he has to talk on a stage. (แจ็คมักรู้สึกตื่นเต้นเสมอเมื่อเขาต้องขึ้นไปพูดบนเวที)


 


แต่เมื่อนำกริยาตัวนั้นมาใส่ –ing จะมีความหมายว่า “น่า...” จำง่ายๆว่า เรามักใช้นำมาบรรยายบรรยากาศหรือลักษณะของนาม (คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่) ต่างๆ


 


เช่น  Talking on the stage is very excitingfor Jack. (การขึ้นไปพูดบนเวทีนั้นเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับแจ็ค)


*** ที่สำคัญห้ามลืมค่ะว่า เมื่อเติม –ed หรือ –ing แล้ว คำๆนี้จะเปลี่ยนหน้าที่จากกริยา กลายมาเป็น คำคุณศัพท์ (Adjective) ทันที นั่นหมายความว่า ADJ. ต้องอยู่หลัง Verb to be หรือ หน้าคำนาม เสมอนะคะ


 


Try this exercise! ลองมาทำแบบฝึกหัดกันดูนะคะ


1. I thought the teacher was young but he is 50 years old. I was ........................


    a. surprising        b. surprise        c. surprised        d. surprises


 


2. Are you ..........................in English?


    a. interesting        b. interest        c. interested        d. interests


 


3. I think the news ...............................


    a. is exciting        b. are exciting    c. are excited    d. is excited


 


4. They ......................to say anything.


    a. were too excited            b. were to excited        


    c. were to excite                d. have to excitement


 


5. Mr. Thomson ...................to see his boss change his mind for the second time.


   a. surprises        b. surprised        c. was surprised        d. was surprising





 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2552 23:00:17 น.
Counter : 7485 Pageviews.  

1  2  

Ksatrey
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




สวัสดีและยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่บล็อกของสาลี่ค่ะ หวังว่าบล็อกนี้คงให้ทั้งความสนุกสนานและความรู้แก่ทุกคนบ้างตามสมควรนะคะ เนื่องจากสโลแกนในการสร้างบล็อก "มองชีวิตเป็นมหาวิทยาลัย เราจะได้เรียนรู้อะไรๆได้ทุกอย่าง" จึงขอเรียกตัวเองว่า "ครูสาลี่" และขอน้อมรับความติชมของ "คุณครุ" ทุกๆคนนะคะ (เพราะเราต่างเป็นครูเป็นนักเรียนกันทั้งสิ้น อิอิ) ดีไหมคะ
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Ksatrey's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.