Expert Witness
ตอน Expert Witness ฮัลโหล ยังจำกันได้รึเปล่าคะ ... ถามอย่างนี้เพราะหายไปช่วงนี้ยาวเลย ก็เหมือนเคยค่ะ ยุ่งเรื่องนู๊นเรื่องนี้ บ่นให้หลายคนฟังว่ารู้สึกเหมือนคอนโทรลชีวิตตัวเองไม่ได้เลย ได้แต่ปล่อยให้ไหลไปตามกระแสน้ำ ไม่มีเวลาตั้งตัวเพื่อคิดพิจารณาตัดสินใจระยะยาวเลย แต่ก็ชั่งเหอะ มีงานทำดีกว่าไม่มีเป็นไหนๆ เกิดมาทั้งทีต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม เหมือนอย่างเรื่องที่จะเล่าคราวนี้ .... หนึ่งในหลายๆความยุ่งเหยิง ก็คืองานบริการวิชาการให้แก่สังคม ซึ่งจัดเป็นภาระงานหนึ่งของอาจารย์มหาวิทยาลัย งานนี้เรียกว่า Expert Witness ค่ะ ...
ครูแป๋วถูกเชิญไปให้การเป็นพยานต่อศาล หน้าที่ก็คือให้ข้อมูลในเชิงวิชาการตามหลักความจริงทางวิทยาศาสตร์ ... แว่บแรกที่ถูกเชิญ ครูแป๋วนึกถึงละครเรื่อง Law and Order ขึ้นมาทันใด เรื่องโปรดของครูแป๋วเลยละ ฉากทนายว่าความในคอร์ทนั้นเท่ห์สุดๆ ดูขลัง-ทรงพลัง อา ฝันที่เป็นจริงนะนี่ เกือบจะอ้าปากเซย์เยสไปง่ายๆแล้วค่ะ แต่พอมีคนทักว่า งานหนักมากนะ แถมอยู่ดีๆหาเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลทำไม ก็ทำให้เกิดความลังเลใจ อืมม จะคุ้มกันมั๊ยว๊า ... ลังเลแล้วทำไง ก็ถามคนรอบข้างสิคะ พวกผู้ใหญ่บอกว่าอย่าเลย แต่ส่วนที่เหลือ (รวมทั้งกัลยาณมิตรที่น่ารักในพันทิป) ยุให้ทำไปเห๊อะ เป็นประสบการณ์ชีวิต ครูแป๋วคิดๆแล้วก็ลุยค่ะ ตามวิสัยชอบลองของใหม่ๆ ...
งานนี้ถือว่าเป็นงานใหญ่ เพราะเป็นการฟ้องกันระหว่างบริษัทต่างชาติสองบริษัทที่มามีธุรกิจในประเทศไทย บริษัทที่มีชื่อเสียงทั้งคู่ซะด้วย ญี่ปุ่นทั้งคู่ค่ะ ไม่รู้ว่าฝ่ายแพ้ต้องทำฮาราคีรีรึเปล่า ... การเป็นพยานแบบนี้มันไม่ใช่การไปยืนในศาล แล้วเค้าจะถามว่า วันนี้เวลานี้ คุณทำอะไรอยู่ เจอใครมั่ง (ถ้ามันง่ายอย่างนี้ก็คงจะดีหรอก) แต่มันเป็นการตอบคำถามในเชิงเทคนิคการผลิต เอกสารเยอะมาก และมันออกแนวคณิตศาสตร์ ทนายบ่นอุบเลยว่าเคสนี้โหด ครูแป๋วต้องมานั่งเลคเชอร์ทนายเรื่องการคำนวณและอื่นๆ ในขณะที่ทนายก็ต้องสอนครูแป๋วเรื่องกฎหมายสิทธิบัตร และต้องคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ เพราะบริษัททนายเป็นบริษัทฝรั่ง ผู้จ้างเป็นญี่ปุ่น ที่เหลือเป็นคนไทย บรรยากาศการทำงานอินเตอร์ของแท้ ... เราใช้เวลาศึกษาและอ่านเอกสารกันมากมาย แต่โชคดีบริษัททนายที่ใช้ประชุมอยู่แค่หน้าซอยบ้านครูแป๋วเอง เดินออกจากบ้านไม่กี่นาทีก็ถึง สะดวกค่ะ อีกเรื่องที่แฮ๊ปปี้คือ ทุกคนทำงานกันระดับมืออาชีพ ไม่มีที่ต้องมาย้ำบอกอะไร พูดกันหนเดียว เข้าใจ ทำครบเป็นระบบและตรงเวลา ตรงนี้ชอบมากเลย ... ระหว่างที่เตรียมงาน มีหลายหนที่ครูแป๋วบอกทนายและผู้ดูแลที่ส่งมาจากบริษัทญี่ปุ่นว่า ครูแป๋วไม่สามารถตอบอะไรอย่างนั้นได้เพราะมันไม่จริงตามหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งพวกเค้าก็เข้าใจ ไม่มาบังคับกัน แต่ก็จะมีบ่นอุบอิบว่า you are so tough พอได้ยินอย่างนี้ ครูแป๋วจะยิ้มแล้วสวนกลับไปว่า yes I am สรุปว่าเป็นการทำงานที่มีประสิทธิภาพและสนุก แต่ก็เหนื่อยและใช้เวลาพอสมควร ...
เมื่อถึงวันให้การในศาล ครูแป๋วอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ แหม่ ขึ้นศาลนะคะ ไม่ได้ไปทำบัตรประชาชน วันนั้นก็ใส่สูทเรียบร้อย เวลาเดินไปกับกลุ่มทนายแล้วรู้สึก ว๊าว เหมือนตัวเองอยู่ในหนัง ... พอได้เวลา เก้าโมงเช้า เจ้าหน้าที่เชิญให้ครูแป๋วยืนกลางห้อง พนมมือสาบาน แล้วก็นั่งตรงแท่นกลางห้องเพื่อรอตอบคำถาม ช่วงแรกทนายฝ่ายที่เชิญครูแป๋วมาให้การจะเป็นฝ่ายถามก่อน เพื่อโยงเรื่องให้เข้าประเด็น จากนั้นอีกฝ่ายก็จะถาม (เค้าเรียกว่าซักค้านมั๊งคะ ไม่แน่ใจ ภาษาอังกฤษใช้คำว่า cross examination) จากนั้นฝ่ายที่เชิญครูแป๋วก็จะกลับเข้ามาถามติงอีกหน และท้ายสุดท่านผู้พิพากษาจะสรุปคำให้การของครูแป๋ว ... ด้วยความที่ฝ่ายฟ้องและถูกฟ้องเป็นญี่ปุ่นทั้งคู่ เค้าก็จะจ้างล่ามมาคอยแปลทุกคำพูดที่ครูแป๋วให้การเป็นภาษาญี่ปุ่นเพื่อให้เข้าใจความเป็นไปทุกวินาที (เดิมพันเค้าเป็นร้อยเป็นพันล้านค่ะ ดูเครียดกันทั้งสองบริษัท) ไม่ว่าครูแป๋วพูดอะไรออกมา ก็จะได้ยินเสียงหึ่งๆอยู่ข้างหลังตลอดเวลา (รู้สึกว่าบริษัทนึงไม่ได้จ้างล่ามมาแค่คนเดียว เพราะเสียงหึ่งๆมีหลายเสียงมาก) ทำให้ครูแป๋วต้องพูดดังขึ้นโดยอัตโนมัติเพื่อกลบเสียงพวกนั้น ... อย่างที่บอกอ่ะค่ะ ว่าลักษณะคำถามมันไม่ใช่คำถามสบายๆว่าไปเจออะไรมา แต่จะเริ่มจากผู้พิพากษาถามประวัติเราก่อน แล้วทนายฝ่ายที่เชิญครูแป๋วมาก็จะถามชนิดให้อธิบายทฤษฏี เช่นหลักการคำนวณหาค่านู่นค่านี่ เพื่อให้ผู้พิพากษาเข้าใจ จากนั้นทนายอีกฝ่ายก็จะเอาทฤษฏีที่ว่า มาถามประมาณว่า ถ้าเป็นกรณีอย่างนี้ละ ทฏษฎีนี้ใช้ได้มั๊ย หรือไม่ก็ยื่นเอกสารมาให้ครูแป๋วอ่านแล้วถามว่าถูกต้องหรือเปล่า หรือถามว่าจากข้อความนี้สามารถระบุได้หรือไม่ว่า--- อะไรก็ว่าไป ... มันต้องอธิบายและ/หรือคิดเยอะทุกคำถามค่ะ เหนื่อยสมองมากเลย จนเวลาผ่านไป ท่านผู้พิพากษาช่วยตัดบทว่า อาจารย์น่าจะเหนื่อยแล้วพักกันก่อน แล้วนัดเจออีกทีตอนบ่ายโมงครึ่ง ...
ช่วงพักทานข้าวกลางวัน หัวหน้าทนายซึ่งเป็นฝรั่งบอกว่า ช่วงเช้าครูแป๋วเจอไป 40 กว่าคำถาม ระหว่างนั้นมีเจ้าหน้าที่ของบริษัททนาย (เค้าทำเค้ามากันเป็นทีมใหญ่ค่ะ) ก็มากระซิบว่า อีกฝ่ายไม่ทานข้าวในแคนทีนแต่ขึ้นไปประชุมกันข้างบนโดยสั่งแซนวิชขึ้นไปทาน ... ช่วงบ่ายตอนต้นก่อนเริ่มถามต่อ ท่านผู้พิพากษาน่ารักมาก ถามครูแป๋วว่า อาจารย์หายเหนื่อยรึยัง จากนั้นเหตุการณ์ก็เป็นไปเหมือนช่วงเช้าแต่เข้มข้นกว่า คงเป็นผลมาจากการประชุมเครียดระหว่างพักกลางวัน มีบางคำถามที่โยงไปถึงเรื่องกฎหมายซึ่งครูแป๋วตอบไปว่าไม่ทราบกฏหมายค่ะ รู้แต่ทางเทคนิคการผลิตและวิเคราะห์ คุณทนายก็พยายามจะให้ตอบอยู่นั้นแล้ว ท่านผู้พิพากษาจึงช่วยบอกให้ถามคำถามอื่นต่อไป ครูแป๋วเริ่มชินกับเสียงหึ่งๆข้างหลัง ใจคิดว่าขอมาวันเดียวนะ ไม่ต่ออีกวันนะ และในที่สุดคำอธิฐานก็เป็นจริง ทุกอย่างเสร็จสิ้นเอาประมาณบ่ายสี่โมงครึ่ง เฮ๊อออออ ปวดหัวเหลือเกิน ณ เวลานั้น ทนายและตัวแทนจากบริษัทที่เชิญครูแป๋วมาก็เข้ามาแสดงความยินดี ประมาณ well done great job very good ทำนองนี้ แต่ที่ชอบใจคือ มีตัวแทนฝ่าย IT ของบริษัทฯคนนึงที่หน้าเครียดตลอดตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา พูดน้อยมาก และไม่เคยยิ้มให้ครูแป๋วเลย ตอนนี้ยิ้มให้แล้วค่ะ ตอนแรกนึกว่ายิ้มไม่เป็นซะอีก ... ครูแป๋วบอกพวกทนายไปว่า I hate this job ให้ทำอีกชั้นไม่ทำแน่นอน พวกเค้าขำกันใหญ่ คุณทนายคนไทยคนนึงบอกว่า อาจารย์ไม่ชอบโดนถาม มาเป็นคนถามก็ได้ครับ อาจารย์มีพื้นทางวิทยาศาสตร์นี่ได้เปรียบมากเลย แค่เข้าคอร์สให้ได้ประกาศนียบัตรเพิ่มอีกหน่อยเดียวก็ได้แล้ว สนใจมั๊ยครับ บ้าเรอะ ... ถึงจะบ่นกระปอดกระแปด แต่ครูแป๋วถือว่างานนี้เป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากค่ะ ได้เจอคนมีคุณภาพในหลายๆสาขาอาชีพ เป็นอะไรที่ไม่ได้มีกันบ่อยๆหรือเจอกันได้ทุกคน ก็เลยอยากเอามาเล่าให้ฟัง ... ไว้คราวหน้าจะเล่าเรื่องแมวดีกว่า เกริ่นยั่วยวนไว้นิดนึงว่า ที่เคยมีแมว 6 ตัวในบ้าน ตอนนี้ครูแป๋วมีแมว 7 ตัวแล้วนะคะ J
Free TextEditor
Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2553 11:41:16 น. |
|
10 comments
|
Counter : 1327 Pageviews. |
|
|