เมื่อเท้ามันคัน อะไรมันๆ จะเกิดขึ้น
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
26 กรกฏาคม 2557
 
All Blogs
 
เกาหลีใต้ : กิมจิ กินจุก ฮันกุก บุกชอน

แทบไม่อยากเชื่อว่าทริปต่างประเทศที่เคยไปมาทั้งหมดทั้งปวงตั้งแต่เกิดมา ทริปไปเกาหลีใต้จะเป็นทริปแรกที่ต้องควักกระเป๋าซื้อตั๋วไปเองแบบนักท่องเที่ยวปกติ ที่ผ่านมาไปฟรีทั้งสิ้น


จ่ายค่าตั๋วให้สายการบินประจำชาติเกาหลีอย่าง Korean Air ปุ๊บก็มารู้ปั๊บว่าไมล์ที่สะสมไว้มีพอที่จะบินไปเกาหลีได้สบายๆ แถมญาติยังมาพูดให้เจ็บใจว่าเขาซื้อทัวร์กันไปไม่ถึงหมื่นบาท เที่ยวกินกันคุ้มแสนคุ้ม แต่ไม่เป็นไร ระดับเรายอมจ่ายให้ Korean Air สองหมื่นกว่าบาท ได้ตั๋วไปกลับแค่ใบเดียวแต่ได้ใช้บริการสายการบินที่มีคำขวัญว่า Excellence in Flight กับบริการดี แอร์สวย พร้อมกับได้พักฟรีที่อพาร์ทเมนต์น้องอดีตผู้อัญเชิญพระเกี้ยว แค่นี้ก็ฟินแล้ว


แม้เครื่องจะไม่ใช่ลำใหญ่เหมือนหน้าท่องเที่ยว แต่เครื่องเล็กลงที่นำมาใช้ในหน้าฝนก็ไม่ได้แย่ สะอาด ทันสมัย ใช้งานได้ดี ชอบที่แอร์เขายิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา ไม่มีท่าทีวีนเหวี่ยงให้เห็นแม้แต่น้อย ติดใจกิ๊บติดผมอันใหญ่พิเศษบนหัวทุกนางที่ทำให้เขาต้องก้มตัวต่ำกว่าปกติเวลาบริการผู้โดยสารเพื่อไม่ให้กิ๊บไปเกี่ยวกับ overhead locker ทำให้คุณแอร์ดูเป็นคนนอบน้อมประหนึ่งใส่ชุดประจำชาติบริการผู้โดยสาร ความเสี่ยงก็อาจมีนะ เพราะมันอาจไปดึงดูดสายตาผู้โดยสารลามกโรคจิตได้


เมื่อไปถึงสนามบิน Incheon สนามบินชื่อเดียวกับเมืองที่สนามบินตั้งอยู่ เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับที่สามของเกาหลีใต้ และห่างจากกรุงโซลเมืองหลวงเขาไม่มากนัก แต่หากท่านมาถึงช่วงชั่วโมงเร่งด่วนอย่างพวกเรา อาจใช้เวลาเดินทางเข้าโซลเป็นชั่วโมง หากรถติดก็หลับไปได้เลยครับ

คนเกาหลีคนแรกที่ผมรู้จักชื่อ Mr. Song เป็นคนขับแท็กซี่ที่พวกผมเรียกนั่นเอง ค่าแท็กซี่เรียกจากภายในสนามบินซึ่งรวมค่าทางด่วนแล้วถูกกว่าการออกมาเรียกนอกสนามบิน ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่รู้ Mr. Song ติดป้ายในรถเขาว่าพูดภาษาอังกฤษได้ ผมจึงใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการนั่งรถสอบถามข้อมูลต่างๆ จากลุง Song คุยกันออกรสชาติมากเพราะน้องที่นอนหลับมาข้างหลังนอนไม่ได้เลย แต่สาระที่ได้น้อยมาก รู้แค่ว่าแกให้ไปเที่ยวสะพานสายรุ้ง รถฮุนไดดีที่สุด และได้นามบัตรแกมาเผื่อไว้โทรเช่ารถ พูดฟังไม่รู้เรื่อง ทีขายของเก่งเชียว


มาถึงบ้านพักของรุ่นน้อง อยู่ในย่านดี ทันสมัย สะดวกสบาย โดยเฉพาะระบบ security ที่ไม่มีก็แค่สแกนม่านตาเท่านั้น แต่ก็ต้องอ้าปากค้างหลายวิเมื่อทราบราคาค่าเช่า แพงกว่าเช่าคอนโดในกรุงเทพฯ โขอยู่ ค่าครองชีพคงไม่ถูกนัก


วันแรกที่ไปถึง กว่าจะเก็บข้าวของ ทำความคุ้นเคยกับที่พัก พักสายตา และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตรงกับธีมในวันแรกก็ปาเข้าไปเที่ยงกว่าแล้ว


ออกมาจากที่พักก็มองหาของกินหย่อยๆ กันเลย พวกเรายังไม่ค่อยชัวร์เรื่องร้านอาหารท้องถิ่นเกาหลี แม้จะมีหลายร้านติดรูปวัวตัวใหญ่ไว้ด้านหน้า เราจึงลงเอยที่ร้านญี่ปุ่นในเกาหลีกับอาหารมื้อแรก ผมสั่งข้าวหน้าปลาไหลราคา 20,000 วอน หรือประมาณ 600 บาท ถือว่าโอเคนะกับลักษณะร้านและย่านที่กิน


พูดถึงเรื่องอาหารแล้วก็ยาวเลยแล้วกัน ใน 4 วันที่ไปอยู่เกาหลี ผมถูกใจเรื่องอาหารเป็นอันดับหนึ่ง มากกว่าที่ท่องเที่ยวและการช็อปปิ้ง นี่ถ้าอาหารไม่ถูกปากคงจะเสียดายค่าตั๋วแย่ ที่ชอบมากคงเพราะเป็นคนชอบทานอาหารปิ้งย่างและชอบรสจัด ซึ่งอาหารเกาหลีส่วนใหญ่มีคุณสมบัติทั้งสองอย่าง


พูดเลยว่าไม่มีมื้อไหนที่เบื่ออาหาร ทานไม่อิ่มเลย จัดเต็มทุกมื้อ ดีที่กลับไทยมาน้ำหนักขึ้นไปกิโลเดียว


ถูกใจที่สุดยกให้เนื้อสัตว์ปิ้งย่างบนตะแกรงเหนือเตาถ่าน เสิร์ฟพร้อมผักสด กิมจิ น้ำจิ้มสารพัด เริ่มตั้งแต่เนื้อ หมูหมัก จนไปถึงไส้นุ่มฟู แม้คนไม่กินเครื่องในยังเอ่ยปากชม ร้านแบบนี้บ้านเรามีเยอะ เพียงแต่กิมจิไม่เยอะเท่าและบรรยากาศการกินสุภาพไป


ซุปซี่โครงวัวนุ่มลิ้น ใส่ผักสารพัด น้ำซุปผสมเครื่องเทศและพริก เลือกระดับความเผ็ดได้ตั้งแต่ 10 ถึง 100 เราเลือกระดับต่ำที่สุดแม้จะมั่นใจว่าอาหารไทยเผ็ดกว่าจม แต่ก็ดีแล้วครับเพราะแค่ระดับ 10 ก็ทำให้พวกเราซู้ดปากกันได้นานหลายนาที


ไก่ทอดแกล้มเบียร์ที่ถ่ายได้แต่รูปเบียร์ ตอนแรกสั่งมาครึ่งตัวไม่หนำใจ ต้องสั่งมาอีกตัว แป้งกรอบ เนื้อนุ่ม ที่กินเยอะนี่ยังไม่แน่ใจว่าเพราะหิวหรือของเขาอร่อยจริง เพราะมื้อที่กินไก่นี้กินดึกมาก หรืออาจเป็นเพราะยัยเด็กเกาหลีโต๊ะข้างๆ พูดเสียงดังมาก ดังจนโต๊ะเราเองต้องตะโกนคุยกันเพื่อกลบเสียงนาง หมดแรงคอแห้งไปตามๆ กัน นึกถึงนางเอกหนังเกาหลีที่แบ๊วกับเด็กโต๊ะข้างๆ ที่กำลังแหกปากแปดหลอดช่างต่างกันจริงๆ ชีวิตจริงที่ไม่เหมือนละคร


ข้าวหน้าหอยแมลงภู่ ซึ่งเป็นร้านเล็กๆ ที่พวกเราดั้นด้นหาจนเจอ น่าจะเข้าร้านเป็นโต๊ะเกือบสุดท้าย นั่งกับพื้น ทั้งร้านมีไม่เกิน 10 โต๊ะ แต่มีคนเข้าออกตลอดเวลาตั้งแต่ร้านเปิดจนปิด


บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในซุปที่เผ็ดร้อน พร้อมหมูผัดกะทะร้อน


และเส้นชับแชเหนียวนุ่มต้มกับเนื้อสัตว์และอาหารทะเล ร้านยอดนิยมคนไทยในย่านเมียงดง


อาหารที่กินมีชื่อเรียกเป็นภาษาเกาหลีทุกเมนู แต่ผมจำได้แต่เพียงกิมจิเท่านั้น


สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่พวกเราไปเยือนในวันที่แดดจัดทั้งที่เป็นหน้าฝน คือ หอโซล หรือ Seoul Tower ลงทุนเดินทางตากแดดตากลมกันไปเพราะรอวันหลังจากนี้ฝนอาจตกได้ และอยากลองแบ็คแพ็ค ทำอะไรด้วยการพึ่งตนเอง จึงลองนั่งรถไฟฟ้าต่อด้วยรถบัสด้วยตนเอง


ผลคือใช้เวลาไปเกือบ 2 ชม. นั่งรถอ้อมโซลกันซะงั้น ทั้งที่หอโซลที่ว่าอยู่ห่างจากที่พักไม่มากนัก ได้บทเรียน หลังจากนี้ขึ้นลงรถไฟใต้ดินกันคล่องทีเดียว


Seoul Tower เป็นที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของทั้งคนเกาหลีและคนต่างชาติมาก ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรให้ทำให้ดูมากนัก แต่เพราะตั้งอยู่บนภูเขา วิวสวย อากาศดี ทำให้หนุ่มสาวนิยมไปถ่ายภาพกัน


ชำระเงินประมาณ 300 บาท ก็สามารถขึ้นไปชมวิวบนยอดหอได้นานเท่าที่ต้องการ


ภายในลิฟต์ซึ่งใช้เวลาขึ้นลงเพียงไม่กี่วินาที เขาก็ไม่พลาดที่จะจัดวีดิโอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวให้เราดูเพลินๆ


หอโซลตั้งอยู่บนยอดเขานัมซันกลางกรุงโซล มีกิจกรรมยอดนิยม 2 อย่าง คือ ขึ้นไปชมวิวกรุงโซลจากยอดหอ ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดในโซลด้วย มองเห็นวิวกรุงโซลอย่างชัดเจนทุกมุม


อีกกิจกรรมคือการเอากุญแจเขียนชื่อตัวเองพร้อมคนรักไปคล้องไว้ในจุดที่เขาจัดไว้ให้ ด้านล่างมีร้านขายแม่กุญแจน่ารักๆ สำหรับคนที่ไม่ได้เตรียมมา


อันนี้เป็นผลโดยตรงจากการที่หนังหรือละครเกาหลีหลายเรื่องมีฉากพระนางคล้องกุญแจอันแสนโรแมนติก


พวกเราไม่ได้คล้องเพราะไม่มีใครเป็นแฟนกับใครและคงไม่มีใครอยากเป็นแน่ๆ ได้แต่ถ่ายรูปกันมาแทน


มาเที่ยวที่แรกก็เริ่มได้ยินสำเนียงเสียงภาษาอันคุ้นเคย หันไปก็เห็นทัวร์ไทยเดินตามไกด์ถือธงกันมาเป็นแถว


เกาหลีใต้แพร่ขยายคายตะขาบวัฒนธรรมเขาในต่างประเทศได้โดดเด่นมากในหลายปีที่ผ่านมา ครั้งหนึ่งแม่ผมที่นครศรีฯ ถึงกับติดแดจังกึมงอมแงม


รัฐบาลเขาจะหาช่องทางนำเสนอหรือยัดเยียด(ในบางครั้ง)ให้นักท่องเที่ยวได้ตลอดเวลาทุกที่จริงๆ อย่างเช่น มีบริการให้ใส่ชุด hanbok ถ่ายภาพฟรีคนละห้านาที พวกที่ไปด้วยกันหลงกลเขากันทุกคน เขาสอนวิธีใส่ชุด มีจุดให้ถ่ายรูป ถ่ายเสร็จมาแชร์ในเฟสบุกช่วยโฆษณาให้เขาอีก แถมคิวรอใส่ชุดฟรียาวเหยียด


ที่สนามบินอินชอนซึ่งก็เป็นสนามบินที่มีคนใช้บริการมากที่สุดในโลกแห่งหนึ่งอยู่แล้ว เขาก็ยังสู้มีกิจกรรมให้ชาวต่างชาติที่รอขึ้นเครื่องนานๆ ได้นั่งทำ เช่น การเพนท์งานศิลปะจำพวกถ้ายโถโอชา ไหนๆ นั่งรอแล้วก็ทำกิจกรรมไปด้วยเลย งานนี้เกาหลีได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ผมเดินอยู่ดีๆ ก็มีขบวนราชวงศ์เกาหลีเดินมาให้แตกตื่นในตอนแรกและถ่ายรูปในตอนหลังได้อีกด้วย กำลังจะขึ้นเครื่องอยู่แล้วยังต้องถ่ายรูปชุดประจำชาติเขาลงเฟสบุกอีกจนได้ งานนี้อาเกาทำได้ดีอีกเช่นกัน คงต้องเรียกว่าเก็บทุกเม็ด


ความสวยงามของโซลด้วยตัวเองก็คงเป็นสภาพภูมิประเทศที่เป็นทิวเขาสลับไปมา ทำให้เมืองดูสวยงาม น่ารัก มีมิติ มีอาคารบ้านเรือนอยู่บนเขา อยู่ริมแม่น้ำ ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่ใหญ่พอๆ หรือใหญ่กว่าแม่น้ำเจ้าพระยาบ้านเราเสียด้วยซ้ำ


ที่เขาเนรมิตให้สวยด้วยมนุษย์ คือ อาคารบ้านเรือน ถนนหนทางสะอาดสอ้าน ไม่มีหลุมไม่มีบ่อ หญ้าเทียม หญ้าจริง สวยงาม น่าเดิน ไม่ต้องคอยระวังว่าจะเหยียบกับดักหรือเดินตกท่อ ระดับการพัฒนาถ้ามีสเกลวัด ผมว่าอยู่ตรงกลางระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเป๊ะ


นอกจากนี้ ยังมีคลองกลางเมืองอย่าง Cheonggyecheon ที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นชุมชนสลัม เขาพัฒนาจนกลายเป็นคลองระยะทางกว่า 10 กม. ที่น่าเดินเล่นที่สุดคลองหนึ่งในโลก เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งในกรุงโซล รวมๆ แล้วประทับใจบ้านเมืองเขาครับ


มีที่ให้นั่งหย่อนขา ดูปลา เดินเล่น ถ่ายรูป และกิจกรรมสันทนาการ


มีให้โยนเหรียญอธิษฐาน ซึ่งนักท่องเที่ยวลองกันเกือบทุกคน


เปลี่ยนภูมิทัศน์ได้สวย ไอเดียเก๋ ดึงดูดคนกันง่ายๆ อย่างนี้เลย


อย่างริมแม่น้ำสายหลักอย่างแม่น้ำฮัน มีสวนสาธารณะขนาดใหญ่อยู่มากมาย


รัฐบาลเขาให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจพอสมควร เราได้ไปเดินเล่นในหนึ่งในสวนสาธารณะเหล่านั้น เห็นครอบครัวพากันมาพักผ่อนไปทั่วบริเวณ คงเป็นวันเสาร์ด้วย


บ้างตกปลา บ้างเล่นน้ำพุ บ้างว่ายน้ำ บ้างเล่นกีฬา สารพัดกิจกรรม อยู่ได้ทั้งวันไม่เบื่อเลยล่ะครับ


อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องใช้คำว่าเลิศมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสุภาพสตรี คือ แหล่งช็อปปิ้ง


มีอยู่ประมาณ 4-5 ย่าน เดินกันได้ไม่เบื่อ ทั้งอาหารการกิน ของใช้ เครื่องสำอาง เลือกเอาได้ว่าจะเอาสไตล์ไหน หรูแพงแต่เดินสบายก็ย่าน Gangnam


ถูกหน่อยแต่เดินสีกันก็ต้องไป Myeongdong ซึ่งคนไทยรวมทั้งผมถูกใจที่หลังมากกว่า


ขนาดไม่ได้ซื้ออะไรเอง รับแต่ออเดอร์คนอื่นมา ยังเดินช็อปสองสามชั่วโมงไม่รู้ตัวเลย ยี่ห้อดังๆ ที่เขาฝากกันมาก็มี ครีมหอยทาก Etude Missha Nature Republic Hanyul Sulwhasoo ล้วนแล้วแต่คุ้นหูคนไทย แต่ราคาย่อมเยากว่าที่มาขายบ้านเราหลายเท่าตัว


และเช่นกันเดินไปได้ยินเสียงคนไทยลอยมาตามลม ของกินรอบตัว คล้ายๆ เดินอยู่แถวสยาม


นักท่องเที่ยวชาติอื่นก็มีจีนกับญี่ปุ่นที่เยอะหน่อย แต่ช็อปมั๊นมันยันตะวันตกดินจริงๆ นะ


ช็อปเสร็จแล้วขอแนะนำให้ไปเดินต่อย่าน Bukchon (ถ้ายังลากสังขารไปไหว) ผมชอบย่านนี้เป็นพิเศษเพราะอยู่บนเนินเขา บรรยากาศดูโบราณ มีบ้านเก่าที่อนุรักษ์ไว้


มีร้านอาหาร ร้านกาแฟน่ารักเพียบ ไม่คิดมาก่อนว่าคนเกาหลีจะนิยมดื่มกาแฟกันมากขนาดนี้


หลายร้านอยู่บนหลังคาตึก ดูสวยงาม น่าเข้าไปลิ้มลองในยามโพล้เพล้ที่มีลมพัดเย็นๆ


ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวทางอารยธรรม วัง วัด บ่องตรงว่ายังไม่ถูกจริตเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ที่เคยไปมาที่ประเทศอื่น ลองถ้าเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเนี่ย มันต้องยิ่งใหญ่อลังการมาก วัด วัง บ้านเราน่าเที่ยวกว่า หลายคนที่เคยไปมาบอกว่าต้องไปต่างจังหวัดถึงจะเห็นอะไรที่คู่ควรกว่านั้น


แต่ก็โอเคล่ะ นี่ขนาดไม่ถูกจริตยังถ่ายภาพมาเพียบและเดินเล่นเป็นชั่วโมง


มีวัดอะไรไม่รู้ปิดวันจันทร์ แปลกดีปิดวันทำงาน คงเหมือนร้านตัดผมที่หยุดวันพุธมั้ง จะไปเที่ยวไหนเช็ควันปิดเปิดให้ดีก่อนก็ไม่มีปัญหา


ข้อดีอีกอย่างจะเดินไปไหนเวลาเช้ามืดหรือค่ำดึกก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ประเทศนี้เขามีอัตราอาชญากรรมต่ำ


ส่วนเรื่องหน้าตาดีเพราะพลาสติกนี่ก็เห็นไม่มากนะ ตามรถไฟใต้ดิน รสบัส คนเดินตลาดทั่วไป ไม่ค่อยเห็นใครหน้าตาดีนะครับ หน้าเป็นเต้าหู้ยี้สีซีดเสียมาก หน้าตาดีที่ผ่านการโมแล้วมักพบในพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน พนักงานห้าง ร้านขายเครื่องสำอาง นักร้องนักดนตรี และน้องคนนี้

ที่แฝงอยู่กับร้านค้าทั่วไป ซึ่งถ้าจะนับดูแล้วก็มีทั่วทุกหัวระแหงเช่นกัน นั่นคือคลีนิกศัลยกรรมพลาสติก หลายแห่งออกแบบตกแต่งสวยงามดึงดูดลูกค้าผู้ที่ไม่พอใจในตัวเอง แบบที่บ้านเราเรียกว่าบูติก ดูไม่เหมือนคลีนิกผ่าตัดศัลยกรรม ผมเองเกือบเผลอเข้าไปทำแล้ว กลัวหมอไล่ออกมาบอกว่าดูดีอยู่แล้ว ที่น่ารักอีกอย่าง คือ ป้ายโฆษณาตามรถไฟใต้ดินบางป้ายไม่โฆษณาอะไร แต่เป็นป้ายที่ติ่งดารานักร้องอุทิศให้แก่ดารานักร้องในดวงใจ อวยพรวันเกิดบ้าง ทำให้เฉยๆ โดยเสน่หาบ้าง ติ่งบ้านเราที่ไปตามกรี๊ดที่สนามบินตายไปเลย


สุดท้ายขอขอบคุณ Oppa Dong Jin ผู้ใจดีที่พาเราไปกินข้าวและเดินเล่น ขอบคุณผู้เอื้อเฟื้อที่พัก และขอบคุณน้องๆ ที่ทำให้ทริปนี้ไม่แท้ง รวมทั้งที่ยอมให้เอารูปหลายรูปที่น้องดูแย่มาใช้โดยไม่ต้องขออนุญาต



 



Create Date : 26 กรกฎาคม 2557
Last Update : 30 ธันวาคม 2564 23:40:21 น. 1 comments
Counter : 3553 Pageviews.

 
wow. great blog. really looking forward to going to Korea. thanks for the tidbits!!!


โดย: gob kamolwan IP: 122.0.2.2 วันที่: 12 กันยายน 2557 เวลา:8:41:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Thaisoloclub
Location :
Rome Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




Friends' blogs
[Add Thaisoloclub's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.