ไปอิสตันบูลต้องดูบลูมอส ... Blue Mosque in Istanbul
มาต่อความประทับใจวันแรกในอิสตันบูลกันนะคะ... หลังจากที่จัดการอาหารเช้าเสร็จ ดิฉันสอบถามทางกับพนักงานโรงแรมอีกครั้ง ถึงเส้นทางเดินไปยังมัสยิดสุลต่านอาห์เมต (Sultan Ahmet Mosque หรือที่นิยมเรียกกันในนามของ Blue Mosque มัสยิดสีฟ้า) และวิหารเซนต์โซเฟีย (Hagia Sophia)  | Sultan Ahmet Mosque (Blue Mosque) | |
จากที่พักไปยังมัสยิดสีฟ้า ระยะทางห่างกันเพียง 100-150 เมตร จะเห็นหลังคาโดมอยู่ไม่ไกล ใช้เวลาเดินไม่เกิน 10 นาที หาไม่ยากค่ะ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะชายตุรกีวัยกลางคนทักถามว่า "What are you looking for?" คำตอบที่บอกไปคือ "Blue Mosque" เขาก็ชี้ให้เดินตัดทางไป ไม่ต้องเดินเลียบถนน เป็นการเดินลัดผ่านตลาด Arasta Bazaar ได้เลย  | เดินตัดจาก Arasta Bazaar ขึ้นมาจะเป้นประตูทางทิศตะวันตกของมัสยิด |
พอโผล่พ้นตลาดตามทางบันไดไปเรื่อย จะเห็นมัสยิดสีฟ้าด้านประตูทิศตะวันตกซึ่งเป็นประตูหลักอยู่ทางด้านซ้ายมือ แลเห็นผู้คนมากมาย กำลังถ่ายรูปด้านนอกบ้าง เตรียมเข้าไปด้านในบ้าง หน้าประตูจะมีป้ายบอกเวลาเปิดปิด แต่สำหรับนักท่องเที่ยวและผู้ที่ไม่ได้มาละหมาดจะต้องไปเข้าประตูทางด้านทิศเหนือ คือ ให้เดินเลี้ยวซ้ายไปก็จะเจอประตูทางเข้าใหญ่ ถ้าเราสังเกตดูบริเวณประตูทางเข้าด้านทิศตะวันตกจะเห็นโซ่เหล็กหนักแขวนอยู่ ซึ่งในสมัยก่อนสุลต่านจะเสด็จมาบนหลังม้าและเข้าทางประตูด้านนี้ ห่วงโซ่นี้มีไว้ให้สุลต่านต้องก้มศีรษะลงในเวลาเข้าด้านใน เพื่อแสดงให้เห็นว่าแม้จะเป็นผู้ปกครองนครแต่ก็ต้องแสดงความนอบน้อมต่อพระผู้เป็นเจ้า โดยปกติแล้ว ชาวมุสลิมจะทำการละหมาดวันละ 5 เวลา คือ ย่ำรุ่ง (ประมาณ 5-6 โมงเช้า) กลางวัน (เที่ยงครึ่งถึงบ่ายเศษ) เย็น (บ่ายสามถึงห้าโมงเย็น) พลบค่ำ (18.30-19.30น.) และกลางคืน (ตั้งแต่ 2 ทุ่มเป็นต้นไป) ดังนั้น ทางมัสยิดสีฟ้าจึงเปิดให้เข้าชมด้านในได้ 3 ช่วงเวลา คือ ช่วงเช้า 09.00 - 11.00น. ช่วงเที่ยง 12.30 - 14.15น. และช่วงเย็น 15.15 - 16.30น.
 | ประตูทางทิศตะวันตก สำหรับผู้เข้าละหมาด
| |  | ประตูทางทิศเหนือ สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป | ด้านหน้าของมัสยิดมีลักษณะเป็นลานกว้าง เหมือนเป็นอาเขตโค้งอย่างต่อเนื่อง มีน้ำพุกลางหกเหลี่ยมขนาดเล็กอยู่ตรงกลางลาน
 | น้ำพุกลางลานที่ปัจจุบันใช้เป็นที่ชำระล้างทำความสะอาดก่อนเข้ามัสยิด
| |  | พยายามถ่ายภาพให้ได้พาโนรามา แต่ฝีมือไม่ถึงเลยเอียงไปหน่อย
| | ในการเข้าชมด้านในจะต้องถอดรองเท้าเอาไว้ด้านหน้า ซึ่งทางมัสยิดได้จัดเตรียมถุงพลาสติกไว้ให้ใส่นำติดตัวเข้าไปได้หากไม่อยากวางฝากไว้ด้านนอก นอกจากนั้น สำหรับนักท่องเที่ยวสตรี จะต้องใส่เสื้อผ้าให้มิดชิดคือสวมเสื้อแขนยาว และโพกผ้าคลุมผมตลอดเวลาที่อยู่ภายในมัสยิดด้วยค่ะ
 | โพกผ้าคลุมผมเองครั้งแรก ยังไม่ค่อยเรียบร้อย
|  | ลวดลายรายรอบภายในมัสยิด | |  | ในมัสยิดจะปูพื้นด้วยพรมแดงทั้งหมด | | | |
ด้านสถาปัตยกรรมของมัสยิดสีฟ้าแห่งนี้ ถือเป็นสุดยอดของสองจักรวรรดิ คือ ออตโตมันและไบเซนไทน์ เพราะได้รวบรวมเอาองค์ประกอบบางส่วนมาจากวิหารเซนต์โซเฟีย ผนวกกับสถาปัตยกรรมแบบอิสลามดั้งเดิม Blue Mosque ถือว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่สุดในตุรกี สามารถจุคนได้เรือนแสน และตัวมัสยิดตั้งอยู่ในพื้นที่ประวัติศาสตร์ของอิสตันบูลซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ. 2528
มัสยิดสีฟ้าหรือมัสยิดสุลต่านอาห์เมต (Sultan Ahmed Mosque) ตั้งตามชื่อของผู้สร้างเลยนะคะ เป็นมัสยิดในประวัติศาสตร์ของอิสตันบูล สุลต่านอาห์เมตได้สานฝันของพระองค์เมื่อตอนอายุ 19 ปี เพื่อสร้างมัสยิดแห่งนี้ โดยใช้เวลาในการสร้างนานถึง 7 ปี คือ ระหว่างปี ค.ศ.1609-1616 พอสร้างเสร็จไม่ถึงปี พระองค์ก็สิ้นพระชนม์ตอนอายุ 27 ปี
สำหรับนักท่องเที่ยวนั้น มัสยิดสุลต่านอาห์เมตเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายในนาม Blue Mosque หรือมัสยิดสีฟ้ามากกว่า เนื่องจากเรียกตามสีของกระเบื้องอิซนิกที่มีมากถึง 20,143 ชิ้น ใน 70 แบบ ซึ่งใช้ประดับตกแต่งภายในมัสยิด กระเบื้องอิซนิก เป็นกระเบื้องเซรามิกแบบโบราณที่ทำด้วยมือ อีกทั้งตัวมัสยิดด้านในนี้เมื่อแสงอาทิตย์ส่องผ่านช่องกระจกสีเข้ามาจะทำให้เห็นเป็นสีน้ำเงินด้วย จึงเรียกชื่อมัสยิดตามนี้ แต่หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเรียกว่ามัสยิดสีฟ้า เนื่องจากเวลาเข้าไปชมด้านในแล้วบางครั้งไม่อยู่ในช่วงที่มีแสงอาิทตย์ส่อง และจะมองเห็นแต่กระเบื้องสีแดงน้ำตาลเป็นส่วนใหญ่ สาเหตุเป็นเพราะกระเบื้องที่อยู่ระดับล่างจะเป็นการออกแบบแบบดั้งเดิม ขณะที่ระดับแกลลอรี่หรือด้านบนที่ออกแบบให้มีสีสัน เช่น ลายผลไม้ ดอกไม้ โดยที่กระเบื้องกว่า 2 หมื่นชิ้นเหล่านี้อยู่ในกำกับดูแลของช่างจากเมืองคัปปาโดเกีย ซึ่งได้รับค่ากระเบื้องแต่ละชิ้นในระดับราคาคงที่จากการกำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาของสุลต่าน ในขณะที่ราคากระเบื้องทั่วไปสูงขึ้นตลอดเวลา จึงเป็นผลให้คุณภาพของกระเบื้องที่ใช้ในอาคารค่อยๆ ลดลง จากสีแดงกลายเป็นสีน้ำตาล สีเขียวกลายเป็นสีฟ้าขาวจุดด่างดำ บางส่วนเป็นกระเบื้องรีไซเคิลจากฮาเร็มใน Topkapi Palace เมื่อครั้งเสียหายจากไฟไหม้ในปี 1574 ด้วย
 | ความงามของโค้งโดม |  | หลังคาโดมซึ่งสูงถึง 43 เมตร และมีลวดลายอันสวยงาม |  | ความงามของกระเบื้องอิซนิก (Iznik) |  | หลากลายที่ใต้โดม สังเกตเสาขนาดใหญ่ระหว่างโดมนะคะ มีด้วยกันทั้งหมด 4 ต้น วงรอบขนาด 5 เมตร
|  | บริเวณที่ละหมาดจะเต็มไปด้วยโคมไฟรูปไข่นกกระจอกเทศจำนวนมาก เดิมโคมไฟเหล่านี้เคยประดับเพชรและทองด้วยนะคะ
| |  | กระจกสีที่ประดับหน้าต่าง 260 บานรอบโดม
| |  | เสาขนาดใหญ่ 5 เมตร จนเรียกกันว่า "เท้าช้าง"
| | | |  | อีกด้านหนึ่งของเสาเท้าช้าง
| | | |
ความสวยงามภายในมัสยิดสีฟ้า จึงเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของอิสตันบูลที่ใครๆ ก็อยากจะไปเยือน ภาพภายในมัสยิด ดิฉันถ่ายมาไม่ค่อยดีนัก เพราะช่วงใกล้หมดเวลาเข้าชมสำหรับนักท่องเที่ยว จึงรีบๆ เก็บภาพถ่าย ..ของจริงสวยกว่าภาพที่เห็นเยอะค่ะ
 | หอด้านนอกมัสยิด
| |  | ความงามในความเรียบง่ายของโถงระเบียงด้านนอก
| |  | Blue Mosque Model ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับประตูทางทิศเหนือ |
ดูที่ภาพโมเดลของมัสยิด จะเห็นว่ามีเสา Minaret 6 เสา ซึ่งหมายถึงมีหออะซาน (เป็นหอสูงสำหรับร้องแจ้งเวลาในการทำละหมาด) ถึง 6 หอ ซึ่งเป็นมัสยิดแห่งเดียวในตุรกีที่มี 6 หอ เพราะมัสยิดโดยทั่วไปจะมีหอสวดเพียง 2 หรือ 4 หอเท่านั้น สาเหตุเป็นเพราะเกิดจากความผิดพลาดในการสื่อสาร เนื่องจากตอนสร้างสุลต่านสั่งสถาปนิกว่าอยากได้หออะซานที่เป็นทอง หรือ Altin ซึ่งใกล้เคียงกับคำว่า Alti หรือ 6 ในภาษาเติร์ก แล้วก็เกิดปัญหาขึ้นจนได้ เพราะจำนวนหออะซานดันไปเท่ากับมัสยิดฮารามซึ่งอยู่ที่นครมักกะฮฺ์ ซึ่งถือว่าเป็นมัสยิดศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวมุสลิม สุดท้ายก็ต้องแก้ปัญหาด้วยการส่งสถาปนิกไปเจรจาสร้างหออะซานเพิ่มที่มัสยิดฮาราม จนปัจจุบันมี 9 หอนี่ล่ะ อ้อ! เกือบลืมบอกไปว่า ตรงประตูทางออก จะมีคนรับบริจาคเงินเพื่อใช้สำหรับบูรณะมัสยิด จำนวนเงินตามศรัทธา ดิฉันยื่นให้ 10TL (หนึ่งเตอร์กิชลีร่าเท่ากับยี่สิบบาทไทย) ก็ได้รับกระดาษแผ่นเล็กๆ กลับคืนมาสองใบ ดูแล้วน่าจะเป็นใบเสร็จค่ะ
 | ใบรับบริจาค | |
พอออกจากมัสยิด ก็เดินมาที่ประตูทางออกด้านทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทางเดินไปยังจตุรัสสุลต่านอาห์เมต ตรงประตูนี้เอง เราสามารถมองเห็นวิหารเซนต์โซเฟียสีชมพูได้แต่ไกล ระยะทางไม่ห่างกันนักค่ะ เทียบแล้วอาจจะเดินจากธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ไปวัดพระแก้วประมาณนี้
 | เก็บภาพตัวเองเป็นที่ระลึกรูปแรกของทริปนี้ | |
Hagia Sophia แค่มองจากด้านนอก ก็เห็นความสวยสง่างามมากมาย ..แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้องนะคะ เลยขอจัดการอาหารกลางวันให้เรียบร้อยก่อนดีกว่าไปชมความงามด้านในของวิหารเซนต์โซเฟียกัน ไม่ไกลกันนัก ดิฉันลองเดินไปเรื่อยๆ ใกล้ๆ รถรางสถานีสุลต่านอาห์เมต มีร้านค้ามากมาย เดินไปเดินมาเห็นมีร้านขายโทรศัพท์มือถืออยู่ เลยเดินเข้าไปถามหาซิมการ์ดในฐานะคนทันสมัย คอยอัพเดทสถานะเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ โดยไม่ต้องจ่ายค่าโรมมิ่งแพงๆ
 | TURKCELL Sim Card |
พรีเพดซิมการ์ดของ TURKCELL เครือข่ายสื่อสารเจ้าใหญ่ของตุรกีที่ได้มานั้น เป็นค่าซิม 20TL แล้วจ่ายเพิ่มอีก 20TL (ร้านเล็กบางร้านบอกราคา 30TL เลยนะคะ) เป็นค่า Data package 1GB ซิมนี้ไม่มีวันหมดอายุ ถ้าขนาด 4GB ราคา 40TL ...ดิฉันคำนวณวันว่าอยู่ในอิสตันบูล 6 วัน 1 GB ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการอัพโหลดข้อมูลในระหว่างเที่ยว เพราะที่โรงแรมก็มีสัญญาณไว-ไฟ ให้บริการทุกชั้นอย่างไม่จำกัดจำนวนและเวลาอยู่แล้ว จ่ายตังค์สบายกระเป๋าไปแล้วก็ถึงเวลามองหามื้อกลางวันล่ะ เท่าที่เดินดูอาหารมีหลายประเภทนะคะ แล้วก็เห็นอาหารหน้าตาสวยงามของ Can Restaurant เข้า ดูคล้ายๆ กับอาหารจานด่วนหรือข้าวราดแกงบ้านเรา คือ ทำกับข้าวไว้ให้เลือกมากมายตามใจชอบ
 | สีสันสวยงามอย่างนี้นี่แหละค่ะ ชวนให้เข้าร้าน
|  | คนตักอาหารท่าทางใจดี จะถ่ายรูปเท่าไหร่ก็ไม่ว่า
|  | ด้านในจัดโต๊ะแบบเรียบง่าย | | | |  | ด้านหน้าของ Can Restaurant | | | |
ดิฉันเลือกอาหารสองอย่างเป็นซุปมันฝรั่งร้อนๆ 1 ถ้วย กับเห็ดผัดถั่วลันเตากับแครอท และข้าวเปล่าอีก 1 จาน รวมแล้วราคา 18TL เรียกว่าราคาเอาเรื่องล่ะค่ะ ที่ร้านไม่มีป้ายราคาติด คิดว่าน่าจะทำให้นักท่องเที่ยวที่หลงเข้าไปมีอาการตกใจอยู่ไม่น้อยแหละ เพราะไปเห็นบทวิจารณ์เกี่ยวกับร้านนี้ในภายหลัง ในบางเว็บก็พูดถึงเรื่องราคาอาหารนี่อยู่เหมือนกันว่าแพงเกินไป
 | มื้อกลางวันมื้อแรกในตุรกี หน้าตาเป็นอย่างนี้ |
แม้ชื่อร้านจะใช้คำว่า Restaurant แต่ด้านในไม่ได้เป็นลักษณะภัตตาคารนะคะ โต๊ะอาหารจัดแบบเรียบง่าย เลือกนั่งได้ตามจำนวนคนที่มา คล้ายๆ self service เสียมากกว่า ดิฉันนั่งทานข้าวยังไม่ทันเสร็จเรียบร้อยดี พนักงานผู้ชายในร้านคนหนึ่ง เดินมาหยิบจานอาหารที่ยังไม่หมดไปเก็บหลังร้านซะแล้ว แถมยังมองแบบไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ ...แอบนึกในใจว่า เอ๊ะ! หรือเราจะนั่งนานเกินไปหว่า แต่ดูโต๊ะอื่นๆ ก็เหลือที่นั่งว่างเยอะแยะไปหมด... ว่าแล้วก็รีบเผ่นออกจากร้านดีกว่าค่ะ อิอิ 
Create Date : 27 มกราคม 2556 |
|
2 comments |
Last Update : 27 มกราคม 2556 18:23:08 น. |
Counter : 8908 Pageviews. |
|
 |
|
|
| |
โดย: น้ำแข็ง IP: 202.28.78.12 28 มกราคม 2556 12:48:26 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|