ไม่น่าเชื่อว่าพอคิดจะแตะแป้นพิมพ์เล่าเรื่องราวลงบล็อก ก็เริ่มต้นปีใหม่ 2556 ซะแล้ว
เวลาที่ผ่านไปเกือบสองปี มีเรื่องราวมากมายให้บรรจงเล่าเยอะนะคะ แต่เอาเข้าจริงไม่เคยหาเวลาละเมียดละไมมานั่งเขียนบล็อกเหมือนเมื่อวันวานที่ผ่านไป "งาน" คงเป็นข้ออ้างหลักที่ทำให้หายหน้าหายตาไปจากบล็อก ความสะดวกของโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook ก็กลายเป็นข้ออ้างรองที่แย่งชิงเวลาและพื้นที่ของใครๆ ไปครอง ว่าแล้วก็กลับมาว่าต่อถึงเรื่องถนัดของมีนาดีกว่าค่ะ.... หลังจากครบปีที่ระหกระเหินเร่ร่อนไปทำงานในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้สิทธิพิเศษในการมีวันลาพักผ่อนเพิ่มขึ้นอีกปีละ 10 วัน ก็สบโอกาสจังหวะเหมาะๆ ตอนเจ้านายไม่อยู่ ขออนุญาตลาพักร้อนไปนั่งนอนเล่นบ้างล่ะค่ะ จะเรียกว่าตัดสินใจแบบหุนหันหรือกะทันหันก็คงไม่แตกต่างกันนัก เพราะเช็คข้อมูลเรื่องวีซ่าแล้วก็จองตั๋ว จองที่พัก ยื่นใบลา วันลงตัวก่อนเดินทางเพียง 5 วันเท่านั้น... อิสตันบูล ตุรกี เป็นจุดหมายในการเดินทางไปพักผ่อนแบบไม่มีโปรแกรมเที่ยวในมือเป็นครั้งแรก ...รู้สึกเหมือนจะเก่งกล้าเกินความสามารถไปหน่อยนะคะ แต่ถ้าขืนรอคงมีหวังได้รับประทานแห้วอย่างแน่นอน เพราะด้วยภาระหน้าที่การงานไม่ทำให้สามารถปลีกตัวไปไหนมาไหนได้อย่างคล่องตัวแบบใจนึก
"งาน" คงเป็นข้ออ้างหลักที่ทำให้หายหน้าหายตาไปจากบล็อก ความสะดวกของโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook ก็กลายเป็นข้ออ้างรองที่แย่งชิงเวลาและพื้นที่ของใครๆ ไปครอง
หลังจากครบปีที่ระหกระเหินเร่ร่อนไปทำงานในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้สิทธิพิเศษในการมีวันลาพักผ่อนเพิ่มขึ้นอีกปีละ 10 วัน ก็สบโอกาสจังหวะเหมาะๆ ตอนเจ้านายไม่อยู่ ขออนุญาตลาพักร้อนไปนั่งนอนเล่นบ้างล่ะค่ะ จะเรียกว่าตัดสินใจแบบหุนหันหรือกะทันหันก็คงไม่แตกต่างกันนัก เพราะเช็คข้อมูลเรื่องวีซ่าแล้วก็จองตั๋ว จองที่พัก ยื่นใบลา วันลงตัวก่อนเดินทางเพียง 5 วันเท่านั้น...
การเดินทางครั้งนี้ จึงมีเพียงหนังสือ "อิสตันบูล" ของสำนักพิมพ์วงกลม เขียนโดยคุณกาญจนา หงษ์ทอง ซึ่งหยิบจากตู้หนังสือติดกระเป๋าลงใต้เมื่อหลายเดือนก่อน กับอิสตันบูลแอพพลิเคชั่นในไอแพดเท่านั้น Turkish Airlines เป็นสายการบินที่ไม่เคยใช้บริการมาก่อนนะคะ โชคดีที่เป็นพันธมิตรเครือสตาร์อัลลายแอนซ์กับการบินไทย พนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์เช็คอิน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อัธยาศัยดี น่ารัก ขอคำแนะนำว่าถ้าจะโอนไมล์เดินทางไปรวมกับของ Royal Orchid Plus ต้องทำอย่างไร เธอก็จัดการโอนไมล์จาก TK ไปเข้า TG ให้เสร็จสรรพ แล้วเขียนในตั๋วให้เลยว่าเกทจะปิดตอน 23.15 ก่อนเวลาเครื่องออก 1/2 ชม. อ้อ! คนที่ซื้อตั๋วการบินไทย ก็บินด้วยเครื่องของเตอร์กิชลำนี้เช่นกันนะคะ แต่ไม่รู้ว่าค่าตั๋วถูกหรือแพงกว่ากันอย่างไรบ้าง
Turkish Airlines เป็นสายการบินที่ไม่เคยใช้บริการมาก่อนนะคะ โชคดีที่เป็นพันธมิตรเครือสตาร์อัลลายแอนซ์กับการบินไทย พนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์เช็คอิน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อัธยาศัยดี น่ารัก ขอคำแนะนำว่าถ้าจะโอนไมล์เดินทางไปรวมกับของ Royal Orchid Plus ต้องทำอย่างไร เธอก็จัดการโอนไมล์จาก TK ไปเข้า TG ให้เสร็จสรรพ แล้วเขียนในตั๋วให้เลยว่าเกทจะปิดตอน 23.15 ก่อนเวลาเครื่องออก 1/2 ชม.
เหลือบดูเวลาเมื่อเช็คอินเสร็จตอนสี่ทุ่มครึ่ง แวะแลกเงินยูโรติดตัวไว้เล็กน้อยเพราะที่เคาน์เตอร์แลกเงินของธนาคารต่างๆ ไม่มีเงินลีร่าให้แลกเลย แล้วก็มีเวลาเหลือ 45 นาที กับการผ่านพิธีการขาออกซึ่งปัจจุบันไม่ได้อยู่ที่ชั้นหนึ่งแล้ว ต้องขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นสอง ผ่านเครื่องตรวจเอ็กซเรย์ และเดินไปตามทาง จนกลับมาที่ชั้นหนึ่งอีก ก็มีเจ้าหน้าที่ ตม.คอยอำนวยความสะดวกให้กับนักเดินทางที่จะเข้าช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Automatic Channel) เสร็จแล้วก็ไม่มีเวลาอ้อยอิ่งกับสารพัดสินค้าของ Duty Free เพราะต้องเดินไปถึงเกท G5 ซึ่งเป็นประตูสุดท้ายอยู่ท้ายสุดโน่น อย่าถามนะคะว่ารู้สึกอย่างไร!!! ใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ ถามตัวเองขณะนั่งรอที่หน้าเกทว่า บ้ารึเปล่าเนี่ยเรา ...ก่อนจะออกจากบ้านก็เพิ่งจะติดต่อกับทางที่พักให้ช่วยส่งรถมารับที่สนามบินด้วย เพราะใช้บริการของอากู๋กูเกิลแบบทุกครั้งแล้ว มันไม่บอกเส้นทางที่ชัดเจน ไม่อยากผูกขาดการเป็นจอมหลงทางตั้งแต่วันแรกในทริปนี้... เครื่องออกตรงเวลา ...ช่วงหลังมีโอกาสได้ใช้สายการบินทางโซนตะวันออกกลางซะเยอะนะคะ ค่อนข้างประทับใจ ครั้งนี้กับสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ก็จัดอยู่ในขั้นที่เรียกกว่าใช้ได้ (มีดีกรีสายการบินยอดเยี่ยมในปี พ.ศ.2553 ด้วย) แม้จะจ่ายค่าตั๋วแพงหน่อยก็ตามที ที่นั่งชั้นประหยัดไม่กว้างมากนักสำหรับคนตัวใหญ่หรือขายาวเป็นพิเศษ พนักงานต้อนรับบนเครื่องทั้งชายหญิงดูง่วนกับงานตลอดเวลา จนดูเหมือนไม่มีเวลายิ้มแย้มให้ผู้โดยสาร อาหารการกินพอใช้ได้ ความบันเทิงจากภาพยนตร์ก็ดี มีหนังใหม่หลากหลายให้เลือกเยอะมาก สิ่งอำนวยความสะดวกดี แจกชุดอุปกรณ์การเดินทางให้ผู้โดยสารทุกคน เที่ยวไปได้รับเป็นชุดกล่องสวยหรูที่มีภาพของหอคอยไมเดนยามตะวันตกดิน ส่วนขากลับเป็นชุดพกพาซองสีแดง แต่ด้านในมีของเหมือนๆ กัน ประกอบด้วย ผ้าปิดตา แปรงและยาสีฟัน earplug ลิปบาล์ม และถุงเท้าหนึ่งคู่ ชอบใจชุดเดินทางนี่จริงๆ เลยค่ะ
อย่าถามนะคะว่ารู้สึกอย่างไร!!!
ใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ ถามตัวเองขณะนั่งรอที่หน้าเกทว่า บ้ารึเปล่าเนี่ยเรา ...ก่อนจะออกจากบ้านก็เพิ่งจะติดต่อกับทางที่พักให้ช่วยส่งรถมารับที่สนามบินด้วย เพราะใช้บริการของอากู๋กูเกิลแบบทุกครั้งแล้ว มันไม่บอกเส้นทางที่ชัดเจน ไม่อยากผูกขาดการเป็นจอมหลงทางตั้งแต่วันแรกในทริปนี้...
ดิฉันนั่งๆ นอนๆ หลับๆ ตื่นๆ อยู่หลายครา กับการบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยังอิสตันบูล ใช้เวลาบินเกือบ 11 ชม. ซึ่งดิฉันมักใช้คำว่านั่งจนรากงอกเมื่อต้องเดินทางนานๆ แบบนี้ทุกครั้ง แล้วเครื่องบินก็แตะรันเวย์ของสนามบินอตาเติร์ก (Atäturk International Airport : IST) เวลาประมาณ 05:30น. ฟ้ายังมืดอยู่เลย กังวลอยู่เหมือนกันว่าเมื่อไปถึงที่พักแล้วจะทำอย่างไรถ้ายังเช็คอินไม่ได้ ...ทริปไม่มีแผนนี่ ทำให้คิดไปสารพันเลยค่ะ การผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองของสนามบินไม่ได้ยุ่งยากอะไรนัก เพียงแต่ไม่รวดเร็ว เจ้าหน้าที่ไม่ค่อยยิ้มแย้มนัก หรืออาจจะเป็นธรรมชาติของคนที่นี่กระมัง...
แล้วเครื่องบินก็แตะรันเวย์ของสนามบินอตาเติร์ก (Atäturk International Airport : IST) เวลาประมาณ 05:30น. ฟ้ายังมืดอยู่เลย กังวลอยู่เหมือนกันว่าเมื่อไปถึงที่พักแล้วจะทำอย่างไรถ้ายังเช็คอินไม่ได้ ...ทริปไม่มีแผนนี่ ทำให้คิดไปสารพันเลยค่ะ
สนามบินอตาเติร์ก อยู่ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 20 กม. การเดินทางเข้าเมืองจะมี Express bus ที่วิ่งจากสนามบินไป Taksim และ Aksaray, รถเมล์โดยสารของ IETT, รถไฟใต้ดิน และแท็กซี่ รวมทั้ง Airport Shuttle Service แต่อย่างที่เกริ่นไว้แต่ต้นว่า ทริปนี้ดิฉันเรียกใช้บริการ Shuttle bus ของโรงแรม ก็เลยไม่ต้องวุ่นวายกับการวนหาทางเข้าเมืองค่ะ ดิฉันมองหาคนขับรถที่จะมารับที่สนามบิน ทางโรงแรมบอกว่าจะถือป้ายบอกชื่อดิฉันและโรงแรมหน้าประตูทางออก ...ก็พอดีมองเห็นหนุ่มตัวขาวไซส์มินิมายืนถือป้ายกระดาษอยู่ด้านหน้า ดิฉันโบกมือทักและชี้ไปที่ป้าย แต่พ่อหนุ่มคงไม่เห็นหรืออย่างไรไม่ทราบ ยังยืนรออยู่ที่เดิม ...ไม่เป็นไรค่ะ จะใช้เวลานี้ปลีกตัวไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มก่อน แล้วตามด้วยการถามหา Local Prepaid Sim ปรากฏว่ายังเช้าเกินไป พนักงานบอกยังทำรายการไม่ได้ ต้องเข้าไปซื้อในเมือง หนุ่มเตอร์กิชที่มารับเกือบเป็นใบ้ เพราะดิฉันยิงไปหลายคำถาม เขาก็อ้ำอึ้ง เอ่อ อ้า อยู่นั่นแล้ว สุดท้ายดิฉันจึงถามว่าพูดภาษาอังกฤษได้มั้ย เขาบอกว่าได้แค่นิดเดียว เลยนั่งเงียบมาตลอดจนกระทั่งถึงที่พัก Best Point Hotel เป็นโรงแรมที่ดิฉันเลือกจองมาจากเว็บไซต์ booking.com ที่ใช้บริการกันเป็นประจำ ในราคาคืนละ 79 ก็ต้องบอกว่าเป็นโรงแรมที่ประทับใจที่สุดเท่าที่เคยเที่ยวยุโรปมาเลยทีเดียว
ดิฉันมองหาคนขับรถที่จะมารับที่สนามบิน ทางโรงแรมบอกว่าจะถือป้ายบอกชื่อดิฉันและโรงแรมหน้าประตูทางออก ...ก็พอดีมองเห็นหนุ่มตัวขาวไซส์มินิมายืนถือป้ายกระดาษอยู่ด้านหน้า ดิฉันโบกมือทักและชี้ไปที่ป้าย แต่พ่อหนุ่มคงไม่เห็นหรืออย่างไรไม่ทราบ ยังยืนรออยู่ที่เดิม ...ไม่เป็นไรค่ะ จะใช้เวลานี้ปลีกตัวไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มก่อน แล้วตามด้วยการถามหา Local Prepaid Sim ปรากฏว่ายังเช้าเกินไป พนักงานบอกยังทำรายการไม่ได้ ต้องเข้าไปซื้อในเมือง
Best Point Hotel เป็นโรงแรมที่ดิฉันเลือกจองมาจากเว็บไซต์ booking.com ที่ใช้บริการกันเป็นประจำ ในราคาคืนละ 79 ก็ต้องบอกว่าเป็นโรงแรมที่ประทับใจที่สุดเท่าที่เคยเที่ยวยุโรปมาเลยทีเดียว
ทำไมเหรอคะ!!! ...ก็พอเดินเข้าไปในโรงแรมเท่านั้น พนักงานต้อนรับก็บอกให้นั่งพักก่อน และเอ่ยขอพาสปอร์ตเพื่อลงทะเบียนไปพลาง ขณะเดียวกันบริกรหนุ่มก็เข้ามาถามว่าจะรับเครื่องดื่มอะไรดี จากนั้นก็นำชาแอปเปิ้ลร้อนมาเสิร์ฟพร้อมกับขนมหวานสองชิ้น มาทราบภายหลังว่าคือขนมบาคลาวา (Baklava) เป็นที่นิยมในแถบเมดิเตอร์เรเนียน รสชาติหวานมากๆ แต่อร่อยค่ะ
ตามด้วยพนักงานต้อนรับคนเดิมเข้ามาซักถามว่า ต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือไม่ มีโปรแกรมเที่ยวแล้วหรือยัง พอบอกไปว่าไม่มีแผนอะไรในมือเลย เขาก็หยิบแผนที่กะทัดรัดซึ่งเป็นแผ่นพับที่ตั้งของโรงแรมและสถานที่เที่ยวในละแวกใกล้เคียงมาแนะนำว่า วันแรกควรเที่ยวที่ไหน วันที่สอง สาม สี่ ห้า ควรจะเที่ยวที่ไหนบ้าง ...เข้าท่าแฮะ
จากนั้น ก็บอกว่าจะให้เด็กหิ้วกระเป๋าขึ้นไปส่งที่ห้องพักบนชั้น 4 ซึ่งเจ้าของโรงแรมเตรียมห้องให้เช็คอินได้เลยเพราะแจ้งเขาไว้ล่วงหน้าว่าจะเดินทางมาถึงเช้ามืด บริกรหนุ่มหลังจากแนะนำชื่อตัวเอง ถามชื่อดิฉัน แล้วก็บอกว่าเบรคฟาสต์ของโรงแรมจะเริ่มตอน 8 โมงเช้าที่ชั้นล่างสุด ..แม้แต่บริกรยังน่ารักเลยค่ะ ท่าทางเป็นคนอารมณ์ดี คุยสนุก
พอดิฉันเห็นห้องแล้ว ตกใจเลยค่ะ ไม่คิดว่าห้องพักของโรงแรมเล็กๆ ที่จองไปในช่วงเวลาที่กะทันหัน ราคามาตรฐาน จะสวย น่าพักมากขนาดนี้ ..ลองดูรูปกันนะคะ
นอกจากนั้น ตลอดเวลาที่พักอยู่ที่โรงแรมนี้ สามารถดื่มชา กาแฟ น้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มที่จัดไว้ให้ได้ตลอด 24 ชม. พร้อมกับขนมหวาน และในตอนเย็นก็จะมีมุมสลัดเล็กๆ ไว้คอยบริการลูกค้าฟรีด้วย สำหรับโรงแรมเล็กขนาดสามดาวแห่งนี้ ดิฉันยกดาวทั้งห้าดวงให้หมดเลย (ลองอ่านรีวิวโรงแรมนี้ใน Review of Best Point Hotel ประกอบนะคะ) ผลพวงจากการเดินทางต่อเนื่อง ที่ดิฉันต้องนั่งรถยนต์จากยะลาเข้าหาดใหญ่ บินจากหาดใหญ่เข้ากรุงเทพฯ แล้วบินข้ามทวีปอีกสิบกว่าชั่วโมงมาตุรกี ถ้าไม่เพลีย..ก็คงจะต้องเป็นซุปเปอร์วูแมนแล้วล่ะค่ะ ได้แอบงีบไปเกือบสองชั่วโมง พอ 9 โมงเช้าจึงลงไปที่ห้องอาหารซึ่งอยู่ชั้นใต้ดิน พนักงานประจำห้องอาหารทักทายยิ้มแย้มแจ่มใสทุกคน การได้เข้าเช็คอินก่อนเวลาบ่ายโมงและรวมถึงอาหารเช้าในวันนี้ เป็นอภินันทนาการจากเจ้าของโรงแรมที่ไม่คิดค่าบริการเพิ่มแต่อย่างใด (ปกติจะต้องจ่ายเงินเพิ่มนะคะ) ถึงเวลาเที่ยว....ก่อนออกไปเที่ยว ลองมาทำความรู้สึกอิสตันบูลกันสักเล็กน้อยดีกว่านะคะ "อิสตันบูล" แม้จะไม่ใช่เมืองหลวงของตุรกี แต่ความที่มีประชากรมากที่สุดและเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและการเงินของตุรกี บวกกับความที่เป็นนครสองทวีป (ยุโรป-เอเชีย) เมืองสามจักรวรรดิ (อาณาจักรโรมันตะวันออก-อาณาจักรไบแซนไทน์-อาณาจักรออตโตมัน) ซึ่งตั้งอยู่บนสองฝั่งของช่องแคบ Bosphorus ที่ล้อมรอบด้วยทะเลดำและทะเลมาร์มาร่า ดังนั้น อิสตันบูลจึงเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยอารยธรรมและร่องรอยประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกให้ความสนใจมากที่สุดเมืองหนึ่ง และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ดิฉันนึกอยากไปเยือน
สำหรับโรงแรมเล็กขนาดสามดาวแห่งนี้ ดิฉันยกดาวทั้งห้าดวงให้หมดเลย (ลองอ่านรีวิวโรงแรมนี้ใน Review of Best Point Hotel ประกอบนะคะ)
การได้เข้าเช็คอินก่อนเวลาบ่ายโมงและรวมถึงอาหารเช้าในวันนี้ เป็นอภินันทนาการจากเจ้าของโรงแรมที่ไม่คิดค่าบริการเพิ่มแต่อย่างใด (ปกติจะต้องจ่ายเงินเพิ่มนะคะ)
"อิสตันบูล" แม้จะไม่ใช่เมืองหลวงของตุรกี แต่ความที่มีประชากรมากที่สุดและเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและการเงินของตุรกี บวกกับความที่เป็นนครสองทวีป (ยุโรป-เอเชีย) เมืองสามจักรวรรดิ (อาณาจักรโรมันตะวันออก-อาณาจักรไบแซนไทน์-อาณาจักรออตโตมัน) ซึ่งตั้งอยู่บนสองฝั่งของช่องแคบ Bosphorus ที่ล้อมรอบด้วยทะเลดำและทะเลมาร์มาร่า ดังนั้น อิสตันบูลจึงเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยอารยธรรมและร่องรอยประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกให้ความสนใจมากที่สุดเมืองหนึ่ง และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ดิฉันนึกอยากไปเยือน
ในหนังสือคู่มือท่องเที่ยวอิสตันบูลของสำนักพิมพ์วงกลม คุณกาญจนา หงษ์ทอง ได้แนะนำ 10 สิ่งที่ไม่ควรพลาดในอิสตันบูลไว้ดังนี้
ตั้งต้นที่ "จตุรัสสุลต่านอาห์เมต" ดูความใหญ่โตโก้วิจิตรของ "มัสยิดสุลต่านอาห์เมต" มหัศจรรย์แห่ง "วิหารเซนต์โซเฟีย" บุกกรุสมบัติที่ "พระราชวังทอปกะปึ" "พระราชวังโดลมาบาห์เช" ที่สุดแห่งความงาม ช้อปปิ้งในตลาดใต้ร่มที่ "แกรนด์บาซาร์ & สไปซ์มาร์เก็ต" เรื่อยไหลไปบน "ถนนอิสติคลัล" มุดใต้ดินไปหา "เยเรบาทัน" ล่องเรือผ่าน "ช่องแคบบอสฟอรัส" ชมโบราณวัตถุและศิลปะเก่าแก่ที่ "พิพิธภัณฑ์โบราณคดี"
การเดินทางมาอิสตันบูลครั้งนี้ จุดมุ่งหมายคือการพักผ่อนหย่อนใจ ดังนั้น ในวันแรกดิฉันจึงจะเที่ยวตามที่พนักงานโรงแรมได้แนะนำไว้ว่าน่าจะเที่ยวเพียงสองแห่ง คือ "มัสยิดสุลต่านอาห์เมต" และ "วิหารเซนต์โซเฟีย" มีเวลา 5-6 วัน ไม่รู้จะเที่ยวแบบไม่มีโปรแกรมมาเลยได้มากน้อยแค่ไหนแล้วตามไปเที่ยวกันนะคะ....
ทำงานในองค์กรภาครัฐ ใช้เวลาพักร้อนในแต่ละปีออกไปเปิดรับและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในโลกใบนี้ตามลำพัง ...การออกไปเผชิญโลกภายนอกที่กว้างใหญ่ไม่จำเป็นต้องเก่งภาษามากมายขอแค่มีใจที่พร้อมจะเปิดรับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างเดินทาง ทั้งสุข สนุก ตื่นเต้น การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น จะทำให้เรามีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่มีในหนังสือท่องเที่ยวเล่มไหนสอนไว้