ราคา buildin ตู้เสื้อผ้ามาแร้วว ระหว่างรอเค้าลงเสา เทพื้น เราก้อหาข้อมูลเรื่องบิ้วอินน์ตู้เสื้อผ้ารอ สนใจ walkin closet เพราะดูเป็นสัดส่วนดี และน่าจะประหยัดงบประมาณกว่า เพราะคิดว่าจะกั้นห้องไปเลย ส่วนหน้าบานตู้จะไม่ทำ คิดว่าคงไม่เกิน ตารางเมตรละ 10,000 แอบไปตั้งกระทู้ถามเพื่อน ๆ ในห้องชายคามาด้วย เพราะห่วงสุดก้อเรื่องฝุ่นเพราะเป็นภูมิแพ้ ตอนนั้นก้อคิดแล้วนาว่าจะทำเป็น walkin closet แต่คุณสามีกลัวฝุ่น และไม่อยากกั้นห้อง กลัวห้องนอนจะแน่นทึบไป เลยเริ่มโลเลเอาเป็นบิวท์อินน์เสยๆ ก้อได้ ลองออกแบบคร่าวๆ ดูว่าควรวางมุมไหน มีกี่ตู้ มีฟังก์ชั่นใช้งานอะไรบ้าง ได้รูปสเก็ตคร่าวๆ เพื่อจะเอาไปคุยกับช่าง ขั้นแรก ลองวางผังตู้ว่าถ้าไม่กั้นห้องจะเอาตู้เสื้อผ้าวางยังไงที่สามารถแยกส่วนการใช้งานได้ชัดเจน เลยได้มาแบบตัวแอล เพื่อกั้นระหว่างประตูห้องน้ำกับหัวเตียง ไม่ได้แสงจากห้องน้ำแยงตาคนนอนได้ และกะว่าอีกฟากของผนังหลังตู้จะให้เค้าทำชั้นลอยเป็นที่เก็บหนังสือ และชั้นโชว์รูปทั้งหลายด้วย ดูรูปแบบการวางน่าจะโอเคเอาให้คุณสามีดูกับคุณพ่อดูก้อน่าจะใช้ได้เลย แยกส่วนประกอบของแต่ละตู้ออกมา ประกอบแบบเอาไปให้ช่างดู ตู้คุณสามี มีราวไว้แขวนผ้าขนหนู หรือเสื้อผ้าที่ใส่ซ้ำ เพราะดูแล้วไม่มีที่แขวนเลยแฮะ ชั้นด้านล่างก้อกะเอาไว้วางตะกร้าข้างใต้ ด้านบนก้อวางพวกเสื้อผ้าพักพวกชุดนอนที่ใส่ซ้ำ (เช่นเสื้อ กุงเกงที่ใส่แป๊บเดียวไม่ทันเปื้อนก้อจะเก็บไว้ใส่ต่อ อี๋สกปรกเนาะ 555++) ตู้เรา ใหญ่กว่าหน่อย ให้รู้ซะบ้างใครหญ่ายย  หน้าบานเป็นกระจกเงา สำหรับสำรวจความเรียบร้อยก่อนออกห้อง ที่เอาไว้ฟากนี้เพราะจะได้ช่วงเพิ่มความกว้างของส่วนแต่งตัว และแสงธรรมชาติส่องเข้ามาตรงคนส่องพอดี อีกตัวที่จะให้ช่างทำ คือ bay window ลองทำไปให้เค้าตีราคาด้วย ด้านล่างทำเป็นลิ้นชัก 4 ช่อง เผื่อเก็บของ แบบประกอบเสร็จ นัดคุยกับช่าง โอ้โห จะบอกว่าช่างน่ารักมากเป็นคุณลุง อ้วนๆ เดินยิ้มมาเลย ดูใจดี๊ ใจดี คุยกันเค้าก้อแนะนำดีมาก เราก้อถามเรื่อง walkin closet เค้าก้อบอกว่ากำลังนิยม ราคาก้อตกที่ 8-1 พันบาท เพราะไม่มีหน้าบาน แต่ฝุ่นก้อมีจริง ถึงจะมีหน้าบานก้อมีฝุ่นอยู่ดี แต่น้อยกว่า จะให้ไม่มีฝุ่นเลยคงเป็นไปไม่ได้ เราก้อบอกความต้องการเรา คือ อยากได้เป็นบานเลื่อน หน้าบานสีขาวเงาๆ คุยไปก้อตกตารางเมตรละ 17,000 เป็นไม้ของตราช้างคือเกรดดีสุด ถ้าใช้ไม้อัดอิตาลีก้อตก ตารางเมตรละ 16,000 เราก้อเลยบอกตรงๆ ว่าเรามีงบไม่เยอะ ไม่อยากให้เกิน 100,000 มีไม้แบบอื่นอีกมั้ย ลุงแกก้อว่าถ้าเป็นสีพ่นจะราคาประมาณนี้ แต่ถ้าไม่พ่นก้อตกที่ 12-13 เราก้อเลยลองดูรูปผลงานแกที่เคยทำมา เจอไม้สีบีชแต่ออกขาวๆ หน่อย สวยดีเลยถามดู แกว่าถ้าเป็นไม้ลายภูเขาตกที่ 12,500 ทำสีอะไรก้อได้ เราคิดไปคิดมาก้อเลยเอาไม้แบบนี้แทน ส่วนหน้าบานจะเป็นกระจกหรือบานทึบราคาเท่าไหร่ ฟังก์ชั่นใช้งานแบบไหนลิ้นชักมากน้อย ชั้นแขวนมากน้อย ราคาเท่ากัน แอบสบตาคุณสามีสรุปว่าเอาไม้แบบนี้แหละ เพราะลองจิ้มเครื่องคิดเลขคร่าวๆ ก้ออยู่ในงบอ่ะ แล้วก้อสวยดี พอดีบ้านพี่ชายก้อทำกับคุณลุงคนนี้ งานก้อเรียบร้อยดี ขนาดพี่ชายอยู่เชียงใหม่แกยังไปทำให้ คิดว่าคงไม่มีปัญหา แอบถามแกด้วยว่าถ้าบิวท์อินน์โดยใช้ผนังบ้านเป็นผนังตู้ แล้วก่อโครงยึดเอาจะถูกกว่ามั้ย แต่ว่าก้อถูกว่า เมตรละ 500 เบ็ดเสร็จลองคำนวณดูก้อลดไปแค่ 3,600 เอง เลยทำผนังตู้ด้วยดีกว่า ส่วน พวกเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว ขนาดสูงไม่เกิน 80 เซน แกคิดเมตรละ 6,000 บาท เลยตกลงเอาขนาดพร้อมแบบให้แกไปประมาณราคามาให้หน่อย แกว่าสองวันได้ วันนี้เพิ่งได้ใบเสนอราคามา เบ็ดเสร็จ ตู้เสื้อผ้าบิวท์อินน์ 7.25 เมตร + bay window 1.6 เมตร สูง 30 เซน สิริราคารวม 95,000 เราก้อว่าเอ๊ะทำไมถูก ปรากฏว่าแกลดราคา bay window เหลือเมตรละ 3000 โล่งอกอย่างบอกไม่ถูก อยู่ในงบแถมเหลือตังค์อีก เพราะกะ 100,000 เฉพาะตู้ไม่รวม bay window เลยคุยกับแกว่าตกลงยังไงต่อดี แกว่ารอบ้านขึ้นรูปร่างก่อน แกจะมาวัดหน้างานแล้วค่อยทำสัญญากัน กลับบ้านมาคุยกับสามีเลยว่าจะให้แกทำชั้นวางทีวีห้องรับแขกให้ด้วยเลย ดูแกอัธยาศัยดี พูดจาสุภาพ แถมพี่ชายเราก้อเคยทำมาแล้วด้วย พ่อก้อรู้จักเป็นการส่วนตัว สรุปก้อเอาลุงคนนี้นี่แหละ    Free TextEditor   Create Date : 27 กรกฎาคม 2553     1 comment Last Update : 27 กรกฎาคม 2553 20:46:47 น.     Counter : 1057 Pageviews.   Share Tweet

ผ่านมา 21 วัน -- ลงเสาไปเรียบร้อยแล้ว ผ่านมา 21 วันแล้ว นับจากวันเคลียร์พื้นที่โรงรถ จนถึงวันนี้ 27 ก.ค. 2553 เลยได้ฤกษ์ update รูปภาพพื้นที่ก่อสร้างจริงซะที เริ่มจากพื้นที่จะใช้สร้าง เป็นที่ดินที่อยู่ในบ้านแม่สามี โดยจะใช้ที่ตรงโรงรถเดิม มาสร้าง ก้อเริ่มทำการรื้อโรงรถไปตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค. แระ รื้อเสร็จก้อลองวางผังบ้านคร่าวๆ ดูว่าแบบที่ให้เค้าวาดมา มันจะลงได้หรือเปล่า เอ๊ะ มันผิดขั้นตอนป่าวเนี่ยะ เกิดลงไม่ได้ก้อซวยล่ะซี จริงๆ พ่อก้อยืนยันหนักแน่นว่าลงได้น่า เหลือกำ (เป็นคำเมือง แปลว่าอวดรู้) พ่อรู้สิ ก้อลงได้จริงๆ แหละ แต่รู้สึกว่าระเบียงหน้าบ้านกับที่จอดรถเรามันจะยื่นเกิน เฉลียงบ้านแม่สามีไปนิด เห่อ เห่อ ระหว่างรอลงเสาเอก แม่สามีไปหาฤกษ์มาได้วันที่ 22 ก.ค. ก็คงตามนั้น เผอิญช่วงวันนั้นเรามีประชุมต่างจังหวัดพอดี 4 วัน เลยไม่ได้อยู่ กลับมาอีกทีพ่อหนานเค้าลงให้ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคุณสามีก้อมิได้ถ่ายรูปเก็บไว้แต่อย่างใด เนื่องจากต้องคอยถวายของ ทำพิธีกรรมทางพุทธของเค้า (เราเป็นคริสเตียนอ่ะน่ะ เลยไม่ค่อยรู้เรื่อง) ตามรูปเลยแล้วกัน pic1 ที่เป็นลิบๆ ตรงโน่นคือโรงรถเดิมที่จะต้องกลายสภาพเป็นบ้านเรา โฮะๆ  ที่จึ๋งเดียว ต้องคอตามดูซิว่าลงบ้านแล้วจะเป็นยังไง pic2 หลังจากรื้อโรงรถแล้ว ลองขึงเชือกฟางดูว่างพอจะลงบ้านได้ตรงไหน เหลือพื้นที่ด้านข้าง ด้านหลังเท่าไหร่ ถูกกฎหมายหรือป่าว ก้อดูคร่าว ๆ ก้อลงได้แฮะ ส่วนสองหนุ่มนั่น คนนึงเป็นผู้รับเหมาเข้ามาดูความเรียบร้อย อีกคนหล่อ ๆ ผมขาว ๆ แต่งตัวเนียนเป็นคนงานอาวุโสนั่น พ่อเราเอง pic3 วางผังได้ก้อเริ่มตีกรอบพื้นที่จริงล่ะ pic4 ผู้รับเหมาใจดีเอาสแลมมากางกั้นพื้นที่ทำงาน เพื่อไม่ให้คนงานเข้ามาวุ่นวายฟากบ้านแม่ ก้อสะดวกดี เพราะห้องนอนแม่ติดกับพื้นที่ก่อสร้างพอดี (แอบเห็นคุณนายเดินตรวจงาน จริงๆ เดินดูไปงั้นแหละไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยว่าเค้าทำอะไรถึงไหน ) pic5 ระหว่างนั้นไปประชุมเชียงใหม่ กลับมาเค้าลงเสาเอกไปแล้ว เมื่อ 22 ก.ค. เลยขอเก็บภาพวันที่เรากลับมาแทน pic6 หลังจาก 22 ก.ค. ฝนตกไปหลายวัน ช่างขุดหลุมไม่ได้ เพิ่งหยุดตกไปสองวันก่อนเอง เลยเร่งหล่อเสาให้เสร็จ มีผู้ช่วยตัวดำคอยคุมงานหรือคอยกวนช่างเค้าก้อไม่รุ ช่วงนี้รู้สึกเฉยๆ มากไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่แฮะ สงสัยเพราะไม่ค่อยรู้เรื่องว่าช่างเค้าทำอะไรกันบ้าง เลยได้แต่เก็บรูปไปก่อน จะว่าไปก้อเกือบครบเดือนแล้วนิเนาะ อีก 5 เดือนจะเป็นบ้านแร้วว    Free TextEditor   Create Date : 27 กรกฎาคม 2553     2 comment Last Update : 27 กรกฎาคม 2553 20:01:57 น.     Counter : 417 Pageviews.   Share Tweet

ราคาบ้าน ทำไมมันบาน... ระหว่างรอยื่นแบบกับเทศบาล (ตั้งแต่ต้นเดือน กรกฎาคม) ก้อจัดการหาผู้รับเหมาที่จะมาดูแลการสร้างบ้านหลังน้อย คนนึงเป็นคนรู้จักพ่อ เป็นทั้งลูกศิษย์และเคยร่วมงานกันบ้างนิดหน่อย อีกคนเพื่อนบ้านแนะนำมาเพราะเคยมาเช่าไม้แบบของเพื่อนบ้าน เค้าว่าอัธยาศัยดี ซื่อสัตย์ คุยง่าย พ่อก้อเป็นธุระโทรติดต่อให้มาคุยที่บ้าน จัดการเอาแบบไป พร้อมบอกสเปคของที่ต้องการ เพื่อดูราคาเปรียบเทียบ เช่น ดาวน์ไลท์ขนาด 4 นิ้ว ยี่ห้อ SP ราคา 195 หลอดไฟของฟิลลิปหรือซิลวาเนียแบบประหยัดไฟ ท๊อปเคาน์เตอร์ห้องครัวใช้แกรนิตโต สี superblack nano กระเบื้องปูพื้นใช้แกรนิตโต ขนาด 60*60 ยกเว้นห้องน้ำ ระเบียง เฉลียง ครัวไทย หลังคาซีแพค สีน้ำตาลโกเมน (ถูกสุดล่ะ) อ่างล้างหน้าแบบฝังครึ่งเคาน์เตอร์ ของ Kohler/cotto/AS สะดืออ่านเป็นอลูมิเนียม ชักโครกแบบประหยัดน้ำ 2 ระบบ ของ Kohler/cotto/Nham ตู้แขวน หน้าบาน ห้องครัวของ King รุ่น แพลตตินัม กระจกหน้าต่างกรองแสง UV หน้าต่างอลูมิเนียมอบขาว สี TOA /ICI กรอบสวิตถ์ไฟ bichino ลูกบิดบานพับ yale ก้อประมาณนี้ เหตุผลที่ต้องระบุไปเลย เพราะว่าถ้าไม่บอก ผรม.แต่ละคนก้อจะคิดมาคนละอย่าง เวลาดูราคาเห็นว่าต่างกัน เราก้อต้องมานั่งดูรายการย่อยเล็กๆ พวกนี้อีกว่า ราคาตรงไหนที่ต่างกัน แถมยังไม่รู้ราคาแต่ละรายการอีก ช่วงที่เรารอช่างเขียนแบบก้ออาศัยไปเดินดูราคาของบ่อยๆ ไปซะจนพนักงานจำได้ ดูไปชอบรุ่นไหนก้อจดไว้ อย่างน้อยที่สุดเราจะได้รู้ราคาเวลา ผรม. เขียนรายการมาให้ ผ่านไป 1 อาทิตย์ พ่อโทรมา พ่อ : ผรม.รายแรกเอาราคามาให้แล้วน่ะ เรา : เท่าไหร่เหรอพ่อ พ่อ : 1.4ล้านกว่าน่ะ เรา : หา ทำไมแพงจัง เกินงบไปตั้ง 4 แสนเลยเหรอ พ่อ : 5555 ชั้นบอกเธอแล้ว ไอ้นั่นก้อจะเอา ไอ้นี่ก้อจะเอา ไม่เชื่อชั้น เรา: พ่อหัวเราะสะใจอะไรนี่ (แอบคิดน่ะ ไม่ได้พูด 555) ตอนเย็นเลยเข้าไปหาพ่อที่บ้าน พ่อว่าผรม. รายแรก เข้ามาชี้แจงราคา เบ็ดเสร็จอยู่ที่ 1.4 ล้าน รวมโรงรถแล้ว .... โอ้ พระเจ้า เราตั้งงบไว้แค่ ล้านถ้วน ๆ เท่านั้นเอง ทำมายมันไปโผล่ตั้ง 1.4 ล้าน พื้นที่ใช้สอย 155 ตร.ม.เองน้า (ไม่รวมโรงรถ) ไม่รวมที่ดิน เลยปรับลดสเปคของลง เช่นตัดบานหน้าต่างบางจุดออก ยกเลิกกั้นห้องครัวเตรียมกับห้องทานอาหาร เปลี่ยนวัสดุหลังคาโรงรถ หน้าต่างไม่เอาแระ อลูอบขาว เอาธรรมดาก้อได้ว้า แล้วขอเค้าแก้ไขราคามาให้อีกที อีกวัน ผรม. คนที่สอง บอกราคามา ที่ 1.6 ล้าน ไม่รวมไม้ระแนงตรงเฉลียงข้างบ้าน ไม่รวมโรงรถอีก โอว ไปกันใหญ่  ตอนนั้นเริ่มแอบคิดในใจ หรือราคาที่เราตั้งไว้มันน้อยไปจริงๆ บ้านสองชั้นนี่มันล้านกว่าๆ ทั้งนั้นหรือป่าว ก้อขอ ผรม.คนที่สองเอาราคาไปปรับอีกที ตอนนั้นใจเริ่มฝ่อ จะไปหาเงินที่ไหนมาอีก 3-4 แสนว่ะเนี่ย เพราะงบที่ตั้งไว้ 1 ล้านนี่ ก้อสุด ๆ แล้วน้า ไม่อยากเป็นหนี้เยอะง่ะ กะว่าปลายปีจะมีน้อง เด๋วจะไม่ตังค์ซื้อนมให้ลูก เครียดเลย ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยน่ะเนี่ยะ ผ่านไปอีก 3-4 วัน ผรม.คนแรกเคาะราคามาที่ 1.3 ล้านหน่อยๆ คนที่ 2 เคาะราคามาที่ 1.4 ล้านกว่า สรุปว่ายังไงราคาลงลดให้ถึง ล้านไม่ได้แน่ เริ่มต้องทำใจรับสภาพ และหาหนทางเพิ่มหนี้อีก 3 แสน เท่าที่คุยและดูรายการของที่ ผรม.ทั้งสองคนประเมินมา ยังไง ผรม.คนแรกก้อถูกกว่าทั้งที่ตีราคาของมาสูงกว่า (ของดีกว่า) สรุปก้อเลยเอาที่ ผรม. คนแรก เค้าก้อลดให้ 1.3 ล้านถ้วน เซ็นสัญญากันไปเมื่อ 6 ก.ค. แบ่งงวดงานเป็น 6 งวด จ่ายตอนทำสัญญาเลย 10% ตอนนี้เป็นหนี้ถาวรซะแร้ว  ส่วนเงินอีก 3 แสน พ่อเรากับแม่สามีเค้าก้อเลยช่วย แต่ก้ออย่างว่าล่ะ ยังไม่มีเงินตกแต่งเลย เพราะตอนแรกตั้งงบไว้ 1 ล้าน งบตกแต่ง 3 แสน ซึ่งมีแล้ว  แต่ค่าบ้านอย่างเดียวตอนนี้ 1.3 ล้านเลยต้องหาอีก 3 แสนมาตกแต่งบ้าน เพิ่งไปถาม ธอส มาสรุปคงกู้ตกแต่งบ้านที่ ธอส. นี่แหละ เบ็ดเสร็จหวังว่าบ้านหลังนี้คงไม่เกิน 1.6 ล้านแล้วน้า  ไม่งั้นคงได้เลื่อนโครงการมีลูกออกไปก่อน เหอ เหอ    Free TextEditor   Create Date : 18 กรกฎาคม 2553     14 comment Last Update : 18 กรกฎาคม 2553 11:02:27 น.     Counter : 732 Pageviews.   Share Tweet

Mini idea by สถาปนึก...ตอน ห้องน้ำ ตอนสอง ห้องน้ำ ห้องน้ำนี่เป็นอะไรที่สนุกในการใส่สีเล่นสี เพราะกระเบื้องสวยๆ ตรึม ตอนแรกเล่นคิดไปเองสารพัด สุดท้ายมาลองคำนวณราคากระเบื้อง ไอ้สวยๆ นั่นแหละ แพงน่ะนั่น ว่าแล้วก้อจับนั่น ยัดนี่ ดู    ถ้าพื้นที่ห้องน้ำพอ ควรแยกส่วนเปียก ส่วนแห้ง เพื่อความสะดวกต่อการใช้งาน การทำความสะอาด และเพื่อสุขลักษณะ แต่ถ้าพื้นที่ไม่พอที่จะกั้นผนัง ก้ออาจจะก่อพื้นยกตัวกั้นขึ้นมาซัก 3 - 5 เซ็น และปรับ slope โซนเปียกให้น้ำไหล ระบายได้สะดวก และควรเจาะหน้าต่างระบายอากาศ หรือติดช่องแสง บล็อคแก้ว เพื่อให้แสงสว่างส่องถึง ห้องน้ำจะแห้งเร็วขึ้น   บ้านเรานี่ห้องน้ำตั้งอยู่ทางทิศเหนือ กับอีกฟากของผนังอยู่ทางตะวันออก คงลำบากเหมือนกันเรื่องที่จะให้แดดส่องเข้ามาเยอะๆ เลยกะจะติดบล็อคแก้ว ฟากผนังทางทิศตะวันออก ส่วนทางทิศเหนือก้อเจาะหน้าต่างระบายอากาศไปเลย 2 บาน   กระเบื้องในห้องน้ำนี่ พื้นไม่ควรใช้สีเข้มเกินไป เวลาโดนน้ำแล้วมันจะกระด่างกระดำ เลือกสีกลางๆ เข้าไว้   ขนาดกระเบื้องพื้นและผนังห้องน้ำ ควรเลือกที่แผ่นใหญ่ๆ หน่อยจะได้ไม่ต้องยาแนวเยอะๆ ทำความสะอาดก็จะง่าย แต่ถ้าเลือกแผ่นใหญ่ผิวสัมผัสของกระเบื้องก็อไม่ควรจะมัน เงา  เพราะถึงแม้ว่ามันจะสวย แต่จะลื่นมากกว่ากระเบื้องแผ่นเล็กที่เงาๆ   ขนาดกระเบื้องปูพื้นกับผนังควรสอดคล้องกัน เพื่อให้เส้นรอยต่อระหว่างพื้นไปผนังดูต่อเนื่องกัน เช่น พื้นขนาด 8*8 ผนังควรคว้าง 8 นิ้วเหมือนกันแต่จะยาวเท่าไหร่ก็แล้วแต่ชอบ   วิธีประหยัดค่ากระเบื้องตามวิธีของเรา คือ เลือกกระเบื้องสีพื้นๆ ไม่ต้องลวดลายวิจิตรมาก (เพราะมันแพง) แล้วค่อยเล่นลายนิดหน่อยให้พองาม นอกจากจะประหยัดแล้ว ยังดูสบายตาสะอาดอีกด้วย เช่น กระเบื้องสีพื้นขาว/ครีม ทั้งห้อง เล่นลวดลายด้วยโมเสกสีสัน นิดหน่อยตามขอบบ้าง แถบผนังบ้าง หรือจะเลือกสีพื้นแต่สลับลายทั้งแนวตั้ง แนวขวางได้โม๊ด   ที่วางของใช้ส่วนเปียก เราเจาะผนังเข้าไปเป็นช่องสำหรับวางของ ประหยัดพื้นที่ดี และไม่มีเหลี่ยมมุมให้ไปโดนเวลาอาบน้ำ ส่วนของใช้ในส่วนแห้ง เราก้อให้เค้าก่อเคาน์เตอร์หลังชักโครกสำหรับวางของบ้าง วางหนังสือบ้าง วางต้นไม้บ้าง   ใต้เคาน์เตอร์ปูนอ่างล้างหน้า ก่อลอยตัวสำหรับวางของที่ใช้ล้างห้องน้ำ หรืออาจจะก่อลอยแล้วติดไม้เทียม เว้นซี่ห่างกันหน่อยเพื่อการระบายอากาศ ลองออกแบบห้องน้ำเอง โดยไปเดินเลือกรุ่นตามร้าน จดสเปคมาแล้วลองมามาใส่ในโปรแกรมดู เริ่มด้วยห้องน้ำแขก ชั้น 1 โทนเหลือง- ขาว สดใส สะอาด โทนอบอุ่น น้ำตาล-เหลือง โทนฟ้า - ขาว สะอาด สงบ ทำแล้ว ชอบทั้งสามสีเลย เพราะใจอยากได้ ทั้งแบบสดใส อบอุ่น สงบ กะว่าเหลืออีกสองห้อง จะลองเอาไปปรับให้เข้ากับอีกสองห้องดู      Free TextEditor   Create Date : 15 กรกฎาคม 2553     2 comment Last Update : 15 กรกฎาคม 2553 16:12:22 น.     Counter : 894 Pageviews.   Share Tweet

Mini idea by สถาปนึก...ตอน ไฟ ฝ้า เพดาน ไหนๆ ก้อไหน แวะมาอัพบล็อคแล้ว ต่อเลยด้วยไอเดียทั้งหลายที่เก็บรวบรวมจากห้องชายคา ทั้งจากกระทู้ที่มีคนมาแบ่งปันประสบการณ์ รูปภาพจากอากู๋ที่รัก และที่คิดเหมาเอาเอง เริ่มแรกจากการต้องหาแบบบ้าน เลยได้เริ่มรวบรวมไว้ตั้งแต่บัดนั้น ไว้ใช้เป็นไอเดียตอนทำบ้านตัวเอง ขอเอามาลง ณ ที่นี้ กันลืม   เริ่มต้นจาก ฝ้า เพดาน และไฟ       ใช้ดาวน์ไลท์ สร้างบรรยากาศในบ้าน เลือกสีอีกที อยากได้ warm white แต่ตอนนี้เท่าที่ลองใช้บ้านเก่า สีมันทำให้รู้สึกร้อนพอควร เลยมองๆ cool white ของซิลวาเนียไว้ สีจะนวลๆ กว่าอมเหลือง อมขาว หรือไม่ก้อ ติดดาวน์ไลท์สี warm white ไว้ตามมุม แล้วตรงกลางใช้ cool white       จำนวนวัตต์ที่ใช้ ให้เลือกให้เหมาะสมกับขนาดห้อง จริงๆ ตอนไปเดินเลือกดูหลอดไฟ ถามพนักงานดูเค้าก้อบอกว่าขนาดห้อง 4*4 นี่ใช้ 15 watt ก้อพอแล้ว       ควรติดไฟตามจุดมืดๆ ในสวนรอบบ้านเป็นจุดๆ เพื่อความปลอดภัย และควรทำสวิตส์แบบสองทางสำหรับเวลาได้ยินเสียงประหลาดๆ เราอยู่ในบ้านเราก้อเปิดไฟดูได้ หรือเวลาเราไม่อยู่บ้านก้อให้เพื่อนบ้านมาเปิดไว้ตอนกลางคืนได้       ตอนแรกกะทำฝ้าหลุม แล้วติดไฟซ่อน แต่เท่าที่ฟังจากประสบการณ์เพื่อนๆ ห้องชายคา มีข้อดีคือ ดูเรียบร้อย แสงไฟดูสวย นวลตา ไม่เตะตาให้ระคายเคือง ข้อเสียคือจะเป็นที่เก็บฝุ่น เลยตกลงทำแค่ฝ้าหลุมพอแระ เนื่องด้วยเป็นภูมิแพ้ และขี้เกียจทำความสะอาด  แต่กรณีฝ้าหลุมน่ายกเว้นเฉพาะห้องนอน เพราะเวลานอนดูทีวี อ่านหนังสือไฟจะได้ไม่จิ้มตา ส่องลงมาตรงๆ       ห้องครัวใช้ไฟสี cool white เพื่อจะได้เห็นอะไรๆ ชัดๆ เผื่อแมงสาบที่เลี้ยงไว้ตกลงไปในแกงจะได้ไปเผลอกินไป และควรคิดไว้ในจุดที่เวลายืนทำอาหารตัวเราจะไม่ไปบังแสงไฟที่ส่องมา เพราะบ้านเก่านี่ ทำกับข้าวทีต้องเอี้ยวตัวไปมาให้เห็นวัตถุดิบ จะเผลอตัดนิ้วตัวเองเพราะนึกว่าเป็นเนื้อหมู เงารึก้อบังไฟดีเหลือเกิน บ้านใหม่เลยกะวางตำแหน่งไฟให้ดีๆ หน่อย       ปลั๊ก กับสวิตส์ไฟ ติดไว้หลายๆ จุด กระจายๆ กันไป เพื่อเวลาใช้งาน สายไฟจะได้ไม่รุงรังเวลาต้องต่อพ่วง และเวลาช่างเดินไฟจะได้เดินให้เรียบร้อยตั้งแต่ตอนฝังผนังไปเลย       โคมดาวน์ไลท์ ตอนแรกไปเดินดูเล็งๆ กรอบอลูสีเงิน กระจกฝ้าตรงกลาง ตรงขอบเป็นกระจกใส ไปอ่านเจอมา เค้าแนะนำว่าถ้าเลือกเป็นกรอบเงินให้เลือกแบบเงินด้าน/ขัดทรายจะได้ไม่มันเลื่อมสะท้อนแสง เลยเปลี่ยนใจว่าจะเอาเป็นกรอบเงินด้านกระจกใสติดห้องทั่วไป แต่ห้องนอนจะใช้เป็นกระจกฝ้าตรงกลาง ตรงขอบเป็นกระจกใส จะได้กรองแสงไม่ให้แยงตาได้ระดับนึง มีอะไรอีกมั้ยน้า.....ไว้นึกออกค่อยมาต่อ    Free TextEditor   Create Date : 15 กรกฎาคม 2553     4 comment Last Update : 15 กรกฎาคม 2553 14:04:14 น.     Counter : 1093 Pageviews.   Share Tweet