Group Blog All Blog
|
สอบชิงทุนรัฐบาลญี่ปุ่น (ทุนมง) Part 1 : เตรียมตัว หลังจากที่ห่างหายการ Update Blog มานาน วันนี้ผมอยากจะมาถ่ายทอดเล่าประสปการณ์ในการสอบทุนรัฐบาลญี่ปุ่น (Monbukagakusho) ประเภท Research Student นักศึกษาวิจัย หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า ทุนมง หรือทุนมอนบุโช สำหรับผู้ที่สนใจหาทุนเรียนต่อประเทศญี่ปุ่น และหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายๆคนที่มีความฝันความพยายาม ความมุ่งมั่นและความตั้งใจที่จะผลักดันตัวเองให้ไปสู่ความสำเร็จได้อย่างผมครับ การที่ผมได้มีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ ได้มีโอกาสเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ทำให้ผมเกิดความซาบซึ้งและประทับใจในประเทศญี่ปุ่นมากๆ ไม่ว่าจะเป็นกับทางรัฐบาลญี่ปุ่นเองที่ให้ทุนนี้ ทางด้านวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม สภาพแวดล้อม ความมีวินัยของคนญี่ปุ่น ตอนอยู่เมืองโตเกียว ผมก็เฉยๆเพราะรู้สึกว่าไม่แตกต่างจากกรุงเทพสักเท่าไหร่ นิวยอร์คผมก็เคยใช้ชีวิตอยู่มาแล้ว ก็เลยเฉยๆ กับโตเกียว ก็แค่วุ่นวายกว่ากรุงเทพ
เมื่อพูดถึงการศึกษาต่อต่างประเทศ ประเทศที่ผมนึกถึงเป็นลำดับต้นๆ เลย ก็คือ อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย ซึ่งล้วนเป็นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก หรือภาษาแม่ในการติดต่อสื่อสาร ลำดับถัดไปก็จะเป็นประเทศเยอรมัน สวิสเซอร์แลนด์ ออสเตรีย ที่ใช้ภาษาเยอรมันเป็นภาษาราชการ เนื่องด้วยตัวผมเองก็เคยมีพื้นภาษาเยอรมันมาอยู่บ้างจากการที่เคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS ที่ประเทศเยอรมัน แต่ไม่ได้นึกถึงประเทศญี่ปุ่นเลย เพราะคิดแต่เพียงว่า ญี่ปุ่นไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก จึงอยากไปประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษมากกว่า โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องการใช้ชีวิต การเรียนรู้วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี วิธีการคิดการทำงานแบบคนญี่ปุ่น ทำให้ผมไม่ได้มองหาทุนการศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น การได้ทุนเข้าร่วมโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ ปี 2009 และได้มีโอกาสเดินทางมาญี่ปุ่นในครั้งนั้นทำให้ผมเกิดความประทับใจและเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับญี่ปุ่นไปเลย รู้สึกเสียดายเวลามากๆ ว่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัยทำไมเราไม่เคยคิดอยากจะหาทุนมาเรียนที่ญี่ปุ่นนะ เพราะทุนนักเรียนแลกเปลี่ยนระดับมหาวิทยาลัยกับญี่ปุ่นก็มีมากมายหลายทุน แต่ผมก็ไม่เคยสนใจประเทศนี้เลย จนกระทั่งได้มีโอกาสเดินทางมาประเทศญี่ปุ่นเมื่ออายุ 29 แต่ก็ยังไม่สายเกินไปหรอก โครงการเรือเยาวชนที่ผมใฝ่ฝันอยากเข้าร่วมโครงการมาตั้งแต่สมัยผมอยู่มหาวิทยาลัยก็ใช้เวลากว่า 12 ปี กว่าจะได้มีโอกาสได้สมัครและได้เข้าร่วมโครงการ หลังจากกลับมาจากโครงการเรือเยาวชน ผมก็มาหาข้อมูลอย่างจริงจังว่ามีทุนอะไรบ้างที่ให้กับนักศึกษาต่างชาติ ก็มาเจอกับทุนรัฐบาลญี่ปุ่น Monbukagakusho หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า ทุนมง หรือทุนมอนบุโช แบ่งออกเป็น 7 ประเภทด้วยกัน 1. ทุนระดับนักศึกษาปริญญาตรี (Undergraduate Students) 2. ทุนระดับนักศึกษาวิจัย (Research Students) 3. ทุนญี่ปุ่นศึกษา (Japanese Studies Students) 4. ทุนนักศึกษาอบรมวิชาชีพครู (Teacher Training Students) 5. ทุนนักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยี (College of Technology Students) 6. ทุนนักศึกษาฝึกอบรมวิชาชีพ (Specialized Training College Students) 7. ทุนนักศึกษาประเภท Young Leaders' Program (YLP) Students รายละเอียดของทุนรัฐบาลญี่ปุ่นประเภทต่างๆ ดูได้ที่เว็บไซต์สถานฑูตญี่ปุ่นเลยครับ //www.th.emb-japan.go.jp/th/jis/study.htm ทุนที่ผมสนใจจะสอบ คือ ทุนระดับนักศึกษาวิจัย (Research Students) เป็นทุนที่ให้สำหรับการไปเป็นนักศึกษาวิจัย และศึกษาในระดับปริญญาโทหรือปริญญาเอก เป็นทุนที่ให้เปล่า โดยไม่มีข้อผูกมัดที่จะต้องใช้ทุนคืนใดๆทั้งสิ้น!!! (บร๊ะเจ้า!!! มันเยี่ยมยอดตรงนี้นี่เอง 1. R1A : Social Sciences and Humanities : Laws, Politics, Pedagogy, Psychology, Sociology, Linguistics, Literature, History, Aesthetics, Music, Fine Arts, etc. 2. R1B : Social Sciences and Humanities : Economics, Commerce, Businesses Administration, etc. 3. R2 : Natural Sciences : Pure Science, Engineering, Agriculture, Fisheries, Pharmacy, Medicine, Dentistry, Home Economics, etc.
เปิดรับสมัครประมาณต้นเดือนมิถุนายนของทุกปี ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อมแต่เนิ่นๆครับ เพราะต้องมีStudy Plan ที่ต้องให้เราเขียนด้วย ซึ่งจะเหมือนกันทุกปี และไม่ได้เขียนกันง่ายๆ ยิ่งเรามีเวลาเตรียมตัวเขียนแก้ Study Plan มากเท่าไหร่ งานที่ได้ก็จะยิ่งละเอียดและดีขึ้นครับเพราะว่าตัวที่จะตัดสินว่าเราได้ทุน หรือไม่ได้ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น หลังจากผ่านรอบข้อเขียนแล้วก็คือ Study Plan นี่ล่ะครับ ถ้ามีอาจารย์หรือรุ่นพี่นักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่นให้คำปรึกษา ช่วยแก้ ช่วยขัดเกลา Study Plan ให้เราด้วย จะดีมากๆเลย ข้อกำหนดในการสมัครทุนรัฐบาลญี่ปุ่น คือต้องมีเกรดเฉลี่ย 3.25 ในระดับปริญญาตรี และต่อปริญญาโทในสาขาที่เกี่ยวเนื่องกับปริญญาตรี ถ้าเกรดไม่ถึง 3.25 ก็จะมีกำหนดว่าต้องสอบภาษาญี่ปุ่นให้ได้ระดับตามที่เค้ากำหนด (2-3 ปีก่อนที่ผมจะสมัคร กำหนดเกรดไว้ที่ 3.5 แต่ปัจจุบันได้มีการปรับลดเหลือ 3.25) ถึงเกรดจะสมัครได้ หรือไปเรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มจนสอบได้ระดับที่เค้ากำหนด แต่ตัวผมจบปริญญาตรีทางด้านวิศวกรรมศาสตร์จากลาดกระบัง ก็ไม่สามารถสมัครข้ามสายได้อยู่ดี เพราะผมต้องการเรียนต่อในสาขาบริหารธุรกิจ MBA ทำอย่างไรดีหนอ
ผมก็เลยตัดสินใจไปลงเรียนปริญญาตรีอีกใบเพิ่มในสาขาบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ด้วยความตั้งใจว่าต้องทำเกรดให้ได้มากกว่า 3.25 เพื่อที่จะสมัครทุนรัฐบาลญี่ปุ่นให้ได้ และใช้เวลากว่า 4 ปีจนเรียนจบตามหลักสูตรพร้อมด้วยเกียรตินิยม และสามารถที่จะสมัครทุนรัฐบาลญี่ปุ่นได้ เงื่อนไขการสมัครทุนรัฐบาลญี่ปุ่น Monbukagakusho ประเภท Research Student - มีอายุไม่เกิน 35 ปี - กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีสุดท้ายในระดับปริญญาตรี หรือจบการศึกษาปริญญาตรีด้วยระดับผลคะแนน 3.25 สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาต่อระดับปริญญาโท - จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้วยคะแนน 3.25 และสำเร็จการศึกษาปริญญาโท หรือกำลังศึกษาอยู่ในชั้นปีสุดท้ายในระดับปริญญาโท ด้วยคะแนน 3.50 สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาต่อระดับปริญญาเอก - วิชาที่จะไปศึกษาและทำวิจัยที่ญี่ปุ่น ต้องเป็นสาขาวิชาที่ต่อเนื่องกับสาขาวิชาที่จบจากมหาวิทยาลัย ไม่สามารถสมัครข้ามสาขาวิชาได้ แต่...ช้าก่อนครับ!!! ถ้าใครเกรดไม่ถึงตามที่กำหนดไว้ รัฐบาลญี่ปุ่นก็อนุโลมให้ได้ โดยต้องมีผลคะแนนสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น (Japanese-Language Proficiency Test : JLPT) ให้ได้ระดับดังต่อไปนี้ - เกรดมากกว่า 2.80 ส่งผลระดับคะแนน JLPT Level 1 หรือ N1 - เกรดมากกว่า 3.0 ส่งผลระดับคะแนน JLPT Level 2 หรือ N2 - เกรดมากกว่า 3.15 ส่งผลระดับคะแนน JLPT Level 3 หรือ N3/N4 สำหรับคนที่จบการศึกษา ระดับปริญญาตรี - เกรดมากกว่า 3.30 ส่งผลระดับคะแนน JLPT Level 3 หรือ N3/N4 สำหรับคนที่จบการศึกษาระดับปริญญาโท ดังนั้น ถ้าเกรดไม่ถึงจริงๆ ก็เตรียมตัวลงเรียนภาษาญี่ปุ่นแต่เนิ่นๆเตรียมไว้เลยนะครับ และยิ่งถ้าพูดภาษาญี่ปุ่นได้ ก็จะได้เปรียบกว่าคนที่พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้แน่นอน (ก็ทุนรัฐบาลญี่ปุ่นนี่นา) ส่วนผมน่ะเหรอครับ พูดไม่ได้เลยคราฟฟฟฟ พี่น้องงง แต่ถ้าเกรดขาดไป 0.01 แล้วคิดว่าจะไปต่อรองให้เค้าอนุโลมให้ บอกได้เลยครับว่าเสียเวลา เพราะเจ้าหน้าที่จะไม่รับใบสมัครเลยถ้าเราขาดคุณสมบัติที่เค้ากำหนดไว้ (แอบโหดแฮะ ผู้ได้รับทุนจะได้รับ - ค่าใช้จ่าย เดือนละ 143,000 เยน สำหรับ Research Student, 144,000 สำหรับปริญญาโท และ 145,000 สำหรับปริญญาเอก และจะได้เพิ่มอีก 3,000 เยนสำหรับคนที่ไปอยู่เมืองใหญ่ - ได้รับการยกเว้นค่าเทอมและค่าธรรมเนียมการศึกษา (เรียนที่มหาวิทยาลัยไหนก็ได้ เอกชนหรือรัฐบาลก็ได้ ถ้าเค้าตอบรับมา)
- ตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพ ญี่ปุ่น หลังจากจบการศึกษา รายละเอียดของทุนรัฐบาลญี่ปุ่นทุกประเภทดูได้จาก website ของสถานฑูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยได้เลยครับ //www.th.emb-japan.go.jp/en/jis/study.htm หลังจากที่ปลุกปล้ำกับใบสมัครและ Study Plan จนออกมาหะรูหะรา อลังการ ดาวล้าวดวงสมใจแล้ว เราก็มาเตรียมตัวสอบข้อเขียนกันต่อครับ โดยแต่ละสาขาวิชา จะสอบไม่เหมือนกัน ถ้าสาขา R1A ก็สอบวิชาภาษาอังกฤษวิชาเดียว สาขา R1B (สาขาที่ผมสอบ) ก็สอบ 2 วิชา คือ คณิตศาสตร์ กับภาษาอังกฤษ ส่วน R2 หรือวิทยาศาสตร์ ต้องสอบ 3 วิชา คือ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และเลือก 1 วิชาจาก ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ข้อสอบเป็นเนื้อหาของ ม.ปลาย และอาจจะมีมหาวิทยาลัยปี 1 ด้วยนิดหน่อย ข้อสอบของ Research Student และ Undergraduate Student จะเป็นชุดเดียวกัน ดังนั้น ไม่ต้องถามเลยครับ ว่าใครจะเหยียบใคร ใครจะได้คะแนนมากกว่ากัน เพราะคำตอบก็คือ Undergraduate Student แน่นอนครับ สำหรับคนที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ ก็มีให้เลือกสอบภาษาญี่ปุ่นด้วย แน่นอนว่ามีผลต่อการผ่านข้อเขียนและมีผลต่อการสัมภาษณ์ด้วยเช่นกัน ดังนั้น ได้เปรียบกว่าคนที่พูดไม่ได้ (อย่างผม ตัวอย่างข้อสอบเก่าย้อนหลัง (update ล่าสุดถึงปี 2010 เท่านั้น) //www.studyjapan.go.jp/en/toj/toj0308e.html ผมซึ่งทิ้งเลขคณิศาสตร์ ม.ปลายไปนาน เกือบๆ 15 ปีได้ แล้วจะมีอะไรไปสู้กับเค้าได้ล่ะครับ!!! จะเริ่มเตรียมตัวยังไงดีหว่าเนี่ยตู เอาล่ะ ไปดูข้อสอบเก่าก่อนดีกว่า เพราะก็น่าจะออกแนวเดียวกัน แต่พอเปิดดูข้อสอบเก่าเท่านั้นล่ะ!!! แม่เจ้า!! นี่ตูเคยเรียนมาสมัย ม.ปลายจริงๆเหรอเนี่ย โชคดีที่ภาษาอังกฤษผมพอใช้ได้ เปิดดูข้อสอบเก่าแล้วไม่ยากอะไร น่าจะทำได้สัก 80% ใช้เวลาเตรียมตัว 1 วันน่าจะพอ ก็เลยเอาเวลาไปเตรียมตัวคณิตศาสตร์อย่างเดียว นี่ถ้าต้องเตรียมตัวไปด้วยสองวิชา เวลา 2 อาทิตย์นี่ไม่ทันแน่ๆ ติดตามตอนต่อไปได้ที่ สอบชิงทุนรัฐบาลญี่ปุ่น (ทุนมง) Part 2 : สอบสัมภาษณ์ |
CHaRLiE San
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() | |||
รบกวนติดต่อกลับ
nit_thanit4990@hotmail.com