นกน้อยพาเที่ยว - ญี่ปุ่น 'KANAZAWA 金沢' ตอน ดื่มด่ำกับโฉมสวนงาม

วันนี้เรายังคงอยู่ในโปรแกรมทัวร์สัญชาติญี่ปุ่นที่เรียกว่าจัดเต็มอย่างเข้มข้นกันตั้งแต่เช้า


หลังจากที่วันแรกเดินทางจากใจกลางกรุงโตเกียวมาเที่ยวชมเมือง Takayama กันอย่างเต็มอิ่ม


Smiley อ่านตอนที่แล้วได้ที่นี่ Smiley


เริ่มต้นของวันใหม่ด้วยรถบัสคันเดิม คุณไกด์สาวน่ารักคนเดิม และคุณลุงคนขับใจดีคนเดิม


ออกเดินทางจากเมือง Toyama ที่เราแวะค้างคืนกันระหว่างทาง ไปสู่เมือง Kanazawa กันทันทีไม่รอช้า



"คะนะซะวะ" 金沢


พกดีกรีความสูงศักดิ์ถึงขั้นเป็นเมืองหลวงของเขต Ishikawa ในภูมิภาค Chubu จุ๊บุจุ๊บุ กันเลยทีเดียว


เมืองแห่งนี้นอกจากจะมีชายฝั่งติดกับ Sea of Japan แล้วยังถูกรายล้อมไปด้วยหมู่ขุนเขา Japan Alps อีกด้วย


ดั่งคำชวนเชิญของจังหวัดนี้ที่เห็นกันในภาพด้านบนเขียนถึงเมืองและจังหวัดนี้ไว้ว่าเป็น "เสน่ห์ที่ถูกซ่อน" ของญี่ปุ่น



เชื่อหรือไม่ครับว่าเมืองคะนะซะวะแห่งนี้เคยรุ่งเรืองสูงสุดและมีอำนาจมากในสมัยเอโดะ สมัยนั้นปกครองโดยท่านเจ้าเมือง Maeda


และด้วยความงามความยิ่งใหญ่ของสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ทำให้สามารถทัดเทียมกับเมืองหลวงอย่าง เกียวโต และ เอโดะ (โตเกียว) ได้เลย


ในสมัยก่อน "ข้าว" เป็นสิ่งที่มีมูลค่ามาก จึงเปรียบเสมือนเป็นตัวชี้วัดระดับความร่ำรวยและส่งผลไปถึงอำนาจปกครองบ้านเมืองด้วย


และแน่นอนที่เมืองแห่งนี้ก็มีความเป็นธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และเป็นเมืองเกษตรกรรมชั้นเยี่ยมของญี่ปุ่นในยุคนั้น 



ถามว่าถ้าไม่ได้ตั้งใจจะมาเที่ยว Takayama ตั้งแต่แรกจะได้มีโอกาสมาเที่ยว Kanazawa รึเปล่า


ขอบอกตรงๆเลยว่าคงไม่มี เพราะเมืองนี้ในความคิดเคยถูกรัศมีของเมืองดังอื่นๆบดบังแทบสิ้น


จนกระทั่งได้มาเยือนถึงที่เห็นกับตาว่า "เสน่ห์ของคะนะซะวะ" นี่แหละตัวจริงและยากที่จะมีใครมาลบเลือน



สถานที่ท่องเที่ยวของคะนะซะวะนั้นมีเยอะมาก มากเกินจะสามารถเก็บได้หมดภายในครึ่งวันหรือวันเดียว


เอาเป็นว่าแค่เดินชมเมืองก็หมดเวลาไปทั้งวันแล้ว เพราะกลิ่นอายอารยธรรมของเมืองนี้ยังคงถูกเก็บรักษาไว้ได้อย่างดี


เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ที่รอดพ้นจากระเบิดและบาดแผลจากสงครามโลกครั้งที่ 2 (รองจากเกียวโต)


เพราะงั้นทั้งวัด สถานที่สำคัญต่างๆ รวมไปถึงหมู่บ้านก็ยังคงอยู่ในปัจจุบันในสภาพที่ถือว่าสมบูรณ์มากอีกด้วย



ครั้งนี้เนื่องจากไปกับทัวร์ที่จะเน้นไปทาง Takayama และ Shirakawa-go มากกว่า จึงเหมือนกับจัดให้เมืองนี้เป็น "เมืองแถม"


เราจึงได้ไปแค่ไฮไลท์เพียงหนึ่งเดียวแต่ก็เป็นไฮไลท์ที่เด็ดที่สุด ชนิดที่ว่าเป็นของดีติดอันดับท้อป 3 ระดับประเทศเลย


ถึงแม้จะไปได้แค่ที่เดียว ขอเก็บความอยากที่ฝากเอาไว้ก่อน เอามาระบายในทริปหน้าละกัน จะจัดให้หนำใจเลย 


สนใจหาข้อมูลเพิ่มเติมของสถานที่ท่องเที่ยวหรืองานเทศกาลต่างๆได้ที่นี่ Kanazawa-Tourism



เกริ่นไว้ซะขนาดนี้ หลายๆคนน่าจะพอเดาออกแล้วว่าไฮไลท์ที่พูดถึงนี้ก็คือ สวน ที่ไม่ใช่แค่สวนบ้านๆทั่วไป


ถ้าจะเรียกให้เหมาะก็ต้องเรียกว่า "สวนพฤกษชาติ" ถึงจะดี มีนามว่า Kenroku-en 


ที่ได้รับการยกย่องดีกรีความงามให้เป็น 1 ใน 3 "สวนที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น"


และหลายคนบอกไว้ว่าที่แห่งนี้มีความสวยสมดุล "ที่สุด" ในบรรดาทั้งสวนสามแห่งอีกด้วย


เริ่มอยากรู้แล้วว่าไอ้ที่ว่าสวยน่ะสวยยังไง จะงามขนาดไหนกัน เราไปเดินชมโฉมงามของสวนแห่งนี้ไปพร้อมๆกันเลยครับ



เคนโระคุเอ็น 兼六園


สวนพฤกษชาติแห่งนี้ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองคะนะซะวะ ใกล้กับปราสาท Kanazawa-jō


บริเวณพื้นที่ของสวนอยู่สูงกว่าระดับปกติ จึงเป็นจุดที่เหมาะที่สุดและนิยมมากที่สุดในการชมวิวเมืองแบบพานอรามา


สวนแห่งนี้มีความครบในทุกรสชาดเพราะถ้ามาที่นี่แล้วจะได้เห็นทั้งภูเขา ต้นไม้ใหญ่ ดอกไม้ ลำธาร สะพาน รูปปั้น น้ำพุ น้ำตก หิน


และอีกมากมาย เรียกได้ว่าความร่มรื่นย์ที่สวนแห่งนี้มีให้ มาพร้อมกับความรื่นรมย์สุนทรีย์อย่างแท้จริง



มีดีกรีถึงสวนสวยระดับชาติขนาดนี้ ถ้าจะไม่มีคู่แข่ง อืม...เรียกอย่างนี้คงดีกว่าว่า สวนพี่สวนน้องที่แข่งขันอยู่เคียงข้างกันมา


ราวกับอยู่บนเวทีประกวด Miss Japan National Park ก็ต้องยกให้ 2 สวนงามด้านบนแห่งนี้


ผู้เข้าประกวดทางซ้ายคือ Kairakuen 偕楽園 แห่ง จ.Mito และ ผู้เข้าประกวดทางขวาคือ Korakuen 後楽園 แห่ง จ.Okayama


 ถึงแม้จะยังไม่เคยมีใครการันตี ออกมาป่าวประกาศก้องว่า เคนโระคุเอ็มนั้นหงามหยดย้อยที่สุด


แต่ถ้าฟังจากปากต่อปาก ความเห็นของคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวแล้ว มงกุฎคงจะต้องสวมให้กับ Kenrakuen แห่งนี้นี่แหละ



(ภาพสวยๆจาก Japan-Guide บริเวณร้านค้ารอบๆสวนเคนโระคุเอ็น)


เดิมทีสวนแห่งนี้อยู่ในอาณาเขตของปราสาทคะนะซะวะ เป็นสวนหลวงรอบนอกของปราสาท ในปกครองของท่านเจ้าเมือง Maeda


ใช้เวลาสร้างยาวนานร่วม 2 ศตวรรษ และไม่สามารถให้คนนอกเข้ามาเหยียบย่างกรายในอาณาจักรได้อย่างในตอนนี้


จนกระทั่งทางการได้เข้ามาบูรณะในภายหลัง เมื่อปี 1871 สวนแห่งนี้จึงได้เปิดสู่สายตาสาธารณะนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา



ปัจจุบันต้องเสียค่าเข้าชม คนละ 300 เยน เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น (ฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อน + เพิ่มหน้าหลัง 1 ช.ม.)


แต่ถ้าใครอยากเข้าชมฟรี เค้ามีชั่วโมง Early Admission ถ้าหน้าหนาวก็ต้องไปแต่เช้าตรู่ประมาณ 6 โมงเช้านู่น (ถ้าหน้าร้อนตี 5 นะ)


หรือไม่งั้น ถ้ามาช่วยเทศกาลฮานามิ ดอกซากุระบาน เปิดให้เข้าชมฟรีตลอดทั้งวันครับ



เราเดินทางมาถึงกันตั้งแต่เช้า สภาพถนนด้านหน้าก็เงียบเชียบตามสไตล์ชนบท นี่ขนาดอยู่ใจกลางเมืองแล้วนะนี่


ที่เห็นอยู่ด้านหน้าก็คือเคนโระคุเอ็นแล้ว แต่ทางเข้าต้องเดินอ้อมไปอีกฝั่งนึง ประมาณ 5 นาทีครับ



งานนี้เดินชมกันตามอัธยาศัยนะครับ ไม่มี fix เส้นทาง อยากเดินไปทางไหนยังไงก็ได้ตามใจชอบ


เพราะสุดท้ายแล้ว ทางจะวนกลับออกมาที่ทางออกเดิมกับที่เราเข้ามา คุณไกด์ให้เวลา 1 ช.ม.เต็ม



แอบเห็นเกล็ดหิมะเบาๆ เพราะ 4-5 วันก่อนที่เราจะมาถึงรู้สึกว่าจะเพิ่งตกไป น่าเสียดายจัง ถ้าได้เห็นป่าเขียวๆมีหิมะปกคลุมคงสวยน่าดู


เจดีย์หิน 5 ชั้นนี้มีชื่อเรียกว่า Omuro-no-tō 御室の塔 ได้มาจากพระราชวัง Omuro (วัด Ninanji) ในเกียวโต 



ถึงแม้จะไม่มีความรู้ด้านสวนญี่่ปุ่นแต่อย่างใด แค่มองด้วยตาก็รู้แล้วว่า สวนแห่งนี้นี่สวยสมชื่อจริงๆ



เดินออกมายังบริเวณสวนกลาง ที่ๆเป็นจุดรวมของนักท่องเที่ยว



มีรูปปั้นของท่านผู้นี้ตั้งอยู่อย่างโดเด่นมาก (ใครทราบว่าเป็นใครช่วยบอกทีนะครับ Smiley) จะเป็นไปได้มั้ยว่าคือท่านมาเอดะ??


ส่วนต้นใหญ่ๆที่อยู่ข้างหลัง ถ้ามาตอนช่วงฤดูใบไม้ผลี ทั้งต้นจะเป็นสีชมพูเลยครับ ใช่แล้ว นี่คือต้นซากุระนั่นเอง



เดินทางมาถึงกลุ่มต้นสน Karazaki pine 唐崎 อันเลื่องชื่อ ถ้าเป็นเพียงสนธรรมดาก็คงไม่หวือหวา แต่ด้วยความงามที่บรรจงสรรสร้าง


ด้วยเชือกนับร้อยเส้นที่ผูกอย่างหนาแน่นตั้งแต่ยอดจนปลายยันฐานนี้ โดดเด่นดึงดูดสายตาทุกคู่ให้จับจ้อง


เชือกที่ผูกรอบคล้ายกับร่มที่ห่อหุ้มต้นสนทั้งต้นอยู่นี้จะมีให้เห็นในช่วงหน้าหนาวเท่านั้น


บรรดาคุณลุงผู้ดูแลสวนจะเริ่มร้อยเชือกเหล่านี้ในช่วงปลายปี (พ.ย.) เพื่อให้ทันก่อนที่หิมะจะตกและจะถอดออกในช่วงเดือนมีนาคม


ร่มเชือกนี้มีชื่อเรียกว่า Yukitsuri 雪吊 มีประโยชน์เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้กิ่งก้านของสนหักโค่นลงมายามหิมะตกและก่อตัวหนา



ริมสระ Kasumiga Ike 霞池 สระที่ใหญ่ที่สุดในสวนนี้ งดงามจริงๆ



อีกมุมหนึ่ง น้ำใสราวกับกระจกเงา แถมมีกระท่อมเล็กๆ ประดับบรรยากาศ



 ถึงแม้จะหนาวแค่ไหน ก็ยังพอมีดอกไม้สีหวานๆให้เห็น



มีดอกอะไรไม่รู้หน้าตาแปลกๆ



เหนื่อยก็มีที่ให้นั่งพัก ชิลล์กับบรรยากาศร่มรื่นย์รอบด้าน



ในน้ำมีปลา แต่ไม่มีนาแถวนี้ เดินๆเลาะสระ ทอดน่องมาอีกด้านหนึ่ง


น้ำพุแห่งนี้ หรือ Funsui 噴水 มีความเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น แหล่งน้ำมาจากสระ Kasumiga Ike สูง 3.5 เมตร



แวะซื้อของฝากกันหน่อย



ของขายดีประจำทุกเมือง มีทุกร้าน



นกฮูกน้อยให้โชคแห่งเมืองคะนะซะวะก็มา



เดินขึ้นมาชมวิวส่งท้าย เก็บความทรงจำแบบพานอรามากัน



บ้านเมืองกระจุ๋มกระจิ๋มน่ารักมาก ไม่มีตึกสูงๆมาบดบังทัศนียภาพ



ขากลับคุณไกด์สาวพาแวะร้านขายของที่ระลึก ที่ทุกอย่างทำมาจากทอง ทอง ทอง และ ทอง


Hakusa ร้านนี้เป็นร้านชื่อดัง งานฝีมือทุกชิ้นต้องมีส่วนผสมของทองคำเปลว


เพราะคะนะซะวะนั้นเป็นแหล่งผลิตทองคำเปลวที่สำคัญ ตามชื่อเมือง คะนะ หรือ คิน ที่แปลตรงตัวว่า "ทอง"


(ห้องทั้งห้องทำด้วยทองคำเปลว อลังการงานสร้างมาก)



คุณลุงเจ้าของร้านกำลังสาธิตวิธีการทำทองคำเปลวให้ชม



งานแต่ละชิ้น พอเห็นราคาแล้ว ถึงกับตะลึง สะอึกไปพักใหญ่



งานชิ้นเล็ก ราคาน้อย พอรับได้ ก็มีขาย



น่ารักๆทั้งนั้น



ขนาดขนมก็ยังไม่เว้น น่าอร่อยมั้ยละครับ



เป็นอันว่าจบโปรแกรมคะนะซะวะแบบพอหอมปากหอมคอกันแค่นี้ ถ้าใครยังพอมีเวลาก็ลองเดินไปชมปราสาทด้วยนะครับ



หลังจากนี้ขึ้นรถบัสออกเดินทางสู่เป้าหมายสุดท้ายของทริป หมู่บ้าน Shirakawa-go


เอาภาพระหว่างทางมายั่วน้ำลายกันก่อน



แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าครับกับ


Smiley นกน้อยพาเที่ยว Smiley





Create Date : 23 กรกฎาคม 2554
Last Update : 1 สิงหาคม 2554 14:46:19 น.
Counter : 8917 Pageviews.

5 comments
  
ขอบคุณค่ะ
โดย: nangjai1 วันที่: 23 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:21:10 น.
  
สวยดี อยากไปมั่งจัง
โดย: MR.ITANRICH วันที่: 23 กรกฎาคม 2554 เวลา:22:41:00 น.
  
ตามมาเที่ยวญี่ปุ่นกับเจ้าของ blog หล่อขั้นเทพ
โดย: Ma Ma Pim วันที่: 30 กรกฎาคม 2554 เวลา:18:19:49 น.
  
5555555 ขอบคุณครับ
โดย: Bird Freedom วันที่: 31 กรกฎาคม 2554 เวลา:20:41:12 น.
  
ชอบ คานซาว่ามาก ค่ะ อยากไปเมืองนี้อีกจังเลย เป็นแพลนที่ไม่คาดคิดเหมือนกัน แต่ได้ไปแล้ว หลงเสนห์ เมืองนี้มากเลยค่ะ

เราไปเดือนเมษา เสียดายมากที่เค้าถอดเจ้า Yukitsuri ออกแล้ว


ขอบคุณข้อมูลและรีวิวสวย ๆๆนะค่ะ
โดย: Nongpoompui IP: 58.8.229.222 วันที่: 3 สิงหาคม 2554 เวลา:16:18:31 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Bird Freedom
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]



All Blog