นกน้อยพาเที่ยว - ญี่ปุ่น 'HAKONE 箱根' ตอน 2 ขึ้นกระเช้าชิมไข่ดำ ล่องเรือโจรสลัดท้าลมหนาว

箱根


ห่างหายไปนาน กว่าจะได้กลับมาเขียนตอนจบของ ฮาโกะเนะ ก็หลายเดือนอยู่



ไม่ได้ลืมหรอกนะครับ แต่เพราะแอบไปหนีเที่ยวมา วันนี้เลยตั้งใจไว้ว่าจะต้องทำให้เสร็จให้ได้



ครั้งที่แล้วทิ้งท้ายไว้ที่ร้านทงคัทซึและกำลังจะเดินทางต่อเพื่อไปชิมไข่ดำอันเลื่องชื่อ








มาเที่ยวกันต่อ จากสถาณี Sounzan เราเดินอีกนิด เพื่อต่อ Hakone Ropeway (箱根ロープウェイ) 


กระเช้าสุดระทึกที่จะพาเราไปลิ้มรส ไข่ดำ ที่สถาณี Owakudani (大涌谷駅)

สถานีนี้ตั้งอยู่บนความสูงจากพื้นดิน 1,044 เมตรซึ่งเป็นจุดที่มีความสูงที่สูงที่สุดของเส้นทางในการเดินทางวันนี้ 






ที่บอกว่าเป็นกระเช้าสุดระทึกนั้นไม่ได้หมายความว่ากระเช้านี้ดูไม่แข็งแรงแต่อย่างใด 


แต่อาจสร้างความหวิวกลางอากาศให้กับคนที่กลัวความสูงได้ 

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เราควรปล่อยใจให้สบาย สำหรับญี่ปุ่นความปลอดภัยเค้ามาเป็นอันดับ 1 อยู่แล้ว เพราะงั้น ไดโจ๊บุๆ




Hakone Ropeway จากสถาณี Sounzan จุดเริ่มต้นของเส้นทางนี้


ที่จะพาไปพบกับทัศนียภาพของฮาโกเนะแบบที่หาไม่ได้จากที่ไหน


ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 30 นาทีไปถึงปลายทางที่สถาณี Togendai บริเวณทะเลสาบอาชิ 





ด้วยกระเช้าที่เป็นกระจกรอบด้านที่ได้รับการออกแบบและสร้างโดยชาวสวิสอีกเช่นกัน 


เราจะได้ชมทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่งดงามแบบ 360 องศาตลอดความยาวของเส้นทางนี้


ถือว่าเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจาก Kriens Bahn ในสวิสเซอร์แลนด์ 


โดยกระเช้าสามารถจุผู้โดยสารได้คราวละ 13 คนและมีรอบการวิ่งแทบทุกนาที 

เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจเดินทางไปทะเลสาบอาชิ และ โอวะคุดะนิ





ที่จุดสูงสุดระหว่าง Sounzan และ Owakudani มีความสูงจากพื้นดิน 130 เมตร 


ทัศนียภาพของปล่องภูเขาไฟเบื้องล่างไม่เพียงงดงามเท่านั้นยังดูมีพลังอย่างน่าอัศจรรย์ 


ระหว่าง Ubako ถึง Togendai จะได้พบกับภาพวิวของทะเลสาบอาชิ และ 


ภูเขาไฟฟูจิที่ตั้งตระหง่านหลังภูเขาคามิอีกด้วย


ด้วยความยาวของระยะทางที่เป็นอันดับ 1 ในญี่ปุ่นและเป็นอันดับ 2 ของโลก (เป็นรองจากของสวิสที่เดียว) บนยอดเขา 


ทำให้ Hakone Ropeway มีจุดเด่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาสัมผัสความงามของที่นี่ให้ได้





มันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ถึงแม้จะหวาดเสียวอยู่บ้าง แต่ความสวยงามของวิวรอบตัวนั้นยากเกินห้ามใจ


ที่จะปิดตาหลอกตัวเองไปชั่วขณะว่าเราอยู่บนความสูงเป็นพันๆเมตร 


ระหว่างทางที่กระเช้าพาเราขึ้นไปสู่ความสูงเรื่อยๆ 


สภาพแวดล้อมในครั้งนี้ดูค่อนข้างแห้งแล้งไปหน่อยเพราะว่าใบไม้ร่วงเกือบหมดต้นแล้ว 


แต่ครั้งก่อนที่มาช่วงต้นเดือนกุมภาซึ่งเป็นฤดูหนาวเต็มที่จึงมีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดทาง


ความแห้งแล้งของกิ่งก้านจึงถูกกลบด้วยความขาวเนียนของหิมะแสนงาม


ด้วยระยะทางที่ยาวเหยียดตลอดทางผ่านเขายอดแล้วยอดเล่าแบบนี้ 


แต่ละจุดบนยอดเขาก็เสมือนกับเป็นที่พักทางสำหรับเสาเหล็กและสายเคเบิล


ที่ยึดกระเช้าไว้อย่างแข็งแรงบนความปลอดภัยสูงสุด 


แต่มันจะไม่ปลอดภัย(ต่อหัวใจ) ก็ตรงที่พอเราใกล้จะถึงยอดเขาหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้ว 


ทันใดนั้นก็ไหลต่อลื่นลงราวกับตกเขาพร้อมกับเบื้องล่างที่สูงลิบลิ่ว ไม่ให้ทันได้หายใจกันเลย


วันนี้โชคดีมากที่มีโอกาสได้เห็นความยิ่งใหญ่ของภูเขาไฟฟูจิ


วันนี้ฟ้าโปร่งมองเห็นฟูจิซังได้อย่างชัดเจนมากทีเดียว 


มุมนี้ถือว่าเป็นอีกมุมหนึ่งที่มีเสน่ห์เย้ายวนมากในการชมความอลังการของภูเขาไฟฟูจิ


จากบรรดาจุดชมวิวยอดนิยมของญี่ปุ่นที่คนทั่วโลกไม่ว่าจะมาจากไหน

ถ้าถึงญี่ปุ่นแล้วต้องขอเห็นฟูจิสักครั้ง คงไม่ต้องถึงกับขึ้นไปปีน แค่เห็นก็สบายใจแล้ว





Mount Fuji (富士山) ภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นด้วยความสูง 3,776 m (12,388 ft) 


หนึ่งในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ "Three Holy Mountains" (三霊山) ทั้งสามของชาวญี่ปุ่น 


อีกสองแห่งคือภูเขาทาเตะ (立山) และภูเขาฮาคุ (白山) 


ภูเขาไฟแห่งนี้เกิดการประทุครั้งสุดท้ายปะมาณช่วงปี 1707-08 


มีรูปทรงกรวยเป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นที่ทุกคนรู้จักกันดี 


ตั้งไปทางทิศตะวันตกของเมืองโตเกียว อยู่ระหว่างเขตเมือง Shizuoka กับเมือง Yamanashi 


สามารถมองเห็นได้จากระยะไกลในวันฟ้าใสจากโตเกียวและโยโกฮาม่า 


หากนั่งรถไฟชิงคันเซนสาย Tokaido จากโตเกียวไปโอซาก้าก็สามารถมองเห็นด้วยเช่นกัน



ที่มาของชื่อนั้นไม่แน่ชัด บ้างก็ว่ามีที่มาจากคำว่า Fushi (不死) มีความหมายว่า เป็นอมตะ 

บริเวณยอดจะปกคลุมไปด้วยหิมะเกือบตลอดทั้งปีตามสถิติที่เคยมีการบันทึกไว้ 

อุณหภูมิต่ำสุดที่ -38°C และสูงสุดที่ 17.8°C 

จุดหมายที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปชมความของภูเขาไฟฟูจินั้นมีหลากหลายเช่นที่

Fuji Five Lakes (富士五湖) หรือ Hakone (箱根)




เอาละในที่สุดก็เดินทางมาถึงสถาณีไฮไลท์ของเรากันแล้วที่สถาณี Owakudani (大涌谷駅) 


และอย่างที่บอกไปว่าเรามาที่นี่เพื่อมาชิมไข่ดำที่เขาร่ำลือกันนักหนาว่า


มีคุณสมบัติเพรียบพร้อมด้วยแร่ธาตุมากมาย


และจะต้องปีนเขาขึ้นไปสู่บนยอดเขาด้านบนที่สูงที่สุด และออเดอร์ไข่ดำ 

แกะเปลือกกินกันสดๆ ณ ตรงนั้นเลย อยากรู้มานานว่าหน้าตาและรสชาติไข่ดำจะเป็นยังไง




ที่สถาณีนี้ดูวุ่นวายและคึกคักเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมายหลายคณะ 


เพราะไม่ว่าจะมาเองหรือมาเป็นคณะทัวร์ต่างก็มีจุดหมายเดียวกันคือที่แห่งนี้ 


ออกมาจากสถาณีก็สัมผัสได้ถึงอากาศแสนบริสุทธิ์ ยิ่งอยู่ที่สูง อากาศก็ยิ่งดีขึ้นไปเรื่อยๆ 


เลยยิ่งทำให้อยากปีนเขาขึ้นไปตรงบ่อน้ำแร่ที่เอาไว้ต้มไข่ไวๆซะแล้ว 

นอกจากอากาศที่ดีแล้ววิวยิ่งสวยมากขึ้นอีก แถมเรายังสามารถมองเห็นฟูจิซังจากระยะนี้ได้ด้วย




ลงจากบริเวณสถาณีจะเป็นบริเวณที่จอดรสบัส ถ้าหากใครเลือกนั่งรถบัสมาก็จะมาลงที่นี่ได้เหมือนกัน


มาที่นี่เราก็เจอตัวแทนแหล่งท่องเที่ยวของญี่ปุ่นในเวอร์ชั่น “คิตตี้ไข่ดำ” ถึงสองตัว!! น่ารักน่าเอ็นดูมาก


เห็นแล้วถึงขั้นอยากจะอุ้มกลับบ้าน นั่งตัวกลมป้อกอยู่บนเก้าอี้


ที่ตัวสลักชื่อไว้ว่า Kurotamago (黒たまご หรือ ไข่ดำ)


แอบเห็นมีรอยเปลือกไข่ร้าวด้วย และ มือข้างหนึ่งถือป้ายไม้เขียนว่า โอวะคุดะนิ 


ส่วนอีกตัวเป็น คิตตี้ใส่ชุดกิโมโนสีชมพู เกาะไข่ดำที่แกะแล้ว 

มือข้างหนึ่งอยู่ในปากราวกับว่าแอบแกะไข่แล้วกินยังไงยังงั้น ส่วนตัวแล้วชอบตัวแรกมากกว่า




เจ้าเหมียวคิตตี้ไข่ดำทั้งสอง ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าร้านขายของที่ระลึกที่อยู่ด้านล่าง


ที่ร้านแถบนี้ก็มีไข่ดำจำหน่ายเช่นกัน ทั้งแบบกินทันที


สำหรับใครที่ปีนเขาไม่ไหวก็ยังมีทางเลือกสามารถหาซื้อหาชิมที่นี่ได้ 


แต่พวกเราถึงไหนถึงกันอยู่แล้ว มาถึงที่ก็ต้องไปกินถึงที่ หรือ แบบเป็นของฝากก็มี 


ส่วนแบบนี้หน้าตาคล้ายไข่เยี่ยวม้าซีลอยู่ในซองสูญญากาศ ดูปะแล่มๆยังไงไม่รู้





ขอขอบคุณภาพจาก cdn.learners.in.th 



Owakudani คือพื้นที่บริเวณปล่องภูเขาไฟที่เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟ Kamiyama เมื่อประมาณ 3 พันปีก่อน 


พื้นที่ส่วนใหญ่ยังเป็น Active Volcanic Zone หรือโซนที่ยังมีการประทุอยู่


หมายความว่าบริเวณข้างใต้ยังมีความร้อนอยู่ถึงแม้จะไม่มีการระเบิดแล้วสังเกตุได้จาก


บริเวณนี้ที่มีทั้ง น้ำแร่ น้ำพุร้อนที่พุ่งออกมาจากใต้ดินหรือระเหยกลายเป็นไอออกมาเป็นแก้สธรรมชาติ


รวมไปถึงบ่อน้ำร้อนที่มีแร่กัมมะถันเดือดปุดๆที่เอาไว้ใช้ต้มไข่นั่นละครับ


แต่อย่าให้ได้หล่นลงไปเชียว เพราะมีความร้อนเกินกว่า 100 องศาเชียวนะ 


ถ้าหล่นลงไปคงไม่แค่ดำล่ะ เกรียมแน่ๆSmiley






พวกเราไม่รีรออะไรทั้งสิ้นเริ่มเดินหน้าขึ้นไปสู่บ่อน้ำแร่ที่ว่านี้ ตามระยะทางที่ทำเป็นบันไดแนวราบที่เดินสบาย 


ไม่รู้สึกเหมือนกับต้องออกแรงมากเพราะไม่ได้ชันมา สามารถเดินขึ้นไปได้อย่างสบายๆ 


ที่สร้างไว้อย่างนี้ก็เพื่อให้ความสะดวกสบายแก่ผู้สูงอายุและเด็กๆด้วย 


เพราะเท่าที่สังเกตคุณลุงคุณป้าเดินกันปรื๋อเลย ว่องไวมากเท้านี่สลับฉึบฉับๆ แข็งแรงจริงๆ


ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีเราก็เห็นจุดหมายอยู่ตรงหน้า ณ ตรงนี้ถ้าหันหลังไปจะเป็นภาพของภูเขาไฟฟูจิเต็มๆสองตา


นี่เราก็ยืนอยู่บนภูเขาไฟ มองไปข้างหน้าก็อีกลูกนึง แต่ถึงแม้จะถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาไฟแรงสูงแบบนี้กลับไม่รู้สึกกลัว


เนื่องจากความรื่นรมย์ทางกายและใจ บรรยากาศดีสุดๆแบบนี้ทำเอาเกือบลืมไปเลยว่ากำลังอยู่บนความสูงกว่า 1,000 เมตรจากพื้นดิน


ขึ้นมาถึงข้างบนนี้ถ้าได้กลิ่นแปลกๆตุๆ ก็ไม่ต้องพยายามหันซ้ายหันขวาหาว่าใครตด


เพราะเจ้าก้าซธรรมชาตินั้นมีกลิ่นค่อนข้างแรง (ไม่อยากใช้คำว่า เหม็น) ซึ่งเป็นกลิ่นของกำมะถัน


แต่สักพักเดี๋ยวก็ชิน ถ้าลองมองข้ามเรื่องกลิ่นไป แร่กำมะถันนั้นมีคุณประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพมากมาย 

ไม่ว่าจะนำมาแช่ตัวช่วยในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้อย่างดี หรือนำไปต้มไข่ก็ได้ประโยชน์จากแร่ธาตุอีกด้วย




ได้เวลากินไข่!! มาถึงข้างบนแล้วที่ความสูง 1,050 เมตร ที่รู้เพราะว่าด้านบนนี้มีป้ายไม้ตั้งอยู่ตรงกลางบอกถึงความสูงที่เราอยู่


ตอนแรกเข้าใจว่าให้ไปซื้อไข่ไก่มาต้มเองแต่กลับกลายเป็นว่าเค้ามีแต่แบบต้มไว้แล้ว 


เสียดายนึกว่าจะได้ลองต้มเอง ราคาขายห่อละ 500 เยน ด้านในมี 6 ฟองตกฟองละเกือบ 40 บาท


ซื้อแล้วก็มายืนแกะกินกันตรงนั้นเลย เพราะมีโต้ะและถังใบใหญ่จัดไว้ให้สำหรับทิ้งเปลือกไข่ 

ส่วนน้ำจิ้มสำหรับเพิ่มรสชาดคือเกลือเพียวๆ รู้งี้เอาซอสปรุงรสภูเขาทองมาด้วยก็ดี




ไข่ดำจริง ดำจริงๆ จากการที่ต้มในบ่อน้ำแน่กำมะถันทำให้แร่ธาตุซึมเข้าไปถึงด้านใน 


ว่ากันว่าถ้ากิน 1 ฟองจะมีอายุยืนขึ้นถึง 7 ปี แต่ไม่ใช่ว่าคนเดียวจะกินทั้ง 6 ฟอง


จะได้อายุยืนขึ้น 48 ปีนะ เกินไปๆ เค้าแนะนำมาว่ากินแค่ 2 ฟองครึ่งก็ถือว่าเพียงพอแล้ว


ไม่อย่างนั้นจะมากเกินความจำเป็นต่อร่างกาย สรุปแล้วเราจะอายุยืนขึ้นได้มากสุด 17 ปีครึ่งต่อคน


ส่วนวิธีการที่ใช้ในการขนไข่ขึ้นมาต้มถึงบนนี้นั้น ไม่ได้ใช้แรงมนุษย์ นอกจากสลิง 2 เส้นที่ขึงต่อกับด้านล่าง


คอยขนไข่ใส่ลังส่งขึ้นมาด้านบนตลอดอย่างไม่ขาดสาย ขายดีขนาดนั้นเลยจริงๆ





กินไข่ดำกันเสร็จแล้วอย่าเพิ่งเดินลงเพราะว่าถ้าเดินต่อขึ้นไปอีกหน่อยจะมีจุดชมวิวฟูจิซังแบบว่าให้ได้เห็นกันเต็มๆตาเลย 


หลังจากนั้นเราก็รีบบึ่งกลับไปที่สถานีเดิม ภารกิจของเรายังไม่หมดแค่นี้เพราะยังมี Destination อีกแห่ง 


ต้องเผื่อเวลาให้ดีเพราะสถาณที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะปิดประมาณ 5 โมงเย็น 


แต่ไม่ใช่ว่าเราไปถึง 5 โมงพอดีแล้วจะทัน ต้องเผื่อเวลาในการเข้าใช้บริการสถาณอย่างน้อยๆครึ่งชั่วโมง 


ที่สำคัญเราจะไปนั่งเรือโจรสลัดท่องทะเลสาบอะชิกันด้วยยิ่งแล้วใหญ่


ต้องไปให้ถึงก่อน 4 โมงเย็นซึ่งเป็นเที่ยวเรือรอบสุดท้าย








ครั้งก่อนที่มา น่าเสียดายมาก เพราะเวลาเหลือน้อย เลยมาทันเที่ยวเรือรอบสุดท้าย ไม่ใช่เป็นการมาถึงแบบเฉียดฉิว 



เพราะมาถึงเรือก็จอดเทียบท่านิ่งสนิท พนักงานก็ดูเหมือนจะหนีกลับบ้านกันหมดแล้ว


แถมยังนั่ง Ropeway ขากลับไม่ทันอีกด้วยซวยซ้ำซวยซ้อนเหลือเกิน


เพราะฉะนั้นหลังจากได้บทเรียนครั้งนั้นมา คราวนี้จึงพลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด


ที่ญี่ปุ่นไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ต้องเจอตู้ของเล่นหยอดเหรีญ


แน่นอนของเล่นที่อยู่ในตู้ก็คงไม่พ้นบรรดา Character ยอดนิยมทั้งหลาย


ไม่ว่าจะเป็น Hello Kittty, Doraemon, Naruto แต่มาที่นี่ไม่เหมือนที่ไหน 


เพราะเขามีตู้ไข่ดำของเล่นให้หยอดเล่นกันด้วยโดยด้านในเป็นเครื่องรางโดยแต่ละอันก็จะต่างกันไป 


(มีเขียนไว้ที่ตัวเครื่อง) เจ้าไข่ดำของเล่นนี้เรียกว่า Kurotama Capsule (黒たまカプセル) 

ลูกละ 200 เยน ใครหาของฝากไม่ได้ ลองซื้ออันนี้ไปเป็นของฝากดูก็ (แปลก) ดีเหมือนกัน



จากสถาณี Owakudani เรานั่ง Ropeway สายเดิมต่อเพื่อไปลงที่สถาณีปลายทางสถาณี Togendai (洮源台) 


สำหรับไฮไลท์ที่สุดประจำวันนี้ที่ไปปีนเขาชิมไข่ดำก็ว่าเด็ดแล้วแต่ว่าที่นี่สิของเค้าเด็ดจริงนั่นก็คือ


ทะเลสาบอะชิ หรือเรียกว่า Ashinoko (芦ノ湖)


เมื่อพูดถึงทะเลสาบ ก็ต้องมาคู่กับเรือยักษ์ให้เราได้ขึ้นไปล่องดื่มด่ำบรรยากาศแสนบริสุทธิ์ของทะเลสาบแห่งนี้ 


พวกเรามาถึงกันทันเวลา จริงๆแล้วมาถึงก่อนเวลาตั้งครึ่งชั่วโมง 


เรือรอบสุดท้ายคือรอบ 4 โมงเย็น ก็ต้องเข้าแถวต่อคิว รอเวลากันตามระเบียบ


ไม่รู้ว่าเพราะเป็นรอบสุดท้ายรึเปล่า คนเลยมากันเยอะมากๆ ยิ่งใกล้เวลาเรือออกคนมาต่อคิวกันยาวเหยียดเลย 


พอใกล้เวลาจะเห็นเรือโจรสลัดอยู่ไกลๆ พอถึงเวลา 4 โมงตรงเป้ะ ประตูเปิดให้พวกเราออกไปที่ท่ารอดูเรือยักษ์มาเทียบ


เราจึงได้ภาพสวยๆของเรือโจรสลัดลำนี้ตอนกำลังล่องอยู่บนทะเลสาบ


และ ณ ตอนนั้น เราก็ได้มาถึงฮาโกเนะโดยสมบูรณ์ เพราะเบื้องหน้าของเรานั้นคือ สัญลักษณ์ของเมืองนี้นั่นเอง 

(แต่ยังหรอก เรายังไม่ได้ขึ้นไปล่องเลย ทุกอย่างจะสมบูรณ์แบบ มันต้องหลังจากนี้)




หนาวมากกกกกกก.....ยิ่งมาอยู่ริมทะเลสาบ แค่ลมพัดหวิวๆก็สั่นระริกไปทั้งตัวแล้ว ตลอดวันที่ว่าหนาวแล้ว มาเจอที่นี่หนาวที่สุด 


อุณหภูมิเท่าที่ดูตอนนั้นเหลือไม่ถึง 5 องศา โอยยยย พระเจ้าช่วย ต่อให้ชอบอากาศหนาวแค่ไหน เจอแบบนี้ก็ขนลุกเหมือนกัน 


อากาศต่อให้หนาวเหน็บแค่ไหน ถ้าไม่มีลมเราก็ยังยืนอยู่ได้ แต่ถ้ามีลมแล้วทางใครทางมันเลยล่ะ


แล้วมาอยู่ตรงทะลสาบร่องเขาแบบนี้ ไม่อยากจะนึกถึงตอนไปอยู่บนเรือ บรื๋อ




Hakone Sightseeing Cruise (箱根観光船) เส้นทางนี้เชื่อมระหว่าง Togendai กับ Motohakone-ko และ Hakone-machi 


ซึ่งระหว่างล่องเรือสามารถสัมผัสบรรยากาศอันสงบนิ่งของผิวน้ำและในวันอากาศโปร่งใส่สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ด้วย 


ปัจจุบันมีเรือทั้งสิ้นทั้งหมด 4 ลำ ลำแรกมีชื่อว่า Vasa


เป็นเรือรบที่ปลดระวางในช่วงศตวรรษที่ 17 สมัยกษัตริย์แห่งสวีเดน Gustav Adolph


มีสีเขียวมรกตประดับด้วยรูปปั้นสิงโตบริเวณหัวเรือจึงเรียกเรือลำนี้ว่าเป็น The Lion of North Europe





ลำที่สองมีชื่อว่า Royal ได้รับแรงบันดาลใจจากเรือรบฝรั่งเศส Soleil Royal 


ในสมัยศตวรรษที่ 17 โดยที่ลำนี้จะ มีสีแดงและมีขนาดใหญ่กว่าลำอื่นๆ 


มี 2 ระดับและพื้นที่มากในการเดินสำรวจรวมถึง Observation deck ด้วย ราวกับเป็นพระราชวังที่ลอยอยู่บนทะเลสาบได้ 


ลำที่สามมีชื่อว่า Frontier ออกแบบในช่วงศตวรรษที่ 19 ตามแบบเรือรบของอเมริกาที่ใช้วิ่งในแม่น้ำ Mississippi 


ในช่วงนั้นแตกต่างจากลำอื่นตรงที่มีไม้พายด้วย และลำสุดท้ายมีชื่อว่า Victory


ตั้งชื่อตามเรือรบของอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 18 บนเรือลำนี้สามารถทั่วถึงกันได้หมดโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง 





ระหว่างทางสามารถมองประตูทางเข้าศาลเจ้าหรือ โทริอิของ Hakone-jinja ที่มีชื่อเสียงมากได้ด้วย 


ระยะเวลาเดินทางจาก Togendai ไป Motohakone-ko ใช้เวลา 25 นาทีและไปยัง Hakone-machi อีก 10 นาที


ถ้าไม่มีบัตร Hakone Freepass เสียค่าเรือคนละ 970 เยน 

ในช่วงหน้าร้อนที่ทะเลสาปอะชิยังมีการจัดงานเทศกาลดอกไม้ไฟ (芦ノ湖花火大会) อย่างยิ่งใหญ่อีกด้วย




เคล็ดลับที่ทำไม่ยาก ถ้าออกไปด้านนอกเมื่อไหร่ให้พยายามแทรกตัวไปด้านหน้า ไม่ได้จะแซงคิวเพราะทุกคนจะได้ขึ้นพร้อมกันหมด 


แต่ถ้าอยากได้ภาพสวยๆบนเรือที่ไม่มีคนอื่นมายืนขวางให้รบกวนฉากหลัง คุณมีเวลาไม่ถึง 3 นาทีเท่านั้น 


ให้รีบเข้าไปและวิ่งขึ้นไปชั้นบนให้เร็วที่สุดเท่านี้เราก็จะได้รูปสวยๆบนเรือแล้ว 


ถ้าไม่ทำแบบนี้ถ่ายรูปไปก็จะเจอแต่คน คน คน และคน ยืนอยู่เต็มไปหมดแทบจะหาที่ว่างไม่ได้


ยังไม่หมดหลังจากนั้นพอถ่ายรูปเสร็จปุ้บ ให้หาพื้นที่ว่างบริเวณหัวเรือ

และรีบจับจองมุมไหนซักมุมเพื่อที่ว่าเราจะได้ชมวิวได้เต็มๆตาแบบพาโนรามา 




รอคนขึ้นครบไม่นานเรือก็เริ่มออกสตาร์ท ความตื่นเต้นเริ่มตื่นตัว อากาศแสนบริสุทธิ์ทำให้รู้สึกสดชื่น


การอยู่ท่ามกลางทะเลสาบและขุนเขาทำให้รับรู้ได้ว่าอากาศที่บริสุทธิ์มากนั้นเป็นอย่างไร 


และคิดไว้ไม่มีผิด อากาศหนาวเหลือเกิน หนาวกว่าตอนที่อยู่ข้างล่างสัก 5 เท่าได้ เพราะลมกรรโชกมาก 


เพราะเรามาอยู่ด้านบนแถมเวลาเรือแล่นนี่ลมแรงหนาวสุดขั้วหัวใจเลย แต่ว่าโอกาสที่จะได้เจออากาศบริสุทธิ์แบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ 


เราจึงเต็มใจที่จะยืนฝ่าความหนาวและให้อากาศบริสุทธิ์ทุกโมเลกุลซึมซับเข้าสู่รูขุมขน (โปรดใช้วิจารณญาณในการทำตาม)





วิวที่สวยอยู่แล้วกลับสวยยิ่งขึ้นไปอีกด้วยบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดิน 


ท้องฟ้าโล่งกว้างยามอาทิตย์อัสดงแห่ง ทะเลสาปอะชิ นี่คือที่สุดแล้วของวันนี้ 

คุ้มค่าจริงๆที่เราเดินทางมาทั้งวันและมาปิดท้ายด้วยบรรยากาศแสนโรแมนติก ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาแสนสุขเหลือเกิน




อยู่บนเรือเกือบ 40 นาที แต่ผ่านไปไวเหมือนไม่ถึง 5 นาที นี่ละหนอเวลาแห่งความสุข 


เรือลำใหญ่พาพวกเรามาลงที่ท่าเรือ Hakone-Machi (箱根町) 


และจากตรงนี้เราสามารถไปขึ้นรสบัสเพื่อนั่งกลับไปลงที่สถาณี Hakone-Yumoto 


สถาณที่เรามาตั้งแต่ต้นนั่งรถไฟกลับโตเกียวกัน ส่วนตารางเวลาของรถบัสที่จัดไว้จะสอดคล้องกับเวลาเทียบท่าของเรือ


อาจจะต้องรอบ้างเล็กน้อยแต่ว่าเพื่อให้พลาดท่าตกรถ ถ้าจะซื้อของอะไรให้รีบซื้อไวๆและไปยืนรอที่ป้ายรอรถบัสดีกว่า


คาดว่าเป็นรอบสุดท้าย รถจัดไว้เพียง 2 คัน และแน่นเอี้ยด คนเยอะมากๆ ตอนแรกคิดว่าเราจะไม่ได้ขึ้นซะแล้ว 


แต่ด้วยความสามารถอันแรงกล้า เราจึงถูกเบียดอัดเป็นปลากระป๋องเข้าไปอยู่เกือบท้ายรถได้ในทันที 


สักพักรถก็ออกตัวและฟ้าเริ่มมืดแล้ว ระยะทางไกลมาก ร่างกายที่ใช้งานอย่างหนักมาทั้งวันอ่อนเพลียไปหมด

อยู่บนรถแบบล้มทั้งยืน กว่าจะถึงสถาณีรถไฟเล่นเอาเราสลบกันเป็นแถวๆ




Hakone Tozan Bus (箱根登山バス) จากโตเกียวเชื่อมโยงจุดหมายอย่างกว้างขวางไม่ว่าจะเป็น


Hakone-Odawara, Hakone-Yumoto, Gotemba และ Numazu 


เป็นพาหนะหลักที่ใช้ในการเดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆในฮาโกเนะได้อย่างดี


โดยเริ่มต้นจากสถาณี Hakone-Yumoto ไปยัง Hakone-machi, 

Motohakone-ko, Gora, Sengoku-bara และ Togendai




พอขึ้นรถไฟปุ้บพวกเราหลับกันสนิท และมารู้ตัวอีกทีก็ถึงสถาณีชินจูกุแล้ว 


เพิ่งจะทุ่มครึ่งเอง สถาณีชินจูกุยังคงวุ่นวายเหมือนเดิม เราเลยใช้เวลาที่เหลือในการเดินช้อปปิ้ง 


เดินสำรวจเก็บภาพบรรยากาศชินจูกุตอนกลางคืน ขึ้นไปบนยอดอาคาร Tokyo City Hall


ดูโตเกียวยามราตรี ได้ภาพสวยๆกลับบ้าน และปิดท้ายด้วยหาอะไรกินอร่อยๆกัน ก่อนกลับโรงแรมสลบ



ตอนนี้ขอลาไปด้วย ฉากสวยๆของชินจูกุตอนกลางคืน



ตอนหน้าจะพาไปเที่ยวที่ไหนต้องคอยติดตาม เเล้วพบกันใหม่ครับกับ


Smiley นกน้อยพาเที่ยว Smiley





Create Date : 20 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2554 13:18:48 น.
Counter : 12197 Pageviews.

13 comments
  
ใช้กล้องไรถ่ายคะเนี่ย รูปชัดสวยมากค่ะ อยากไปเด๋วนี้เลยไม่อยากรอแล้ว อิอิ
โดย: Q IP: 49.48.13.254 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2554 เวลา:13:57:30 น.
  
ว้าว ภาพสวย ทิวทัศน์เยี่ยม ดูสวยและน่ารักไปหมด
โดย: Ezy-SeaHill วันที่: 20 พฤศจิกายน 2554 เวลา:20:19:28 น.
  
^^ หวัดดีคร้าบบบบ รูปสวยครับจขกท.เป็นเพศเดียวกะป๋มแน่ๆเลย อิๆๆ
โดย: ทอมผู้น่ารัก IP: 180.214.219.15 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2554 เวลา:23:48:13 น.
  
เที่ยวอย่างคุณเจ้าของบลอก คุ้มค่ามาก
เพราะมีข้อมูลติดมือมาแบบนี้ ทราบประวัติความเป็นมา
เที่ยวแบบนี้สนุกดีนะคะ ^^
โดย: fahtsuki วันที่: 21 พฤศจิกายน 2554 เวลา:6:58:55 น.
  
คุณ Q ใช้กล้อง Canon EOS500D ถ่ายครับ ภาพสวยถูกใจ
คุณ Ezy-SeaHill ขอบคุณครับ
คุณ ทอมผู้น่ารัก เพศไหนละคับ 555+
คุณ fahtsuki ขอบคุณครับ ต้องทำการบ้านทั้งก่อนและหลังไปเลย
โดย: Bird Freedom วันที่: 21 พฤศจิกายน 2554 เวลา:13:23:44 น.
  
ขอบคุณมากครับ เยี่ยม

โดย: jay IP: 10.10.10.156, 180.183.137.123 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2554 เวลา:11:19:27 น.
  
เป็นบล๊อกที่เยี่ยมมากค่ะ ให้ข้อมูลละเอียดดีมากค่ะ
เห็นภาพประกอบสวยงาม กำลังจะไปเดือน 11 นี้ก็เลย
ทำการบ้านหาข้อมูลไปเรื่อยๆค่ะ มีประโยชน์มากทีเดียงค่ะ
โดย: hellojaae IP: 124.122.187.172 วันที่: 6 มิถุนายน 2555 เวลา:13:57:48 น.
  
Happy birthday ka

ขอให้มีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยๆ และได้เป็นที่รักของทุกๆคนนะคะ
โดย: Sugar lip วันที่: 22 สิงหาคม 2555 เวลา:12:29:40 น.
  
มีประโยชน์มาก ๆ เลยค่ะ กำลังจะไปเดือนพฤศจิกายนนี้ ให้ข้อมูลละเอียดมากค่ะ ขอบคุณนะคะ
โดย: pichy IP: 113.53.164.23 วันที่: 3 ตุลาคม 2555 เวลา:21:23:24 น.
  
รีวิวดีมากเลยครับ

น่ารักทั้งคนทั้งรูปเลยครับ คิคิค

อยากไปชมฟูจิกับกินไข่ดำจังครับ

อยากไปเที่ยวรอบญี่ปุ่นเลย

อยากให้แฟนญี่ปุ่นพาผมไปเที่ยวมั่งจัง แงๆๆ
โดย: แฟนผมน่ารัก IP: 101.108.145.77 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2555 เวลา:20:43:51 น.
  
กำลังจะไปช่วงต้นเดือนเมษานี้ ข้อมูลเป็นประโยชน์มาก ขอบคุณครับ
โดย: Rabffles IP: 58.8.131.38 วันที่: 9 มีนาคม 2557 เวลา:10:58:27 น.
  
ขอบคุณนะคะ กำลังหาข้อมูลที่จะไปพอดีเลย อ่านแล้วยิ่งตื่นเต้น
โดย: เหมียวน้อย IP: 14.207.143.245 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:14:16:59 น.
  
ขอบคุณนะคะ กำลังหาข้อมูลที่จะไปพอดีเลย อ่านแล้วยิ่งตื่นเต้น
โดย: เหมียวน้อย IP: 14.207.143.245 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:15:24:41 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Bird Freedom
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]



All Blog