นกน้อยพาเที่ยว - ญี่ปุ่น 'SHIRAKAWA-GO 白川郷' หมู่บ้านมรดกโลก

ตอนที่แล้วยังหนาวไม่หนำใจพอ ตอนนี้จึงจะพาตามกันไปหนาวต่อให้ถึงสุดขั้วหัวใจ


แต่ไม่รู้ทำไมหนอ มาถึงแล้วกับไม่หนาวระริกอย่างคิดไว้ หรือว่าเป็นเพราะโดนหิมะทำให้เย็นชาตามกันไปแบบไม่ทันรู้ตัว


Smiley อ่านตอนที่แล้วได้ที่นี่ Smiley


ทิ้งท้ายเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่แล้วว่า จะพาไปเที่ยว "หมู่บ้านเลื่องชื่อ" ที่ใครเห็นก็ต้องร้องว้าว เต้นเร่าๆอยากไปเหยียบให้ได้สักครั้ง


ตัวเองก็เป็นหนึ่งในนั้น อยากจะไปยลโฉม "หมู่บ้านที่ว่าสวยที่สุดในญี่ปุ่น" โดยเฉพาะยิ่งถ้าทั้งหมู่บ้านเป็นสีขาวโพลน เส่น่ห์นั้นเกินทานไหว


งามอย่างไรที่ถึงขนาด UNESCO ก็คิดเหมือนกัน ยกย่องให้เป็น "มรดกโลก" คู่บ้านคู่เมืองสู่ความภาคภูมิใจของชาวญี่ปุ่น



ชิระคะวะโกะ 白川郷


- อยู่ในจังหวัด Gifu 岐阜県 -


หมู่บ้านชิระคะวะ Shirawaka-Mura แห่งนี้ มีแม่น้ำตัดผ่านออกสู่ทะเลสาปชิระคะวะ หรือ Shirakawa-Go


ตั้งอยู่ในหุบเขาลำธาร Shogawa ที่ถอดยาวครอบคลุมพื้นที่ถึง 2 จังหวัดยาวไปถึง Toyama 


ซึ่งในส่วนนี้ก็มีหมู่บ้านลักษณะคล้ายกัน มีชื่อเรียกว่า Gokayama 五箇山 แต่จะเล็กและเข้าถึงลำบากกว่า



การเดินทางด้วยรถบัสเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด สามารถเดินทางมาได้ทั้งจาก Takyama และ Kanazawa


โดยใช้ระยะเวลาเพียง 50 นาที แถมราคาประหยัดไป-กลับต่อคนเพียง 4300 เยนเท่านั้น (จากทะคะยะมะ)


สามารถตรวจสอบตารางเดินรถได้ที่นี่ Bus Timetable Takayama - Shirakawago - Kanazawa



(ขอบคุณภาพสวยๆจาก //www.ilovetogo.com)


องค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนให้สถานที่ทั้งสองแห่งนี้ (ทั้ง Shirakawago และ Gokayama) เป็น World Heritge Site เมื่อปี 1995


นอกจากประวัติศาสตร์อันยาวนานและวัฒนธรรมที่เด่นชัดแล้ว ยังแสดงถึงความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่ปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติได้อย่างดี


ในอดีต Shirakawago นั้นเคยถูกปกครองโดยตระกูลคะนะซะวะมาตั้งแต่ไหนแต่ไร จนกระทั่งปลายศตวรรษที่ 17 จนถึงยุคปฏิรูปเมจิ


เมื่อปี 1868 ก็ถูกปกครองโดยรัฐบาลทหารบะฟุคุมาโดยตลอด ในขณะที่ Gokayama อยู่ในมือของตระกูลคะนะซะวะไม่เปลี่ยนแปลง



(ขอบคุณภาพชวนขนลุกจาก //www.flickr.com)


หมู่บ้านชาวนาแห่งนี้ด้วยภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศแล้วไม่ได้อำนวยต่อการปลูกข้าวไปซะทุกแห่ง ดังนั้นชาวบ้านจึงได้คิดค้น


และทดแทนด้วยการปลูกพืชผลชนิดอื่นแทน ไม่ว่าจะเป็น buckwheat และ ข้าวฟ่าง (millet) นอกจากนี้ยังมีการแปรรูปผลิตภัณฑ์


และเป็นที่ต้องการของตลาดมากในสมัยนั้นคือ กระดาษ ที่ทำจากเส้นใยของต้น Mulberry และก็ได้ลดบทบาทลงในช่วงศตวรรษที่ 19


เพราะอิทธิพลจากฝั่งยุโรปเข้ามาแทนที่ในยุคนั้น ส่วนอุตสาหกรรมจำพวกผ้าไหมยังคงอยู่มานานจนถึงช่วงประมาณปี 1970


ไม่ว่าจะเป็นตัวไหม (silkworm) หรือใบจากต้นมัลเบอร์รี่ล้วนแต่ต้องการความดูแลเป็นพิเศษ ต้องเก็บให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม 


และด้วยเหตุนี้เองที่เป็นปัจจัยหลักในการสร้างบ้านสไตล์ Gasshō ของหมู่บ้านที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นมาจนถึงทุกวันนี้



(ขอบคุณภาพถ่ายงามๆจาก //www.flickr.com ถ่ายประมาณเดือนสิงหา 2010 ดูสดใสต่างจากหน้าหนาวลิบลับ)


Gasshō-Zukuri 合掌造り หรือ Gasshō-styled House


คำว่า กัชโช่ แปลว่า การเอาฝ่ามือมาชนกัน หรือคล้ายๆกับการประนมมือแล้วแบะออก


คนญี่ปุ่นนี่เวลาจะสร้างอะไรก็ต้องมีที่มาที่ไปซะหมด น่าทึ่งก็ตรงนี้แหละน้า ถ้าไม่อ่านมาก่อนก็คงไม่รู้ว่าหลังคานี้แปลงมาจากการประนมมือ


ลักษณะที่สามารถบ่งบอกได้ดีที่สุดว่าเป็นสไตล์กัชโช่ก็คงไม่พ้นหลังคาที่ทั้งใหญ่ ยาว และ หนา ทำขึ้นจากฟาง


ทั้งนี้ที่ต้องสร้างให้มีขนาดใหญ่โตเป็นพิเศษนั้นก็เพื่อป้องกันแรงกดทับจากหิมะนั่นเอง เพราะอาจจะต้องแบกรับนน.หิมะมากถึง 500 KG Smiley



(ขอบคุณภาพสวยๆจาก //www.blogspot.com)


เพราะที่เมืองนี้ยามหิมะตกนั้น ตกแบบไม่ยั้งจนเมืองทั้งเมืองจมอยู่ใต้กองหิมะ อย่างที่ได้เห็นกันในรูป


ชาวบ้านไม่ได้สนุกเพลินกับหิมะอย่างพวกเรานักท่องเที่ยวนะครับ เพราะนอกจากอากาศที่หนาวถึงขั้นทรมานแล้ว


ถ้าสร้างบ้านไม่ดีพอพืชผลที่เก็บรักษาเอาไว้อาจจะพลอยได้รับผลกระทบเกิดความเสียหายอีกด้วย เผลอๆบ้านอาจจะถล่มได้ 


เอาล่ะ เล่าประวัติความเป็นมากันพอสมควรแล้ว พร้อมจะเดินเที่ยวกันรึยังครับ Smiley



ถึงแม้วันที่เรามาถึงจะไม่มีหิมะตก แต่ก็มีหิมะปกคลุมทั่วทั้งหมู่บ้าน เพราะเพิ่งตกหนักไปเมื่อ 2-3 วันก่อนหน้าที่จะมาถึงเอง


เรื่องอากาศหนาวคงไม่ต้องพูดถึง หนาวๆยังงี้ละของชอบ แต่ถึงยังไงก็ต้องแต่องค์ทรงเครื่องให้เข้ากะสถานที่ซะหน่อย Smiley



คุณไกด์สาวใจดีให้พวกเราลงตรงจุดจอดรถบัส แจกแผนที่ และนัดแนะเวลากันเสร็จสรรพ


แถมวันนี้ใจดีเป็นพิเศษ ให้เราเดินเล่นกันถึง 2 ช.ม. เต็ม Smiley เดินลงมาก็เจอร้านของฝากเรียงรายมากมาย



แอบแวบออกนอกเส้นทางเล็กน้อย เลยได้ภาพมุมสวยๆกลับมาฝากกัน Smiley



มีป้ายหินคล้ายๆอนุสรณ์อะไรสักอย่าง พยายามอ่านแล้วแต่ตัวหนังสือเลือนลางมาก 



ไม่ว่าจะบ้านเล็กหรือบ้านใหญ่ ก็ขอให้เป็นสไตล์กัชโช่เอาไว้ก่อน Smiley



หิมะท่วมสูงมาก นี่ขนาดหยุดตกไปหลายวันแล้วนะเนี่ย ถ้ามาตอนวันหิมะตกคงเดินเที่ยวลำบากพอดู 



ประติมากรรมเล็กๆน้อยๆ ช่วยให้ดูมีสีสันน่ารัก Smiley



ถ่ายรูปที่นี่ รับรองภาพที่ได้ออกมาต้องสวยที่สุดเแน่นอน โลเคชั่นเป้ะมาก



จริงๆไม่ต้องกางแผนที่ก็เดินเที่ยวได้ หมู่บ้านไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป สามารถเดินลัดเลาะตามใจได้สะดวก


อ้อ หมู่บ้านแห่งนี้ถ้าวัดประชากรชาวบ้านกันจิงๆ อาศัยกันอยู่แค่พันกว่าคนเองนะครับ 



หมู่บ้านที่ใหญ่ที่สุดมีชื่อว่า Ogimachi 荻町 เป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุด ต้องเดินข้ามสะพานไปก่อน



แวะถ่ายรูปข้างทางกันหน่อย ชาวบ้านที่นี่ช่วยกันตกแต่งซะน่ารักเชียว



เรามีนายแบบมาด้วย แก้มแดงยังกะลูกพีช วิ่งเล่นบนกองหิมะใหญ่เลย แถมยิ้มให้กล้องอีกแน่ะ Smiley



นี่ละครับสะพานที่บอก ชื่อว่า Deai-Bashi であい橋 (อ่านว่า เดะอะอิบะชิ)


ข้ามแม่น้ำสายใหญ่ของหมู่บ้าน แม่น้ำโช หรือ Shogawa 庄川 นั่นเอง มีโทริอิอยู่ด้านหน้า นั่นหมายความว่าต้องมีวัดแน่นอน



บนสะพานนี้วิวสวยมาก มาก มาก มาก มาก มาก มาก มาก ถึงมากที่สุด 



มองลงไปด้านล่างก็จะพบกับหมู่บ้าน Ogimachi 



แผนที่คร่าวๆ จาก Japan-Guide




บ้านโดยส่วนใหญ่ก็ถูกดัดแปลงเป็นร้านอาหาร ร้านขายของฝากท้องถิ่นต่างๆ ใครจะฝากท้องไว้ที่นี่ก็ดีนะครับ มีร้านน่าทานเยอะ 



กลางวันนี้ยังไม่หิวมาก แถมกลัวเสียเวลาเดินเที่ยว เลยขอแบบง่ายๆ ชมวิวไปเดินชิมไปละกัน 



ทอดใหม่ๆร้อนๆ ขนมปังแกงกะหรี่ 



ร้านโซบะ และ ร้านขายของฝาก ของที่นี่ ไม่เหมือนใครในญี่ปุ่น 



ทางเข้าสู่พิพิธภัณฑ์ Gasshō-Zukuri Minka-en 合掌造くり民家園



เป็น Open-Air Museum ค่าเข้าชม 500 เยน เปิดตั้งแต่ 9 โมงเช้า - 4 โมงเย็น (ช่วงฤดูหนาว)




ถ่ายรูปกับกำแพงหิมะ ว่ากันว่าเวลาหิมะตกหนักๆ หิมะจะก่อตัวสูงถึง 1.8 เมตร เลยท่วมหัวกันพอดี Smiley



ถนนหนทางตัดไว้อย่างดี ให้รถราเข้าถึงง่ายมากขึ้น ต้องขอขอบคุณทางการของญี่ปุ่นที่อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ


จะเห็นว่าชาวบ้านถึงแมจะคงสไตล์บ้านแบบเดิมไว้ แต่รถยนต์เข้าถึงกันแทบทุกบ้าน รุ่นใหม่ๆทั้งนั้น



เดินย้อนออกมาที่จุดชมวิวอีกครั้ง มันช่างเป็นช่วงเวลาที่สงบสุขและมีความสุขเหลือเกิน 



เดินอ้อมไปเที่ยวหมู่บ้านอีกด้านหนึ่ง มีรูปปั้น Thinker ด้วย ท่าทางจะหนาวนะ ตัวหดเชียว 



เห็นด้วยมั้ยครับว่าที่นี่คือ หมู่บ้านที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น Smiley


ส่วนถาพข้างๆคือ หอระฆัง ตอนนั้นด้านในปิดปรับปรุงอยู่ น่าเสียดาย Smiley



ถ้าเอาผ้าใบที่คลุมสำหรับปิดปรับปรุงออก ก็จะพบว่าสวยงามอย่างที่เห็นในภาพ 



 จุดชมวิวย่อมๆ หากใครไม่มีเวลามากพอเดินไปถึง Shiroyama Viewpoint (ขอบอกว่าลื่นมากกกก Smiley)



เดินเล่นเตร็ดเตร่ลืมดูนาฬิกา ก็พบว่าเวลา 2 ช.ม.นั้นผ่านไปไวอย่างกับโกหก


ยอมรับว่ายังเดินไม่คุ้มเลย ยังมีที่ๆอยากไปอีกเยอะ ยังไม่อยากกลับ แต่ก็ไม่กลับไม่ได้ ไม่งั้นก็โดนทิ้ง ฮือๆ Smiley


คงจะต้องหาโอกาสกลับมาที่นี่อีกครั้ง คราวหน้าขอเป็นช่วงดอกไม้บานละกัน ท่าทางจะสวยน่าดู 




แวะซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านเล็กน้อย 



คิตตี้จังเวอร์ชั่นกัชโช่ น่ารักมากๆๆ เลยสอยมาทั้งคู่ 



ซื้อบ้านกัชโช่จำลองไปฝากคนที่บ้านก็น่ารักดีนะครับ 




ขากลับคุณไกด์พาแวะจุดแวะพัก เลยแก้หิวด้วยราเมงชามโต


หลังจากนั้นก็นั่งรถยิงยาวเข้าสู่โตเกียว กว่าจะถึงบ้านก็เกือบๆ 3 ทุ่มแล้ว เป็นทริปสองวันที่เที่ยวคุ้มค่าสุดๆ


แถมบริการของ H.I.S ก็น่าประทับใจตลอดการเดินทาง ต้องได้ใช้บริการอีกแน่นอน Smiley



ตอนหน้ายังคงพาไปเที่ยวญี่ปุ่นกันต่อนะครับ อย่าเพิ่งเบื่อกันซะก่อน ไหนๆก็มาแนวมรดกโลกกันแล้ว


ตอนหน้าขอนำเสนอ Nikkō เมืองเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,200 ปี


ขอบคุณสำหรับทุกๆแรงใจและทุกๆคนที่คอยติดตามเรื่อยมาครับ Smiley แล้วพบกันใหม่ตอนหน้ากับ


Smiley นกน้อยพาเที่ยว Smiley






Create Date : 31 กรกฎาคม 2554
Last Update : 1 สิงหาคม 2554 14:46:06 น.
Counter : 11345 Pageviews.

8 comments
  
น่าสนใจมากๆๆๆเลยค่ะ ต้องไปบ้างให้ได้ซักครั้งในชีวิต เพิ่งได้เข้ามาดูครั้งแรก ขออนุญาติเข้าไปดูบล็อกอื่นๆด้วยนะคะ
โดย: หมู (meitanteiruss ) วันที่: 31 กรกฎาคม 2554 เวลา:15:24:30 น.
  
ไปมา 15 วันค่ะ เมื่อ 19 ก.พ. ถึง 5 มี.ค.เมื่อปีที่แล้วค่ะ
ชอบหมู่บ้านนี้ที่สุดเลยค่ะ
อยากไปอีก
คิดว่าต้องไปให้ได้ค่ะ
คราวหน้า Japan Alp ค่ะ
ตอนที่ไปมีหิมะคลุมบ้านด้วยสวยมากๆค่ะ
โดย: chabori วันที่: 1 สิงหาคม 2554 เวลา:12:48:31 น.
  
อยากไปมากเลยครับ
รบกวนขอถามหน่อยครับ ถ้าผมพูดภาษาญีุ่ปุ่นไม่ได้ จะไปเองได้หรือไม่หรือต้องไปกับทัวร์อย่างเดียว
โดย: pokaris (risloveme ) วันที่: 1 สิงหาคม 2554 เวลา:16:23:37 น.
  
ตอบคุณ หมู - ขอบคุณมากครับที่ชอบ

ตอบคุณ chabori - Japan Alps น่าไปมากครับ เห็นรูปแล้วน้ำลายหยดติ๋งๆเลย

ตอบคุณ pokaris - ไปเองได้แน่นอนครับ ยิ่งการเดินทางอำนวยความสะดวกมากขึ้นขนาดนี้แล้ว ลองหาไกด์บุ้คดีๆนำทางสักเล่มหรือทำการบ้านก่อนไปเยอะๆ รับรองฉลุย
โดย: Bird Freedom วันที่: 1 สิงหาคม 2554 เวลา:21:13:04 น.
  
โดย: deco_mom วันที่: 22 สิงหาคม 2555 เวลา:11:28:25 น.
  
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โดย: ประกายพรึก วันที่: 22 สิงหาคม 2555 เวลา:15:39:57 น.
  
น่าไปมากๆ คะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ
โดย: pichy IP: 113.53.164.23 วันที่: 3 ตุลาคม 2555 เวลา:21:35:17 น.
  
สอบถามนิดนึงคะ ถ้าจะไป shirakawa-go ให้เจอหิมะเยอะแบบนี้ต้องไปช่วงไหนของเดือนธ.ค. คะ เพราะแพลนว่าปีนี้จะไปช่วง 25 ธค 56-4 มค57 ค่ะ

รบกวนด้วยค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ
โดย: นิ่ม IP: 58.137.23.210 วันที่: 11 กรกฎาคม 2556 เวลา:8:52:17 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Bird Freedom
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]



All Blog