รูปลักษณ์แทบไม่แตกต่าง การตกแต่งของทั้งรุ่น 2.0 และ 2.4 เน้นความหรูหราด้วยคิ้วโครเมี่ยมล้อมกรอบกระจกข้าง รวมทั้งที่กันชนหน้า-หลัง และที่เปิดประตูโครเมี่ยม สิ่งที่ทำให้แตกต่างกันคือ อุปกรณ์มาตรฐานของรุ่น 2.4 เช่น ไฟหน้า LED ปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ, โลโก้บนกระจังหน้า ที่ติดตั้งระบบเรดาร์สำหรับอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย, ซันรูฟไฟฟ้า, กล้อง ที่กระจกมองข้างฝั่งซ้าย พร้อมระบบปรับมุมลงต่ำอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง, ล้อแม็กซ์ 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/45 R18 ในรุ่น 2.4 ส่วน รุ่น 2.0 ที่นำมาให้ล้อแม็กซ์ 17 นิ้ว ยาง 225/50 R17

  ภายในห้องโดยสารเน้นที่ความเรียบหรูดูดีมีระดับรับกับดีไซน์ภายนอก ด้วยเส้นสายที่ดูกลมกลืน พร้อมเพิ่มความหรูหราด้วยวัสดุลายไม้ ที่เดินขอบด้วยสีเงินเมทัลลิกได้อย่างลงตัว ประกอบฟังก์ชั่นที่จัดมาแบบเต็มๆ ตั้งแต่ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์, มาตรวัดเรืองแสงหน้าตาคล้ายของ CR-V, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นที่ดีไซน์ได้สวยงามพร้อมสวิทช์ Cruise Control กับปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth และปิดท้ายด้วยแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ที่ด้านหลัง ตามด้วยหน้าจออัจฉริยะ i-MID ซึ่งขาดไม่ได้ในรถ Honda ยุคใหม่ รวมถึงจอแสดงผล TFT พร้อมระบบนำทาง ขนาด 8 นิ้ว ซึ่งใหญ่โตและมองเห็นชัดเจน ติดแค่ตรงสวิทช์ควบคุมการทำงานระบบนำทาง Interface Dial แบบ JoyStic ตรงคอนโซลกลางที่อยู่ห่างมือไปนิดทำให้ใช้งานไม่ถนัดนัก ซึ่งทั้งหมดที่มีมาให้ใน รุ่น 2.0 NAVI คันนี้

     เครื่องบล็อกเล็กแบบเบนซิน 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว i-VTEC 2.0 ลิตร รหัส R20A บล็อกเดียวกับ Honda CR-V รองรับน้ำมัน E85 พละกำลังสูงสุด 155 แรงม้า ที่ 6500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19.4 กก.-ม. ที่ 4300 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 5 Speed ที่มีระบบ Grade Logic Control คอยควบคุมการทำงาน อัตราเร่งที่ตอบสนองได้ดีขึ้น แต่ไม่ถึงกับจัดจ้านนักตามสไตล์รถหรู แต่ก็มีพละกำลังที่เพียงพอใช้งานในชีวิตประจำวันได้สบายๆ จะมีก็แต่ช่วงจังหวะเร่งแซงบนทางชัน ที่ต้องคอยเรียกพลังด้วยการ Kick Down หนักๆ และลากรอบให้สุดๆ จึงจะเพียงพอให้แซงผ่านได้ไม่ยากเย็น ตลอดการทดลองขับรุ่น 2.0 EL NAVI ไม่รู้สึกว่าอยากใช้อุปกรณ์ไหนแล้วไม่มี เพราะให้มาอย่างเหลือเฟือ บางฟังก์ชั่นออกแบบมาเพื่อ ความปลอดภัย ต้องจอดรถให้สนิทก่อนจึงจะใช้งานได้ อาจสร้างความอึดอัดบ้างก็ต้องทำใจ

     ส่วนระบบปราบเซียนยังคงเป็นเนวิเกเตอร์ที่ใช้งานยากไปนิด ต้องใช้เวลาเรียนรู้นานพอสมควร เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ตัวเบาะหนานุ่มและโอบกระชับพอเหมาะ และพวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง ช่วยให้ทุกสรีระอยู่ในท่านั่งขับที่ถูกต้อง เบาะหลังมีหมอนรองศีรษะ 3 ตำแหน่ง และเข็มขัดนิรภัย 3 จุด 3 ตำแหน่ง มีที่เท้าแขนตรงกลางเปิดทะลุไปห้องเก็บสัมภาระด้านหลังได้ พนักพิงพับลงทั้งชิ้น แยกพับไม่ได้ คันบังคับการพับเบาะอยู่แถวใต้แผงลำโพงหลัง ต้องเปิดฝากระโปรงหลังจึงจะพับเบาะได้ จึงขาดความสะดวกไปเล็กน้อย อัตราสิ้นเปลืองตามชุดมาตรวัด ประหยัดเกินคาดหมาย ทั้ง 2 รุ่น 2.0 EL NAVI ทำได้ 16.7 กิโลเมตรต่อลิตร

     ช่วงล่างดี นุ่มนวลแต่ไม่ยวบยาบ แอคคอร์ด ใหม่เลิกใช้ ระบบกันสะเทือนหน้าปีกนก 2 ชั้น เปลี่ยนเป็นอิสระ แม็กซ์เฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง ซึ่งสามารถลดน้ำหนักชิ้นส่วนช่วงล่างด้านหน้าได้ 15 กิโลกรัม ด้านหลังอิสระมัลติลิงก์ พร้อมเหล็กกันโคลง เรื่องการดูดซับแรงสั่นสะเทือนทำได้ดีมีความนุ่มนวล รวมทั้งการเก็บเสียงจากช่วงล่างและยางที่ทำได้ดีเช่นกัน ช่วงล่างมีระยะยุบตัวค่อนข้างเยอะ ช่วยให้มีความนุ่มนวลแต่ไม่ยวบยาบ การทรงตัวถือว่าทำได้ดี บนทางตรงใช้ความเร็วสูงได้อย่างมั่นคง ส่วนการเข้าโค้งแคบๆ รถมีการโยนตัวแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ควบคุมให้รถไต่ไปตามโค้งได้อย่างเบาแรง และดูเหมือน จะเบาเกินไปจากน้ำหนักพวงมาลัยที่ค่อนข้างเบามากไปนิด ทำให้เวลาเปลี่ยนเลนกะทันหันหรือเข้าโค้งแรงๆ ต้องประคอง พวงมาลัยเพื่อไม่ให้รถออกอาการวูบวาบ แต่ถ้าขับใช้ใน ชีวิตประจำวันในเมืองผมว่าช่วยผ่อนแรงได้เยอะเลยทีเดียว

     ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ ด้านหน้ามีครีบระบายความ ร้อน มาพร้อมตัวช่วยครบครันทั้ง ABS และ EBD และ ระบบไฟฉุกเฉินกะพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกรุนแรง โดยจะกะพริบถี่กว่าไฟฉุกเฉินปกติ ในการขับใช้งานทั่วไปถ้าแตะเบรกเบาๆ จะรู้สึกว่าเบรกไม่ค่อยอยู่ ต้องเพิ่มน้ำหนักเท้าลงไปอีกนิดถึงจะรู้สึกถึงแรงดึงที่เพิ่มขึ้น

     ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เด่นที่ความสดใหม่ ห้องโดยสารหรู กว้าง และมีอุปกรณ์ให้ครบตั้งแต่รุ่นพื้นฐาน ส่วนรุ่นสูงสุดก็มีอุปกรณ์ไฮเทคในราคาที่จับต้องได้ เครื่องยนต์เน้นการทำงานที่นุ่มนวลและความประหยัด เป็นหลัก ในรุ่น 2.0 EL NAVI ถือว่าน่าใช้ครับ กับราคา 1,419,000 บาท