เที่ยวโตเกียว ตอนที่ 4 หลงในโตเกียว 30 พฤษภาคม 2556 ขึ้นหัวข้อว่าเที่ยวโตเกียวมา 3 ตอนแล้ว แต่ออกนอกโตเกียวตลอด (ตอนแรกไปยามานาชิ ตอนที่สองและสามไปจิบะ) มาตอนที่ 4 จะพาทุกท่านเที่ยวในกรุงโตเกียวเสียที ถึงจะเที่ยวในที่ที่ใครๆก็ไปเที่ยวกัน ซึ่งก็คงไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่คนไปเที่ยวนี่ใหม่มาก (หลงตลอด) จริงๆแล้วมีเวลาเที่ยวในเมืองถึง 3 วัน แต่เมื่อลองเช็คอากาศแล้ว วันสุดท้ายดันมีฝนตกทั้งวัน จึงต้องเอาโปรแกรมทั้งหมดมายัดรวมกันให้ได้ภายในสองวัน และวันสุดท้ายค่อยเก็บตกที่พลาดเอา นั่นจึงเป็นที่มาของทริปชะโงกทัวร์ครับ ปล. ชะโงกทัวร์ หมายถึง ลงสถานที่ท่องเที่ยว ถ่ายรูปภายในเวลาที่กำหนด แล้วไปต่อ ทำให้เก็บได้หลายสถานที่ ส่วนที่ๆใช้เวลานานเกินกำหนด จริงๆแล้วไม่ได้ดื่มด่ำซึมซับพลังรอบตัวอะไร แต่ หลงทาง ครับ ![]() กำหนดการวันนี้ คือ โตเกียว สกายทรีทาวน์, อะซาคุสะ, สวนอุเอโนะ และ อะกิฮาบาระ ครับ จริงๆกำหนดการวันนี้จะต้องไป Tokyo Station กับพระราชวังอิมพีเรียลด้วย แต่ไปหลงทางอยู่แถวอุเอโนะนาน เลยยกไปอีกวันครับ วันนี้เป็นวันแรกที่ซื้อตั๋ว Metro & Toei แบบ 1 Day Ticket มาครับ ตั๋วราคา 1,000 เยน ถ้าใครคิดว่าไปไม่กี่ที่เองไม่น่าจะคุ้มนะ แต่ถ้าคุณเป็นคนหลงทางบ่อย ลงผิดสถานี ออกผิดประตูเป็นประจำ ตั๋วหนึ่งวันคุ้มแน่นอนครับ ฟันธงเลย สำหรับตั๋วนี้ คุณสามารถขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินของ Metro Line ทั้ง 10 สาย รวมทั้ง Toei Line อีก 4 สายได้ไม่จำกัด ภายในวันที่ซื้อครับ (ซื้อได้ที่ตู้จำหน่ายตั๋ว ทุกๆสถานีรถไฟ Metro และ Toei เลยครับ) ซึ่งมีแค่บัตรนี้ก็สามารถไปเที่ยวได้เกือบจะรอบโตเกียวแล้วครับ และนี่ก็เป็นตั๋ว ของวันที่สอง (เพราะตั๋ววันแรกหายไปแล้ว T-T) ![]() ตื่นเช้า (เริ่มปรับตัวได้) แต่กว่าจะนั่งวางแผนการเดินทางเสร็จก็เกือบ 10.00 น. เข้าไปแล้ว พอซื้อบัตร 1 Day ได้แล้วก็นั่ง Toei Asakusa Line ไปลงสถานี Oshiage ได้เลยไม่ต้องเปลี่ยนสถานีครับ เดินหาทางออก Tokyo Skytree Town ได้ไม่ยากเลย เพราะมีป้ายบอกไว้ตลอด ![]() ขึ้นตามบันไดเลื่อนไปเลยครับ ![]() ท่านก็จะเข้าสู่เมืองฟ้า Tokyo Solamachi (แปลตรงตัวไปไหม?) เป็นศูนย์การค้าที่อยู่ตรงฐานของ Tokyo Skytree ครับ ภายในมีแอร์เย็นฉ่ำ มีสรรพสินค้าดึงดูดเงินในกระเป๋าเพียบ แต่จุดมุ่งหมายเดียวของชะโงกทัวร์ทริปนี้คือ ถ่ายรูปกับ Skytree ครับ เมื่อเดินขึ้นไปถึงชั้น 3 ก็ออกมาพบกับทางออกหน้า Skytree เลย ![]() Tokyo Skytree ถือเป็น Landmark แห่งใหม่ของโตเกียว ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ในการส่งสัญญาณคลื่นวิทยุโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล ทดแทน Tokyo Tower ซึ่งปัจจุบันสูงน้อยเกินไป จะส่งสัญญาณก็โดนตึกสูงๆบังไปหมด ก็เลยมาเลือกพื้นที่แห่งนี้ในการสร้างหอคอยขนาด 634 เมตร (ความสูงก็มาจากชื่อเรียกพื้นที่แถบโตเกียวในยุคเอโดะว่า มุซาชิ) ซึ่งเป็นหอคอยสื่อสารที่สูงที่สุดในโลก และเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกอันดับที่สอง รองจากหอคอยดูไบ จบสาระแล้ว (ปกติเป็นคนไร้สาระ) มาถ่ายรูปเล่นดีกว่า ![]() ตรงจุดที่ยืนอยู่นี้ ด้านหน้านั้นก็มีร้านขายสินค้าของ Studio Ghibli อยู่ด้วย เห็น Totoro อยู่มากมายเลยทีเดียว ทั้งตัวใหญ่ตัวเล็ก ![]() ![]() หลงระเริงกับ Totoro ในร้านพักนึงก็นึกถึงเป้าหมายที่แท้จริง เราต้องพุ่งชน ว่าแล้วก็ต้องไปให้ถึงฐานของมันให้ได้ เดินเข้าไปๆ ![]() จริงๆก็เข้าไปชมวิวได้นะครับ เสีย 2,000 เยน เข้าไปชมวิวชั้นที่ 1 (ยังไม่สูงเท่าไหร่) อยากสูงอีกก็ขึ้นไปจุดชมวิวชั้นที่ 2 เสียเพิ่มอีก 1,000 เยน แต่เรื่องแค่นี้ ไม่ยอมเสียตังค์หรอก เอ๊ย! เป้าหมายของเราแตกต่าง นั่นคือ คนอื่นขึ้นไปจุดสูงสุด แต่เราจะต้องไปให้เห็นรากฐานของมัน ลงบันไดเลื่อนมุดลงข้างล่างไปสองสามชั้นก็เจอแล้วครับ โอ้! รากฐานที่มั่นคงของสกายทรี มันเป็นอย่างนี้นี่เอง! ![]() ปราสาทขลังๆก็ทำให้น่ารักได้เนอะ ![]() เดินเล่นเย็นๆ ซื้อของฝากใน Solamachi กันสักหน่อย แล้วลงไปชั้นล่างสุดซึ่งมีขายอาหารครับ เห็นร้านขายโคร็อกเกะ กับร้านขายคุชิคัตสึ (อาหารเสียบไม้ชุบแป้งทอด) เลยซื้อแล้วขึ้นไปนั่งชมสกายทรีไปด้วย ทานไปจิบชาเขียวไปด้วย ได้อารมณ์ญี่ปุ้น... ญี่ปุ่น (เหลือบมองทางซ้าย คนญี่ปุ่นหิ้วกล่อง McDonald หันไปทางขวา คนญี่ปุ่นอีกกลุ่มนั่งจิบโค้ก จกเฟร้นฟราย McDonald ... เอาเถอะ คุณทานแมคโดนัลด์ของคุณ ผมจะญี่ปุ้นญี่ปุ่นของผมก็พอแล้ว) ![]() ![]() หลังจากอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาไปต่อ แต่หาทางออกเดิมไม่เจอ ก็เลยเดินหลงไปหลงมาอยู่แถวนั้น (ซะอย่างงั้น) ![]() พอหาสถานีเจอแล้ว ก็นั่ง Toei Asakusa Line เช่นเดิม ย้อนกลับมาลงสถานี Asakusa ขึ้นทางออก A4 แต่ก็ไม่ลืมที่จะถ่ายป้ายเก็บไว้ กันหลง ![]() เดินตามทางออกไป แล้วเลี้ยวซ้ายเดินไปนิดหน่อย ![]() ท่านก็จะได้พบกับประตูคามินาริมง ซึ่งมีลักษณะเด่นคือมีเทพเจ้าสายฟ้า ไรจิน และเทพเจ้าสายลม ฟูจิน เฝ้าอยู่ข้างประตูที่มีโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่ ... ทำไมแบนน่ะ! ![]() อ๋อ เพิ่งทราบว่าวันที่ 16 -18 พฤษภาคม 56 มีงานเทศกาลซันจา (Sanja Matsuri) ครับ เป็นงานประจำปีช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สามของเดือนพฤษภาคม เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองสามผู้ก่อตั้งวัดเซนโซจิ ซึ่งงานจะเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ สิ้นสุดในวันอาทิตย์ครับ สามวันนี้คนจะแน่นขนัด เพราะมีชาวโตเกียวและนักท่องเที่ยวเข้ามาร่วมงานเทศกาลรวมสามวันเกือบ 2 ล้านคน (ปีนี้ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น) ในงานเฉลิมฉลองวันที่ไปมีการแห่ A neighborhood mikoshi ผ่านประตูคามินาริมง เข้าไปยังวัดเซนโซจิ เพื่อกระจาย ความโชคดี และ ความสำเร็จ ไปยังผู้มาร่วมงานครับ เมื่อต้องแห่ผ่านประตู ก็เลยต้องพับโคมขึ้นไปอย่างที่เห็น ![]() ผ่านประตูไปก็ถึงถนนนาคามิเซะ ซึ่งมีร้านค้าขายของตั้งแต่ของเด็กเล่น ชุดกิโมโน ยูคาตะ ของญี่ปุ่นโบราณ สินค้าที่ระลึก ไปจนถึงรูปถ่ายและสินค้าดาราไอดอล แต่ดูวันนี้สิครับ คนเดินกันเป็นหมื่น ![]() แห่มาแล้วครับ ได้เห็นใกล้ชิดเชียว ขนาดคนเป็นหมื่นนะเนี่ย รับพร โชคดีๆ สำเร็จๆ ด้วยเถ้ออออ ![]() ![]() ผมมาวันนี้ถือได้ว่าเป็นคนโชคดี แต่โชคน้อยครับ (เลียนแบบคำพูดโกโบริซะ) โชคดี เพราะว่าได้เห็นงานเทศกาลประจำปีโดยที่ไม่ได้คิดไว้ แต่โชคน้อยเพราะงานนี้ทำให้เข้าไปข้างในวัดเซ็นโซจิไม่ได้ครับ คนแน่นมาก พูดถึงคำว่า โชคน้อย เคยมีคนญี่ปุ่นสอนผมว่า ปกติแล้วเวลาคนดูดวงเนี่ย ถ้าต้องเสี่ยงทายแล้วมีโชคดี 50% โชคร้าย 50% คนก็จะมีโอกาสได้โชคร้ายถึงครึ่งต่อครึ่งทีเดียว ดังนั้นคนญี่ปุ่นเลยซอยคำว่าโชคดีออกเป็น โชคดีมาก โชคดีปานกลาง โชคดีน้อย เพื่อให้เฉลี่ย กันได้อย่างละ 25% โชคร้ายก็จะมีโอกาสเจอน้อยลง ในขณะที่มีโอกาสจะเสี่ยงเจอความโชคดีได้มากขึ้น อื้มม! เป็นกุศโลบายที่แยบยลมาก แต่โคมไฟแดงที่ประตูวัดเซนโซจิก็แบนเหมือนกัน แง... ![]() ![]() คนเยอะมากกกก เดินเลี่ยงออกมาดีกว่า ![]() ![]() ก่อนมุดลงใต้ดิน ก็แวะถ่ายรูปอาคารเบียร์อาซาฮี แกล้มกับสกายทรีกันสักนิด ![]() แต่คราวนี้ก็เปลี่ยนไปลง Metro Ginza Line แทนครับ นั่งไปลงสถานี Ueno เพราะเป้าหมายต่อไปก็คือ สวนอุเอโนะนั่นเอง ... อะไรนะ ไปทำไมไม่มีซากุระงั้นเหรอ มีสิครับ แค่ไม่ออกดอก ฮ่าๆ ออกทางออก 7 มองข้ามถนนไปจะเจอบันไดแห่งนี้ก็ตรงไปที่บันไดเลยครับ ![]() ซากุระสีเขียวสวยงาม ... ![]() อยากเห็นสีชมพูเหรอครับ ... ปิ๊ง! (ทำไปได้) ![]() ในสวนอุเอโนะจะเจอวัดและศาลเจ้าอยู่หลายที่เลยครับ ที่เห็นในรูปเป็นวัด จะไม่ให้ถ่ายภาพข้างใน และการอธิษฐานก็ไม่ต้องตบมือสองครั้งครับ นอกนั้นก็คล้ายกันก็คือก่อนเข้าวัดก็ต้องมาล้างมือก่อน ใช้มือขวาตักน้ำล้างมือซ้าย แล้วใช้มือซ้ายตักน้ำล้างมือขวา ใช้มือขวาตักน้ำเทใส่มือซ้ายแล้วใช้น้ำในมือซ้ายบ้วนปาก ตักน้ำล้างกระบวยอีกทีก็เสร็จพิธีขึ้นวัดได้ ![]() ![]() ![]() อย่าลืมมาเช็คอิน (ถ่ายรูป) ที่อนุสาวรีย์ท่านไซโงะ ทาคาโมริ หรือ the Last Samurai ด้วยนะครับ ![]() เจอวัดอีกแล้ว ปลื้มเลยครับ ประตูแดงเรียงๆกันแบบนี้ อยากเห็นมานานแล้ว ![]() ![]() ![]() ![]() ออกมาจากวัดก็เจอต้นเมเปิ้ลครับ (รูปนี้ไม่ได้เปลี่ยนสีเองนะครับ มันแดงเอง นี่มันฤดูอะไรกัน) ![]() เดินหลงอีกแล้ว ![]() หลงมาถึงหน้าทางเข้าสวนสัตว์อุเอโนะครับ (จริงๆก่อนหน้านี้หลงไปโผล่หลังสวนสัตว์ก็เลยต้องเดินอ้อมมา) ดูจากสวนสัตว์แล้ว คนที่นี่ก็บ้าหมีแพนด้าไม่แพ้คนไทยนะครับ เพราะฉะนั้นไม่ได้ไทยแลนด์โอนลี่แน่นอน ลมกำลังเย็นสบายจนถึงหนาว หนามยอกต้องเอาหนามบ่งสิครับ กินซอฟท์ครีมเสียเลย รสช็อกโกแลตครัช กรุบๆกรอบๆ (แต่ไอติมละลายเร็วมาก เลียแทบไม่ทัน) นั่งอยู่หน้าตู้ไปรษณีย์แพนด้า คนญี่ปุ่นทุกคนเดินผ่านมาแล้วก็ถ่ายรูป ![]() ![]() ไม่ได้แวะศาลเจ้าโทโชกุนะครับ ถึงแม้ว่าจะสวยสักแค่ไหน แต่ขากระผมชาไปแล้ว ดังนั้นพอนั่งพักเสร็จก็เดินข้ามทางไปฝั่งย่านการค้ากันบ้าง ![]() ![]() แวะตลาดอะเมโยโกะต่อ มีขายหลายอย่างจริงๆครับ จากขาเมื่อยๆ อดไม่ได้ที่จะต้องเดินชม ![]() ก่อนพระอาทิตย์ตก ลงไปสถานี Metro Hibiya Line เพื่อไปอะกิฮาบาระก่อนครับ แต่ย่านนี้ไม่ได้ไปเดินเที่ยว แต่จะไปซื้อการ์ดรีดเดอร์ที่โยโดบาชิคาเมร่าครับ (เดินดูสินค้าไอที เทียบกันแล้วซื้อที่ไทยจะถูกกว่าแยะเลย ว่าแต่ทำไมเมืองนอกซื้อแพ็คเกจเครือข่ายมือถือแล้วแถมไอโฟน แต่ไทยสลับกันซื้อไอโฟนแถมแพ็คเกจ) สำหรับการเดินทางวันที่ 4 ก็จบลงเพียงเท่านี้ครับ ส่วนตอนหน้าจัดหนัก เดินชะโงกทัวร์ชนิดลืมขาไปเลย เจอกันในตอนหน้าครับ ![]() ![]() |
บทความทั้งหมด
|