First Week On My Own

ตอนนี้ก้ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ประมาณ 10 วันแล้วล่ะ ย้ายมาวัน Memorial Day พอดี (May 28) วันที่เราย้ายมาถึงนะทั้งเมืองเป็นแบบว่าเงียบมากๆ ทุกอย่างปิดหมด ยังกะเมืองร้างเลยเพราะว่าเป็นวันหยุดของเค้า แต่พออยู่ไปเรื่อยๆก้เฉยๆอ่ะ ก้มีคน ไม่ได้ร้างขนาดนั้น

วันที่มาถึงวันแรก เราก้ออกจาก Batavia กันแต่เช้า แล้ว Robin ก้ขับรถมาส่งเรา ใช้เวลาประมาณ 2.40 hrs. ล่ะ … พอมาถึงเค้าก้รีบกลับ … เราก้เข้า Apaartment จัดห้อง เก็บของให้เรียบร้อยอ่ะ แล้วก้เกิดอาการเหงาอย่างรุนแรง เพราะห้องมันเงียบสุดๆ … พอตอนเย็นหายเหนื่อย ก้เลยเดินไป Walgreen ไปซื้อน้ำซื้อนมนิดหน่อยไว้เป็นเสบียง อย่างน้อยตื่นมาจะได้มีรัยกิน

พอวันรุ่งขึ้นก้ตื่นแต่เช้า รุ่นพี่ก้พาไป Check-in ที่ Office … พาไปทำ ID Card (เราพึ่งมาปีนี้ ได้ ID card แบบใหม่พอดีเลยอ่ะ ^-^) … แล้วก้พาไปทำสัญญา sublease apartment ที่ Office ของ lanlord พอทำเสร็จก้หมดเวลาไปครึ่งวันพอดี เลยแวะกินข้าวกะพี่เค้า แล้วก้กลับมาพักเหนื่อยที่ห้องแป๊บนึง … พอหายเหนื่อยเลยเดินไปเปิด Bank เอาเงินสดเกือบทั้งหมดที่เหลือ กะ cashier check ที่เตรียมมาไปเปิดบัญชี จะได้ไม่ต้องถือเงินสดเยอะ … แล้วตอนเย็นก้นั่งรถไป Walmart ซื้อของเข้าบ้านมากมาย กลับมาดึกๆ เป็นอันหมดวันแรก

วันที่สาม ตื่นสายมากมาย อารมณ์ว่าเหนื่อยมาหลายวันแล้ว เลยตื่นอีกทีเกือบเที่ยง อาบน้ำแต่งตัว หารัยกินอย่างสบายใจ … ตอนบ่ายเอาอีกละ ไป Walmart อีกหนึ่งรอบ เพราะมีพี่เค้าจะไป เลยติดรถเค้าไปด้วย ไปซื้อของมาอีกยกใหญ่ พอกลับมาถึงก้รีบเอาของมาเก็บ แล้วก้ออกไปสนามบินล่ะ … ไปรับพี่สาว เพราะพี่สาวจะมาอยู่เป็นเพื่อนกัน จะมาเรียนภาษาอยู่ด้วย 2 เดือน

ก้ไปรับเค้าที่สนามบิน แล้วก้พาเค้านั่ง Bus กลับมาล่ะ เพราะว่าประหยัด (สงสารพี่อยู่เหมือนกัน นั่งเครื่องมาเป็นวัน พอมาถึงแทนที่จะได้นั่ง taxi สบายๆ ไปถึงที่พัก ดันต้องมานั่งรอ Bus แล้วก้นั่งรถไปลง แล้วก้ต้องเดินลากกระเป๋ากันอีก -_-“ เหนื่อยอ่ะ) พอมาถึงก้ลื้อของกัน แล้วก้ทำนู่นทำนี่นิดหน่อย แล้วก้นอนกันละ พักผ่อนๆ

วันต่อมาตื่นแต่เช้าอีกละ พาพี่ไปรายงานตัวที่ IEI … แต่เนื่องจากไม่รู้ทางทั้งคู่ เลยเดินกันขาลากเลยอ่ะ เดินวนไปวนมา หาตึกที่จะต้องไปไม่เจอ พอเดินไปเจอนะ เราก้แบบว่า แค่เนี้ย ถ้ารู้ก้ไปถูกตั้งนานแล้วอ่ะ … แล้วก้พาพี่เราไปทำ ID บ้าง จะได้นั่ง Bus ได้ฟรีทั้งคู่

ตอนบ่ายก้กลับไปนั่งพักที่ห้องก่อนอ่ะ อารมณ์แบบพักเอาแรง พอบ่ายแก่ๆ ก้เลยนั่งรถไป Market Place กัน มันเหมือนกับห้างอ่ะ แต่ไม่เหมือนห้างที่เมืองไทย อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน เดินจนหมดห้างก้มะได้อารัยอ่ะ มันไม่มีรัยถูกจัยเลย แอบเศร้าเล็กๆ … (ในใจเราก้คิดแบบว่า ตายละ ทั้งเมืองมีอยู่ห้างเดียว แถมไม่มีรัยเดินอีก ชั้นจะอยู่งัยเนี่ย ต้องอยู่ที่นี่อีกตั้งปีนึง จะรอดมั้ยเนี่ย … แต่มาถึงวันนี้ก้แบบ ปลงตกละ เดี๋ยวสั่งเอาในเนตก้ได้) … พอเดินจนเหนื่อย แถมมะได้รัยเลย ก้เลยจะนั่งรถกลับ แล้วเผอิญว่าเราไปรอรถก่อนเวลา เลยได้นั่งรถขาไปอยู่ มะใช่ขากลับ แล้วพอดีว่ามันผ่าน Walmart พอดี ก้เลยโดดลงไปซื้อของอีก … สรุปว่าเราได้ไปเดินซื้อของที่ Walmart 3 วันติดกันแล้วอ่ะ >> อย่าคิดว่าหนุกนะ ไม่เลย แถมแบกของเหนื่อยอีกตะหาก … นึกถึงคนทีเพิ่งย้ายเข้าหอ แล้วต้องซื้อของอ่ะ แบบนั้นเลย

วันต่อมาก้เป้นว่างๆ ก้เลยนัดกันกะรุ่นพี่ที่จะเรียน Program เดียวกันที่นี่ ไปกินข้าวกลางวันกัน แล้วก้เดินไป Health Center ไปรายงานตัวเด็กใหม่ แล้วเราเป็น International Student ใช่ป้ะ ก้เลยได้ทำ TB Skin Test ด้วย … Test ว่าเป็นพาหะวัณโรครึป่าวอ่ะ … แล้วเดี๋ยวต้องกลับไปให้เค้าดูภายใน 48-72 hr. เค้าเลยบอกให้เรากลับไปให้เค้าดูวันจันทร์อ่ะ (วันที่ไปเป็นวันศุกร์)

วันรุ่งขึ้นก้เป็นวันที่ 6 ละที่เรามาอยู่เองคนเดียว (ที่จริงมีเจ้นันอีกคน) ก้เหมือนเดิม ตื่นสายๆ ชิลๆ … แล้วตอนเย็นเค้ามีนัดกินข้าวเย็นกัน เป็นสมาคมนักเรียนไทยของมหาลัยนี้ล่ะ เค้าจัดให้นักเรียนที่มาใหม่ที่เพิ่งมาถึงตอน summer นี้ มากินข้าวกัน จะได้รู้จักกัน ก้ดีอ่ะ ได้รู้จักคนอื่นๆ จะได้ไม่เหงา

แล้วก้มาถึงวันอาทิตย์ ก้มั่ยมีรัยอีกละ แต่วันนี้ Mom กะ Dad จะแวะมาหาล่ะ เค้าไปตีกอล์ฟกันตอนเช้า แล้วก้มาหาเราตอนบ่าย … พอเจอกันเค้าก้พาไปกินข้าวกลางวัน แล้วเราก้พาเค้ามาดู Apartment เรา พอเราบอกว่าห้องเรามืด เค้าก้ปีนขึ้นไปดูไฟให้ สรุปว่าไฟมันไม่มีตั้งหลายหลอดแน่ะ เค้าก้เลยบอกว่าจะพาไปซื้อ แล้วเอามาติดให้ … แล้วก้บอกว่าห้องเราอ่ะน่าจะมีชั้นวางของ จะได้เก็บของได้ เราก้แบบ ใช่ๆ อยากๆอยู่เหมือนกัน แต่ว่าต่อไม่เป็น เค้าก้เลยบอกว่าจะพาไปซื้อ แล้วก้จะต่อให้ด้วย … แล้วตรงอ่างล้างหน้า กะอ่างล้างจานใช่ป้ะ มันเลอะๆ เราก้คิดว่า apartment มันเก่า อยากหาที่ใหม่ที่มันดีๆ เค้าก้บอกว่าเดี๋ยวไปซื้อน้ำยามาขัด … แล้วก้เลยไป walmart กัน ไปซื้อของ พวกน้ำยาขัดๆ หลอดไฟ กระจก แล้วก้ชั้นวางของ และ อื่นๆ อีกพอประมาณ … แล้วคราวนี้พอจะจ่ายตังใช่ป้ะ เค้าก้เอาชั้นวางของที่หยิบมาแยกออกไปล่ะ แล้วเค้าก้บอกว่า it’s our gift for u ประมาณเนี้ย แบบว่าใจดีสุดๆ … พอกลับถึงห้องก้ลงมือกันยกใหญ่ … Dad ก้ต่อชั้นที่ซื้อมาอยู่คนเดียว … ส่วน Mom ก้เปลี่ยนหลอดไฟ แล้วก้ขัดนู่นขัดนี่ใหญ่เลย โดยมีเรากะพี่สาวคอยเปนลูกมือ … พอเค้าทำเสร็จนะ ห้องเราดูดีขึ้นตั้งเยอะแน่ะ ยังคุยกันอยู่เลยว่าไม่อยากย้ายไปอยู่ห้องอื่นแล้ว แต่ก้มะได้อ่ะ เพราะว่าห้องนี้อยู่ได้ถึงแค่หมด summer หลังจากนั้นต้องย้ายไปอยู่อีกห้อง … แล้วมันก้เย็นแล้ว เค้าก้เลยลากลับอ่ะ เราก้เลยเดินไปส่งเค้าที่รถ เค้าก้บอกว่าจะพยายามแวะมาเยี่ยมเราอีกทีตอนกลับอ่ะ :P แล้วเค้าก้บอกว่ามีอะรัยก้โทรไปหาเค้าได้ทันทีเลยนะ เค้าอยู่ห่างไปแค่ 2 ชม.กว่าๆเอง มะใช่ another side of the world อ่ะ เค้าว่างั้น

Create Date : 10 มิถุนายน 2550 Last Update : 10 มิถุนายน 2550 23:11:48 น. Counter : 2803 Pageviews.		7 comments
Share Tweet

	บันทึก 'คุณค่าตนเอง' วันละ 10 นาที ช่วยลดเครียด สมาชิกหมายเลข 4149951 (6 เม.ย. 2568 12:19:53 น.)		แนะนำพริกที่เผ็ดถึงใจมาก มีขายที่ซุปเปอร์ AEON ญี่ปุ่น SN_monchan (22 มี.ค. 2568 21:14:59 น.)
	ลูกคือของขวัญของชีวิต ไม่ใช่มีไว้ให้ตอบแทนบุญคุณดูแลพ่อแม่ตอนแก่ newyorknurse (6 มี.ค. 2568 06:36:44 น.)		๏ ... ยิ่งแก่ ยิ่งกล้า > แกร่งกล้า < เกิดบ้า ตอนแก่ ... ๏ นกโก๊ก (1 มี.ค. 2568 05:15:34 น.)