สวยไม่สวย มีรูปสวยมากระทบตา ก็มีสติระลึกได้ทันควัน นำเอาปัญญามาพิจารณาอยู่ว่า โอ้! นี่ก็เป็นแต่เพียงรูปเท่านั้น ๆ และรูปที่มีความสวย อยู่ตามธรรมดา ซึ่งมี #ความไม่เที่ยง #เป็นทุกข์ เป็น #อนัตตา อยู่ในความสวยนั้น ก็ไม่หลงใหลในความสวยของรูปนั้น . แม้จะเป็นที่สบายแก่ตา เพราะความสวย ก็รู้สึกว่า รู้แจ้งว่า เป็นสักว่าเป็นเช่นนั้น สบายแก่ตา ก็เป็นสักว่าเวทนา ไม่มีความเป็นตัวตน อะไรที่ไหน เป็นเช่นนั้นเองตามธรรมชาติในโลกนี้ . คนมันโง่มาตั้งแต่เกิด ถ้าสวยมันก็ชอบ ถ้าไม่สวยมันก็ไม่ชอบ นั่นคือไม่มีปัญญา ถ้ามีปัญญาก็จะรู้ว่า สวยก็เช่นนั้นเอง ไม่สวยก็เช่นนั้นเอง . ไม่จำเป็นจะต้องแยกว่า สวยแล้วก็รัก ก็พอใจจนเกิดราคะ หรือโลภะ ไม่ใช่ว่า ไม่สวยแล้วก็ไม่พอใจ จนเกิดโทสะหรือโกธะ . มีปัญญาสำหรับพิจารณาต่อไปว่า เราจะทำอะไรกับรูปที่สวยนี้ หรือรูปที่ไม่สวยนี้ เมื่อไม่เกี่ยวข้องอะไร ก็ไม่ต้องทำอะไร . ถ้ามีเรื่องที่ต้องเกี่ยวข้องกัน ก็ทำด้วยสติสัมปชัญญะ อย่าให้ความสวยนั้น เกิดเป็นพิษเป็นโทษเป็นภัย อะไรขึ้นมาได้ . ในสิ่งที่ไม่สวย ก็มีสติสัมปชัญญะ รู้รักษาป้องกัน ไม่ให้เกิดโทสะ โกธะ เป็นต้น . พุทธทาสภิกขุ
สวยหรือไม่สวย มองแล้วเฉย ๆ เรื่องของคนอื่นมองแล้วสบายใจ
ก็มองไป แต่ไม่ควรหลงไหลเป็นพอครับ ผมอยู่ในแวดวงสมาธิด้วยครับ เขียนด้านทำสมาธิไม่มากครับน่าจะไม่เกิน 40 ตอน โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 17 มิถุนายน 2565 เวลา:18:53:13 น.
บางเล่มผมก็อ่านไม่เข้าใจ
ปรัชญาเป็นเรื่องของการตีความ บางทีเล่มเดียวกัน สองคนอ่านก็ตีความไม่เหมือนกันเลยครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 มิถุนายน 2565 เวลา:22:06:11 น.
|
อ่านเพื่อวาดพู่กันเดียว
สนุกดีครับ
แต่ผมคิดว่าท่านสอนด้วยภาษาธรรม
บางอันก็เข้าใจยากอยู่เหมือนกันครับ
ผมชอบอ่านปรัชญาจีนหรือปรัชญาตะวันออกครับ
ถ้าเป็นปรัชญากรีก โรมัน หรือตะวันตก
จะอ่านน้อยมากครับ