สนทนา 5 ![]() สวัสดีครับคุณคนควน "เบอร์ 5" แล้วนะครับ
ไม่ได้เข้ามาทักสักนาน พอดีมีโจทย์เกี่ยวกับ vba ไม่แน่ใจว่าคุณคนควนพอได้ใช้บ้างหรือเปล่า ถ้ามีรบกวนแชร์ให้หน่อยนะครับ https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=thannoy&date=09-03-2009&group=3&gblog=16 ![]() โดย: แดนน้อย
![]() สมแล้วครับที่เจ้าของบล็อกเป็นนักวิชาการที่เจ้าบทเจ้ากลอน...
ผมนึกหาคำอยู่นานมาก เพื่อที่จะอธิบายในเหตุผลที่ผมจะปฏิเสธ สุดท้ายมาได้คำว่า "ความมั่นคงในอาชีพ" จากเจ้าของบล็อกนี่แหละครับ ตรงกับความรู้สึกของผมที่อยากจะอธิบายออกไปจริงๆ ขอบคุณครับผม ![]() โดย: mitrapap
![]() สวัสดีครับ คุณมิตรภาพ
ขอบคุณที่มาเยี่ยมชม และยินดีที่สามารถช่วยได้ครับ ![]() โดย: คนควน
![]() สวัสดีครับ พี่คนควนไม่ได้เข้ามาเยี่ยมตั้งนาน
สบายดีนะครับ ผมรบกวนนิดนึงครับ คือ ผมอยากทราบว่า Funtion OFFSE นั้นใช้ยังไง ตอนไหนอย่างนี้นะครับ ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ ช่วยเขียนเพื่อป็นวิทยาทานให้ลูกแมวตาดำๆด้วยนะครับ โดย: บอย IP: 115.67.9.151 วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:8:05:33 น.
สวัสดีครับ คุณบอย
ฟังก์ชั่น Offset เป็นฟังก์ชั่นสำหรับหาค่า เดี่ยว หรือ ชุด ได้ ขึ้นอยู่กับการกำหนดส่วนประกอบของฟังก์ชั่นครับ ซึ่งฟังก์ชั่น Offset มีส่วนประกอบ 5 ส่วนตามด้านล่าง ไวยากรณ์ =Offset(Reference,Rows,Columns,High,Width) หรือ แปลตามแบบของคนควน =Offset(เซลล์อ้างอิง, จำนวนแถวที่ห่างจากเซลล์อ้างอิง ,จำนวนคอลัมน์ที่ห่างจากเซลล์อ้างอิง, ความสูงของข้อมูล, ความกว้างของข้อมูล) ยกตัวอย่างเช่น =Offset(A1,0,0,1,1) หมายความว่า ให้หาค่าโดยดูจาก A1 เนื่องจากเซลล์อ้างอิง คือ A1 และ 1. ห่างจาก A1 ไปด้านล่าง 0 คอลัมน์ คือไม่ไปไหน ยังอยู่ที่ A1 เหมือนเดิม 2. ห่างจาก A1 ไปด้านขวา 0 คอลัมน์ คือไม่ไปไหน ยังอยู่ A1 เหมือนเดิม 3. ความสูงของข้อมูล 1 เซลล์ ก็คือความสูงของ A1 4. ความกว้างของข้อมูล 1 เซลล์ ก็คือความสูงของ A1 เช่นเดิม สูตรด้านบน สามารถที่จะละส่วนประกอบ 2 ส่วนสุดท้ายไว้ก็ได้ เพราะไม่มีความสูงและความกว้างของข้อมูล ก็จะได้เป็น =Offset(A1,0,0) หรือแบบของผู้ที่คิดว่าตัวเองเข้าใจดีแล้วก็จะเหลือ =Offset(A1,,) จะได้ค่าเดียวกัน คือ A1 นั่นเอง ยกตัวอย่างใหม่ให้หลากหลายกว่าเดิม เพราะ Offset สามารถไปข้างหน้าและถอยหลังได้ การเริ่มที่เซลล์ A1 ไม่สามารถไปซ้ายและขึ้นบนได้ แต่มีประโยชน์แน่นอน จะกล่าวถึงในตอนท้ายถ้าไม่ลืม งั้นเริ่มที่ D5 แล้วกัน ได้เป็น =Offset(D5,-1,-2,2,2) ![]() ครับ ต้องไม่กระพริบตาเลยครับ แปลสูตรได้ว่า 1. เริ่มจาก D5 2. ห่างจาก D5 จำนวน -1 แถว (อ้าว...แล้วไปไหน) ไป D4 ครับ ซึ่ง D4 จะกลายเป็นเซลล์อ้างอิงใหม่เพื่อใช้ในข้อ 3 3. ห่างจาก D4 จำนวน -2 คอลัมน์ (อ้าว...แล้วไปไหน) ไป B4 ครับ ซึ่ง B4 จะกลายเป็นเซลล์อ้างอิงใหมเพื่อใช้ในข้อ 4 4. จาก B4 ในข้อ 3 ความสูง 2 แถว ก็แสดงว่าสูงไปถึง B5 ก็จะกลายเป็น B4:B5 5. จากข้อ 4 (คือ B4:B5) กว้าง 2 คอลัมน์ ก็จะกลายเป็น B4:C5 สรุป สูตร Offset(D5,-1,-2,2,2) คือช่วงเซลล์ B4:C5 ในชีวิตจริงการใช้สูตรนี้อย่างเดียวจะเกิดค่าผิดพลาดเนื่องจากให้ผลลัพธ์เป็นช่วงข้อมูล ซึ่งเราไม่สามารถอ้างถึงช่วงข้อมูลขึ้นมาลอย ๆ ในเซลล์ใด ๆ ได้ เช่นถ้าคีย์ตรง ๆ ในเซลล์ใด ๆ เป็น =B4:C5 จะให้ผลลัพธ์เป็นค่าผิดพลาด ดังนั้น ในการใช้งานจริงจะใช้สูตรอื่นมาครอบอีกทีครับ เช่น =Sum(Offset(D5,-1,-2,2,2)) หมายถึงการรวมยอดของช่วงเซลล์ B4:C5 ความสูงและความกว้างเป็นลบได้ไหม ได้ครับ ลองเล่นดูแล้วจะเข้าใจมากขึ้น และเมื่อระยะห่างจากเซลล์อ้างอิง ทั้งความสูงและความกว้างสามารถเป็นลบได้ ดังนั้น สูตรที่ให้ผลลัพธ์หลุดออกนอกกรอบของ Sheet จะให้ค่าผิดพลาดเป็น #Ref! จึงควรระวังในการใช้งาน เช่น =Offset(A1,-1,0) ผลลัพธ์จะได้ #Ref! เนื่องจาก A1 คือเซลล์แรกแล้ว ไม่มีเซลล์อื่นใดมาก่อน A1 อีก คิดว่าสิ่งที่อธิบายมานี้ทำให้เข้าใจมากขึ้นสำหรับฟังก์ชั่น Offset นะครับ สำหรับโอกาสที่จะใช้งาน ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ครับ โดยปกติแล้วจะใช้หาค่าในตำแหน่งต่าง ๆ โดยมีเซลล์เริ่มต้นเป็นเซลล์อ้างอิง และน้อยนักที่จะใช้ตัวเลขเป็นลบในส่วนของระยะห่าง, ความสูงและความกว้างของช่วงข้อมูล เพราะว่าถ้าไม่แม่นจริงจะสับสนครับ โดย: คนควน
![]() คุณ คนควน ครับ
รบกวนสอบถามปัญหา excel หน่อยครับ พอดีแฟนผมเขามีปัญหาตรงที่ว่าเค้าทำสูตรคำนวนใน excel โดยใช้ค่า SUM แต่เวลาผลที่ออกมาแทนที่จะให้ค่าทั้งหมด มันแสดง ณ column ปลายทาง ก็ให้จำนวนเต็มกับทศนิยมมันออกไปอีก column นึง เช่น จำนวนเต็มอยู่ที่ A1 ทศนิยมไปอยู่ที่ B1 โดยที่ใช้ค่า SUM เพียงครั้งเดียว ไม่ทราบว่ามันจะสามารถทำได้ไหมครับ สงสัย อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม เมลล์หาผม khun_aun@hotmail.com ขอบพระคุณมากครับ โดย: อั๋น IP: 124.120.142.210 วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:18:51:26 น.
สวัสดีครับ คุณอั๋น
สำหรับการ Sum โดยให้แยกจำนวนเต็มและทศนิยมไว้คนละเซลล์สามารถทำได้ครับ สมมุติว่าต้องการ Sum ข้อมูลจาก A1:A1000 โดยให้จำนวนเต็มอยู่ที่ B1 และทศนิยมอยู่ที่ C1 สามารถคีย์สูตรได้ดังนี้ครับ B1 คีย์ =Int(Sum(A1:A1000)) Enter C1 คีย์ =Sum(A1:A1000)-B1 Enter ![]() โดย: คนควน
![]() อืม...มีคำผิดนิดหน่อยในตัวอย่างแรกของความเห็น 7 ข้อ 1 เิดิม
1. ห่างจาก A1 ไปด้านล่าง 0 คอลัมน์ คือไม่ไปไหน ยังอยู่ A1 เหมือนเดิม ต้องเปลี่ยนเป็น 1. ห่างจาก A1 ไปด้านล่าง 0 แถว คือไม่ไปไหน ยังอยู่ A1 เหมือนเดิม ![]() โดย: คนควน
![]() เมื่อกี้ทำแล้ว มันไม่แสดงผล เอาใหม่ เมื่อกี้ผมเข้าใจผิดไปหน่อย คือมันเป็นภาษีซื้อภาษีขาย ของเดิมมันเป็น Manual คือ ใบเสร็จ vat ออกมาเท่าไหร่ เราก็แค่ key ใส่ช่องแรกเป็นจำนวนเต็มบาท ช่องที่ 2 เป็นสตางค์ จบ แต่แฟนผมเข้าไปทำงานแกเลยอยากทำแบบที่ผมถามคุณคนควนนี่แหล่ะ เพื่อให้แน่ใจว่าใบเสร็จที่ออกมาคิด vat ถูกไหม ก็แค่นั้น
ปัจจุบันรูปแบบมันมาแบบนี้ E5 เป็น ยอดซื้อ จำนวนบาท F5 เป็น ยอดซื้อ จำนวนสตางค์ 2 ช่องนี้เป็น Manual เพราะต้องเป็นยอดหลัก ไม่ต้องใส่สูตร G5 เป็น vat จำนวนบาท H5 เป็น vat จำนวนสตางค์ ซึ่ง 2 ช่องนี้ ปัจจุบันยังเป็นแบบ manual อยู่ คือ key ยอดเงินบาทเข้าช่อง G5 แล้ว key สตางค์ เข้าช่อง H5 แต่... พอแฟนผมไปทำงาน เขาบอกมันช้า เลยอยากจะทำช่อง G5 เป็นสูตร vat 7% แต่ผลรวมมันก็ยังคงอยู่ที่ช่อง G5 อยู่ ทำยังไงจะให้เศษสตางค์ของช่อง G5 เด้งไปอยู่ช่อง H5 โดยต้องเป็นเศษสตางค์ที่มาจากสูตรคำนวน vat 7% ของช่อง G5 พอเข้าใจนะครับ รบกวนคุณคนคอนด้วยครับ โดย: อั๋น IP: 124.120.134.224 วันที่: 15 มีนาคม 2552 เวลา:18:35:19 น.
ขอถามเพิ่มเติมอีกนิดนะครับ
แล้วช่อง G5 ไม่ต้องให้มันมีจุดทศนิยมนะครับ ให้มันเด้งไปอยู่ช่อง H5 ทั้งหมด โดย: อั๋น IP: 124.120.134.224 วันที่: 15 มีนาคม 2552 เวลา:18:39:04 น.
ตอบคุณอั๋น คห. 12
ช่อง G5 คีย์ =INT(SUM(E5,F5/100)*7%) ช่อง F5 คีย์ =(SUM(E5,F5/100)*7%-G5)*100 โดยตัวเลขที่เป็นทศนิยมได้คีย์เป็นจำนวนเต็ม เช่น 25 สตางค์ก็คีย์ 25 ไม่ใช่คีย์ 0.25 หากต้องการรวมยอดทั้ง 4 ช่องให้อยู่ในช่องเดียวเพื่อดูยอดรวมแบบทศนิยม ที่เซลล์ใด ๆ คีย์ =SUM(E5,F5/100,G5,H5/100) ![]() โดย: คนควน
![]() ถ้ายังไม่เคลียร์ ส่งตัวอย่างไฟล์มาได้ที่ snasui@gmail.com ครับ
![]() โดย: คนควน
![]() คุณคนควน ครับ รบกวนอย่างยิ่ง
ของผมคล้ายกับคุณอั๋น ความคิดเห็นที่ 8 ครับ แต่เริ่มจาก พิมพ์จำนวนเต็มอยู่ที่ A1 และทศนิยมอยู่ที่ B1 ต่อไปก็ จำนวนเต็มอยู่ที่ A2 และทศนิยมอยู่ที่ B2 ไปเรื่อยๆอะครับ แล้วก็บวกกันอะครับ แยกบาทกับสตางเหมือนเดิมอะครับ โดย: ชานน IP: 61.19.144.194 วันที่: 27 มีนาคม 2552 เวลา:9:51:24 น.
สวัสดีครับคุณ ชานน
สมมุติช่องที่เป็นบาทอยู่ที่ A2:A1000, ช่องที่เป็นสตางค์อยู่ที่ B2:B1000 1. ที่เซลล์ B1001 คีย์เพื่อหาสตางค์ =Mod(Sum(B2:B1000),100) Enter 2. ที่เซลล์ A1001 คีย์เพื่อรวมยอดบาท =Sum(A2:A1000,Int(Sum(B2:B1000)/100)) Enter ![]() โดย: คนควน
![]() ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ
โดย: ชานน IP: 61.19.144.194 วันที่: 28 มีนาคม 2552 เวลา:10:48:58 น.
ทักทายด้วยคนได้มั้ยเนี่ยคุณลุงคนควน
โดย: ทุ่งนารี IP: 117.47.34.39 วันที่: 6 เมษายน 2552 เวลา:19:51:25 น.
สวัสดีครับ
ความรู้ Excel ของคุณผมว่าขั้น ปรมาจารย์แล้วนะ เขียนหนังสือขายได้สบาย คุณเคยเขียนหนังสือขายหรือเปล่าครับ ความรู้ด้าน Excel ยังแพ้เรื่องกลอน แบบนี้ไม่คิดจะแต่งเพลงบ้างละครับ ว่างๆ ลองตอบปัญหา excel เป็นกลอนก็ดีนะครับ โดย: 9 IP: 117.47.127.164 วันที่: 26 เมษายน 2552 เวลา:10:56:08 น.
สวัสดีครับ คุณ 9
ขอบคุณสำหรับคำชมครับ ผมเขียนแต่ Blog ครับ ไม่เคยเขียนหนังสือ มีคนยุให้เขียนหลายคนเหมือนกันครับ แ่ต่ว่ายังไม่พร้อม เรื่องเพลงก็เคยแต่งครับ แต่งให้กับบริษัทที่ทำงาน มีคนขอให้แต่งเพื่อเอาไปประกวด เป็นโชคดีที่ได้ชนะเลิศ ก็นำรางวัลมาแบ่งกันครับ ก็ เคยคิดจะตอบ Excel เป็นกลอนอยู่เหมือนกันครับ มีบาง Post ถามกลับไปเป็นกลอน กับผู้ที่ต้องการให้อธิบายสูตร ผมเลยถามว่าไม่เข้าใจตรงไหน แต่ไม่ได้รับคำตอบ ตาม Link ด้านล่างครับ Click here ![]() โดย: คนควน
![]() แวะมาทักทายค่ะ
ไปอ่านกลอนตาม link ข้างบนมาค่ะ มีคนขอให้แต่งเพื่อเอาไปประกวด เป็นโชคดีที่ได้ชนะเลิศ แล้วไปประกวดที่ไหนมาค่ะ ภายในเครือของบริษัท หรือภายนอกบริษัทค่ะ โดย: k สงขลา IP: 202.12.73.18 วันที่: 29 เมษายน 2552 เวลา:12:22:32 น.
หวัดดีครับ คุณคนควน
ผมมีคำถาม แต่ยังหาคำตอบไม่ได้ รบกวนช่วยตอบข้อสงสัยให้ด้วยครับ คือ ถ้าผมมีข้อมูลใน 1 row ประมาณสัก 4 column โดยผมต้องการข้อมูลของ cell (cell ที่มีข้อมูลภายใน cell ไม่ซ้ำกับ cell อื่น) หรือข้อมูลใน cell ไหนก็ได้กรณีที่ข้อมูลทุก cell มีข้อมูลเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ ต้องการทำโดยใช้ function บน excel ครับ ไม่ทราบว่าจะพอมีแนวทางบ้างไหม ลอง seacrh หาใน net แล้ว ยังหาไม่เจอเลย ขอบคุณมากครับ โดย: คนยังไม่รู้ IP: 203.170.231.232 วันที่: 4 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:03:07 น.
สวัสดีครับ คุณคนยังไม่รู้
สมมุติต้องการตรวจสอบข้อมูลคอลัมน์ A:D เริ่มที่ A1 ที่เซลล์ E1 คีย์ =If(Countif(A1:D1,A1)=4,A1,Index(A1:D1,Small(If(Countif(A1:D1,A1:D1)=1,Column(A1:D1)-Column(A1)+1),1))) ต้องกด 3 แป้นคือ Ctrl+Shift+Enter เนื่องจากเป็นสูตร Array หากกดแป้นถูกต้องจะมีปีกกาครอบสูตรครับ สูตรนี้จะหาค่าที่่ต่างจากค่าอื่น ถ้าไม่ต่างจะเอาค่าแรกมาครับ ![]() โดย: คนควน
![]() ขอบคุณ คุณคนควน มากๆ ครับสำหรับ solution ที่ให้มา
ตรงตามที่ต้องการครับ แต่ผมมีคำถามเพิ่มเติม เกี่ยวกับ logic การคิดของสูตร ในชุด ตั่งแต่ index มา ...Index(A1:D1,Small(If(Countif(A1:D1,A1:D1)=1,Column(A1:D1)-Column(A1)+1),1)) คือว่าผมยังมองไม่ออกไม่ทั้งหมดครับ พอจะช่วยอธิบายเพิ่มเติมได้ไหมครับ ขอบคุณครับ โดย: คนยังไม่รู้ IP: 203.170.231.232 วันที่: 6 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:54:53 น.
ยินดีครับ
สมมุติว่า A1:D1 มีค่าดังนี้ A, B, A, A ตามลำดับ แปลสูตรและแกะสูตรพร้อม ๆ กันไปครับ จากสูตร Index(A1:D1,Small(If(Countif(A1:D1,A1:D1)=1,Column(A1:D1)-Column(A1)+1),1)) 1. ให้มองค่าในช่วง A1:D1 ==> Index(A1:D1 , ลากเมาส์คลุม A1:D1 แล้วกดแป้น F9 จะได้ INDEX({"A","B","A","A"} 2. ถ้านับว่าพบค่าในช่วง A1:D1 ซ้ำกันเพียง 1 ครั้งให้แสดงหมายเลขลำดับ ==>If(Countif(A1:D1,A1:D1)=1,Column(A1:D1)-Column(A1)+1) 2.1 ลากเมาส์คลุมเงื่อนไขที่ทดสอบว่าค่าใดที่ซ้ำกันเพียง 1 ครั้ง คือ Countif(A1:D1,A1:D1)=1 แล้วกดแป้น F9 จะได้ IF({FALSE,TRUE,FALSE,FALSE},COLUMN(A1:D1)-COLUMN(A1)+1) 2.2 ลากเมาส์คลุมส่วนที่ต้องการให้แสดงค่าลำดับ คือ COLUMN(A1:D1)-COLUMN(A1)+1 แล้วกดแป้น F9 จะได้ IF({FALSE,TRUE,FALSE,FALSE},{1,2,3,4}) จะสังเกตเห็นว่าค่า TRUE ตรงกับ 2 3. นำค่าลำดับที่น้อยที่สุดจากข้อ 2 มาแสดง (ครอบสูตรในข้อ 2 ด้วยฟังก์ชั่น Small) ==> SMALL(IF({FALSE,TRUE,FALSE,FALSE},{1,2,3,4}),1) แกะสูตรต่อโดยลากเมาส์คลุม IF({FALSE,TRUE,FALSE,FALSE},{1,2,3,4}) แล้วกดแป้น F9 จะได้ SMALL({FALSE,2,FALSE,FALSE},1) จากการสังเกตจะเห็นว่าค่าที่น้อยที่สุด 1 ค่าคือ 2 ถัดมาลากเมาส์คลุม SMALL({FALSE,2,FALSE,FALSE},1) แล้วกดแป้น F9 จะได้ภาพรวมสูตรเป็น =IF(COUNTIF(A1:D1,A1)=4,A1,INDEX({"A","B","A","A"},2)) ซึ่งความหมายสูตร INDEX({"A","B","A","A"},2) ตามด้านบนคือให้มอง {"A","B","A","A"} แล้วเอาตัวที่ 2 มาแสดง ตัวที่ 2 คือ B คำตอบของสูตรนี้จะได้ค่า B คิดว่าพอจะเป็นแนวทางในการแกะสูตรได้บ้างครับ Note: สำหรับสูตร Small(.....,1) ตามด้านบนสามารถเปลี่ยนเป็น Min(....) ได้ จะทำให้สูตรสั้นลง เนื่องจากจุดประสงค์ของโจทย์เพียงเพื่อหาค่าที่น้อยที่สุดเท่านั้น ที่ผมใช้ Small เพียงเป็นการเผื่อไว้สำหรับใช้ประโยชน์ด้านอื่น เช่น การ List ค่าที่พบตามเงื่อนไขทั้งหมด เป็นต้น ![]() โดย: คนควน
![]() หวัดดีครับ คุณคนควน
ซับซ้อนดีจัง ผมลองทำตามคำแนะนำที่ให้มา พอมองออกแล้วครับ ขอบคุณมากๆครับ ขอให้ blog นี้อยู่ต่อไปนานๆครับ โดย: คนยังไม่รู้ IP: 203.170.231.232 วันที่: 7 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:49:56 น.
สวัสดีค่ะ
พอดีอยากให้ช่วยแนะนำทีค่ะ เราจะทำ excel สมมุตินะค่ะ 1.Sheet 1 เราจะคีย์เลขรหัสสินค้าที่ขายออกไป แต่ยังไม่ได้รับเงิน 2.Sheet 2 เราจะคีย์ข้อมูลว่าได้รับเงิน อ้างอิงรหัสสินค้า ***คำถามคือ จะทำสูตรอย่างไรดี เมื่อเราคีย์ใน Sheet 2 ว่าได้รับเงินแล้ว ให้ Sheet 1 แสดงผลว่ารายการนี้มีการจ่ายเงินแล้วอาจจะใช้สัญลักษณ์ / หรือ X ต่อท้ายสุดค่ะ ***งงหรือป่าวค่ะ ***=IF('Orders (3)'!B5:B24='Orders (2)'!B5,"/","X") ***คือสูตรที่เราลองทำค่ะ เราไม่ค่อยเก่งแต่หัดทำอยู่ ***พอใส่สูตรที่บอกไปข้างต้น มันทำตามเงื่อนไขแค่ช่องแรกเอง เราก็ก๊อบลงมาเรื่อยๆ แต่ไม่แสดงผลค่ะขึ้นแต่ X ***รบกวนชี้แนะหน่อยนะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ โดย: ไหม IP: 117.47.4.137 วันที่: 25 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:43:32 น.
มากล่าวสวัสดีและขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือตลอดมา
เพราะเวลามีปัญหา Excel เมื่อค้นหาจาก ห้อง Tech หรือ แม้กระทั่งอากู๋ จะได้รับคำตอบจาก login "คนควน" เสมอ ๆ Save หลาย ๆ อันไว้เป็น Tip เวลาเจอโจทย์แปลก ๆ จากที่ทำงานเมื่อนำมาใช้ก็จะได้รับเสียงตอบรับที่ดี ถ้ามีโครงการจะรวมเล่มเมื่อไหร่อย่าลืมบอกนะคะจะตามไปอุดหนุนค่ะ โดย: โอ๋ IP: 10.239.118.34, 203.170.231.233 วันที่: 26 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:50:05 น.
สวัสดีครับ คุณไหมและคุณโอ๋
คุณไหมทำตัวอย่างไฟล์แล้วส่งมาที่ snasui@gmail.com อย่าลืมเขียนคำอธิบาย ระบุปัญหาและระบุคำตอบที่ต้องการมาด้วย ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการอ้างอิงตำแหน่งครับ ขอบคุณทั้งสองท่านที่มาเยี่ยมเยียนครับ โดย: คนควน
![]() ก่อนได้รับเมลขอตอบคุณไหมตามความเข้าใจก่อนนะครับ หากว่าได้รับเงินแล้วค่อยคีย์รหัส ใช้สูตรนี้ครับ
=If(Isnumber(Match('Orders (2)'!B5,'Orders (3)'!B5:B24,0)),"/","X") Enter โดย: คนควน
![]() แวะมาเยี่ยมเยือนค่ะ....(^_^)
โดย: ทุ่งนารี IP: 58.10.158.251 วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:27:40 น.
สวัสดีครับพี่ คนควน(ควนไหนเอ่ย ..ควนเก..ควนตานี..หัวควน) ผมก็คนหนึ่งที่เข้ามาหาความรู้บ่อยครับ หลังจากที่พี่ตอบคำถามเกี่ยวกับเอ็กเซลล์ของผมที่โพสไว้ใน พันทิป ผมชื่นชมในความสามารถของพี่จริงๆครับ เป็นประโยชน์กับผมมากเลย
อ้อ พี่อยู่ส่วนไหนของสะเดาครับ ผมก็เคยอยู่สะเดามานานเหมือนกันครับ( 5-6 ปี) แถวๆตลาดสะเดาครับ ขอให้พีอยู่กับชาวพันทิปตลอดไปนะครับ โดย: anso IP: 117.47.183.211 วันที่: 4 มิถุนายน 2552 เวลา:13:26:33 น.
สวัสดีครับคุณ anso
ผมอยู่ หมู่ 9 หมู่บ้านยางเกาะ เข้าทางหัวถนนน่ะครับ ไม่ไกลกับบ้านควนเสม็ด และบ้านควนพลา ส่วนควนบ้านผมก็ "ควนหยี" ครับ โดย: คนควน
![]() อยากได้วิธีการทำกราฟระฆังคว่ำหนะครับ
พอดีมีข้อมูลดิบที่เป็น ชื่อคน กับ คะแนน แต่จะทำอย่างไรที่จะเอาไปพรอตเป็นกราฟระฆังคว่ำ โดย: แดนน้อย IP: 10.0.3.122, 58.8.40.38 วันที่: 7 มิถุนายน 2552 เวลา:17:10:19 น.
สวัสดีครับ คุณแดนน้อย การทำกราฟรูประฆังคว่ำผมอาศัยเทคนิคในการจัดเรียงข้อมูลเข้ามาช่วยครับ สมมุติข้อมูลอยู่ที่ A1:A26 โดยที่ A1 คือชื่อ Field 1. ให้ชื่อ Field สำหรับ B1 และ C1 เป็น Capsize และ Turn up ตามลำดับ 2. ที่ B2 คีย์สูตรเพื่อให้ค่าบวกและลบสลับกัน =If(Mod(Rows($C$2:C2),2),-A2,A2) Enter แล้ว Copy ลงด้านล่าง 3. ที่ C2 คีย์สูตรเพื่อสลับคอลัมน์ B ทั้งคอลัมน์ =Index($B$2:$B$26,Rows($B$2:$B$26)-Rows($B$2:B2)+1) Enter แล้ว Copy ลงด้านล่าง 4. หากต้องการใช้รูปแบบระฆังหงายสามารถเรียงข้อมูลโดยยึดคอลัมน์ B เป็นหลักได้เลย แต่หากต้องการรูประฆังคว่ำต้องทำ 2 ขั้นตอน 4.1 เรียงข้อมูลโดยยึดคอลัมน์ A เป็นหลัก (เรียงน้อยไปมากหรือมากไปน้อยก็ได้) 4.2 เรียงข้อมูลโดยยึดคอลัมน์ C เป็นหลัก (เรียงน้อยไปมากหรือมากไปน้อยก็ได้) 5. นำข้อมูลในคอลัมน์ A ไปทำกราฟแบบ XY (Scatter) โดย: คนควน
![]() แวะมาเยี่ยมคับ ไม่รู้ว่าพี่จำผมได้หรือป่าว
ขอให้อยู่นานๆนะครับ ไว้เจอปัญหางานจะขอความช่วยเหลือใหม่นะคับ ขอบคุณคับ โดย: บอย IP: 58.147.121.141 วันที่: 11 มิถุนายน 2552 เวลา:15:29:32 น.
สวัสดีครับคุณบอย ยังจำได้ครับ ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
โดย: คนควน
![]() สวัสดีครับ คุณคนควน ได้ดห็นคุณช่วยตอบให้เพื่อนๆมากมายในพันทิพย์ ส่วนตัวผมไม่ค่อยได้ใช้ Excel เลยเฉยๆ จนกระทั่งต้องมาใช้ สูตรเพื่อพิมพ์เลข 1-1000 ถึงได้เห็นประโยชน์ของมัน
ขอบคุณมากครับสำหรับสูตรจะลองศึกษาเพิ่มขึ้น ลองดูแล้วก็สนุกดีแฮะ โดย: sukhum IP: 222.123.156.200 วันที่: 17 มิถุนายน 2552 เวลา:11:17:16 น.
อยากปรึกษาค่ะ ต้องการ sum ข้อมูลที่มีเงื่อนไขมากกว่า 1 ต้องใช้ function ไหนค่ะ ตัวอย่าง
วิชา หน่วยกิต จำนวน นศ AA 2 2 AA 3 4 AA 3 1 BB 2 5 AA 3 7 AA 2 1 BB 2 9 AA 2 3 ถ้าต้องการทราบจำนวน นศ ที่ลงทะเบียนในแต่ละวิชาแยกตามจำนวนหน่วยกิต ต้องเขียนสูตรอย่างไรค่ะ ถ้าใช้ sumif ตามที่เข้าใจจะได้แค่เงื่อนไขเดียวหรือป่าวคะ ขอบคุณล่วงหน้ามากนะคะ โดย: ปู ณ กม. 8 IP: 202.5.83.122 วันที่: 19 มิถุนายน 2552 เวลา:23:39:00 น.
สวัสดีครับ คุณปู 5 กม. 8 ถ้าผมเข้าใจถูกต้อง เป็นการต้องการรวมยอด แยกรายวิชา แยกหน่วยกิต สามารถดูตัวอย่างได้ตามภาพครับ
C13 คีย์ =Sumproduct(--($A$2:$A$9=A13),--($B$2:$B$9=B13),$C$2:$C$9) Enter > Copy ลงด้านล่าง ![]() ![]() โดย: คนควน
![]() อ้าว...โทษทีครับ อ้างชื่อผิด ขอแก้เป็น คุณ ปู ณ กม. 8 ครับ
![]() โดย: คนควน
![]() ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ใช้สูตรนี้เองหรอ? ไม่ทราบจิง ๆ เลย เพราะปกติใช้แต่ sumif แล้ว sumif มันได้เฉพาะเงื่อนไขเดียวหรือป่าว?? ยังคงสงสัยอีกว่า สูตรที่ให้เนี้ยทำไมต้องใส่ -- ด้วยค่ะ แบบว่า งง
โดย: ปู ณ กม. 8 IP: 202.57.173.238 วันที่: 21 มิถุนายน 2552 เวลา:0:40:55 น.
Sumif ใช้ได้แค่เงื่อนไขเดียว แต่สามารถเอาเงื่อนไขมาเชื่อมกันก่อนได้ครับ การเชื่อมเงื่อนไขก็ต้องเพิ่มคอลัมน์ขึ้นมาอีก 1 คอลัมน์
สามารถใช้เครื่องหมาย & ในการเชื่อมข้อความได้เช่น จากรูปในคห. 46 สามารถเชื่อม A2 กับ B2 โดยคีย์สูตร =A2&B2 จะได้เป็น AA2 แล้วค่อยใช้ Sumif จากคอลัมน์ที่เชื่อมใหม่นี้ สำหรับเครื่องหมาย -- เป็นการแปลงค่า True ให้เป็น 1 ค่า False ให้เป็น 0 แต่ละช่วงที่ใช้การเปรียบเทียบซึ่งจะเห็นว่ามีเครื่องหมาย = ในสูตรตามคห. 46 จะเกิดค่า True, False เราต้องแปลงให้เป็น 1, 0 เพื่อให้สามารถคำนวณได้ครับ ![]() โดย: คนควน
![]() |
พลังชีวิตรายวัน มะซ้ำมุข อิๆๆๆ
สดใสใหม่ทุกวัน จันทร์ถึง อาทิตย์
ตารางออกอากาก 555
5 03 2009 ตอน พ่อก่าหลอกหมิงอีกแย้ว
6 03 2009 ตอน ที่มาของชื่ออินชอน ภาค1
7 03 2009 ตอน ต้นมะพร้าวกะตู้จดหมาย อิๆๆๆ
8 03 2009 ตอน 2หมิง งานเข้า