เชียงใหม่-ปาย-ห้วยน้ำดัง วันที่สอง Chiang Mai - Pai - Huai Nam Dang (Day 2, 20 Nov 05) 20 พ.ย. 48 เช้านี้ผมมีโปรแกรมจะขึ้นดอยสุเทพแล้วก็เที่ยวสวนสัตว์ และตบท้ายด้วยถนนคนเดินครับ ก่อนอื่นก็ต้องรองท้องกันด้วยอาหารเช้า ABF ของรีสอร์ทก่อนครับ ให้น้อยไปนิดนึง ก็เลยต้องสั่งข้าวต้มมากินเพิ่มต่างหาก แต่ดีตรงที่ไส้กรอกที่ให้มาดูจะเป็นของมีคุณภาพซักหน่อยครับ ทานข้าวเช้าเสร็จแล้วเราเรียกรถแดงให้ไปส่งที่คิวรถขึ้นดอยสุเทพ คิวรถนี่จะอยู่ตรงด้านหน้าสวนสัตว์เชียงใหม่นะครับ ราคาก็จะขึ้นอยู่กับสถานที่ที่เราจะไปครับ ผมเลือกไปแค่ พระตำหนักภูพิงค์ เพราะดอยปุยต้องเลยขึ้นไปอีก 4 กม. กลัวว่าถนนอาจไม่ค่อยดีเดี๋ยวกระเทือนคนท้องครับ มีคนจะไปพระตำหนักเหมือนเราอีก 4 คนรวมเป็น 6 คน ซักแป๊บนึงล้อก็หมุนครับ รถจะขึ้นไปที่พระตำหนักก่อน แล้วเค้าจะให้เราเดินเที่ยวซัก 1 ชั่วโมงหรือเกินได้นิดหน่อย จากนั้นก็ค่อยลงมาเที่ยววัดพระธาตุดอยสุเทพ ก็ให้เราเที่ยวอีก 1 ชั่วโมงหรือเกินได้นิดหน่อยอีกเช่นเดิมครับ ตอนนี้เราไปพระตำหนักกันก่อนนะ จ่ายค่าเข้าชมคนละ 20 บาท ช่วงที่ผมไปเป็นช่วงที่เค้าเพิ่งจะเริ่มจัดเตรียมสถานที่รับเสด็จ พวกดอกไม้ต่าง ๆ ก็เลยยังไม่มีพรึ่บพรั่บเต็มที่ครับ แต่เท่าที่มีอยู่ก็สวยดี อีกอย่างนึงข้างบนนั้นอากาศเย็นมากและหมอกลงเยอะมากทำให้บรรยากาศดีไปอีกแบบครับ ห้ามถามนะครับว่าดอกอะไร ไม่สันทัดเรื่องชื่อดอกไม้เอาซะเลย ดอกข้างล่างนี่ก็คุ้นมาก แต่ชื่ออะไรนะ ส่วนนี่ก็เป็นพระตำหนักซึ่งเป็นที่ประทับของในหลวงและพระราชินีครับ ข้างบนโน้นมีร้านขายขนมจัดโต๊ะเก้าอี้น่ารักน่านั่งดีครับ ส่วนอันนี้เป็นร้านขายอาหารว่างที่อยู่ใกล้ ๆ ประตูทางเข้าพระตำหนักครับ เนื่องจากภายในบริเวณพระตำหนัก เขาจะมีทางเดินให้เราเดินชม ซึ่งทางส่วนใหญ่เป็นการขึ้นเขาลงเขา ถ้าคิดว่าเดินไม่ไหวเขาก็มีบริการรถกอล์ฟให้นั่งด้วยนะครับ แต่ลองดูราคาซะก่อน เที่ยวชมพระตำหนักไปเรียบร้อยแล้ว รถมารับเราไปเที่ยววัดพระธาตุดอยสุเทพ ต่อครับ ไม่มีอะไรต้องบรรยายมากมาย มาเชียงใหม่ก็ต้องมาดอยสุเทพ ไม่งั้นเค้าว่ามาไม่ถึง ผมมาถึงแล้วนะครับ มาไหว้พระเรียบร้อย เดินไหว้รอบพระธาตุไป 3 รอบ ด้านบนก็มีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นตัวเมืองเชียงใหม่ได้ และก็แน่นอนสามารถมองเห็นสนามบินเชียงใหม่ได้ด้วยครับ เมื่อก่อนวัดพระธาตุดอยสุเทพมีรถรางให้บริการ แต่ตั้งแต่อุบัติเหตุคราวก่อนเขาก็ปรับปรุงใหม่เปลี่ยนเป็นลิฟต์แทน ถึงแม้จริง ๆ มันก็เหมือนเอาลิฟต์วิ่งบนรางเฉียง ๆ คล้าย ๆ รถรางอยู่ดี แต่เราจะรู้สึกเหมือนอยู่ในลิฟต์มากกว่า ค่าบริการก็คนละ 20 บาทเป็นราคาไปกลับ เสร็จจากดอยสุเทพแล้ว เราลงมาด้านล่างเพื่อมาเที่ยว สวนสัตว์เชียงใหม่ กันต่อ เป้าหมายอย่างเดียวคือ น้องช่วงช่วง และหลินฮุ่ยนั่นเอง เราตีตั๋วเข้าไป ค่าผ่านประตูคนละ 30 บาท ถ้าไม่ได้ขับรถไป เขาจะมีรถบริการภายในสวนสัตว์ ค่าบริการอีกคนละ 20 บาท ขึ้นลงได้ตลอดเวลา (แต่ผมว่าถ้าอยากสะดวกจริง ๆ ขับรถมาเองน่าจะดี) ถ้าไม่อยากขึ้นรถบริการและไม่มีรถมาเองด้วย ท่าทางจะลำบาก เพราะสวนสัตว์กว้างมากและทางเป็นทางขึ้นลงเขาอีกตะหาก เราตีตั๋วขึ้นรถบริการเพื่อไปดูหมีแพนด้า ไปถึงตอนใกล้บ่ายสองโมงพอดี เขาจะให้อาหารหมีแพนด้าเวลา 10:00, 12:00, 14:00, 16:00 เราเลยได้ดูเจ้าสองตัวนี้กินอาหารอยู่เป็นชั่วโมงเลยทีเดียว เวลาดูหมีแพนด้าเขาห้ามส่งเสียงดัง เดี๋ยวมันตกใจแล้วอาจไม่ยอมลงมากินอาหารใกล้ ๆ เรา เวลาถ่ายรูปก็ห้ามใช้แฟลชเพราะแพนด้าไม่มีม่านตา ถ้าเจอแฟลชมาก ๆ อาจตาบอดได้ ปรากฏว่ารอบที่ผมไปดูเป็นจังหวะที่มีทีมงาน The Star มาพอดี มีน้กร้องหนุ่ม The Star มาด้วย คนเลยเริ่มส่งเสียงดัง ถ่ายรูปกันแฟลชแว้บวับ เห็นแล้วสงสารเจ้าหน้าที่เลย เพราะห้ามเรื่องส่งเสียงดังกับเรื่องแฟลชก็ไม่มีใครฟังแล้วทีนี้ นี่เจ้าสองตัวกำลังเดินลงมารับอาหารเป็นไผ่อันโอชะ ภาพบนนี่คือเจ้าช่วงช่วง เป็นตัวผู้ครับ นั่งกินอาหารหันหน้าให้ผู้ชมดูตลอดเวลาเลย ส่วนตัวนี้เจ้าหลินฮุ่ย ตัวเมียครับ นั่งกินอาหารหันหลังให้ผู้ชมตลอดเวลา จะหันหน้ามาเฉพาะเวลาไผ่ในมือหมด และจะขอเพิ่มอีก เป็นผู้หญิงก็ตัองเขินอายหน่อยสิเนอะ จะมากินโชว์สาธารณชนได้ไง กินกันอิ่มแล้วก็มากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันซักนิดแค่พองาม ก่อนจะแยกวงไปกินต่ออีกรอบครับ ออกจากบ้านหมีแพนด้า เราก็นั่งรถบริการของสวนสัตว์เพื่อดูที่อื่น ๆ ต่อ ปรากฏว่าไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่นัก (สำหรับผมนะ) สัตว์ที่ดูจะน่าสนใจก็มีเพนกวิน ซึ่งไม่อยู่ และหมีโคอาร่า ซึ่งยังไม่มา และก็เห็นกำลังสร้าง aquarium กันอยู่ คงอีกนานกว่าจะเสร็จ เราก็เลยออกจากสวนสัตว์แล้วเรียกรถแดงไปลงแถว ๆ หอศิลป วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ที่ถนนราชดำเนินและถนนข้างเคียงจะมีถนนคนเดิน เดี๋ยวเราก็จะเดินด้วยเหมือนกัน ตอนนี้ไปเดินหาข้าวมันไก่ร้านดังดูก่อน เดินหาแล้วแต่ไม่เจอ (ตอนหลังมาเห็นอยู่ใกล้ ๆ กันนั่นแหละ ตาถั่วเอง) เจอแต่ร้านสอาด เลยกินเย็นตาโฟแทน (รสชาติก็โอเค แต่ผมว่าที่ กทม มีอร่อย ๆ กว่านี้อีกนะ) แล้วก็ทานซ่าหริ่ม อันนี้อร่อยดี ทานเสร็จก็ถามเด็กในร้านว่ารู้จักหอศิลปมั้ย ส่ายหน้ากันทุกคนเลย ผมก็งงเลย ดูจากแผนที่แล้วหอศิลปน่าจะอยู่แถว ๆ นี้แหละ เดินออกจากร้านไปหน่อยนึงก็เจอ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ครับ แล้วที่เป็นฉากหลังของอนุสาวรีย์ก็ไม่ใช่อะไรอื่นเลยครับ นั่นคือ หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ ที่ผมตามหาอยู่นั่นเอง แล้วทำไมเด็ก ๆ ในร้านถึงไม่รู้จักนะ ผมไปถึงก็เกือบ 5 โมงเย็นแล้ว ใกล้จะได้เวลาปิดเต็มที ก็เลยเข้าไปถามข้อมูลไว้นิดหน่อยก่อน ถ้าวันหลังมีเวลาก็ค่อยมาอีกที ที่นี่เปิดทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่ 8:30-17:00 ค่าเข้าคนละ 20 บาท ที่หอศิลปแห่งนี้ เดิมเป็นศาลากลางจังหวัด ต่อมาเมื่อย้ายศูนย์ราชการออกไป เค้าก็เลยเอาอาคารแห่งนี้มาจัดเป็นหอศิลปอย่างทุกวันนี้แหละครับ ภาพบน และภาพล่างนี้ถ่ายวันสุดท้ายของทริปนี้ครับ เพราะผมพอจะมีเวลาก็เลยแวะมาชมที่นี่กันเต็ม ๆ อีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามในเย็นวันนี้เรายังไม่ได้เข้าไปชมด้านในหอศิลปกัน แต่เรานั่งพักอยู่ตรงอนุสาวรีย์ แล้วพอเย็นลงถนนคนเดินก็เริ่มคึกคักขึ้น ถึงเวลาที่เราต้องไปเดินดูของกันแล้ว โดยส่วนตัวแล้วผมชอบถนนคนเดินที่นี่มากกว่าตรงถนนวัวลาย อาจเป็นเพราะผมมาถูกเวลา ไม่เหมือนถนนวัวลายที่ผมไปถึงไวเกินไป แต่ผมว่าสินค้าที่เอามาขายที่ถนนคนเดินวันอาทิตย์นี่ ดู ๆ น่าจะเก๋ไก๋กว่า ก็เป็นแค่ความรู้สึกส่วนตัวน่ะครับ เย็นวันนี้เราก็เดินดูของกันนานพอสมควร ค่ำ ๆ หน่อยก็เรียกรถตุ๊ก ๆ กลับที่พัก และคืนนี้ก็จะเป็นคืนสุดท้ายสำหรับเราที่จะพักที่สวนดอย พรุ่งนี้เช้าหลังทานข้าวแล้วเราจะเตรียมตัวออกเดินทางไป"ปาย"กันครับ ภาพเยอะดีจัง
โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 30 พฤศจิกายน 2548 เวลา:12:38:31 น.
Tom, you are becoming such an accomplished photographer. Very nice pictures. Although, your picture of the ABF does not look tasty. The egg on the left looks very green in the middle and the meat looks very strange. What kind of meat is that? I hope you had something else more delicious, like Kow Tom.
P Noom โดย: Monchai IP: 69.172.236.136 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2548 เวลา:14:49:05 น.
กำลังจะตามไปวันที่ 3 ค่ะ
โดย: kitty in tent IP: 58.9.39.213 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2548 เวลา:17:53:38 น.
|