Valentine's Day :: บางที อาจคือเธอ


ประมาณหก โมงเย็น
ฟ้าครึ้มๆทำท่าเหมือนฝนจะตก
จีนขับรถออกจากที่ทำงานด้วยความเหนื่อยอ่อน
แต่ยังโชคดีที่วันนี้งานเสร็จเร็ว

...จำไม่ได้แล้วว่า ครั้งสุดท้ายที่ได้กลับบ้านก่อนสองทุ่ม คือเมื่อไหร่…
รถบนถนนติดหนึบ จีนไม่ค่อยคุ้นกับการจราจรคับคั่งขนาดนี้

บางที เลิกงานดึกๆมันก็ไม่เลวนักหรอก
อย่าง น้อยก็ไม่ต้องมาเสียเวลาบนถนนนานๆไปแบบเปล่าประโยชน์

ระหว่างนั่งเบื่อๆอยู่ในรถ จีนเริ่มหาอะไรแก้เซ็งทำด้วยการมองโน่น มองนี่
สังเกตเห็นว่า รถเกือบทุกคันต่างก็มี ชายหนุ่ม หญิงสาว อยู่ด้วยกันเป็นคู่ๆ
กำลังหัวเราะต่อกระซิก ไม่ก็ป้อนขนมป้อนน้ำกันอย่างมีความสุข

ดู จนเบื่อ เลยละสายตา มาสนใจร้านค้าริมทางบ้าง
ซึ่งปกติ ได้แต่ขับรถผ่านไปเฉยๆ

ร้านดอกไม้ดูคึกคักดีจัง มีลูกค้าแน่น
ขณะที่จีนกำลังมองอะไรเพลินๆ

ก๊อกๆๆ.... เสียงเคาะกระจกรถดังขึ้น


ทำเอาจีน สะดุ้งตกใจ หันไปมองที่ต้นเสียง
มีเด็กผุ้หญิงตัวเล็กๆใส่ชุดนักเรียน
อายุไม่น่าเกินสิบขวบ ยิ้มให้
พร้อมยก ดอกกุหลาบดอกเล็กๆกำนึงในมือให้ดู

...เด็กขายพวงมาลัย วันนี้ เปลี่ยนเป็นเด็กขายดอกกุหลาบแทนแล้วหรือไง..

จีนแกล้งพูดกับเด็กน้อยว่า
“ พี่จะซื้อพวงมาลัยมะลิ น้องไม่มีขายเหรอครับ”

เด็กคนนั้นมองหน้าจีน แบบไม่แน่ใจว่าเขาไม่รู้จริงๆหรือแกล้งเธอกันแน่
“พี่คะ วันวาเลนไทน์ ไม่มีใครขายพวงมาลัยหรอกค่ะ มันไม่ได้ราคา”
เธอตอบ

.. วันวาเลนไทน์เหรอนี่..
มิน่า ร้านดอกไม้ลูกค้าถึงเยอะแยะแบบนั้น
ทำงานจนลืมวันลืมคืน

แต่อย่างว่าสำหรับเขา ไม่ว่าวันไหนคงไม่ต่างกัน

จีนมองตรงไปที่ถนนข้างหน้า ยังไม่มีวี่แวว รถจะขยับได้เลย
ตอนนี้มีเพียงแม่หนูขายดอกไม้คนนี้เท่านั้น ที่พอจะเป็นเพื่อนคุยแก้เซ็งได้

“แล้วน้องขายดอกละเท่าไหร่ล่ะครับ ”
ดอกกุหลาบบางดอกก็เริ่มช้ำแล้ว น้องคนนี้คงมาเดินขายอยู่นาน


“ดอกละห้า สิบบาทค่ะ ดอกกุหลาบวาเลนไทน์ “
เด็กมองหน้าเขาแล้วพูดอย่างมีความหวังว่าจะขายได้เพิ่มได้อีกสักดอก

ตกลงเจ้าดอกกุหลาบนี้มันพันธุ์วาเลนไทน์หรืออย่างไร มันถึงแพงนัก
ดอกเล็กนิดเดียว คิดดอกละตั้งห้าสิบบาท


ปกติกุหลาบขนาดเท่านี้ทั้งกำ ที่ปากคลองตลาดไม่ถึงห้าสิบบาท.. จีนขำๆในใจ

“พี่ขา อุดหนุนหนูหน่อยซิคะ หนูขายทั้งวันเพิ่งได้ไม่กี่ดอก”
เด็กหญิงมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน

จีนมองหน้าหนูน้อยอย่างรู้สึกเห็นใจ
ตัวเล็กแค่นี้ต้องออกมาตะลอนๆตามท้องถนนช่วยพ่อแม่ทำมาหากินแล้ว

“พี่ซื้อหนูดอกนึงละกัน” เขาพูดกับเด็กคนนั้น พลางยื่นแบงค์ห้าร้อยให้
เด็กมองแบงค์ในมือจีน แล้วพูดว่า
“ พี่ค่ะ หนูไม่มีทอนหรอก ”
จีนมองเธอด้วยสายตาเอ็นดู “เอาไปเถอะ ไม่ต้องทอน พี่ให้หนู”
“เย็น มากแล้ว อีกเดี๋ยวฝนก็คงตก กลับบ้านได้แล้วนะเรา” เขาพูดต่อ

จีนรู้สึกว่าห้าร้อยบาทที่ให้เด็กไปมันคงมีความหมายกับเธอมากกว่า
ห้าร้อยบาทที่ร้านขายดอกไม้หรูๆจะรุ้สึกกับมันเป็นแน่

“ไม่ได้หรอกค่ะ หนูรับเงินของพี่ไม่ได้” เด็กน้อยพูดด้วยเสียงจริงจัง



*********************************




“พี่รอหนูก่อนได้ไหมคะ เดี๋ยวหนูวิ่งไปหาเงินทอนมาให้ นะคะๆ”
เธอคงลืมไปว่า ถึงอย่างไร รถติดแบบนี้
ถึงไม่รอเธอ เขาก็คงไปไหนไม่ได้อยู่ดี

“งั้น พี่เหมาหนูทั้งหมดเนี่ย ห้าร้อยพอไหมล่ะ”

สาวน้อยทำท่าลังเล เอานิ้วมือเล็กๆนับดอกไม้ในมือเธออย่างน่าเอ็นดู
“หนึ่ง สอง สาม สี่ ....สิบสอง”
เสียงเธอนับดอกไม้ดังฟังชัด ทำให้จีนรุ้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาทันที
ท่ามกลางความน่าหงุดหงิดกับการจราจรตอนนี้

“ทั้งหมดสิบสองดอก สิบสองดอกมันทั้งหมดกี่บาทคะ”

คำถามซื่อๆแบบนี้ ทำให้จีนอดหัวเราะออกมาดังๆไม่ได้
“หนูนับเลขเป็น แต่ยังคิดไม่เป็นค่ะ พี่ช่วยคิดหน่อยซิคะ ว่าทั้งหมดเท่าไหร่”


“ดอกละห้าสิบ สิบสองดอก ทั้งหมด หกร้อยบาทครับ”
จีนคิดค่าดอกไม้ให้เธอตามจริง
“แต่พี่มีแค่ห้าร้อยบาทนะ หรือ หนูจะให้พี่แค่สิบดอกก็ได้ ห้าร้อยพอดีเลย”
เขาพูดกับเธอ
หนูน้อยกุหลาบแดง ทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า
“ อีกสองดอกหนู แถมให้พี่ใจดีแล้วกันค่ะ”


เขารับดอกกุหลาบไว้แล้ววางมันไว้ที่เบาะข้างๆคนขับ
รถเริ่มเคลื่อนตัวพอดี
“ พี่ไปแล้วนะ เป็นเด็กดีตั้งใจเรียน ไว้พี่จะผ่านมาคุยด้วยอีก”
เด็กน้อยตะโกนตามหลังมาได้ยินชัดว่า
“ ขอให้มีความสุขกับวันแห่งความรักนะค๊า พี่ใจดี ”

เพียง แค่นี้ จีนก็อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ
ไม่รู้ผลบุญที่เขาช่วยซื้อดอกไม้หรือเปล่า
หลังจากหลุดไฟแดงนั้นมาได้ถนนก็โล่งแบบไม่น่าเชื่อ
เขาเริ่มเหยียบคันเร่ง เมื่อเหลือบมองไปที่รอบวัดความเร็วของรถ
เข็มมันแตะที่เลข 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นครั้งแรกของเย็นวันนี้


เขายังรู้สึกเพลินกับการมองโน่นมองนี่ข้างทาง
ฝนเริ่มตกปรอยๆลงมาแล้ว เขาชะลอความเร็วลงนิดหน่อย
ดูบรรยากาศริมถนนไปเรื่อยๆด้วยความสบายอารมณ์

ฝนเริ่มตกหนัก ขึ้นเป็นเม็ดหนา
รถเก๋งคันโก้สีดำเงาวับ เปิดไฟหน้าวิ่งฝ่าสายฝนไปด้วยความสง่างาม
ตามราคาหลักล้านของมัน

อีก ไม่น่าเกินสิบนาทีก็จะถึงคอนโดเขาแล้ว
หมดไปอีกวันหนึ่งเพื่อจะเริ่มวันใหม่ ชีวิตแต่ละวันก็เป็นแบบนี้
เลิกงานวันนี้เพื่อที่จะทำงานต่อในวันพรุ่งนี้

แต่อย่างไรก็ดี คอนโดหรูสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยงาม
และรถบีเอ็มดับบลิว ซีรีย์ห้าป้ายแดง ที่เป็นของขวัญให้ตัวเอง
มันก็คงไม่เลวนักหรอก

ขณะ ที่ขับรถท่ามกลางสายฝนและลมค่อนข้างแรงนั้นเอง
เขาสังเกตเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรัง
กำลังรอเรียกแท็กซี่อยู่ข้างหน้าศูนย์บริการของรถยนต์ยุโรปยี่ห้อหนึ่ง
ห่างออกไปประมาณ ห้าสิบเมตร

รูปร่างและหน้าตาเธอดูคุ้นเป็นอย่างมาก
เขาค่อยๆลดความเร็วลงเพื่อจะได้มองเธอถนัดๆ
ยิ่งใกล้ยิ่งคุ้นตา ...เคยเห็นเธอที่ไหนนะ ไม่นานนี่เอง คุ้นมากๆๆ

...จีนหงุดหงิดที่นึกไม่ออกว่าเคยเจอเธอที่ไหน

เธอคนนั้น ในตอนนี้อยุ่ในชุดสูททำงานเปียกปอนไปหมด
ที่แขนสะพายกระเป๋าใบโตอยู่
ส่วนในมือก็ถือแลบท็อปอีกเครื่อง

นี่ยังไม่รวมแฟ้มขนาดใหญ่และช่อดอกไม้สวยๆอีกสองสามช่อ

“จะย้ายบ้านไปไหนเนี่ย ”จีนเผลอพูดออกมา
เขา เริ่มนึกออกแล้วว่าเคยเจอเธอที่ไหน
คงประมาณวันศุกร์ที่ผ่านมา
กลุ่มของจีนนัดกินข้าวกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวๆสุขุมวิท
เพื่อนผู้หญิงในกลุ่มที่ชื่อ กิ๊ก พาเธอคนนี้มาร่วมโต๊ะด้วยด้วย
และแนะนำให้เพื่อนๆในกลุ่มรู้จัก
“ นี่ เพลิน ค่ะ เพื่อนกิ๊กเอง ทำงานอยู่ที่เดียวกัน ”

กิ๊กหมายถึง Park Hills Hotel โรงแรมห้าดาวสุดหรูใจกลางกรุงเทพ
แค่นั้นเองที่จีนได้รุ้จักกับเธอในคืนนั้น
เพราะเธอกับเขานั่งอยุ่กันคนละฝั่งโต๊ะไม่สะดวกที่จะคุยกัน
อย่างไรก็ดีถ้าเพลินไม่ดูดีและเก๋สะดุดตาขนาดนั้น
เขาก็คงอาจจะจำเธอไม่ได้

ไหนๆ ก็รู้จักกันแล้ว แถมเป็นเพื่อนของเพื่อนสนิทอีก
จีนเลยตัดสินใจขับรถเข้าไปเทียบที่เธอยืนหลบฝนอยุ่
“สวัสดีครับ เพลิน จะไปไหนเหรอครับ”
เขากดกระจกลงแล้วถามตะโกนถามเธอฝ่าสายฝน

เพลิน ตกใจอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ได้ตั้งตัวมาก่อนว่าจะมีคนจอดรถมาทักทายเช่นนี้
เธอจ้องหน้าเขาอยุ่ครู่หนึ่ง
เพราะฝนตกหนักขนาดนี้ก็คงเห็นอะไรไม่ชัดนัก แต่ในที่สุดเธอก็ยิ้มให้

“อ๋อนึกว่าใคร คุณจีน นี่เอง” เธอตะโกนตอบกลับมา
“เพลิน จะกลับบ้านค่ะ แย่จริงฝนมาตกวันที่รถเสียซะด้วย
หาแท็กซี่ก็ย๊ากยาก ผ่านกี่คันๆก็มีผู้โดยสาร”
เธอทำหน้าเซ็งๆ พลางเอามือปาดน้ำฝนที่สาดกระเซ็นมาโดนหน้า

“ ปกติตอนเย็นๆแบบนี้ ก็หาแท็กซี่ยากอยู่แล้วละครับ
ยิ่งฝนตกด้วย ไม่ต้องพูดถึง ”
“ จะไปไหนล่ะครับ ” จีนถามแสดงความมีน้ำใจ
“ไปแถวๆเซ็นทรัลบางนาค่ะ” เธอตอบ
...โห บางนา ไกลแบบนี้ ต่อให้แท็กซี่คันที่ว่างๆ บางทียังไม่ไปเลย ...จีนคิด

เมื่อแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่มืดมัวซัว และสภาพของเพลินในตอนนี้
ทำให้อดสงสารไม่ได้
“ ผมไปส่งให้ดีกว่า ไม่งั้นคงอีกนานกว่าจะเรียกแท็กซี่ได้”
จีนตัดสินใจชวนเธอขึ้นรถ

“ ไม่เป็นไรค่ะ เกรงใจ บ้านเพลินไกล” เธอส่ายหัว ไม่ยอมรับคำชวน
“ ขึ้นมาเหอะคุณเพลิน ฟ้ามืดแล้ว ฝนก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดง่ายๆ
ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ”

“ เพื่อนของกิ๊ก ก็เหมือนเพื่อนผมแหล่ะ
ขืนรอตรงนี้ อีกชั่วโมงนึงผมยังคิดว่า จ้างแท็กซี่ไม่ได้ ”
จีนตัดบทด้วยการเอื้อมมือไปหยิบร่มที่วางอยู่เบาะหลัง
แล้วเปิดประตูออก เดินฝ่าสายฝนออกไปรับเธอ

เพลินมองชายหนุ่มหน้าตาดี ผิวขาว ร่างสูงใหญ่เดินกางร่มมาหาเธอ
แล้วรู้สึกเกรงใจปนเขินๆคงไม่ผิดนัก

“มาครับ ผมช่วยดีกว่า” จีนเอามือแตะไปที่ แลบท็อป
และแฟ้มเอกสารอันใหญ่ที่เพลินกอดเอาไว้แน่น

เธอมองหน้าเขา พลางคลายอ้อมกอดของตัวเองออก
ปล่อยให้จีนเอาของๆเธอไปถือแทน

“ขอบคุณค่ะ” เพลินพูดขอบคุณเบาๆ พลางก้มหน้านิดหน่อย
เมือเปิดประตูก้าวมาจะนั่งในรถ
เพลินมองเห็นดอกกุหลาบช่อหนึ่ง วางอยู่เบาะ
เธอจึงหยิบมันขึ้น แล้วเอามารวมกับช่อดอกไม้ที่เธอถืออยู่

“เอาดอกไม้ไว้เบาะหลังดีไหมครับ จะได้นั่งสบายๆ ”
จีนหันมาบอกเพลิน ก่อนจะขับรถออกไป

เมื่อเข้ามาอยู่ในรถแล้ว ทั้งสองเริ่มรู้สึกอึดอัดแปลกๆ
ต่างก็ไม่รู้จะชวนอีกฝ่ายคุยเรื่องอะไร

ก็เป็นจีนที่เริ่มชวนคุยก่อน
“ รถเป็นอะไรเสียเหรอครับ แล้วทำไมเอามาเข้าศูนย์ที่นี่
ทำงานอยู่แถวๆสุขุมวิทไม่ใช่เหรอ”


*********************************



“พอดีวันนี้ต้องมาหาลูกค้าแถวนี้น่ะค่ะ แล้วรถดันมาเสียพอดี ”

“แล้วรถมันเป็นอะไรเสียละครับ ”
เขาสนใจถามต่อ

“เอ่ออ อยู่ดีๆมันก็สตาร์ทไม่ติด ”
เธอตอบ หลังจากที่ใช้สายตามองโน่นมองนี่ไปทั่วๆรถของจีน

ตามประสานิสัยผู้หญิง


“รถก็ยังใหม่ๆอยู่ ไม่นึกว่าจะเสียง่ายแบบนี้ ” เธอบ่นๆ

จีนไม่อยากซักไซ้ต่อ เดี๋ยวเธอจะหงุดหงิดเสียเปล่าๆ
ตัวเปียกเสื้อผ้าเปื้อนก็คงทำให้เซ็งอารมณ์มากพอแล้วสำหรับวันนี้


“จะต้องรีบไปไหนหรือเปล่าครับ จะได้ขับเร็วกว่านี้” จีนหันมาถามเธอ

ภาพที่เขาเห็น เป็นสาวผมยาวเคลียไหล่
หน้าตาสวยคมแบบไทยแท้ ผิวสีน้ำผึ้งอ่อนๆ รวมกับจมูกโด่งแหลม
ตาที่กลมโต คิ้วเข้มๆและขนตาที่งอนยาวของเธอแล้ว
เขาคิดว่าดอกไม้แค่สองสามช่อในมือของเธอเมื่อสักครู่มันยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ


“ไม่ต้องขับเร็วหรอกค่ะ ฝนตกถนนลื่น อันตราย”
เธอไม่ค่อยกล้าหันไปมองหน้าเขาเท่าไหร่ จึงหันหน้าออกไปทางกระจก

“ แล้วคนที่ส่งดอกไม้มาให้ ไม่มารับเหรอครับ ถึงต้องกลับแท็กซี่ ”
“ ได้ดอกไม้ตั้งหลายช่อ สวยๆทั้งนั้น ดีนะครับ มีคนมารักเยอะๆ ”
เขาแซวเธอเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น


“แล้วคุณจีนล่ะคะ วันนี้วันวาเลนไทน์นะ ทำไมไม่มีนัด ”
เธอถามเขากลับ
“ ก็ไม่มีนัดนี่ครับ จะให้ไปไหน นอกจากกลับบ้าน ”
เขาพูดตรงๆแบบไม่ได้คิดอะไร

ผู้ชายที่ดูดีขนาดนี้ ไม่มีนัดกับสาวคนไหนวันวาเลนไทน์เนี่ยนะ
...เธอจะเชื่อเขาดีไหม

เขาเริ่มหิว เพราะทั้งวันได้กินแค่กาแฟไม่กี่แก้ว
กับขนมปังกรอบสองสามชิ้นที่เลขาเอามาเสิร์ฟตอนคุยกับลูกค้าเท่านั้น
ตอนนี้ก็ทุ่มกว่าแล้ว
“แถวนี้มีอะไรอร่อยบ้างครับ คุณเพลิน”

“แถวนี้เหรอคะ ไม่มีหรอก ถ้าจะเอาอร่อยๆ
ขับไปถึงใกล้ๆบ้านเพลินซิคะ มีราดหน้าเสวย เจ้านึงอร่อยมากๆ”
เพลินพูดแบบภูมิใจนำเสนอ


“ราดหน้าเสวยเหรอ โอ้โหชื่อดูดีจัง ใส่อะไรบ้างครับเนี่ย ”
เขาเริ่มสนใจ ร้านที่เธอแนะนำ

“เอาอย่างนี้ดีกว่า เครื่องเยอะจนมองไม่เห็นเส้นก๋วยเตี๋ยวเลยล่ะคะ”
เธอตอบแบบขี้เกียจจะนึก

“โอเคครับ เอาร้านนี้แหล่ะ” เขาตัดสินใจแบบไม่ต้องคิดมาก

เกือบๆสองทุ่ม จีนก็ขับมาถึงปากซอยบ้านของเธอ
“เดี๋ยวเลี้ยวเข้าซอยไปแล้ว ชะลอรถหน่อยนะคะ
ร้านอยู่ตรงซ้ายมือ เก่าๆหน่อย”เธอพูด

จีนมองเห็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวราดหน้า
ร้านดูเก่าๆโทรมๆ มีอาแป๊ะคนหนึ่งกำลังง่วนกับการผัดเส้นก๋วยเตี๋ยวอยุ่
อย่างขะมักเขม้น ควันโขมงไปทั่ว มีลูกค้ารอก๋วยเตี๋ยวอยุ่สองสามคน

“ทุกทีคนแน่นมากๆเลยนะคะ สั่งทีต้องรอเกือบชั่วโมง”
“สงสัยมันดึกแล้ว ฝนตกอีกต่างหาก คนเลยน้อย โชคดีจัง”



“อาแป๊ะ ผมขอก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ครับ ใส่ถุงกลับบ้าน”
จีนพูดกับคนขายก๋วยเตี๋ยว

“ได้ๆๆ รอเดี๋ยวน่ะ อาตี๋”
อาแป๊ะตอบโดยไม่ได้มองหน้าจีนด้วยซ้ำ


“ไม่ทานที่ร้านเลยล่ะค่ะ ใส่ถุงกลับบ้านจะอร่อยเหรอ
ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าต้องทานตอนร้อนๆ”
“กว่าจะถึงบ้าน เข้าไมโครเวฟก็ไม่อร่อยเหมือนทานที่นี่หรอก”


“ แล้วเพลินจะทานด้วยหรือเปล่า จะได้ทานด้วยกันเลย”
จีนชวนเธอ
“ เอาซิคะ ทานด้วยกันดีกว่า เพลินก็หิวเหมือนกัน ”
“ อาแป๊ะขา ขอราดหน้าเสวยสองจานนะคะ ทานที่นี่”


ไม่ นานนัก ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าเสวยที่เพลินชวนชิม
ก็ถูกลูกชายอาแป๊ะยกมาให้
ควันร้อนๆจากก๋วยเตี๋ยวลอยส่งกลิ่นหอมกรุ่นมาแต่ไกลเลยทีเดียว

“น่าทานจัง” จีนมองก๋วยเตี๋ยวที่วางอยุ่ตรงหน้าเขา ใส่เครื่องเยอะแยะ
อะไรต่อมิอะไรต่างๆอีกมากมาย มองแทบไม่เห็นเส้นที่อยุ่ข้างล่างจริงๆ

ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างตั้งตาตั้งตากินอย่างเอร็ดอร่อย
ไม่พูดจากันเลยด้วยความหิว


ลูกชายอาแป๊ะยกน้ำชาใส่น้ำแข็งในแก้วเก่าๆมาวางให้ แล้วเดินจากไป

ท่ามกลางร้านเก่าๆที่อบอวลไปด้วยควันไฟจากการผัดก๋วยเตี๋ยว
จีนรุ้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

.....
.......
..........

“ถึงแล้วค่ะ บ้านเพลิน”
“ขอบคุณ มากๆเลยนะคะในวันนี้ ไม่เจอจีนสงสัยป่านนี้ยังไม่ถึงบ้านแน่ๆ”


“ไม่ เป็นไรหรอกครับ ไว้มีโอกาสคงได้เจอกันอีกนะครับ”

เพลินแพร ยืนมองตามรถของจีนแล่นออกจากบ้านไปจนลับตา
ด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก


เมื่อถึงห้องนอน
เธอวางข้าวของทั้งหมดลงบนเตียงที่แสนนุ่ม
และทิ้งตัวลงนอนอย่างเหนื่อยอ่อน

“เฮ้อ อออ คิดถึงเตียงนอนมากเลยวันนี้ เหนื่อยสุดๆ”
เธอบ่นออกมาดังๆ พลางเอียงตัวมามองสิ่งของที่วางกองอยู่บนเตียง

กระเป๋าสะพายใบโตของเธอ แลบท็อป แฟ้มหนึ่งอัน
ช่อดอกไม้อีก... สี่ช่อ

“อุ๋ยยยตายแล้ววว แย่จัง ดันหอบเอาดอกไม้ของจีนติดมือมาด้วยได้ไงเนี่ย
เค้าไม่ได้ให้เราซักกะหน่อย”
เพลินอุทานออกมาด้วยความตกใจ

เธอเอื้อมมือไปหยิบดอกกุหลาบที่สวยบ้างช้ำบ้าง
ห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ขึ้นมาพิจารณาด้วยความแปลกใจ
“ สาวไหนให้มาเนี่ย ไม่ลงทุนเล้ยยย ห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ ”
“ หรือเค้าจะซื้อไปให้สาวที่ไหนหรือเปล่า ”
เธอตั้งข้อสงสัยไปเรื่อยเปื่อย


เพลินแพร บรรจงแกะกุหลาบออกจากกระดาษหนังสือพิมพ์อย่างระมัดระวัง พลางหยิบแจกันใบสวยออกมา
เติมน้ำเข้าไปพอสมควรแล้วใส่เจ้าดอกกุหลาบทั้งหมดนั้นลงในแจกัน
“ค่อยยังชั่วหน่อย สวยขึ้นอีกจมเลย”
เธอยิ้มให้ดอกกุหลาบ...หรือคิดถึงเจ้าของมันก็ไม่รู้

“ปักไว้แบบนี้ก่อนแล้วกัน จะได้อยู่อีกนานๆ”
แล้วสาวสวยก็เดินตัวปลิวเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายใจ

......
.........
.............

อีกเกือบครึ่งชั่วโมง จีนก็ขับรถมาถึงคอนโดของเขาจนได้
เมือจอดรถเสร็จ จีนก็เหลือบตาไปที่เบาะหลัง
มองหากุหลาบที่ซื้อมาจากเด็กน้อยคนนั้น
“อ่าววว กุหลาบหายไปไหนแล้วเนี่ย ”


ติ๊ดด ติ๊ดดด ติ๊ดดดด เสียงโทรศัพท์เขาดังขึ้น

...ใครโทรมานะ ดึกป่านนี้แล้ว หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องงาน...
เขาบ่นพึมพำออกมา

จีนตัดสินใจกดรับสาย “ สวัสดีครับ ”
“จีนหรือเปล่าคะ นี่เพลินเองนะคะ”
เจ้าของเสียงเอ่ยชื่อตัวเองออกมา

“ คือ คือดอกกุหลาบคุณจีน อยู่กับเพลินนะคะ”
“พอ ดีเผลอหยิบติดมือมาด้วย ไม่ทราบว่าพรุ่งนี้
จะให้เพลินเอาไปคืนให้ที่ไหนดีคะ”

“ไม่ต้องเอามาคืนหรอกครับ ผมไม่ได้ซื้อให้ใคร”
“ดอกกุหลาบอยู่กับคุณน่ะดีแล้ว คงเหมาะสมกว่าอยู่ที่บ้านผมเยอะ”
“ ขอให้มีความสุขและมีความรักดีๆนะครับ
"Happy Valentine’s Day ครับ”

“..เอ่ออ...คะ” เพลินรวบรวมคำพูดออกมาได้แค่นั้น
“ Happy Valentine’s Day เช่นกันค่ะ"


.................... The End ........................




Create Date : 14 สิงหาคม 2552
Last Update : 14 สิงหาคม 2552 14:00:24 น.
Counter : 572 Pageviews.

3 comments
lead to better decision-making พุดดิ้งรสกาแฟ
(11 เม.ย. 2567 21:19:04 น.)
Oh!! my sassy boss ตอนที่ 21 หน้า 4 unitan
(8 เม.ย. 2567 08:00:29 น.)
"วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ เธอจะเห็นใครคนหนึ่งที่รอเธอ" อาจารย์สุวิมล
(8 เม.ย. 2567 08:12:29 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 30 : กะว่าก๋า
(7 เม.ย. 2567 05:51:28 น.)
  
แวะมาอ่านค่ะ
โดย: warniie วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:18:40:39 น.
  
ให้แอบเดาในใจต่อไป
สนุกดีค่ะ
โดย: เจ้าชายน้อย (de prince ) วันที่: 26 สิงหาคม 2552 เวลา:10:02:48 น.
  
น่ารักดีค่ะ
โดย: cray69 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:22:08 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Pee-teeyai.BlogGang.com

online guy
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]