วิกฤติสื่อ วิกฤติใคร หากพูดถึงสื่อในปัจจุบันจะว่าสื่อเริ่มถูกคุกคามก็คงไม่ผิดเนื่องจากผู้คนมากมายหลายแขนงต่างพยายามที่จะควบคุมสื่อไว้ในมือโดยเฉพาะนักการเมืองซึ่งช่างดูขัดแย้งกับความเป็นจริงที่ประชาชน นักศึกษา นักวิชาการหรือนักการเมืองต่างออกมาประกาศ โห่ร้องก้องกึกที่อยากให้รัฐบาลออกมาขับคลื่นให้สื่อเป็นแขนงอาชีพที่อิสระ เอเอสทีวี (ASTV หรือ Asia Satellite TV) เป็นสื่อโทรทัศน์ช่องหนึ่งซึ่งเริ่มต้นเมื่อปลายปี พ.ศ. 2546 เมื่อบริษัท บีทีวี อาร์เอ็นที ของ พ.ต.อ.รวมนคร ทับทิมธงไชย ได้รับสิทธิ์จากกรมประชาสัมพันธ์ ให้ขยายช่องรายการของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 เป็นช่อง 11/1 ทำรายการข่าวโทรทัศน์โดยมีรายได้จากค่าโฆษณาถ่ายทอดผ่านดาวเทียม และเคเบิลทีวียูบีซี โดยตอนหลังได้มีการชักชวนนายสนธิ ลิ้มทองกุล เข้าร่วม จนกระทั่งต่อมาเอเอสทีวีถูกถอดออกจากยูบีซีด้วยเหตุผลบางประการนายสนธิ ลิ้มทองกุลจึงหันมาปรับเปลี่ยนรูปแบบโดยมีกลุ่มเป้าหมายคือคนไทยที่อยู่ต่างประเทศจากนั้นช่วงที่เกิดวิกฤติการเมืองในประเทศสมัยรัฐบาลทักษิณ นายสนธิได้อาศัยเอเอสทีวีโจมตีอดีตนายกฯและพรรคพวกตามที่หนังสือพิมพ์ได้อ้างไว้ จนเมื่อปลายปีทางกรมประชาสัมพันธ์มีความพยายามที่จะสั่งปิดเอเอสทีวีด้วยข้อกล่าวหาที่ว่าขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายวิทยุโทรทัศน์แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทำได้ ปัจจุบันนายสนธิลิ้มทองกุลได้แบ่งสันปันส่วนขายหุ้นให้กับนายทุนทั่วไปเนื่องจากเหตุผลที่ธุรกิจอื่นๆในเครือผู้จัดการต้องแบกภาระหนี้สะสมมาหลายปี ถัดจากนั้นไม่นานก็ได้มีสื่ออีกช่องหนึ่งที่นำเสนอตัวเองผ่านทางเคเบิ้ลทีวีด้วยชื่อว่า พีทีวี(PTV หรือ People's Television) โดยการนำของนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจักรภพ เพ็ญแขและคนอื่นๆซึ่งตอนแรกวางเป้าหมายไว้ว่าจะออกอากาศเมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมาแต่ไม่สามารถออกอากาศได้เนื่องจากทางกสท.ไม่เชื่อมต่อสัญญาณให้แต่ในที่สุดพีทีวีก็สามารถนำเสนอรายการออกอากาศได้โดยใช้ชื่อว่าเพื่อนพ้องน้องพี่ พีทีวีเพื่อประชาชน โดยมีเนื้อหาโจมตีคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)และประธานองคมนตรี หากสังเกตให้ดีเราจะพบว่าผู้บริหารของพีทีวีนั้นมีความสัมพันธ์กับพรรคการเมืองทั้งสิ้นซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนของพรรคไทยรักไทยและในปัจจุบันพีทีวีก็กำลังเผชิญภาวะวิกฤติทางการเมืองเช่นกัน เราจะเห็นได้ว่าสื่อทั้งสองนั้นไม่ได้เป็นสื่อที่บริสุทธิ์สาเหตุที่ผมพูดอย่างนี้ก็เพราะว่าทั้งเอเอสทีวีและพีทีวีนั้นมีคนข้างหรือคนมีฝ่ายคุมบังเหียนอยู่ โดยทางเอเอสทีวีก็มีนายสนธิคอยโจมตีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรส่วนทางพีทีวีก็มีแกนนำทั้ง 6 คน คอยให้การสนับสนุนอดีตนายกฯ ตกลงจุดมุ่งหมายในการสร้างสื่อที่แท้จริงของทั้งสองคืออะไรกันแน่? ผมไม่รู้ไม่ว่าคำตอบมันคืออะไรแต่ที่รู้ก็คือ ทั้งสองสื่อกำลังเผชิญวิกฤติอย่างหนักที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ทั้งวิกฤติทางการเมือง กฎหมายและสังคม แต่ปัญหาที่พวกเขากำลังปะทะอยู่นั้นมันไม่ได้อยู่แค่องค์กรเขาเท่านั้นแต่หากมันกำลังลุกลามกลายเป็นปัญหาของชาติที่ทุกฝ่ายต่างกำลังร่วมแก้ปัญหาซึ่งตกลงแล้ววิกฤติสื่อนี้คือวิกฤติของเขาหรือของใคร ขอขอบคุณรูปภาพ - //www.thaibja.org อืม...ท่าทางเครียดแฮะ..
โดย: ^^Ken-Ju***Pu-Jung^^ วันที่: 15 กรกฎาคม 2550 เวลา:22:59:51 น.
วิกฤติของสื่อนี้ คือวิกฤติที่พวกเขาสร้าง สื่อควรทำตัวเป็นกลาง แต่ในสภาวะบ้านเมืองถึงจุดแตกหักเช่นนี้คงหาความเป็นกลางที่แท้จริงได้ยาก
โดย: วลีรมย์ วันที่: 16 กรกฎาคม 2550 เวลา:12:42:00 น.
ตั้งสติให้ดี
แล้วเขียนประเด็นนี้ใหม่ เพราะ.... จากสิ่งที่ปรากฎข้างบนนี้ มันยังไม่ได้แสดงจุดยืนของเราออกมาต่อปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจาก... ข้อมูลที่มาของ 2 องค์กรที่เราสืบค้นมา เปี๊ยกทำได้ และคุณครูตัวกลมเชื่อว่า.... "เปี๊ยกทำได้" โดย: คุณครูตัวกลม IP: 203.131.213.186 วันที่: 16 กรกฎาคม 2550 เวลา:23:53:40 น.
สู้นะเพื่อน เดวมาอ่านวันหลัง
โดย: อัศวินม้าไม้ (V18 ปุยฝ้าย) (กล่องความทรงจำ ) วันที่: 17 กรกฎาคม 2550 เวลา:23:29:49 น.
ปัจจุบันสื่อกลายเป็นสนามรบทางการเมืองไปแล้ว...แย่จัง...บ้านเมือง
โดย: junaka วันที่: 18 กรกฎาคม 2550 เวลา:22:53:52 น.
เครียดชิหายเล่อะ ช่างมันเหอะจะเป็นไง สุดท้ายเราก็ตาย มันก็ตายใครก็ตาย ถึงชื่อจะถูกจารึกไว้ แล้วมันดีตรงไน๋ ห่วงตัวเองบ้างน่ะ
โดย: ชิง งูพิษ IP: 124.121.30.237 วันที่: 24 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:05:18 น.
ใครเอา...
งูพิษนี้ออกไปที โดย: คุณครูตัวกลม IP: 203.131.213.194 วันที่: 26 กรกฎาคม 2550 เวลา:0:23:04 น.
|