เงินๆ ทองๆ คำถามที่ต้องตอบก่อนใช้ชีวิตคู่ !?! คำว่ารักแพ้ระยะทาง ดูจะเชยไปแล้ว เพราะสถิติการหย่าร้างของคู่รักยุคนี้ มีอยู่ว่า 90% เลิกรากันเพราะปัญหาเรื่อง เงินๆ ทองๆ สาวๆ คนไหน ที่กำลังตัดสินใจเซย์ เยส เมื่อหนุ่มคนรักขอแต่งงาน ควรไตร่ตรองถึงปัญหานี้ก่อนเป็นสำคัญ และที่สำคัญ อย่ามัวเกรงใจที่จะถามไถ่ถึงการวางเผนเรื่องเงินๆ ทองๆ ของคนรัก ถ้าจะให้ดี ลองตั้งคำถามเกี่ยวกับการเงิน และช่วยกันตอบให้เคลียร์ก่อนตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ ซึ่งหากตอบคำถามร่วมกันได้หมด เชื่อแน่ว่า ปัญหาเศรษฐกิจในครอบครัว จะไม่มาพรากความรักของคุณได้แน่ ใครหนอที่จะจัดการเรื่องเงิน ? เป็นคำถามแรกของคู่รัก ที่กำลังจะตัดสินใจแต่งงาน และยังเป็นคำถามที่ทั้งคู่ต้องร่วมกันตอบ เพราะหากร่วมหอลงโรงกันแล้ว รายได้และทรัพย์สิน หลังจากแต่งงาน จะตกเป็นของกองกลางทันที ดังนั้น การจัดการดูแลเรื่องรายได้ รายจ่าย และหนี้สิน จึงต้องได้รับการจัดการและร่วมกันปรึกษาของคนทั้งคู่ เพื่อไม่ให้ขาด-เกิน หรือเป็นหนี้จนต้องเดือดร้อนพ่อแม่ ฉันต้องไปทำงานด้วยไหม ? ผู้หญิงหลายคนตัดสินใจลาออกจากงาน มาดูแลบ้าน สามี และเตรียมตัวมีลูก โดยยึดแต่รายได้ของสามีมาจุนเจือครอบครัว จนลืมนึกถึงชีวิตส่วนตัว ทำให้กิจวัตรหลายอย่าง เช่น การชอปปิ้ง จิบกาแฟกับเพื่อน เป็นเรื่องแค่วันวาน เนื่องจากไม่มีรายได้เพียงพอกับค่าน้ำหอมขวดหรู ดังนั้น อย่าลืมว่า การหยุดทำงาน คือการไม่มีรายได้ ถึงจะให้คอยเจียดเงินจากค่าใช้จ่ายที่สามีจุนเจือ ก็คงต้องเก็บอีกนาน แต่หากเลือกไม่ได้ ที่จะต้องลาออกจากงาน ก็ควรทำประกันสังคม หรือประกันชีวิตไว้ เพราะผู้หญิงน่ะอายุยืนกว่าผู้ชาย จริงไหม... รายได้ต้องหารครึ่งไหม ? รีบตกลงกันก่อนจะต้องมาทะเลาะกันว่า ใครจะจ่ายค่าไฟเดือนนี้ วิธีง่ายๆ ในการบริหารค่าใช้จ่ายในบ้าน คือการเปิดบัญชีรวม โดยหาจากเปอร์เซ็นต์รายได้ของคุณแต่ละคน ซึ่งดูจะเป็นธรรมมากที่สุด แต่สาวๆ คนไหน ที่บริหารเสน่ห์เก่ง จนทำให้สามีแชร์เงินมาไว้กองกลางมากกว่าคุณก็ทำได้ แต่ที่สำคัญ !อย่าลืมแยกบัญชีส่วนตัว เพื่อคุณจะได้มีเงินเก็บและมีเงินใช้ส่วนตัวด้วยล่ะ ค่าใช้จ่ายต้องมีลิมิตเท่าใด ? แม้คุณจะเหลือเงินเพิ่ม เพราะมีคนมาช่วยแชร์ค่าใช้จ่าย แต่ทั้งคู่ก็ควรตกลงกันว่า ในแต่ละเดือนควรมีงบประมาณในการใช้เงินเท่าไหร่ โดยเฉพาะ การใช้บัตรเครดิต ที่ต้องมีการบริหารจัดการที่ดี ก่อนที่จะเป็นหนี้กองโต ต้องลำบากห้คนรักมาช่วยสะสาง ต้องช่วยสะสางหนี้ของคนรักด้วยไหม ? หากแฟนหนุ่มดันมีหนี้ก้อนโต ก่อนมาขอคุณแต่งงาน อันนี้ก็ต้องรีบสะสางกันก่อนจะเซย์ เยส เพราะตามหลักจริยธรรม คุณก็ต้องเข้ามาร่วมปลดหนี้กับเขาด้วย ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือ ทั้งคู่ควรปลดเปลื้องหนี้ของแต่ละคนให้หมด ก่อนที่จะมาร่วมสร้างหนี้ด้วยกันใหม่ คุยกันก่อนดีไหม ว่าอนาคตการเงินทั้งคู่ จะเป็นอย่างไร ? ส่วนมากผู้ชายสไตล์ติสต์ จะไม่ค่อยคิดวางแผนการเงินเท่าไหร่ ดังนั้น ใครไม่ได้มีแฟนเป็นนักธุรกิจ ควรคุยกันเรื่องอนาคตการเงินสักหน่อย แต่หากไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร คู่รักสามารถปรึกษาและวางแผนครอบครัวกับผู้เชี่ยวชาญก่อน ดีกว่าปล่อยชีวิตให้แขวนบนเส้นด้าย และต้องหาเช้ากินค่ำยันแก่ เมื่อร่วมกัน ตอบคำถามเหล่านี้ได้แล้ว ทีนี้ ก็ถึงเวลา เซย์ เยส !!! |
บทความทั้งหมด
|