Plain Parantha กรอบนอก นุ่มใน ใครกินก็รักกัน
Satsriakal (สัต ศรี อกาล) Namaste (นมัสเต) Assalamu Alaikum (อาสซาลาม อูอไลกุม)

ยกมาทั้ง 3 ศาสนาในอินเดียเลยค่า
Satsriakal นี่ของคนซิกข์, ส่วน Namaste คนฮินดู และ สุดท้าย ก็ของชาวมุสลิม


ถึงความเชื่อ และการนับถือปฏิบัติจะแตกต่างกัน แต่คนอินเดียโดยรวมก็อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ความที่อินเดียเป็นประเทศใหญ่ ประชากรมหาศาลประมาณ 1.2 พันล้านคน


แม้ว่าจะมีประชากรฮินดูเป็นพลเมืองส่วนใหญ่ของประเทศ คือประมาณ 80.5% หรือเกิน 800 ล้านคน แต่ประชากรมุสลิมในอินเดียก็มีมากถึงราว 160 ล้านคน หรือราวร้อยละ 13.4 ของประชากรอินเดียทั้งประเทศ


จึงนับได้ว่า อินเดียมีจำนวนประชากรมุสลิมมากเป็นอันดับสามของโลกรองจากประเทศอินโดนีเซียที่มี 202 ล้านคน และยังมีจำนวนประชากรมุสลิมมากใกล้เคียงกับประชากรมุสลิมอย่างปากีสถานซึ่งเป็นประเทศมุสลิมอีกด้วย (ประชากรมุสลิม 174 ล้านคน คิดเป็น 96.3% ของประชากรทั้งประเทศ)


เอ่อ...เกริ่นเรื่องนี้มาทำไม.... เปล่า วันนี้ไม่ได้จะมาสอนภาษา ไม่ได้จะมาคุยเรื่องศาสนา แต่แค่อยากจะบอกว่า ประชากรทั้งหลายทั้งปวงในอินเดีย ที่นับถือศาสนาหลากหลาย ต่างมีความภาคภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนอินเดีย


พวกเขารักในความเป็นอินเดีย รักวัฒนธรรม และรากเหง้าของตนเอง รวมทั้ง รักชาติ เป็นอย่างมาก จะว่าคนอินเดีย คลั่งชาติกึ่ง ๆ ก็ได้ ...... ธงชาติ เป็นสิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นความรักชาติ


ที่เห็นเด่นชัดที่สุด ก็คือ ในสนามกีฬา...โดยเฉพาะกีฬาคริกเก็ต คนอินเดียจะไปดูกันแน่น ไปเป็นกำลังใจให้ผู้เล่น และไปยืนยันความเป็นชาติที่เข้มแข็ง


แม้บางคนจะคิดว่า อ้าว....ทีมชาติตัวเองแข่ง ใครก็ต้องไปเชียร์ แต่นอกจากคนอินเดียจะไปเชียร์และดูกีฬาที่ตนเองชื่นชอบแล้ว พวกเขายังมุ่งเน้นไปผนึกกำลังเพื่อแสดงตัวตนที่แท้จริง นั่นคือ Bharat (คนไทยอ่านว่า ภารตะ) หรือ บหารัต ที่พวกเขาภูมิใจนักหนา


คนอินเดีย....จะถูกปลูกฝังให้รักชาติ แม้พวกเขาจะถือศาสนาต่างกัน และแม้พวกเขาจะเป็นคนอินเดียที่เกิดอยู่โพ้นทะเลก็ตาม


เวลาทีมอินเดียตระเวนแข่งคริกเก็ตที่ไหน คนอินเดีย (สัญชาติอื่น) ก็จะโผล่มาไม่น้อยกว่าครึ่งสนาม ใส่เสื้อทีมอินเดีย โบกธงทีมอินเดียกันอย่างคึกคัก เรียกว่า ผู้เล่นนั้นอบอุ่นทุกที่ที่ไป


อีกอย่างที่อดชื่นชมคนอินเดียไม่ได้คือ... เมื่อคนอินเดียพบกัน ไม่ว่าในต่างประเทศหรือที่ไหน เมื่อทักทายนิดหน่อยแล้ว เขาจะพยายามคุยภาษาของคนอินเดียกัน และคนอินเดียยิ้มให้กัน ช่วยเหลือแนะนำกันได้ แม้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน


ทำให้นึกย้อนกลับมาว่า เวลาเราเจอคนไทยในต่างประเทศ ทำไมเรารู้สึกเหมือนกับว่าเป็นตัวประหลาด เขาไม่อยากจะยิ้มจะทักทาย หรือพูดคุยกับเราเลย


ดูใบหน้าผู้หญิงไทยที่เคยเจอในต่างประเทศที่มองคนไทยด้วยกันเอง ช่างแห้งแล้ง ขาดรอยยิ้ม เสียเหลือเกิน ยิ้มเก้อมาหลายรอบแล้ว


ไม่ได้มาเยินยอคนอินเดีย แต่เท่าที่พบมา .... เวลาเดินทางไปต่างประเทศกับสามี แล้วเจอคนอินเดียด้วยกัน พวกเขาจะเข้ามาทัก มาพูดคุย กับสามีและเราตลอด ถึงแม้ไม่ทัก ก็ยิ้มให้ .... หรือบางคนก็อมยิ้ม เวลาเห็นสามีเราอ่านหนังสือภาษาฮินดี ขณะอยู่บนเครื่องบิน


เมื่อประมาณ 6-7 ปีก่อน บังเอิญคนรู้จัก ของสามี คิดอยากจะทำธุรกิจส่งคนอินเดียไปทำงานในยุโรป กับอเมริกา แต่เค้าก็ไม่ได้รู้แนวทางจริง ๆ หรอก เพียงแค่ไปโฆษณาชวนเชื่อ พาคนจากทางปัญจาบมาตั้งเกือบสิบชีวิต


ผู้ชายหนุ่ม ๆ พวกนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความฝันเลยทีเดียว ว่าจะต้องได้ไปอยู่ในประเทศที่เจริญ มีงานดี ๆ ทำ มีเงินส่งให้ทางบ้านได้ บางคนต้องกู้หนี้ ยืมสิน ขายไร่นาที่มีอยู่ เอามาเป็นค่าเครื่องบิน ค่านายหน้า ค่าใช้จ่าย ที่นายหน้าอ้างว่า ต้องมาพักอยู่ประเทศอื่นก่อน เพื่อให้วีซ่าผ่าน เพื่อความน่าเชื่อถือ


นายหน้าคนนี้ พาสามีกับเราไปพบเพื่อนหน้าใหม่ เขาเช่าห้องโรงแรมแห่งหนึ่งในย่านพาหุรัด ไม่เล็กนัก แต่อยู่กันเกือบสิบคน ทำน้ำชา หุงข้าวกันอยู่บนนั้น นอนรอความหวังและเวลาจะบินไปต่างประเทศ บางคนรอไม่ไหวก็กลับบ้าน แต่บางคนอยู่นาน จนได้พบกับผู้หญิงไทย และแต่งงานกับคนไทย เลย


สามีกับเราเทียวไปเยี่ยม 3-4 ครั้ง คอยพูดคุยให้พวกเขาคลายเหงา คลายเครียดได้บ้าง


แต่ลึก ๆ เราก็รู้ว่า คนกลุ่มนี้ ไม่น่าจะมีโอกาสได้ไปต่างประเทศอย่างที่ฝันหรอก แต่ก็คอยช่วยเหลือ หอบหิ้วขนมนมเนยไปฝากเขาบ้าง ในฐานะมาจากอินเดียเหมือนกับสามี เข้าใจความลำบาก ความคิดถึงบ้านที่เขาน่าจะมีอยู่ได้อย่างไม่ยากนัก


สุดท้าย.... นายหน้ากลับไป ไม่ได้ติดต่อกลับมาอีก บางคนที่คิดลงหลักปักฐานอยู่เมืองไทย ก็กลายมาเป็นเพื่อนของสามีจนถึงทุกวันนี้


จะว่าไปก็เหมือนบุพเพสันนิวาส หรือ โชคชะตา ที่ลิขิตเอาไว้แล้วว่า เขาต้องมากินข้าวที่เมืองไทยไง.... เหมือนเรา หรือเพื่อน ๆ ที่ได้เดินทางไปโน่นมานี่


สามีเราเคยบอกว่า ข้าวทุกเม็ดมีชื่อเขียนไว้แล้ว ถ้ามันมีชื่อเราเขียนอยู่ ยังไงเราก็ต้องได้เดินทางรอนแรมไปกินมันอยู่ดี ไม่ว่าจะไกลแค่ไหนก็ตาม.....


อู้หู.....ซึ้งนะเนี่ย เอ๊ะ...แล้วแป้งโรตีล่ะ มีชื่อไหม น่าจะมีนะ แต่ยังไงซะ เมื่อคุณได้ลองกินโรตีแล้ว ก็ขอให้คุณรักมัน และได้พลังรักชาติ (ไม่ว่าจะชาติไทยหรืออินเดีย) จากโรตีด้วยนะ ..............


เอ้า... บ่นเรื่อยเปื่อยพอแล้ว เพื่อน ๆ พี่ ๆ อย่าเพิ่งเบื่อน๊า มาดูเค้าทำโรตีกันก่อน


เนื่องมาจากคุณ aLi ได้เขียนมาถามเรื่องการทำ Parantha (พะรันธ่า) ว่าจะทำให้เป็นชั้นได้อย่างไร วันนี้ พัชเลยถือโอกาสทำมาให้ดูกัน


Parantha นั้น เป็นโรตีชนิดหนึ่ง แต่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ ระหว่างการปิ้ง Parantha มีทั้งแบบยัดไส้ ซึ่งเคยทำให้ดูไปแล้วก่อนหน้านี้ เป็นไส้มันฝรั่ง และแบบไม่มีไส้ แต่ก็จะมีการทาน้ำมันไว้ข้างในด้วย


บางคนนวดแป้งใส่น้ำอย่างเดียว แต่อยากเพิ่มรสชาติให้ parantha ก็จะใส่น้ำมันแล้วโรยเกลือลงไปนิดหน่อย แต่บางคนอยากกินของหวาน หาอะไรไม่ได้ ก็ทำ parantha นี่แหละค่ะ เสร็จแล้ว โรย ghee เยอะ ๆ โรยน้ำตาลทรายตบท้ายอีกหน่อย ขยำ ๆ ให้มันเข้ากัน กินเป็นของหวานแก้ขัดได้


แหม....นี่ถ้าคนอินเดียเค้ามีนมข้นหวานแบบบ้านเรา คงได้โรยนมข้นหวานกันอร่อยเหาะไปเลย


เอาหละ .... วันนี้จะทำ Parantha แบบธรรมดา หรือ Plain parantha ทำยังไงมาดูกันค่ะ





ขั้นตอนแรก นำแป้งอัตตาใส่กะละมังที่จะนวด ที่เห็นในรูปนี่ มีเมล็ด ajwain ด้วย ใส่ลงไปนิดนึง เพราะทำให้ลูกสาวกิน ajwain จะช่วยทำให้ย่อยง่าย ไม่หนักท้องสำหรับเด็ก แต่ถ้าใครไม่มี ไม่ต้องใส่ก็ได้จ้า เติม ghee ลงไปนิดหน่อย เกลือนิดหน่อย


พัชนวดแป้ง 2 ทัพพี ใช้น้ำประมาณครึ่งแก้ว แต่.....เพื่อน ๆ ควรจะกะเอานะคะ ใส่น้ำลงไปแล้วตะล่อมแป้งลงมานวด เอาประมาณว่า อย่าให้มันฝืด ถ้ากลัวใส่น้ำมากเกินไปให้ใช้เทน้ำใส่อุ้งมือ หรือเอามือชุบน้ำมาค่อย ๆ นวดก็ได้


กวาดแป้งที่ติดกะละมัง มาไว้ที่ก้อนแป้งให้หมด ถ้ารู้สึกแป้งจะแหยะไปหน่อย ไม่เป็นไร ไม่ต้องตกใจ อย่าเพิ่งไปเติมแป้งแห้ง.... ให้นวดต่อไปเรื่อย ๆ โดยค่อย ๆ เติม ghee ทีละนิด นวดไป จนกว่าจะได้แป้งที่นิ่มนวล ไม่ติดมือ อย่าลืมใช้สันมือกดช่วยด้วย





เสร็จแล้ว แป้งที่ได้จะเนียนนุ่ม ไม่ติดมือ นำแป้งออกใส่ถ้วยไว้ เอาผ้าปิดกันลมด้วย พักแป้งอย่างน้อย 15 นาที ให้แป้งหายใจก่อน (อิอิ)


ก่อนทำการคลึงโรตี ให้นำ Tava (ตาว๊า) กระทะเหล็กหนา ๆ กลม ๆ เกือบแบน วางบนเตาแก๊สก่อน โดยใช้ไฟปานกลาง เกือบแรง แล้วจึงค่อยหันมาจัดการกับแป้ง พอคลึงแป้งแผ่นแรกเสร็จ เตาก็น่าจะร้อนพอดีกัน





แบ่งแป้งออกมาพอประมาณ ขนาดซักเท่าลูกปิงปอง คลึงให้กลมและแบน หาถ้วยใส่แป้งแห้ง วางไว้ข้าง ๆ นำแป้งกลมแบนลงชุบ แล้วนำมาวาง ใช้ฝ่ามือกดให้แบนอีก





ใช้ไม้คลึงแป้ง คลึงไล่ คอยกลับด้านไปด้วย เพื่อให้คลึงเท่ากันทุกด้าน ขยายแป้งให้ได้กว้างประมาณฝ่ามือ แต่อย่าให้บางมาก เดี๋ยวต้องใส่น้ำมันก่อน ตักน้ำมันนิดหน่อยโรยลงบนแผ่นแป้ง ละเลงให้ทั่ว





เริ่มพับ โดยแบบแรก เป็นรูปสามเหลี่ยม ให้พับครึ่ง ทบลงมาเลย





พับอีกครึ่งนึง ได้สามเหลี่ยมประมาณนี้ นำลงชุบแป้งแห้งอีกครั้ง แล้วนำมาคลึงด้วยไม้ ขยายออกให้มากที่สุด ที่สำคัญให้เท่ากันทุกด้าน อย่าให้ด้านใดด้านหนึ่งบางกว่า และอย่าให้บางจนเกินไป เดี๋ยวทะลุ





เอาแบบสี่เหลี่ยมบ้างนะ เมื่อคลึงแป้งได้วงกลมพอประมาณแล้ว ให้พับลงมา 1/3





พับอีกทบ ได้เป็นยาว ๆ แบบนี้





พับเข้ามา 1/3





ทบให้บรรจบกันให้สนิท ชุบแป้งแห้ง แล้วคลึงด้วยไม้





แผ่นแรกที่เป็นสามเหลี่ยม คลึงแล้ว หน้าตาออกมาแบบนี้ วางบน Tava ที่ร้อนได้ที่





ส่วนอันนี้ แบบสี่เหลี่ยม





ไฟร้อน ๆ วางลงไปแค่ไม่เกิน 10 วินาที ก็กลับเอาด้านที่สองลงปิ้งได้ ไม่ต้องให้สุกหมด





เมื่อกลับแล้ว ให้ปิ้งด้านที่สองให้สุกทั่วทั้งแผ่น โดยใช้นิ้วโป้ง ชี้ และกลาง เขี่ย และคีบ คอยตะแคงแผ่นแป้งดู เมื่อสุกทั่วแล้ว ให้ทาน้ำมันลงบนแป้งด้านแรกซึ่งอยู่ข้างบน (ด้านที่สุกไม่ทั่ว)





พลิกด้านที่ยังสุกไม่หมดลงไปปิ้งอีกครั้ง แล้วทาน้ำมันด้านที่สุกหมดให้ทั่ว ใช้ตะหลิว ช่วยกดให้แป้งนาบกับ Tava จะได้ร้อนทั่ว และสุกเร็ว





โรตีสุกหมดทั้งสองด้าน และทาน้ำมันทั้งสองด้านแล้ว





ตัก ghee ใส่ลงไปซักครึ่งช้อนชา ทาให้ทั่ว เพิ่มความหอม


ตอนที่ปิ้งแผ่นแรก ก็ลงมือแบ่งแป้งมาทำแผ่นที่สองต่อ ทำไปเรื่อย ๆ มันจะได้เสร็จทันกัน Tava ไม่ว่างนานเกินไป


ผู้หญิงที่อินเดียพอใส่ ghee เสร็จ บางคน เอา Parantha วางบนผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ ห่อแล้วบีบ ให้ ghee กระจายไปทั่ว ๆ แผ่นแป้ง ทั้งด้านในด้านนอก เพิ่มความอร่อยให้กับ Parantha แต่บางคนบีบด้วยมือเปล่า ๆ อูย.... หวาดเสียวแทน ทำกันจนมือด้านไปเลย


ที่สำคัญ คนอินเดีย ทำแผ่นต่อแผ่น ทำไป เสิร์ฟไป ไม่ทำเก็บไว้เยอะ ๆ แล้วเสิร์ฟทีเดียว แต่อย่างว่า เค้าทำกันเร็วนิ อย่างเรา ถ้าสามีกับลูกกินกันแค่นั้น ก็พอทำได้ แต่ถ้ามีคนนั่งรอซัก 3-4 คนอย่างนี้ ก็ทำให้หม้อไว้เหมือนกัน





กอง Parantha เกรียม ๆ พร้อมเสิร์ฟ หอม ghee กรอบนอก นุ่มใน อยากลองไหมเอ่ย???



Create Date : 15 มีนาคม 2553
Last Update : 16 มีนาคม 2553 16:43:43 น.
Counter : 8909 Pageviews.

11 comments
  
คนเดิม และคนเดียวที่ตามมาชิม กรูเองหะโหน่งมาแว๊ว น่ากินอีกแว๊วครับท่าน
โดย: หะโหน่งมาแว๊ว IP: 83.79.46.155 วันที่: 15 มีนาคม 2553 เวลา:21:14:19 น.
  
main hoon na and wait for u.

จุ๊บๆ คิดถึงนะน้องสาว
โดย: หนูเอียด IP: 180.183.233.248 วันที่: 15 มีนาคม 2553 เวลา:23:32:14 น.
  
น่าอร่อยค่ะ.... ทำทานบ่อยเหมือนกันค่ะ ....
โดย: Macchiato วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:1:00:08 น.
  
หะโหน่ง เพื่อนรัก parantha นี้ โหน่งเคยกินแล้วไง เพื่อนทำไปให้กับแกงอะไรซักอย่าง ตอนเราเจอกันที่ท็อปส์ ปีก่อนนู้น จำได้ป่าว

จุ๊บ ๆ พี่หนูเอียด เลี้ยงหลานหนุกไหมพี่ ทำอาหารอินเดียทานทุกวันหรือเปล่าคะ คิดถึงทุกคนเหมือนกัน จะมาให้บ่อยขึ้นค่า

คุณ Machiato เอามาแบ่งกันทานบ้างสิคะ ไม่รู้คุณ Machiato อยู่ ณ มุมไหนของโลกคะ ของหาซื้อง่ายหรือเปล่า ทำอาหารอินเดียทานทุกวันไหมเอ่ย??? ส่วนพัช ทำอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง แล้วแต่ลูกสาวจะบอกว่าจะกินอะไร

บางทีลูกสาวก็อยากกินไข่เจียว อยากกินพิซซ่า ก็จัดให้ตามที่เค้ารีเควสต์มา สลับ ๆ กันไป
โดย: พ็อบเบิ้ล วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:9:18:23 น.
  
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ มาแบ่งปันนะคะ
สำหรับตัวหม่อนเอง หม่อนก้อเข้าใจว่าทางปากีสถานน่าจะมีประชากรมุสลิมเยอะกว่าค่ะ
โดย: ซามอ วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:10:55:57 น.
  
น่าทานดีคะ จานสุดท้ายขอละกัลลลลล
โดย: แม่อ้วนใจดีที่สุด วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:15:48:09 น.
  
คุณซามอคะ เอาใหม่ค่ะ...มึน....คิดว่าเช็คแล้วเช็คอีก....ไหงเขียนพลาดไปได้ ขอบคุณที่เข้ามาชมบล็อกนะคะ พัชเลยได้เข้าไปเช็คข้อมูลใหม่อีกหลายรอบ แก้ไขแล้วค่ะ อ่านอีกที คราวนี้ไม่สับสนแล้วจ้า (ขออภัยอีกครั้ง...ขอน้อมรับผิดค่ะ)

คุณแม่อ้วนใจดีที่สุด...ถ้าไม่กลัวอ้วน ก็เอาไปหมดนั่นแหละค่ะ เค้ามีเยอะ อิอิ
โดย: พ็อบเบิ้ล วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:16:50:56 น.
  
น่ากินจัง

แบบนี้ไม่เคยกินเลยค่ะ
โดย: - Porfai - วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:21:57:32 น.
  
ชอบมากมายเลยค่ะ
ทานเป็นอาหารเช้า ดืมชาแค่นี้ อยู่ได้ทั้งวัน อิ่มทน อิ่มนานนนนsrc=https://www.bloggang.com/emo/emo6.gif>
โดย: alishaaaliah วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:23:21:33 น.
  
น่ากินจังค่ะ อยากตอกไข่ใส่ด้วยจัง อิๆ
โดย: ClayAnn วันที่: 17 มีนาคม 2553 เวลา:11:27:57 น.
  
คุณ -porfai- ต้องลองค่ะ

คุณ alishaaaliah สรุปแล้ว เราทำเหมือนกันไหมคะ....ท่าทางคุณจะทานน้อย เพราะอิ่มทั้งวัน ส่วนลูกสาวพัช ชอบมาก กินกับแกงอาลู หรือแกงปะนีร์ ได้ตั้งครั้งละ 3 แผ่น....แถมกินผลไม้ตบท้ายได้อีก....จ๊าย 4 ขวบเองนะ

คุณ ClayAnn แห่ะแห่ะ จะกินมะตะบะเหรอคะ ?? เคยเห็นเชฟคนญี่ปุ่นเอาแผ่นโรตีสำเร็จมาทำเมนูไข่เจียวด้วย แบบว่าเจียวไข่ (ใส่ผัก กับ เนื้อสัตว์) แล้วเอาแผ่นโรตีโปะลงไป พลิก แล้วเอาอีกแผ่นโปะอีกด้าน เป็นแซนด์วิชโรตีค่ะ
โดย: พ็อบเบิ้ล วันที่: 17 มีนาคม 2553 เวลา:13:19:03 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Nuumali.BlogGang.com

พ็อบเบิ้ล
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]